Share

4 เคว้งคว้าง

Author: sammi'P
last update Last Updated: 2025-06-19 14:25:34

ชายหนุ่มเสียงเข้ม ดวงตาคมจ้องมาด้วยความเคลือบแคลงอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่า...”

“ฉันไม่ใช่สตอล์กเกอร์จริงๆ ค่ะ” หล่อนส่ายหน้าพลางโบกมือ “ก็ฉันเห็นชื่อคุณที่แท็กกระเป๋าก็เลยจำได้ว่าคุณคือคุณอธิปก ราชรัตน์ แห่งเดอะเกร็ทแทรเวลบริษัททัวร์ที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทย” หล่อนร่ายยาว “ที่บ้านฉันก็ส่งแขกให้บริษัททัวร์ของคุณบ่อยๆ”

“ที่บ้านคุณเป็นรีสอร์ต?” อธิปกถามกลับแสดงความสนใจทันที

“เปล่าค่ะ แค่โฮมสเตย์เล็กๆ ทำกันเองในครอบครัวไม่มีชื่อเสียงอะไรหรอกค่ะ” หล่อนตอบสีหน้าภูมิใจ “ฉันถึงอยากเป็นไกด์จะได้เปิดบริษัททัวร์เพิ่มเติมช่วยรายจ่ายที่บ้าน”

อธิปกพยักหน้ารับฟังสีหน้าครุ่นคิด “งั้นผมช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”

“ขอบคุณมากนะคะ”

เอรินฉีกยิ้มกว้างดีใจจนปิดไม่มิด อธิปกได้แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความลื่นไหลของหญิงสาว  บอกรถแท็กซี่ให้แล่นไปยังเป้าหมายที่หล่อนต้องการ ก่อนจะเมินหน้าหนีหลับตาพิงพนักเบาะปัดความรำคาญ

เอรินมองเสี้ยวหน้าชายหนุ่ม ใบหน้านวลเห่อร้อนจนต้องเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างอีกทางมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ผ่านไปครู่ใหญ่แท็กซี่จึงแล่นเข้าสู่ย่านตึกสูงบนถนนยอร์ค มองเห็นลอนดอนอาย[1]โผล่พ้นมุมตึกอยู่ลิบๆ เอรินกวาดตามองหาที่พักอย่างกระวนกระวาย

ตึกระฟ้าหน้าตาคล้ายกันไปหมด หล่อนจำได้ว่าศึกษาเส้นทางจากแผนที่เอาไว้คร่าวๆ แต่พอเจอสถานที่จริงหล่อนก็ถึงกับงงปะติดปะต่อไม่ถูกแม้จะถือแผนที่อยู่ในมือก็ตาม

ที่นี่คือลอนดอน... เมืองแห่งฝน คนหลากเชื้อชาติ และมากมายศิลปวัฒนธรรม

แต่ไหนเลยจะเท่า ‘ฟลอเรนซ์’ ที่หล่อนอยากไปนักหนา เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส และที่สำคัญครอบครัวของหล่อนก็ไม่มีเงินมากพอสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

ดวงหน้านวลเคร่งเครียดคิ้วเรียวขมวดมุ่นมองแผนที่ในมือสลับกับมองหาป้ายชื่อโรงแรม อธิปกนั่งมองอยู่เงียบๆ ต้องเอ่ยถาม

“ตกลงคุณจะลงที่ไหน แล้วพักโรงแรมอะไร”

“เดี๋ยวนะ ฉันขอดูชื่อโรงแรมก่อนค่ะ”  หล่อนตอบพร้อมเปิดกระเป๋าสะพายหานามบัตร เปิดไปมากลับหาไม่เจอจนหล่อนนึกหงุดหงิด “หาไม่เจอเลยคุณ รอแป๊บนะ”

พูดจบหล่อนก็ก้มหน้าก้มตาค้นหาแต่ท่าทีชักช้าดูเหมือนไม่ทันใจทำให้ชายหนุ่มต้องแย่งแผนที่ในมือมาดูเสียเอง

“โรงแรมที่คุณจะไปใช่ที่วงสีแดงไว้นี่รึเปล่า” เขาถามพลางชี้ให้ดู “โรงแรมพาร์ค พลาซ่า?”

