Share

8 ต่อล้อต่อเถียง

Author: sammi'P
last update Huling Na-update: 2025-06-25 10:03:00

“ถ้าฉันใส่ชุดนี้มีหวังยายวีแหกอกฉันสิคะ” เอรินบ่นพึมพำแต่เจือรอยยิ้มเหยเกเมื่อสบประกายตาวิบวับของอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรหรอกอย่างมากก็แค่โดนเพื่อนแหกอกดีกว่าชุดแหวกทั้งหน้าเว้าทั้งหลังนั่นตั้งเยอะ”

เอรินฟังคำพูดชายหนุ่มพลันหน้าแดงก่ำ  รู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงแดกดันของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ

ดวงตากรุ้มกริ่มคู่นั้น...

ทั้งรอยยิ้มบาดทีเลือดซิบ...

และที่สำคัญเสียงที่คล้ายกับเจ้าชายในฝันของหล่อนจนแทบจะแยกไม่ออก หรือจริงๆ แล้วมันคือความฝันที่กลายเป็นจริง หรือที่จริงหล่อนเคยพบเขามาก่อน

หญิงสาวไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้...

บีเอ็มดับบลิววันซีรีย์สีดำสนิท แล่นไปบนถนนมุ่งหน้าสู่โรงแรมพาร์กพลาซ่า เอรินนั่งตัวลีบข้างคนขับที่สีหน้าเคร่งขรึมผิดไปจากเมื่อครู่ ช่างน่าอึดอัดจนอดใจไม่ถามไม่ได้

“ฉันรอที่ห้างก็ได้ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก”

 “ผมก็โทรบอกวินซ์ให้แล้วไง จะต้องเรื่องมากทำไมกลับกับผมมันเป็นยังไง” เขาย้อนเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย สีหน้ารำคาญ

“ก็เปล่า ฉันก็แค่เกรงใจ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนี่นะ เราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ตกลงชุดที่คุณมารับให้เป็นของคุณมินคนสวยหรือคะ”

เขาเหลือบมองก่อนตอบ “ถามทำไม?”

“ก็... ฉันได้ยินคุณพูดโทรศัพท์เมื่อกี้แต่คุณดูอารมณ์ไม่ดีหลังจากคุยจบ”

“สอดรู้เรื่องของผู้ใหญ่”

“เอ๊! คุณ... ฉันก็แค่คิดว่าเผื่อคุณอยากระบาย”

“ช่างเถอะ” ชานนท์ตอบห้วนสีหน้าจริงจัง “ไปนั่งเป็นเพื่อนดื่มหน่อยก็แล้วกัน”

เอรินได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเป็นการตอบรับไปในตัวแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ไปตามเรื่อง รถเบนเข็มออกนอกเส้นทางก่อนถึงสะพานข้ามไปฝั่งที่โรงแรมตั้งอยู่ หญิงสาวมองสองข้างทางเพลิดเพลินแต่ไม่นานก็อุทานน้ำเสียงตื่นเต้น

“โรงแรมเดอะรอยัลเฮ้าส์การ์ดนี่นา สวยเหมือนปราสาทโบราณเลยนะคะ”

“รู้จักด้วย?”  

“รู้จักสิคะ”  หล่อนตอบพลางเหลียวหลังมองตึกรูปทรงโบราณสีน้ำตาลอ่อนแต่มองจากภายนอกดูโอ่อ่าจนละสายตาแทบไม่ได้

“รู้จักได้ยังไง” เขาถามคล้ายไม่จริงจังนัก

“เมื่อวานฉันติดรถแท็กซี่ของหนุ่มหล่อใจดีมาจากสนามบิน เขาบอกว่าพักที่นี่ค่ะ”

“แท็กซี่? คุณไว้ใจคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ผู้ชายไม่ได้ใจดีทุกคน” ชานนท์ตำหนิเสียงเข้ม “ถึงที่นี่คืออังกฤษก็ใช่ว่าควรไว้ใจ”

“ฉันรู้หรอกค่ะ” หล่อนตอบกลับหน้ามุ่ย

“รู้?” ชานนท์ย้อน “ขนาดเจอกันสองวันยังกล้าเถียงฉันฉอดๆ ทั้งที่ฉันแก่กว่าเธออย่างน้อยน่าจะสิบปี”

สิบปีเลยหรือ...

แสดงว่าเขาก็น่าจะอายุไม่น่าเกินสามสิบห้า มากกว่าหล่อนสิบปีจริงๆ แต่อายุที่มากกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทำจะน่าไว้ใจ ดูอย่างที่เขาบังคับหล่อนให้นั่งรถมาด้วยทั้งที่ไม่เต็มใจ เอรินครุ่นคิด เหลือบตามองดวงหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่ายแล้วนึกหมั่นไส้มากขึ้น

“ก็คุณชอบทำให้ฉันอารมณ์เสีย ไม่เอาแล้วเลิกพูดเรื่องฉันดีกว่า อยากรู้จังว่าใครจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวคู่กับฉันนะ จะหล่อมาดแมนแฮนด์ซั่มรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”

“เพื่อนเจ้าบ่าวเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกับผมเอง เป็นคนไทย อ้อเขาพักที่รอยัลเฮาส์การ์ดด้วย”

เอรินหันขวับมาให้ความสนใจทันที “โรงแรมเดียวกับหนุ่มหล่อใจดีของฉัน?”

