เอรินมองแผ่นหลังสูงใหญ่ด้านหน้าระหว่างเข้าคิวรอกระเป๋าอีกใบที่ลำเลียงลงมาจากเครื่องแล้วหล่อนได้แต่หน้ามุ่ย ชายหนุ่มคนเดิมคล้องกระเป๋าเป้ล้อเลื่อนใบใหญ่ขึ้นไพล่หลัง มืออีกข้างจับโทรศัพท์มือถือแนบหูคุยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
“ครับพี่ ผมเพิ่งถึงได้ครู่ใหญ่ กำลังจะจับแท็กซี่ไปโรงแรม ไม่ต้องมารับ ใช่ครับ ผมจองรอยัลเฮาส์การ์ดไว้ ไม่ได้พักโรงแรมพี่ พอดีผมมีธุระต่อ”
เดอะรอยัลเฮาส์การ์ด!
นั่นมันคือโรงแรมระดับห้าดาวสุดหรูริมแม่น้ำเทมส์นี่นา...
สาบานได้ว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง เขากำลังจะไปโรงแรมนั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแค่แม่น้ำกั้นกับโรงแรมที่หล่อนพัก
ท่าทางภูมิฐานแต่งกายสะอาดสะอ้านแสดงว่าภูมิหลังคงดีพอดูถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่ก็ดูใจดี เมื่อได้คุยกันยาวหลังจากที่เขาออกจากห้องน้ำมา ทำให้รู้ว่าชายหนุ่มขาวจัดมาดเนี๊ยบคนนี้มีภารกิจคล้ายกันกับหล่อนคือต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาวเหมือนกัน
แต่คงไม่บังเอิญขนาดงานเดียวกับหรอก...
เอรินครุ่นคิดถึงเงินในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนใจ ว่ากันว่าค่าแท็กซี่ลอนดอนแพงมหาโหดขนาดไหน ถ้าไม่ติดที่รอให้เพื่อนมารับหล่อนจะขอติดรถชายหนุ่มเข้าเมืองด้วยแน่
ร่างบอบบางขยับเข้าใกล้อีกนิด แต่ชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะสนใจยังคงคุยโทรศัพท์ต่อ
“ครับ เจอกันวันงานแต่งเลยก็แล้วกัน เสื้อผ้าผมเตรียมพร้อมมาแล้ว ไม่ต้องห่วง บอกแล้วว่าไม่รบกวนพี่ ผมมีธุระต้องจัดการอยู่แล้ว ถือว่ามาทำงานด้วย ขอพักแยก ผมสะดวกมากกว่า”
พูดจบก็หยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมบนสายพาน แล้วเดินลิ่วออกไปโดยไม่หันมามองสักนิด สาวหน้าใสถึงกับทำปากขมุบขมิบ
“อยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่เห็นจริงหรือแกล้งไม่เห็น ฉันแทบจะสิงร่างได้แล้วนะ”
หญิงสาวมองตามหลังร่างสูงใหญ่หายลับเข้าไปในกลุ่มผู้โดยสารขาออก ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางล้อเลื่อนไปยังโทรศัพท์สาธารณะ ทันทีที่ติดต่อคนปลายสายได้ เอรินถึงกับอุทานลั่น
“อะไรนะ! ไหนว่าจะมารับฉันไง ทำอย่างกับฉันเก่งมากงั้นแหละ แค่มาเหยียบอังกฤษครั้งแรกก็โดนลอยแพแล้ว”
“ขอโทษทีนะ ฉันกลับไปรับไม่ทันจริงๆ เธอไปรอฉันที่โรงแรมก่อนก็แล้วกัน” ปลายสายตอบกลับเสียงขาดๆ หายๆ
“โอเคๆ งั้นฉันไปรอที่โรงแรมก็แล้วกัน รีบมาเร็วๆ เลยนะ ภาษาอังกฤษฉันยิ่งแม่นซะไม่มีด้วย เดี๋ยว ๆ สิ วี ฟังฉันพูดก่อน!”