“อ้อ! ใช่แล้วค่ะ!” เอรินพยักหน้าตื่นเต้น  “คุณรู้จักหรืออคะ เขาว่ากันว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว คืนละเป็นหมื่น”

“ใช่ที่ไหนกัน โรงแรมนี้สี่ดาวตะหาก แต่ถ้าพักที่นี่จริงก็ทางโค้งที่ผ่านมานั่นไง เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานนั่นไปหอนาฬิกาบิ๊กเบน แต่นี่เรามาเกือบถึงลอนดอนอายแล้ว คุณคงต้องเดินย้อนกลับไปสักนิดเพราะผมจะไปอีกทาง”  เขาตอบก่อนจะบอกแท็กซี่ให้จอดชิดขอบทางก่อนถึงสี่แยกไฟแดง

เอรินหันกลับไปมองด้วยความตกใจก่อนจะหันกลับมาหน้าตื่น “โห เกือบไปแล้วเชียว ฉันเดินย้อนกลับไปได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจครั้งนี้นะคะ เอาไว้คงมีโอกาสตอบแทนคุณบ้าง”    

“ไม่เป็นไรแค่เรื่องเล็กน้อย” เขาตอบแต่ดึงแขนหล่อนไว้และยื่นนามบัตรให้ “มีโทรศัพท์มือถือมาใช่ไหม หาซิมใส่ซะแล้วถ้ามีอะไรก็โทรมาเบอร์นี้”

“เบอร์คุณ?”

“ใช่ เป็นเบอร์ที่ผมใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ ผมพักที่โรงแรมเดอะรอยัลเฮ้าส์การ์ดอยู่ฝั่งตรงข้ามใกล้สะพานฮังเกอร์ฟอร์ดนะ”

“ก็ไม่ไกลกันมาก ขอบคุณคุณมากนะคะ” เอรินมองนามบัตรในมือด้วยความซาบซึ้ง เงยหน้ามองสบตาคมเข้ม “คุณใจดีจริงๆ เลยค่ะ ถ้ามีโอกาสฉันขอเลี้ยงตอบแทนคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไร” อธิปกโบกไม้โบกมือไม่ใส่ใจ

            พอรถแท็กซี่แล่นจากไปพร้อมชายหนุ่มที่ถึงจะปากจัดไปนิดแต่ใจดีกว่าที่เห็นมาก ทำให้เด็กสาวได้แต่มองตามด้วยความประทับใจ ครู่หนึ่งจึงรู้สึกตัวกวาดตามองรอบบริเวณ

            ได้เวลาผจญโลกกว้างตามลำพังแล้วสินะ... เอริน

            หญิงสาวคิดพลางนึกกระหยิ่มในใจ ทั้งตื่นเต้นสับสนแต่ก็เจือความอยากรู้อยากเห็น ร่างสูงเพรียวลากกระเป๋าขึ้นบนบาทวิถีแล้วเดินย้อนกลับไปตามทางที่เขาบอก

            โรงแรมพาร์ค พลาซ่า สูงตระหง่านกว่าสิบชั้นป้ายด้านหน้าเป็นแผงยาวตัวหนังสือสีน้ำเงินเข้มใหญ่โต หญิงสาวถึงกับตาโตกับความโอ่อ่าภายนอกก่อนจะลากกระเป๋าเข้าไปที่ล็อบบี

พนักงานสาวสวยผมบลอนซ์เอ่ยต้อนรับ หล่อนจึงถามออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

            “สวัสดีค่ะ ฉันมาขอพบมิสวินซ์ เจย์ ห้อง ๒๐๔ ค่ะ ไม่ทราบเธอกลับมาถึงรึยังคะ” เอรินส่งภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นไปและได้รับคำตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษรัวเร็วจนหล่อนแทบตามไม่ทัน

            นาทีนี้นอกจากคำพูดสื่อสารแล้วที่สำคัญที่สุดคือภาษามือ พนักงานต้อนรับรับฟังอย่างใจเย็นก่อนจะต่อสายตรงขึ้นไปยังห้องพัก แต่เอรินถึงกับหน้าเสียเมื่อพนักงานส่ายหน้าและปฏิเสธนุ่มนวล

