แม้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้ "กองบิน" ถึงได้ "กระชาก" เธอเข้าห้อง การถูกคนแปลกหน้ากระชากฉุดเข้าห้องทำให้ "คำเอื้อง" ตกใจตื่นกลัว และยิ่งไปกว่านั้นมันก่อให้เกิดความรู้สึกซึ้งกับคนป่าเถื่อน หลังจากนั้นมีเรื่องราวมากมายตามมาจนทำให้เธอหนีไปพร้อมกับ "ลูก" ในท้อง... +++++++ “ยะ…อย่าค่ะ” เธอผลักกองบินออกห่าง แต่เขาก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม “ทำไมฮึ?” เขาก้มโน้มหน้ากระซิบข้างแก้มนวลของคนที่ตัวเองดันเข้าชิดผนังลิฟต์กระจกด้านหลังพร้อมอีกมือลูบไล้เรียวขาเล็กผ่านเนื้อผ้าที่ห่อหุ้ม “ยะ…อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด แถมเป็นลิฟต์กระจกอีก” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร้อมใจที่เต้นแรง “หึหึ...แต่วันนี้กล้องวงจรปิดมันไม่ทำงานน่ะสิ มาเถอะ กว่าจะถึงชั้นเจ็ดสิบสาม ฉันคงดำว่ายลึกในตัวเธอแล้วเด็กน้อย” แล้วปากหนาก็ทาบทับปิดกลืนเสียงค้านของเธอที่กำลังเอ่ยทันที พร้อมมือสากกร้านก็เริ่มเคลื่อนไหว
View Moreว้าย!
เดินอยู่ดีๆ ก็ถูกใครที่ไหนไม่รู้เปิดประตูห้องออกมาแล้วกระชากฉุดเธอเข้ามาในห้อง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็ว เธอถูกกระชากแขนเข้ามาในห้องมืดสนิทไร้แสงสว่างจนล้มลงไปกับพื้น พอจะดิ้นลุกหนีก็ถูกร่างใหญ่โตคร่อมทับกักกับพื้นจนไม่อาจดิ้นหนีได้
“ว้าย! อะ...อื้อ” ปากน้อยจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านนอกที่เดินผ่านไปมาให้ได้ยินเสียงตัวเองก็ถูกปากหนาบดกระแทกปิดปากจนเสียงร้องกลืนหายเข้าไปในลำคอ เท่านั้นไม่พอเรียวลิ้นน่ารังเกียจขยะแขยงก็ยังดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเธอ แถมยังไล่ต้อนลิ้นเธอจนจนมุมไร้ทางหนีแล้วตวัดเกี่ยวรัดคลึงอย่างอุกอาจ
“อะ...อื้อ” เธอดิ้นขัดขืนทุบตีไหล่กว้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อเขานั้นไร้สำนึกที่ดี ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครและเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาทำแบบนี้กับคนที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของเขากลับห้องของตัวเองได้ยังไงกัน
“อ่า...อื้อ” ความหวานของปากน้อยทำให้กองบิน สุปรีย์ หรือเหม วัย 37 ย่าง 38 ปี นักธุรกิจหนุ่มทายาทคนที่สองของตระกูลสุปรีย์ ที่ดูแลเรื่องสัมปทานเดินเรือของครอบครัว พี่ชายคนโตอย่างกองพลดูแลเหมืองแร่ที่กำแพงเพชร ส่วนน้องชายคนเล็กอย่างกองทัพดูแลกิจการโรงงานผลิตหลังคาเหล็กที่สระบุรี
กองบินไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงเกิดความปรารถนารุนแรงขนาดนี้หลังกลับมาจากงานเลี้ยงมื้อค่ำที่ทางคู่ค้าทางธุรกิจจัดต้อนรับตัวเองในครั้งนี้ พอกลับมาถึงห้องก็ร้อนรุ่มหิวกระหายกามสวาทจนอยากจะออกไปข้างนอกเพื่อไปหาผู้หญิงสักคนที่เต็มใจพร้อมจะปลดปล่อยอารมณ์ให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทรมานร้อนรุ่ม แต่พอเปิดประตูมาก็เจอกับผู้หญิงใต้ร่างที่กำลังดิ้นต่อต้านขัดขืนตัวเอง เขาอยากจะหยุด อยากจะปล่อยหล่อน แต่ก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้
สมองของเขาคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยง จำได้ว่าไม่ได้ดื่มอะไร นอกจากแชมเปญเท่านั้น และคนอื่นก็ดื่มเหมือนตัวเอง ไม่น่าจะเมา แต่ที่เป็นตอนนี้มันไม่ใช่อาการเมา แต่เป็นโดนวางยาปลุกกำหนัด แล้วโดนตอนไหนล่ะ เพื่อนคนอื่นก็ดื่มเหมือนกัน
“อ่า...อื้อ” สมองของเขาวุ่นวายพอๆ กับไฟราคะที่กำลังลุกโชนท่วมร่าง กองบินจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าหนาหลายชั้นของหญิงสาวออกในความมืดด้วยความชำนาญ แม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่ปากของเจ้าหล่อนหวานจนไม่อาจผละถอยห่างได้ เรียวลิ้นร้อนยังคงกอดเกี่ยวฟัดเรียวลิ้นน้อยของสาวเจ้าในโพรงปากหวานฉ่ำ
“อะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ยังคงดังออกมาจากปากของคำเอื้อง ต้นฤดี หรือเอื้อง วัย 23 ปี ทายาทคนเดียวของนายคำสิงห์ ต้นฤดี ที่มีธุรกิจส่งออกอาหารทะเลอบแห้งรายใหญ่ของจังหวัดภูเก็ต คำเอื้องได้มาเที่ยวฝรั่งเศสกับเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน และตอนนี้ทุกคนกำลังรอเธออยู่ข้างล่างล็อบบี้ของโรงแรม มือน้อยยังคงพยายามปกป้องตัวเอง ผลักไสเงาดำใหญ่เหนือร่าง แต่เหมือนว่าพยายามไปก็เสียแรงเปล่า
ปากหนาผละออกจากปากของเจ้าหล่อนเคลื่อนไซ้มายังซอกคอระหงของร่างน้อยที่กำลังดิ้นรนต่อต้านตนเอง แม้จะรู้ว่าคนตัวเล็กใต้ร่างในความมืดไม่สมยอมพร้อมตามตัวเอง แต่จะให้ปล่อยไปตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ ยอมรับว่าตัวเองกำลังจะข่มเหงเพศแม่ แต่ขอให้ได้ปลดปล่อยก่อน หลังจากนี้ค่อยตกลงกันว่าจะเอายังไง หากหล่อนต้องการเงิน เขาก็พร้อมจะให้ตามความเหมาะสม แต่หากต้องการความรับผิดชอบ ไม่มีทาง!
“อ่า...อื้อ หอมเหลือเกินคนสวย” เขาพึมพำกับซอกคอระหงแล้วสองมือสากกร้านก็กอบกุมเคล้นคลึงเต้าสาวเจ้าไปด้วย แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ถึงความใหญ่โตและสวยงามเป็นธรรมชาติของเจ้าหล่อน
“อ่า...ปะ...ปล่อยฉันไปเถอะ อื้อ...” คำเอื้องขอร้องคนเหนือร่างเป็นภาษาไทยโดยลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ต่างบ้านต่างเมือง สองมือพยายามผลักดันใบหน้าที่ซุกซบซอกคอตัวเอง แต่ก็ถูกมือใหญ่รวบมือทั้งสองข้างด้วยมือเดียวรั้งไปไว้เหนือหัว
“อ่า...คนไทยเหมือนกันเหรอครับ อ่า...” กองบินรู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนเป็นคนไทยเหมือนตัวเอง แล้วเขาก็เดินหน้าเสพร่างกายหอมรัญจวนของหล่อนต่อ
“ถ้ารู้แล้วว่าเป็นคนไทย อะ...อื้อ ก็ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อะ...อื้อ” แม้จะรังเกียจขยะแขยงและชิงชังสัมผัสของคนเถื่อนถ่อยเหนือร่าง แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองกำลังมีความรู้สึกร่วมไปกับความน่าอายในครั้งนี้
“ชูว์...ไม่พูดแบบนี้ ตอนนี้ผมทำตามที่คุณขอร้องไม่ได้จริงๆ คนสวย” แม้จะอยู่ในความมืด แต่สัญชาตญาณของกองบินก็บอกว่าเจ้าของเสียงหวานนี้สวย