            “ดีใจเว่อร์ไปนะ”

ท่าทางดีใจออกนอกหน้าทำให้ชานนท์หมั่นไส้หญิงสาวโดยไม่มีสาเหตุ พอรถแล่นมาจอดหน้าร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังอย่างวาเลียนโน ร้านอาหารชื่อดังหนึ่งในร้านโปรดของเขา สองหนุ่มสาวจึงสงบศึกชั่วคราว

กว่าจะถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม เพราะบริการเสริมเพิ่มเติมหลังจากมื้ออาหารเย็นที่อร่อยล้ำแล้ว ซีอีโอหนุ่มยังพาไปชมผลงานระดับศิลปินดังระดับโลกที่เฮย์เวิร์ดแกลลอรีอยู่พักใหญ่จนเจอเข้ากับเลขาส่วนตัวของเขาและเด็กน้อยน่ารักที่ได้รับการแนะนำว่าคือลูกชาย

เอรินเก็บข้อมูลบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองอย่างละเอียดยิบระหว่างนั่งรถกลับมาที่โรงแรมและในที่สุดก็อดใจไม่ไหวเอ่ยถามขณะชานนท์นำรถเข้าจอดยังลานจอดรถของโรงแรม

            “ฉันได้ยินวีบอกว่าคุณพักอยู่กับคุณมินนี่ที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม เอ่อ... คือฉันไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงหรอกนะคะ แต่แค่สงสัยว่าคุณสองคนเป็น เอ่อ... แบบว่าสามีภรรยากันหรือคะ”

ชานนท์หันขวับมามองด้วยแววตากราดเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นบ้างจะได้ไหม”

“ทีคุณยังอยากรู้เรื่องของฉันเลย”

“ที่ผมถามเพราะเป็นห่วง”

เอรินหันขวับมามองคนพูด แววตาฉงนแฝงความอยากรู้กับคำพูดจนชายหนุ่มเอ่ยแก้เก้อ

“อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เพื่อนของวิลเลียมก็เหมือนเพื่อนของผมนั่นแหละคือเหตุผลที่ห่วง”

            ชานนท์ขยับตัวไล่ความเมื่อยขบ พิงพนักเบาะหลับตานั่งนิ่ง เอรินลอบมองดวงหน้าด้านข้างของเขารู้สึกใจกระตุกแปลกๆ อาจเพราะหล่อนสนใจเขา

            ไม่จริง!

            หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดแต่อีกฝ่ายหลับตานิ่งราวอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง หล่อนจึงกล้าที่จะแอบมองจนลืมตัว

เพียงแรกเห็นก็รู้สึกราวผูกพันมานาน แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่ใช่ทั้งเจ้าชายในฝัน และที่สำคัญเขาไม่อยู่เมืองไทยและที่สำคัญที่สุดเขาดูเหมือนจะมีพันธะแล้ว

แค่คิด จิตใจพลันห่อเหี่ยวขึ้นมาพิกล...

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   124 ที่เก่าแต่เราสามคน (ตอนจบ)

    เอรินส่ายหน้าไม่เชื่อสายตาจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง ชานนท์ยืนยิ้มขำขันอยู่ด้านหลังมือไพล่หลังเก็บงำบางอย่างไว้ก่อนจะยื่นมาตรงหน้า กลิ่นหอมของกุหลาบชมพูดอกตูมช่อใหญ่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เอรินยกมือขึ้นรับอย่างเก้กัง จับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนที่ชานนท์จะหยิบแก้วไวน์ที่ยึดมานั่งจิบที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน สีหน้านิ่งขรึมเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนต้องวางแก้ว “ใครใช้ให้สั่งเคียนติมาดื่ม... หือ นี่มันแรงนะ” สีหน้านิ่งขรึม น้ำเสียงขุ่นไหนจะท่านั่งไขว่ห้างยียวนกวนสายตาคนมอง เอรินยังคงจ้องไม่วางตา นึกเป็นคำพูดไม่ออกได้แต่อ้ำอึ้งจนชานนท์ต้องเอ่ยออกมาอีกคำรบหนึ่ง “พูดไม่ออกเลย นี่กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะ สั่งเจ้านี่มาได้ไง ไม่ดีต่อลูกในท้องไม่รู้รึไง ทำอะไรไม่นึกถึงหน้าลูกก็นึกถึงหน้าพ่อของลูกบ้างสิ” “ก็ไม่เคยเห็นหน้าลูกนี่ จะนึกออกได้ไง แค่นี้ไม่เห็นต้องดุกันเลยนี่” เอรินเถียงเสียงอ่อยจากที่กำลังชื่นชมดอกกุหลาบงามอยู่เมื่อครู่ ถึงกับหุบยิ้มแล้ววางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ มองค้อนคนตรงหน้าอย่างน้อยใจ “มีเมียดื้อก็งี้แหละ คงได้แ