เอรินหน้าเสียทันทีที่สายตัดไป วางหูโทรศัพท์ด้วยความอ่อนใจ วินซ์เพื่อนรักของหล่อนกำลังเดินทางมาจากบาธแต่ยังมาไม่ถึง หล่อนคงต้องหาทางไปที่โรงแรมเองก่อน แต่พ็อกเก็ตมันนี่ที่ติดตัวมาน้อยนิดนี่สิ
หล่อนจะใช้ชีวิตอยู่รอดจนครบเจ็ดวันได้อย่างไร…
อากาศหนาวเหน็บเกือบเจ็ดองศาเซลเซียสของเดือนเมษายนตกกระทบผิวกายทันทีที่ออกมาด้านนอก เอรินกระชับเสื้อกันหนาวผ้าเนื้อนิ่มเข้าหาตัว ลากกระเป๋าเดินทางพลางกางแผนที่และสอดส่ายสายตาหารถแท็กซี
ทั้งที่หล่อนควรประหยัดเสียแต่ต้นมือ รู้ว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่ในเมื่อใจริจะเป็นมัคคุเทศก์ และยังกล้าหาญออกนอกประเทศด้วยตัวเอง หล่อนก็ต้องทำให้ได้ แต่พอคำนวณเงินในกระเป๋าก็ได้แต่นั่งทอดอาลัย คิดไม่ตกว่าจะไปแท็กซีหรือรถไฟฟ้าใต้ดิน แค่มองเส้นทางสถานีรถไฟฟ้าถ้าขึ้นแล้วไม่หลงคงเป็นบุญโข ทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าเดินทางน้ำหนักมากเอาการนั่นอีก เด็กสาวมองป้ายบริการแท็กซี่ก็ได้แต่ถอนใจหนักหน่วงอีกรอบ
“แพงขนาดนี้เชียว”
พลันสายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนเดิม ความคิดใหม่ก็ผุดขึ้นมาทันที หญิงสาวลากกระเป๋าพะรุงพะรังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาเป้าหมาย ทันได้ยินเขาเจรจากับคนขับรถแท็กซี่พอดิบพอดี
“ไปเดอะรอยัลเฮาส์การ์ด”
เอรินยิ้มหมายมาด พอชายหนุ่มเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรอคนขับแท็กซีลำเลียงกระเป๋าเดินทางใส่กระโปรงท้ายเสร็จและกำลังจะปิดประตู ก็ถึงกับสะดุ้งเพราะมีมือเล็กๆ มาเคาะกระจกไม่หยุด จนต้องลดกระจกลงมาถาม
“มีอะไร”
“ได้ยินว่าคุณจะไปรอยัลเฮ้าส์การ์ด ฉันขอติดรถไปด้วยคนได้ไหมคะ”
“ได้ไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น สีหน้างุนงง “มาขอขึ้นแท็กซี่กับผมนี่นะ”
เอรินพยักหน้าแล้วรีบเปิดประตูรถพาตัวเองพร้อมกระเป๋าสองใบขึ้นมานั่งเคียงข้างที่เบาะหลังอย่างทุลักทุเล
“นี่มันอะไรกัน!” ชายหนุ่มเขยิบชิดอีกฝั่งแล้วตวาดเสียงดุ “อย่ามาทำเนียนนะคุณ... ลงไป!”
“ฉันขอแชร์ค่ารถกับคุณนะคะ... ฉันขอร้อง” หล่อนยกมือไหว้ หน้าซีดเมื่อเห็นสีหน้าหวาดระแวงของชายหนุ่ม “เรารู้จักกันตั้งแต่บนเครื่อง คุณยังหลับพิงไหล่ฉันตั้งนาน แล้วยังทำน้ำลายยืดใส่ปกเสื้อฉันด้วย ดูสิคะ ดูๆ”
เอรินแบะปกเสื้อเชิ้ตให้ดู ชายหนุ่มเมินหน้าหนี และโวยใส่ทันที
“แค่นี้เอง ไม่ได้แปลว่าคุณจะมาตีสนิทกับผมได้นะ”
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนใจดี ดูจากรูปร่างหน้าตา ลักษณะท่าทางออร่าจับขนาดนี้ คุณต้องเป็นคนดีแน่ๆ เลยนะคะ” หล่อนทำตาปริบๆ เมื่อเขาเงียบจึงพูดต่ออีก “ไหนๆ คุณก็ต้องผ่านทางนั้น ฉันขอลงแค่ทางผ่านหัวมุมถนนยอร์คก็ได้”
“รู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น” เขาถามกลับมองอย่างจับผิด
“ฉันไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎหรอกค่ะ พอดีเพื่อนฉันมารับไม่ทันก็เลยให้ฉันไปรอเธอที่โรงแรมก่อน”