            “ขอโทษด้วยค่ะ ห้อง ๒๐๔ ไม่มีคนรับสาย”

            “หรือคะ?” เอรินพรูลมหายใจอัดอั้น เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย หญิงสาวได้แต่บ่นลำพัง “แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ยายวีเอ๊ย! ติดต่อไม่ได้ ไปไหนไม่ได้อีก”

[1] (อังกฤษ: London Eye) หรือ มิลเลเนียมวีล (อังกฤษ: Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง ๑๓๕ เมตร (๔๔๓ ฟุต)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   124 ที่เก่าแต่เราสามคน (ตอนจบ)

    เอรินส่ายหน้าไม่เชื่อสายตาจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง ชานนท์ยืนยิ้มขำขันอยู่ด้านหลังมือไพล่หลังเก็บงำบางอย่างไว้ก่อนจะยื่นมาตรงหน้า กลิ่นหอมของกุหลาบชมพูดอกตูมช่อใหญ่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เอรินยกมือขึ้นรับอย่างเก้กัง จับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนที่ชานนท์จะหยิบแก้วไวน์ที่ยึดมานั่งจิบที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน สีหน้านิ่งขรึมเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนต้องวางแก้ว “ใครใช้ให้สั่งเคียนติมาดื่ม... หือ นี่มันแรงนะ” สีหน้านิ่งขรึม น้ำเสียงขุ่นไหนจะท่านั่งไขว่ห้างยียวนกวนสายตาคนมอง เอรินยังคงจ้องไม่วางตา นึกเป็นคำพูดไม่ออกได้แต่อ้ำอึ้งจนชานนท์ต้องเอ่ยออกมาอีกคำรบหนึ่ง “พูดไม่ออกเลย นี่กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะ สั่งเจ้านี่มาได้ไง ไม่ดีต่อลูกในท้องไม่รู้รึไง ทำอะไรไม่นึกถึงหน้าลูกก็นึกถึงหน้าพ่อของลูกบ้างสิ” “ก็ไม่เคยเห็นหน้าลูกนี่ จะนึกออกได้ไง แค่นี้ไม่เห็นต้องดุกันเลยนี่” เอรินเถียงเสียงอ่อยจากที่กำลังชื่นชมดอกกุหลาบงามอยู่เมื่อครู่ ถึงกับหุบยิ้มแล้ววางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ มองค้อนคนตรงหน้าอย่างน้อยใจ “มีเมียดื้อก็งี้แหละ คงได้แ

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   123 สองเราใต้เงาฟลอเรนซ์

    เสียงใสที่เหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งดังมาจากด้านหลัง เอรินหันขวับไปมองคนเรียกชื่อสกุลใหม่ของเธอเสียเต็มยศอย่างฉงนใจ แล้วดวงหน้ากลมมีน้ำมีนวลก็แย้มยิ้มกว้างอย่างดีใจ “คุณสริน! มาได้ยังไงคะ” น้ำเสียงตื่นเต้น เรียกรอยยิ้มของสรินได้เป็นอย่างดีจนอดใจไม่ไหวที่จะแกล้ง “ก็ขับรถมาสิ ถามได้” สรินเอ่ยอย่างขบขันเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของหญิงสาวตรงหน้า เอรินดูเปลี่ยนไปมาก สวย อิ่มเอิบผิดหูผิดตาแต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือความสดใส น่ารัก ที่ยังคงมีให้เห็น และแสดงออกทางแววตาสดใสอยู่เสมอ “เชื่อแล้วค่ะ ว่าคุณสองคนเป็นพี่น้องกัน คุณซึมซับพี่นนท์มาเต็มเปี่ยมเลย พูดเหมือนเขาเปี๊ยบตอนฉันเจอกับเขาที่บ้านคุณมินน่ะค่ะ” เอรินยู่ปากอย่างเคย แต่ก็พูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกไปถึงคราวนั้นที่เจอกันอีกครั้งที่บ้านริมทะเล “เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งถึงที่ วันนี้เธอพักก่อนนะ คืนนี้ฉันจะพาเธอไปทานข้าว” “ส่งที่ไหนคะ” “ก็ส่งที่บลูเนลเลสคีไง ฉันจองไว้ให้แล้ว เธอต้องพักที่นั่น” คำว่า ‘ต้อง’ ช่างสะดุดหูเอรินยิ่งนัก เป็นเหตุบังเอิญรึเปล่านะ ที่มันเผอิญไปพ้องกับชื่อโรงแรมที่เคยไป

