“ใช่ พี่มันคนไร้สัจจะ และสัจจะไม่มีในหมู่คนเลวหรอกนะทูนหัว อ่า...” เขาลากลิ้นฉ่ำแฉะผ่านร่องอกอวบอูม มันเหมือนใหญ่ขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่จะเล็กจะใหญ่ยังไงมันก็คือคำเอื้อง และเขาก็ชอบที่ได้สัมผัสคลอเคลียถูไถเคราสากไปกับร่องอกอวบอูมของสาวเจ้า
“คุณมันเลว! อะ...อุ๊ย!”
“อ่า…ใช่ พี่เหมมันเลว อ่า…ไม่ไหวแล้ว คิดถึงตรงนี้เหลือเกินเอื้องของพี่ อื้ม…”
แล้วเขาก็ลากลิ้นผ่านหน้าท้องมาหยุดตรงความโหนกนูนของหญิงสาว ดวงตาสีทมิฬจดจ้องความอวบนูนที่มีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมและนั่นแหละคือเสน่ห์ที่ยั่วยวนเขาจนทำให้เขาไม่สามารถตื่นตัวกับผู้หญิงคนอื่นได้ ร่างกายของที่พรั่งพร้อมรบกับผู้หญิงทุกคนก็เปลี่ยนเป็นต้องการปรารถนาแค่คนตัวเล็กที่กำลังครางกระเส่าบิดส่ายต่อหน้าตนตอนนี้
“อยากได้เหลือเกิน อื้ม...” แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปซุกซบสูดกลิ่นกายของคำเอื้องเข้าเต็มปอดตัวเอง สองมือสากกร้านก็เคลื่อนผละจากหน้าอกอวบอูมทั้งสองมาจับเรียวขาเล็กยกกว้างเปิดทางให้ตัวเองได้ดอมดมกลืนกินน้ำเสียวของคนตัวเล็ก
“อ่า...อื้อ” สองมื
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว “ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า “ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ‘รัก’ใคร และคิดจะ‘แต่งงาน’แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
กองบินมาถึงหน้าบ้านของคำเอื้องในตอนบ่ายสามโมงกว่า พอมาถึงก็กดออดหน้าบ้านจนสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ ในตอนแรกสาวใช้ไม่ยอมให้เข้ามานั่งรอในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาตอนไหน แต่กองบินยืนยันว่าจะรอเธอจนกว่าจะกลับจึงได้เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ กองบินเดินดูรูปถ่ายที่ตั้งโชว์ เป็นรูปของคำเอื้องตอนเด็ก และข้างๆ ก็มีพ่อของหญิงสาว ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน ข้างๆ คำเอื้องมักมีพ่อตลอด เขาพอรู้มาบ้างว่าเธออยู่กับพ่อ “น้องเอื้องติดป๊าคำสิงห์ค่ะ” สาวใช้ยกน้ำและขนมของว่างเข้ามาให้แขกเอ่ยบอกเมื่อเห็นแขกจับกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาดู “ขอบคุณครับ” กองบินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็วางกรอบรูปในมือลงแล้วเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มแล้วมองน้ำและขนมของว่างตรงหน้าตัวเองแล้วดันจานขนมออกห่างเมื่อรู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้จะอาเจียน “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหน” กองบินถามสาวใช้ที่กำลังจะเดินจากไปไกล