“ผมถามว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น หรือว่าเป็นพวกสตอล์กเกอร์”
“เปล่านะคะ! ฉันได้ยินคุณคุยโทรศัพท์แค่นั้นเอง” เอรินยิ้มหวานส่งให้ พร้อมทำท่ายกหูโทรศัพท์ว่าหล่อนรู้เพราะได้ยินเขาคุย
ชายหนุ่มถอนใจเมื่อรู้คำตอบพลันปรายตามองด้วยสายตาตำหนิอีกหน “เสียมารยาทมาก แต่ก็เอาเถอะถือว่าช่วยลูกนกลูกกา คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก มิจฉาชีพมันเยอะ คุณอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่กล้า แต่ฉันนึกแล้วว่าคุณใจดีรังสีความใจดีมันแผ่ซ่าน ขอบคุณนะคะคุณอธิปก” เอรินกะพริบตาปริบเอาใจ
“รู้ได้ยังไงว่าผมเป็นใคร”
“ถ้าฉันใส่ชุดนี้มีหวังยายวีแหกอกฉันสิคะ” เอรินบ่นพึมพำแต่เจือรอยยิ้มเหยเกเมื่อสบประกายตาวิบวับของอีกฝ่าย“ไม่เป็นไรหรอกอย่างมากก็แค่โดนเพื่อนแหกอกดีกว่าชุดแหวกทั้งหน้าเว้าทั้งหลังนั่นตั้งเยอะ”เอรินฟังคำพูดชายหนุ่มพลันหน้าแดงก่ำ รู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงแดกดันของเขาอย่างไม่มีสาเหตุดวงตากรุ้มกริ่มคู่นั้น...ทั้งรอยยิ้มบาดทีเลือดซิบ...และที่สำคัญเสียงที่คล้ายกับเจ้าชายในฝันของหล่อนจนแทบจะแยกไม่ออก หรือจริงๆ แล้วมันคือความฝันที่กลายเป็นจริง หรือที่จริงหล่อนเคยพบเขามาก่อนหญิงสาวไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้...บีเอ็มดับบลิววันซีรีย์สีดำสนิท แล่นไปบนถนนมุ่งหน้าสู่โรงแรมพาร์กพลาซ่า เอรินนั่งตัวลีบข้างคนขับที่สีหน้าเคร่งขรึมผิดไปจากเมื่อครู่ ช่างน่าอึดอัดจนอดใจไม่ถามไม่ได้“ฉันรอที่ห้างก็ได้ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก” “ผมก็โทรบอกวินซ์ให้แล้วไง จะต้องเรื่องมากทำไมกลับกับผมมันเป็นยังไง” เขาย้อนเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย สีหน้ารำคาญ“ก็เปล่า ฉันก็แค่เกรงใจ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนี่นะ เราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ตกลงชุดที่คุณมารับให้เป็นของคุณมินคนสวยหรือคะ”เขาเหลือบมองก่อนตอบ “ถามทำไม?”“ก็... ฉันได้ยินคุณ
“ผมว่าชุดนี้มันเซ็กซี่ไปไม่เหมาะกับคุณเลยนะ... เด็กน้อย”“เอ๊ะ!” เอรินชักสีหน้า พอหันกลับมาเห็นว่าเป็นใครหล่อนถึงกับตะลึง “คุณ!”“ก็ผมนะสิ นึกว่าใคร” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเอือมๆ ยังคงจ้องหน้าหล่อนด้วยแววตาเหมือนจับผิด“หรือว่าคุณมารับฉัน! นี่คงเป็นบริการเสริมสำหรับลูกค้าโรงแรมคุณใช่ไหม ถึงขนาดซีอีโอต้องมารับแขกแทนเลยหรือนี่”คำถามของหญิงสาวทำให้ซีอีโอโรงแรมใหญ่เช่นเขาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพียงตากลมโตของหล่อนฉายแววขุ่นข้อง เขาถึงกับหัวเราะเบาๆ ด้วยความระอา “ผมจะมารับคุณทำไม” “ก็แล้วคุณมาที่นี่ทำไมละคะ” หล่อนถามเสียงขุ่นเมื่อเจอน้ำเสียงล้อเลียนเข้า