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   122 ฟลอเรนซ์

    “ฉันจะให้เธอไปฟลอเรนซ์ เป็นตัวแทนเข้าพบมิสเตอร์ซี เอ่อ..หุ้นส่วนใหม่ เขาเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เราจะคอนแท็คกันด้านธุรกิจทัวร์ เธอต้องช่วยฉันนะเอริน ถ้าโปรเจคนี้ประสบความสำเร็จคุณแม่กรณ์จะได้ยอมรับ ฉันแก่ลงทุกวัน อยากแต่งงานแล้ว เธอช่วยฉันนะ” “คะ... ฉันก็อยากช่วยคุณกับกรณ์ แล้วฉันจะไหวหรือคะ ไปไกลถึงฟลอเรนซ์เลย อะไรก็ยังไม่ได้เตรียมอีกอย่างคือท้องฉัน” เอรินหยุดคำพูดเพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสายตาเป็นประกายวิบวับราวขอร้องจากราเชล ก็ได้แต่อึกอักพูดไม่ออก ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ เสียงตะโกนเรียกก็ดังมาจากในบ้าน เสียงที่ราเชลถึงกับถอนหายใจพรืด “ราเชล! ทำอะไรอยู่ อย่าอู้ ไปเรียกกรณ์มากินข้าวได้แล้ว บอกแม่ให้ลงมาอย่างด่วน ขี้เซาซะจริง นอนกินบ้านกินเมืองนัก” “นะเอริน นะ ช่วยฉันนะ ดูสิ แม่สามีดุอย่างกับจะฆ่ากันแล้วเนี่ย นะๆ” “ค่า... คุณแม่! เดี๋ยวหนูไปเรียกให้” ราเชลตะโกนตอบแล้วหันมาพยักเพยิด รีบลุกปัดฝุ่นทรายออกจากชุดแล้ววิ่งฉิวออกไป ปากก็ตะโกนตอบว่าที่แม่สามีไปด้วย สร้างความขบขันให้กับเอริน คิดถึงฟลอเรนซ์จัง... ว่าที่คุณแม่ได้แต่ครุ่นคิด...ราเช

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   121 ลอนดอน

    บรรยากาศยามค่ำคืนของลอนดอน ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟสว่างหลากสีสันสะท้อนแข่งกับแสงไฟตึกรามอาคารบ้านช่อง ชานนท์เหม่อมองภาพเหล่านั้นอย่างลืมตัวไม่ทันได้สนใจรอบกายว่าจะมีใครเข้ามารบกวนในช่วงเวลาแห่งความดื่มด่ำและหวนระลึกถึง หลังเสร็จสิ้นภารกิจงานหลักในตอนกลางวัน ช่วงเวลาค่ำคืนจึงจะได้เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง เกรนวิสกี้พร่องไปกว่าครึ่งแก้วยังคงตั้งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะจนละลาย เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในจุดที่เห็นสีสันของลอนดอนอายชัดเจน ภาพในอดีตกลับเข้ามาวนเวียนอืกครั้งและอีกครั้งถึงแม้ไม่ได้นึกถึงมัน สาวน้อยหน้าตาน่ารักท่าทางลุกลี้ลุกลนที่เอ่ยทักสิมิลันด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างสุดแสน เขาจำได้ดีทั้งที่ไม่ได้สนใจไม่เคยใส่ใจ แต่กลับจำได้ ดวงตากลมโตสีสนิมดูตื่นตระหนกแต่น่ามองอย่างประหลาดชานนท์หัวเราะออกมาอย่างนึกขบขัน เอ็นดู ยามนึกถึงสาวน้อยที่วิ่งแจ้นตามเขาไปทุกที่ตลอดเวลาเดินทางไปด้วยกันตามลำพังที่ฟลอเรนซ์ ช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่เขาทั้งเสียใจเพราะสิมิลันปฏิเสธรัก แต่หัวใจถูกเติมเต็มเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว “ทำอะไรอยู่... อเล็กซ์” เสียงทักทายคุ้นหูดังมา