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร อะ...อื้อ” แล้วเธอก็ต้องร้องครางเมื่อมือหนาของเขาเคล้นคลึงเต้าของเธอหนักหน่วงด้วยมือใหญ่มือเดียว แต่ว่ากอบกุมทั้งสองเต้าของเธอ
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะไปบอกเล่าใคร เพราะผมสนใจแค่ความต้องการของผมตอนนี้ อ่า...ไม่ไหวแล้ว อยาก ‘เอา’ ตอนนี้ ช่วยผมเถอะ ผมโดนยาปลุกเซ็กซ์มา อ่า...เมตตาผมด้วยเบบี้ อ่า...” แล้วใบหน้าหล่อทรงเสน่ห์ก็ซุกซบลงกลางหว่างอกพร้อมมือที่กอบกุมเต้า ลูบไล้เรือนกายของสาวเจ้าในความมืดมาหยุดที่เอวเล็กคอดแล้วกอดรั้งยกขึ้นหาตัวเอง
“คุณต้องอดทน ได้ยินไหมคะ อะ...อื้อ” เธอพยายามจะกล่อมให้เขาหยุด แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อเขากอดรั้งเธอที่เปลือยเปล่ายกขึ้นแนบร่างของเขาที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่และสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของอีกฝ่าย แม้ไม่เห็นด้วยตา แต่ก็รู้ว่ามันคือสิ่งใดและรู้ด้วยว่ามันพร้อมมากแค่ไหน เธอไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาไม่ประสีประสา เธอเคยเรียนเพศศึกษามาและรู้ว่าตอนนี้คนเถื่อนเหนือร่างกำลังจะทำอะไรต่อ
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว “ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า “ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ‘รัก’ใคร และคิดจะ‘แต่งงาน’แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
กองบินมาถึงหน้าบ้านของคำเอื้องในตอนบ่ายสามโมงกว่า พอมาถึงก็กดออดหน้าบ้านจนสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ ในตอนแรกสาวใช้ไม่ยอมให้เข้ามานั่งรอในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาตอนไหน แต่กองบินยืนยันว่าจะรอเธอจนกว่าจะกลับจึงได้เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ กองบินเดินดูรูปถ่ายที่ตั้งโชว์ เป็นรูปของคำเอื้องตอนเด็ก และข้างๆ ก็มีพ่อของหญิงสาว ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน ข้างๆ คำเอื้องมักมีพ่อตลอด เขาพอรู้มาบ้างว่าเธออยู่กับพ่อ “น้องเอื้องติดป๊าคำสิงห์ค่ะ” สาวใช้ยกน้ำและขนมของว่างเข้ามาให้แขกเอ่ยบอกเมื่อเห็นแขกจับกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาดู “ขอบคุณครับ” กองบินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็วางกรอบรูปในมือลงแล้วเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มแล้วมองน้ำและขนมของว่างตรงหน้าตัวเองแล้วดันจานขนมออกห่างเมื่อรู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้จะอาเจียน “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหน” กองบินถามสาวใช้ที่กำลังจะเดินจากไปไกล