แต่อีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปากราวขบขันจนหล่อนนึกเคือง“ผมมารับชุดต่างหาก” เขาตอบก่อนจะหันไปยิ้มกับพนักงานที่พินอบพิเทาให้การต้อนรับเป็นพิเศษต่างกับที่ปฏิบัติกับหล่อนลิบลับ ชุดทักซิโด้สีดำบรรจงแขวนและใส่ถุงเรียบกริบคู่กับชุดราตรียาวสีเบจที่เห็นทำให้เอรินลอบมองด้วยความสนใจ ที่แท้มารับชุดให้แฟน... หล่อนคิดในใจ แต่เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายก็เลยถามแก้เก้อ “คุณคงมารับชุดให้แฟนสินะคะ ชุดสวยจังฉันชักจ
อีกฝ่ายตะครุบตัวหล่อนรวบเข้าหาจนแผ่นหลังชนแผงอกล่ำแล้วเอามือปิดปากกระซิบข้างหู“ฟังผม!”“ไม่ฟัง!”เอรินสะบัดหน้าหนีแต่ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายพูดคำต่อมา“ถ้าไม่ฟัง ผมจะจูบคุณนะ... สาวน้อย”“หะ... หา!”เอรินหยุดชะงักยืนแข็งทื่อตามสั่งจนชานนท์คลายวงแขน พอตั้งสติได้หล่อนจึงหันมาเผชิญหน้าสีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอด จนชายหนุ่มเอามือปัดไปมาหน้าหล่อนเพื่อเรียกสติ“นี่! เป็นอะไรไป ผมแค่พูดเล่น เห็นเดินคนเดียวเปลี่ยวใจกลัวใครจะมาลากไปซะก่อน... นี่ก็ดึกแล้วด้วย”“ฉะ... ฉัน แค่นึกอะไรเพลินไปหน่อยค่ะ” หล่อนเสียงสั่นยังตะลึงกับคำพูดเมื่อครู่ไม่หายมันช่างเหมือนกับในฝันราวกับไม่ได้ฝัน...“แล้วไป ก็นึกว่าอยากเล่นเอ็มวีก็เลยทำตัวเป็นพระเอกให้นี่ไง” เขาตอบหน้าตาเฉยกลิ่นเหล้าคลุ้งจนเอรินหน้ามุ่ย“โผล่มาแบบนี้เขาเรียกว่าผู้ร้ายบ้ากามมากกว่ารึเปล่าคะ คุณเล่นทำอย่างกับตัวร้ายดักฉุดนางเอกในนิยาย นี่ถ้าฉันไม่โวยวายคุณอาจจะทำมิดีมิร้ายฉันก็ได้” หล่อนเถียงไปข้างๆ คูๆชายหนุ่มฟังแล้วหัวเราะพรืดพลางหรี่ตามองร่างเพรียวบางตรงหน้าแล้วถอนใจ“ไม่มีใครอยากทำอะไรเด็กแบบคุณหรอก ผมก็แค่พูดเล่นสนุกๆ ไปง
หญิงสาวถึงกับบ่นอุบ นึกโมโหตัวเองที่อวดเก่งไม่ถามรายละเอียดห้องพักที่เพื่อนรักตรียมไว้ให้แม้แต่สำเนาการเข้าพักหล่อนก็ไม่ได้ขอเอาไว้ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีทีท่าวินซ์จะกลับมา ท้องหล่อนเริ่มร้องประท้วงเพราะยังไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่เช้าร่างสูงเพรียวทรุดนั่งบนโซฟาเนื้อนิ่มอย่างอ่อนแรง นึกจะไปหาอะไรรองท้องที่ร้านสะดวกซื้อก็กลัวจะคลาดกับเพื่อนรัก ได้แต่นั่งเพ่งสายตาหน้าประตูโรงแรมอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าวินซ์จะกลับมาโดยเร็วแต่ก็ไม่มีวี่แวว จนหล่อนเผลอสัปหงกเป็นพักๆ และสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลเหมือนเสียงที่คุ้นเคยในความฝัน! “สงสัยฉันต้องเมาเครื่องบินแน่ ได้ยินเสียงใครก็ไม่รู้เป็นเจ้าชายในฝันไปได้ ฉันบ้าไปแล้วเพราะเธอเลย... ยายวี”หล่อนเผลอคิดดังกว่าจะรู้ตัวก็อับอายสายตาคนมอง หญิงสาวก้มหน้าก้มตางุดแต่ต้องสะดุดกับภาพชายหญิงคู่หนึ่งหน้าเคาน์เตอร์ ทั้งสองมองมาด้วยความสนใจแล้วสาวสวยก็ตรงเข้ามาทัก“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อมินนี่เป็นเลขาท่านประธาน ได้ยินว่าคุณยังไม่ได้ห้องพัก กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันจะติดต่อคุณวิลเลียมแล้วจะจัดการให้โดยเร็วที่สุดค่ะ”เสียงหวานนุ่มพูด