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   120 เป็นแค่รถฟักทอง

    ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษว่างเปล่าราวกับไม่มีใครพักอยู่ก่อน เตียงสีขาวถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของในห้องมีเพียงของใช้พื้นฐานที่ไม่บ่งบอกว่ามีผู้ป่วยพักอยู่ เอรินถึงกับหน้าถอดสีทันทีที่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใจหายเมื่อไม่เห็นเขา “ยักษ์!... เขาหายไปไหน หรือว่าเขาไม่อยู่แล้ว หรือว่า...” “เฮ๊ย! ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งร้อง เดี๋ยวฉันไปถามพยาบาล” กรณ์พูดปลอบ แต่เอรินยังคงคร่ำครวญ “พี่นนท์! ฮือ ฮือ แล้วฉันกับลูกจะอยู่ยังไง” เอรินร่ำร้องอย่างลืมอายนึกไปสารพัดว่าเขาอาจจะเป็นอะไรไป หรือเธอมาไม่ทัน กรณ์โอบไหล่ประคองร่างบางที่กำลังเข่าอ่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นให้ยืนหยัดอยู่ในอ้อมแขนเขา “ฉันว่าเขาไม่เป็นไรหรอกมั้ง สงสัยเราเข้าห้องผิดแน่ๆ” คำพูดของกรณ์ไม่ช่วยให้ดีขึ้น กลับทำให้ใจหายหนักกว่าเก่า น้ำตาพร่างพรูพาลไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมด เสียงสะอึกสะอื้นสะท้อนดังก้องภายในห้อง จนคนในห้องน้ำเปิดประตูออกมา แล้วเขาก็พบเอรินกำลังซบหน้ากับอกกรณ์ร้องไห้สะอื้นเสียงดัง ชานนท์กระแอมออกมาเบาๆ เรียกสติ ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคย หล่อนเหลียวมองหาที่มาจนพบเขาอยู่ในสายตาใกล้กันชนิดหล่อนเองยัง

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   120 ไม่มีอีกแล้ว

    บ้านต้นไม้เงียบเหงาวังเวง ใบไม้แห้งเกลื่อนนอกชานเพราะขาดการเอาใจใส่นับตั้งแต่วันที่สองพ่อลูกถูกหามส่งโรงพยาบาล เอรินมองสภาพของบ้านแล้วได้แต่ทอดถอนใจ มือคว้าจับราวบันไดยึดเป็นที่พึ่งยามร่างกายอ่อนแรงสูญเสียกำลังใจ ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออก กลิ่นอับภายในห้องกระทบจมูกถึงกับนิ่วหน้า มองไปรอบบริเวณห้องแล้วได้แต่นึกถึง “บ้านนี้เหงาจัง... เมื่อไม่มีคุณ ต่อไปที่นี่คงไม่มีคุณอีกแล้ว” หญิงสาวล้มตัวนอนบนเตียงอย่างเดียวดาย ห้องที่มีความทรงจำและเปี่ยมด้วยความหวังมากมาย การได้กลับมาพบเจอได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ถึงแม้ในช่วงเวลาอันสั้น แต่ทุกอณูภายในห้องก็ยังมีกลิ่นและร่องรอยความทรงจำของเขา น้ำตารินไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นสะท้อนแผ่วเบาออกมายังนอกบริเวณบ้าน กรณ์ชะงักฝีเท้าขณะก้าวพ้นประตูกระจกเข้ามาภายในห้อง มือชะงักค้างอยู่กับบานประตูหมายจะเลื่อนเปิดกว้างให้อากาศถ่ายเท แต่เมื่อเห็นร่างบอบบางที่นอนคุดคู้สะอื้นหันหลังมาทางเขาก็ถึงกับถอนใจ สองเท้าก้าวแผ่วเบาเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้างๆ สัมผัสอ่อนยวบข้างเตียงทำให้คนนอนรู้สึกตัวหันขวับมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ดวงตากลมใสก็หม่นลง “ผ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status