คำเอื้องมองตามสายตาพ่อแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ ก็เธอเข้าครัวทีไร ครัวเละเทะพังทุกทีจนเดือดร้อนสาวใช้ในบ้านต้องมาเก็บกวาดกัน เสียเวลาเป็นชั่วโมง“แหะๆ หนูว่าแบบนั้นแหละป๊าคำสิงห์ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ที่นี้ก็ให้พี่ๆ เขาทำกัน”“อาทิตย์หน้าป๊าจะไปหาหมอกับหนูเอื้องนะ”“ป๊าไม่ต้องไปด้วยก็ได้ค่ะ งานที่โรงงานของเราก็เยอะ ป๊าไปทำงานเถอะค่ะ”“ได้ไงหนูเอื้อง ป๊าเป็นคุณตานะ ป๊าก็ต้องไปจดบันทึกเรื่องของเจ้าคลื่นของป๊าสิ” คำสิงห์ตั้งชื่อหลานว่า ‘คลื่น’ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะให้ชื่อนี้“ขอบคุณนะคะป๊า” เธอขอบคุณพ่อ“มันคือหน้าที่ของป๊าอยู่แล้วที่ต้องดูแลหนูกับหลาน อีกอย่างไม่ต้องคิดแทนป๊าว่าป๊าจะอายที่หนูท้องไม่มีพ่อ ป๊าไม่สนใจปากของชาวบ้านหรอก อีกอย่างชีวิตนี้ไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดบ้าง...ว่าไหม” คำสิงห์ประคองลูกสาวมานั่งในห้องโฮมเธียเตอร์ดูหนังรอทานมื้อเย็นกัน“หนูโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกสาวป๊าคำสิงห์กับแม่ตวงใจ”“ป๊ากับแม่เราก็โชคดีที่มีหนูเอื้องเป็นลูก เอาล่ะ ดูหนังอะไรดีวันนี้”“ตา
สามพี่น้องรวมตัวกันเมื่อที่เหมืองมีปัญหา และพี่ชายก็ถูกยิงอาการสาหัสจนแม่ที่อยู่ต่างประเทศต้องบินกลับประเทศมาดูแล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ตอนนี้กองพลหายดีกลับมาอยู่บ้านและตามหาใกล้รุ้ง ลูกสาวของคนงานในเหมือง สาวน้อยหนีไปพร้อมกับหัวใจของพี่ชาย คิดแล้วก็ตลกและน่าสมเพช! สิ้นดี เพราะไม่ใช่แค่กองพลเท่านั้น กองทัพเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนตัวเขาก็ให้คนเฝ้าบ้านของคำเอื้องที่ภูเก็ตและยังคงตามหาเธออยู่ตลอดจนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของหญิงสาว “หนูไปอยู่ไหนเอื้อง เอื้องพาลูกของเราหนีพี่ไปไหน ป่านนี้แล้วท้องเอื้องคงจะโตแล้ว สองเดือนแล้วที่เอื้องหนีพี่ไป” เขาพึมพำกับรูปถ่ายที่แอบถ่ายตอนเธอนอนหลับแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาต้องผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เตียงนอนนุ่มแล้วลุกไปเปิดประตู แอค!
มันช่างทรมานเหลือเกินตอนนี้ ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ไร้วี่แววของคำเอื้อง เขาให้นักสืบเอกชนตามหาก็เงียบ จนเขาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นึกเป็นห่วงทั้งเธอและลูก คิดถึงก็คิดถึง ตอนนี้สภาพของกองบินแทบดูไม่ได้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นจนทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่หนีไปดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเสยผมที่ยาวปกปิดหน้า ใช่...ตอนนี้ผมและหนวดเคราของเขามันไม่ได้ถูกดูแลมาเป็นอาทิตย์ หากไม่มองดีๆ สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตน เพราะนับวันยิ่งเหมือนโจรป่าเข้าไปทุกที“เชิญ!” พอเสยผมที่ยาวปิดหน้าไปด้านหลังแล้วก็อนุญาตให้ผู้อยู่หน้าประตูห้องเข้ามาในห้องแอค!เป็นผู้ช่วยของเขานั่นเองที่เคาะประตูห้อง และพอเปิดประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือแล้วส่งยื่นให้เจ้านายหนุ่ม“คนที่บ้านโทรมาครับคุณกองบิน”อือ!เขาครางรับแล้วก็รับโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้ามาคุยพร้อมโบกมือให้ผู้ช่วยอย่างวัฒน์ออกไป“เหมพูดครับ” พอนำโทรศัพท์มาแนบหูก็บอกทันทีว่าเป็นตน