ชายหนุ่มเสียงเข้ม ดวงตาคมจ้องมาด้วยความเคลือบแคลงอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่า...”“ฉันไม่ใช่สตอล์กเกอร์จริงๆ ค่ะ” หล่อนส่ายหน้าพลางโบกมือ “ก็ฉันเห็นชื่อคุณที่แท็กกระเป๋าก็เลยจำได้ว่าคุณคือคุณอธิปก ราชรัตน์ แห่งเดอะเกร็ทแทรเวลบริษัททัวร์ที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทย” หล่อนร่ายยาว “ที่บ้านฉันก็ส่งแขกให้บริษัททัวร์ของคุณบ่อยๆ”“ที่บ้านคุณเป็นรีสอร์ต?” อธิปกถามกลับแสดงความสนใจทันที“เปล่าค่ะ แค่โฮมสเตย์เล็กๆ ทำกันเองในครอบครัวไม่มีชื่อเสียงอะไรหรอกค่ะ” หล่อนตอบสีหน้าภูมิใจ “ฉันถึงอยากเป็นไกด์จะได้เปิดบริษัททัวร์เพิ่มเติมช่วยรายจ่ายที่บ้าน”อธิปกพยักหน้ารับฟังสีหน้าครุ่นคิด “งั้นผมช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”“ขอบคุณมากนะคะ”เอรินฉีกยิ้มกว้างดีใจจนปิดไม่มิด อธิปกได้แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความลื่นไหลของหญิงสาว บอกรถแท็กซี่ให้แล่นไปยังเป้าหมายที่หล่อนต้องการ ก่อนจะเมินหน้าหนีหลับตาพิงพนักเบาะปัดความรำคาญเอรินมองเสี้ยวหน้าชายหนุ่ม ใบหน้านวลเห่อร้อนจนต้องเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างอีกทางมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกด้วยความตื่นตาตื่นใจผ่านไปครู่ใหญ่แท็กซี่จึงแล่นเข้าสู่ย่านตึกสูงบนถนนยอร์ค มองเห็นลอนดอนอา
เอรินมองแผ่นหลังสูงใหญ่ด้านหน้าระหว่างเข้าคิวรอกระเป๋าอีกใบที่ลำเลียงลงมาจากเครื่องแล้วหล่อนได้แต่หน้ามุ่ย ชายหนุ่มคนเดิมคล้องกระเป๋าเป้ล้อเลื่อนใบใหญ่ขึ้นไพล่หลัง มืออีกข้างจับโทรศัพท์มือถือแนบหูคุยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ “ครับพี่ ผมเพิ่งถึงได้ครู่ใหญ่ กำลังจะจับแท็กซี่ไปโรงแรม ไม่ต้องมารับ ใช่ครับ ผมจองรอยัลเฮาส์การ์ดไว้ ไม่ได้พักโรงแรมพี่ พอดีผมมีธุระต่อ”เดอะรอยัลเฮาส์การ์ด!นั่นมันคือโรงแรมระดับห้าดาวสุดหรูริมแม่น้ำเทมส์นี่นา...สาบานได้ว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง เขากำลังจะไปโรงแรมนั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแค่แม่น้ำกั้นกับโรงแรมที่หล่อนพักท่าทางภูมิฐานแต่งกายสะอาดสะอ้านแสดงว่าภูมิหลังคงดีพอดูถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่ก็ดูใจดี เมื่อได้คุยกันยาวหลังจากที่เขาออกจากห้องน้ำมา ทำให้รู้ว่าชายหนุ่มขาวจัดมาดเนี๊ยบคนนี้มีภารกิจคล้ายกันกับหล่อนคือต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาวเหมือนกันแต่คงไม่บังเอิญขนาดงานเดียวกับหรอก... เอรินครุ่นคิดถึงเงินในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนใจ ว่ากันว่าค่าแท็กซี่ลอนดอนแพงมหาโหดขนาดไหน ถ้าไม่ติดที่รอให้เพื่อนมารับหล่อนจะขอติดรถชายหนุ่มเข้าเมืองด้วยแ