คำเอื้องมองตามสายตาพ่อแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ ก็เธอเข้าครัวทีไร ครัวเละเทะพังทุกทีจนเดือดร้อนสาวใช้ในบ้านต้องมาเก็บกวาดกัน เสียเวลาเป็นชั่วโมง“แหะๆ หนูว่าแบบนั้นแหละป๊าคำสิงห์ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ที่นี้ก็ให้พี่ๆ เขาทำกัน”“อาทิตย์หน้าป๊าจะไปหาหมอกับหนูเอื้องนะ”“ป๊าไม่ต้องไปด้วยก็ได้ค่ะ งานที่โรงงานของเราก็เยอะ ป๊าไปทำงานเถอะค่ะ”“ได้ไงหนูเอื้อง ป๊าเป็นคุณตานะ ป๊าก็ต้องไปจดบันทึกเรื่องของเจ้าคลื่นของป๊าสิ” คำสิงห์ตั้งชื่อหลานว่า ‘คลื่น’ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะให้ชื่อนี้“ขอบคุณนะคะป๊า” เธอขอบคุณพ่อ“มันคือหน้าที่ของป๊าอยู่แล้วที่ต้องดูแลหนูกับหลาน อีกอย่างไม่ต้องคิดแทนป๊าว่าป๊าจะอายที่หนูท้องไม่มีพ่อ ป๊าไม่สนใจปากของชาวบ้านหรอก อีกอย่างชีวิตนี้ไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดบ้าง...ว่าไหม” คำสิงห์ประคองลูกสาวมานั่งในห้องโฮมเธียเตอร์ดูหนังรอทานมื้อเย็นกัน“หนูโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกสาวป๊าคำสิงห์กับแม่ตวงใจ”“ป๊ากับแม่เราก็โชคดีที่มีหนูเอื้องเป็นลูก เอาล่ะ ดูหนังอะไรดีวันนี้”“ตา
สามพี่น้องรวมตัวกันเมื่อที่เหมืองมีปัญหา และพี่ชายก็ถูกยิงอาการสาหัสจนแม่ที่อยู่ต่างประเทศต้องบินกลับประเทศมาดูแล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ตอนนี้กองพลหายดีกลับมาอยู่บ้านและตามหาใกล้รุ้ง ลูกสาวของคนงานในเหมือง สาวน้อยหนีไปพร้อมกับหัวใจของพี่ชาย คิดแล้วก็ตลกและน่าสมเพช! สิ้นดี เพราะไม่ใช่แค่กองพลเท่านั้น กองทัพเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนตัวเขาก็ให้คนเฝ้าบ้านของคำเอื้องที่ภูเก็ตและยังคงตามหาเธออยู่ตลอดจนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของหญิงสาว “หนูไปอยู่ไหนเอื้อง เอื้องพาลูกของเราหนีพี่ไปไหน ป่านนี้แล้วท้องเอื้องคงจะโตแล้ว สองเดือนแล้วที่เอื้องหนีพี่ไป” เขาพึมพำกับรูปถ่ายที่แอบถ่ายตอนเธอนอนหลับแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาต้องผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เตียงนอนนุ่มแล้วลุกไปเปิดประตู แอค!
มันช่างทรมานเหลือเกินตอนนี้ ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ไร้วี่แววของคำเอื้อง เขาให้นักสืบเอกชนตามหาก็เงียบ จนเขาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นึกเป็นห่วงทั้งเธอและลูก คิดถึงก็คิดถึง ตอนนี้สภาพของกองบินแทบดูไม่ได้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นจนทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่หนีไปดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเสยผมที่ยาวปกปิดหน้า ใช่...ตอนนี้ผมและหนวดเคราของเขามันไม่ได้ถูกดูแลมาเป็นอาทิตย์ หากไม่มองดีๆ สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตน เพราะนับวันยิ่งเหมือนโจรป่าเข้าไปทุกที“เชิญ!” พอเสยผมที่ยาวปิดหน้าไปด้านหลังแล้วก็อนุญาตให้ผู้อยู่หน้าประตูห้องเข้ามาในห้องแอค!เป็นผู้ช่วยของเขานั่นเองที่เคาะประตูห้อง และพอเปิดประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือแล้วส่งยื่นให้เจ้านายหนุ่ม“คนที่บ้านโทรมาครับคุณกองบิน”อือ!เขาครางรับแล้วก็รับโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้ามาคุยพร้อมโบกมือให้ผู้ช่วยอย่างวัฒน์ออกไป“เหมพูดครับ” พอนำโทรศัพท์มาแนบหูก็บอกทันทีว่าเป็นตน
Comments