“ก็แค่เป็นคนที่ขับรถชนหนู อย่างที่เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์เมื่อวาน คุณลุงอย่าไปสนใจเลยนะคะ”“อ่อ... ไหว้พระเถอะพ่อหนุ่ม” สิทธิ์ตอบรับแล้วหันไปให้ความสนใจหญิงสาวต่อ“ว่าแต่หนูมาทำอะไรที่เมืองไทย ลุงได้ข่าวว่าหนูไปได้ดีกับอาชีพนางแบบที่ลอนดอนไม่ใช่หรือ แล้วนี่ได้กลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่นิวยอร์คบ้างรึเปล่า” “ไม่ได้กลับไปเลยค่ะ เกือบปีนึงแล้ว มีแต่คุณพ่อคุณแม่ที่บินมาเยี่ยมหนูที่ลอนดอนเมื่อปีที่แล้วค่ะ” “ท่าทางจะลงหลักปักฐานที่ลอนดอนซะแล้วมั้ง ดีเหมือนกันนะ สรินกับแฟนก็กลับไปดูโรงแรมให้ลุงแทนอเล็กซ์ ต่อไป หนูคงจะมีเพื่อนไม่ต้องทนเหงานะ ห่วงก็แต่เจ้าอเล็กซ์ ลุงยังไม่รู้เลยว่าเขาตกลงใจจะอยู่ลอนดอน หรือฟลอเรนซ์ หรือเมืองไทย รายนั้นเขามุ่งมั่นบุกเบิกไปเรื่อยๆ น่ะ” “ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ หนูก็อยากอยู่ทุกที่ที่อเล็กซ์อยู่ค่ะ”“คำพูดดูมีนัยยะแปลกๆ นะ” ชายชราหัวเราะร่วน ชอบใจที่ลูกสาวเพื่อนรักเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนพ่อ “หนูอยากแต่งงานกับอเล็กซ์ค่ะ คุณลุงช่วยพูดกับเขาให้ได้ไหมคะ”“หืม ถึงขนาดต้องให้ลุงช่วยพูด หนูแน่ใจหรือ” น้ำเสียงสูงตอบอย่างไม่เชื่อหู
รถญี่ปุ่นสี่ประตูสีขาวสภาพกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ กรณ์ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำเปิดกระดุมสองเม็ดบนและกางเกงสแล็คสีดำสนิทลงมาจากรถด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดแนบหูก่อนจะปิดประตูรถเดินตรงมายังลิฟท์โดยสารจุดมุ่งหมายคือห้องพักของหญิงสาวเอาแต่ใจที่อยู่ชั้นสิบ กรณ์ถึงกับถอนหายใจที่ต้องมาเจอกับคู่กรณีสาวที่ถึงแม้จะสวยเซ็กซี่ถูกสเป็คของเขาไม่เบา แต่เจ้าหล่อนก็น่ารำคาญที่คอยบงการราวกับเขาเป็นทาสในเรือนเบี้ยก็ไม่ปาน “โอเค โอเค... เจอกัน” “จะไปไหนกันอีกนะ ยายคุณนาย เมื่อไหร่จะหายซะทีชักจะมากไปแล้ว เจอหน้าคงต้องโวยกันหน่อย”หลังจากวางสายจากสาวเอาแต่ใจที่กำลังจะเจอ กรณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาเรื่องราเชลให้ได้ ทันทีที่ประตูห้องเป้าหมายเปิดออกตามเสียงกริ่งรัว ราเชลในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีแดงกางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้าถึงต้นขาคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวบางเบายืนเท้าแขนสีหน้าหงุดหงิดอยู่หน้าประตู ขาเรียวสวยมีเฝือกหนาอยู่ตรงข้อเท้าขึ้นมาเกือบถึงเข่าขวาทำให้กรณ์ท
คนถูกถามยกมือซ้ายหันหลังมือที่มีแหวนทองคำขาวประดับเพชรสีฟ้าเม็ดย่อมให้ชายหนุ่มดู พร้อมคำพูดตะกุกตะกัก “ฉันว่าจะโกรธคุณอยู่แล้ว แต่ นี่... นี่มัน” เอรินเสียงสั่นดวงหน้านวลก้มหลบสายตาเขา ใสเจือสีแดงนิดๆ อย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ผมสลวยรวบผูกเป็นหางม้าทรงสูงแบบลวกๆ ดูน่ารักจนคนมองใจอ่อนยวบ เดินเข้ามาหาเอรินที่ไม่มีทีท่าต่อต้านแบบทีแรก“เมื่อกี้เธอโกรธ ฉันก็เลยไม่ทันได้บอก นี่คือของขวัญสุดพิเศษที่ฉันบอกว่าจะมอบให้เธอเมื่อมาถึงที่นี่ แหวนแต่งงานของเรา สีฟ้าสดใสเหมาะกับเธอมากจริงๆ”ชานนท์ยิ้มจาง ดวงหน้าเข้มมีรอยกังวลกลัวหญิงสาวมีปฏิกริยาแปลกๆ อีก ก้าวเข้ายืนประจันหน้าและคว้ามือเรียวบางที่สวมแหวนขึ้นมาประทับจูบหลังมือ เอรินถึงกับตะลึงกับการกระทำอ่อนโยน น้ำตาคลอออกมา“คุณง้อผู้หญิงด้วยวิธีแบบนี้บ่อยๆ รึเปล่าคะ แล้วพวกเธอ...” เอรินลังเลที่จะพูด ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ฟัง รีบแก้ความเข้าใจผิด “ไม่เอาแล้วนะ ต่อไปห้ามคิดแบบนี้ ฉันใจหายหมด อย่าคิดว่าฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตสิ ทุกอย่างที่เราทำร่วมกันมันเกิดจากความรัก ได้โปรด เป็นภรรยาของฉันนะ
แล้วกรณ์ก็ต้องวิ่งสุดชีวิตเข้าไปภายในรั้วบ้านสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้รกร้างทันทีที่ปื๊ดมาส่ง และพบว่ากำลังมีการรื้อถอนตัวตึกบางส่วนพร้อมทั้งปรับสภาพภายในบริเวณบ้านด้วยคนมากมาย ชายหนุ่มถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็น “นี่พวกคุณ! ทำอะไรกัน” เสียงตะโกนมาแต่ไกลของกรณ์ทำให้ เสกสรร หัวหน้าคนงานเขม้นมองด้วยความสงสัย ก่อนจะรามือจากการทำงานเดินตรงเข้ามาหา แล้วคำถามชวนหาเรื่องหลังจากเห็นสีหน้าไม่เป็นมิตรของกรณ์ที่มองมา ทำเอาเสกสรรนึกเคืองขุ่นอยู่ไม่น้อย “โรงแรมสร้างใหม่ แล้วคุณละเป็นใคร” “ผม... เอ่อ แค่อยากรู้ว่าพวกคุณมาทำอะไรกับบ้านหลังนี้ พอดีบ้านผมอยู่ใกล้ๆ เห็นบ้านหลังนี้มานานก็เลยอยากรู้แค่นั้นเอง แล้วที่ว่าจะทำเป็นโรงแรม เจ้าของเป็นใคร” กรณ์ถามอ้อมแอ้มสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อเห็นคนงานหลายคนรามือจากงานแล้วเข้ามายืนดูอย่างสนใจ “อ้อ... ที่แท้ก็พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถ้าอยากรู้ก็ไปถามคนบนรถตู้ที่จอดหน้าบ้านโน่น เธอเป็นสถาปนิกออกแบบโรงแรมนี้”กรณ์มองตามเสกสรรที่ชี้มือไปยังรถตู้คันที่เห็นอยู่ไม่ไกล รีบเดินออกไปตรงจุดที่รถตู้คันเป้าหมายจ
ชานนท์ยกมือซ้ายของตนที่ประดับแหวนคู่ทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กซ้อนทับลงไปบนมือซ้ายของร่างที่นอนหลับใหลไม่รู้เรื่องในอ้อมกอดก่อนจะยกขึ้นมาทาบกันอย่างภูมิใจ“ขอโทษนะ... ที่จำเป็นต้องผูกมัดเธอไว้ด้วยวิธีนี้ ถ้าเธอรู้จะเกลียดฉันมากไหม... ยายตัวเล็กของพี่” ชานนท์พึมพำสีหน้าสลด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก เขาจะไม่มีวันเสียเอริน แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการของตัวเองได้นับเป็นวันแรกตั้งแต่มาเยือนเกาะสมุยโดยที่อากาศสดใสและไม่มีฝนตก ชานนท์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างพอใจ วันนี้เขาคิดเอาไว้ว่าจะพาเอรินออกไปเที่ยวรอบเกาะตามคำเรียกร้องของหล่อนเสียที แต่เสียงกระทบของกุญแจวงกลมหน้าประตูวิลล่าก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูชานนท์เดินไปเปิดประตูห้องนอนรับสำรับอาหารหอมกรุ่นที่พนักงานนำมาเสิร์ฟถึงที่อย่างพอใจ ให้ทิปไปจำนวนหนึ่ง กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาแตะจมูกคนขี้เซาที่นอนหลับอยู่บนเตียงหลังใหญ่อย่างจังแล้วความสุขในการหลับใหลก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อรู้สึกถึงแรงยุบตัวของที่นอนข้างกาย ชานนท์เกลี่ยปลายนิ้วลงบนแก้มนวลใสอย่างเอ็นดู พร้อมกับประทับจูบลงมาบนหน้าผากนูน
หญิงสาวได้แต่มองส่งหนุ่มรุ่นน้องกลับไปอย่างไม่ค่อยสบายใจ ทั้งสองหนุ่มมีบางอย่างที่คล้ายกันมากแต่หล่อนก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรนอกจากความรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้พินิจกรณ์ตรงๆ ส่วนคนใจร้อนก็ต้องขับรถฝ่าสายฝนกลับบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านของสิมิลันเกือบห้าสิบกิโลเมตรด้วยความหงุดหงิด ทันทีที่ติดต่อตามเบอร์ที่ให้มาไม่ได้ ถึงกับโยนโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดทิ้งลงบนเบาะข้างที่นั่งอย่างขัดใจ “โธ่เว้ย! มันจะอะไรกันนักกันหนา อุตส่าห์มาตามเอาเบอร์ถึงที่นี่ก็ดันติดต่อไม่ได้อีก ยายเอรินจอมดื้อด้าน...กลับมาฉันจะดูเธอไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลย คอยดูสิไอ้หมอนั่นมันมาตีสนิทกับเธอต้องการอะไรกันแน่... ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยยายบ้า” กรณ์ฉุนเฉียวอยู่คนเดียวในรถ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ท่ามกลางสายฝนภายนอกที่เทลงมาอย่างหนักจวบจนค่ำมืด ไอเย็นและละอองฝนปะทะกระจกจนเป็นฝ้า ชานนท์บรรจงเลื่อนม่านลงมาปิด ในห้องจึงมืดสลัวมีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนหอมที่จุดพอให้มีแสงสลัวและกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คนนอนหลับคู้ถึงกับเคลิ้มฝัน “ฉันรักคุณลุงค่ะ” เสียงละเมอเบาๆ ปล