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   123 สองเราใต้เงาฟลอเรนซ์

    เสียงใสที่เหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งดังมาจากด้านหลัง เอรินหันขวับไปมองคนเรียกชื่อสกุลใหม่ของเธอเสียเต็มยศอย่างฉงนใจ แล้วดวงหน้ากลมมีน้ำมีนวลก็แย้มยิ้มกว้างอย่างดีใจ “คุณสริน! มาได้ยังไงคะ” น้ำเสียงตื่นเต้น เรียกรอยยิ้มของสรินได้เป็นอย่างดีจนอดใจไม่ไหวที่จะแกล้ง “ก็ขับรถมาสิ ถามได้” สรินเอ่ยอย่างขบขันเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของหญิงสาวตรงหน้า เอรินดูเปลี่ยนไปมาก สวย อิ่มเอิบผิดหูผิดตาแต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือความสดใส น่ารัก ที่ยังคงมีให้เห็น และแสดงออกทางแววตาสดใสอยู่เสมอ “เชื่อแล้วค่ะ ว่าคุณสองคนเป็นพี่น้องกัน คุณซึมซับพี่นนท์มาเต็มเปี่ยมเลย พูดเหมือนเขาเปี๊ยบตอนฉันเจอกับเขาที่บ้านคุณมินน่ะค่ะ” เอรินยู่ปากอย่างเคย แต่ก็พูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกไปถึงคราวนั้นที่เจอกันอีกครั้งที่บ้านริมทะเล “เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งถึงที่ วันนี้เธอพักก่อนนะ คืนนี้ฉันจะพาเธอไปทานข้าว” “ส่งที่ไหนคะ” “ก็ส่งที่บลูเนลเลสคีไง ฉันจองไว้ให้แล้ว เธอต้องพักที่นั่น” คำว่า ‘ต้อง’ ช่างสะดุดหูเอรินยิ่งนัก เป็นเหตุบังเอิญรึเปล่านะ ที่มันเผอิญไปพ้องกับชื่อโรงแรมที่เคยไป

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   122 ฟลอเรนซ์

    “ฉันจะให้เธอไปฟลอเรนซ์ เป็นตัวแทนเข้าพบมิสเตอร์ซี เอ่อ..หุ้นส่วนใหม่ เขาเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เราจะคอนแท็คกันด้านธุรกิจทัวร์ เธอต้องช่วยฉันนะเอริน ถ้าโปรเจคนี้ประสบความสำเร็จคุณแม่กรณ์จะได้ยอมรับ ฉันแก่ลงทุกวัน อยากแต่งงานแล้ว เธอช่วยฉันนะ” “คะ... ฉันก็อยากช่วยคุณกับกรณ์ แล้วฉันจะไหวหรือคะ ไปไกลถึงฟลอเรนซ์เลย อะไรก็ยังไม่ได้เตรียมอีกอย่างคือท้องฉัน” เอรินหยุดคำพูดเพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสายตาเป็นประกายวิบวับราวขอร้องจากราเชล ก็ได้แต่อึกอักพูดไม่ออก ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ เสียงตะโกนเรียกก็ดังมาจากในบ้าน เสียงที่ราเชลถึงกับถอนหายใจพรืด “ราเชล! ทำอะไรอยู่ อย่าอู้ ไปเรียกกรณ์มากินข้าวได้แล้ว บอกแม่ให้ลงมาอย่างด่วน ขี้เซาซะจริง นอนกินบ้านกินเมืองนัก” “นะเอริน นะ ช่วยฉันนะ ดูสิ แม่สามีดุอย่างกับจะฆ่ากันแล้วเนี่ย นะๆ” “ค่า... คุณแม่! เดี๋ยวหนูไปเรียกให้” ราเชลตะโกนตอบแล้วหันมาพยักเพยิด รีบลุกปัดฝุ่นทรายออกจากชุดแล้ววิ่งฉิวออกไป ปากก็ตะโกนตอบว่าที่แม่สามีไปด้วย สร้างความขบขันให้กับเอริน คิดถึงฟลอเรนซ์จัง... ว่าที่คุณแม่ได้แต่ครุ่นคิด...ราเช

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   121 ลอนดอน

    บรรยากาศยามค่ำคืนของลอนดอน ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟสว่างหลากสีสันสะท้อนแข่งกับแสงไฟตึกรามอาคารบ้านช่อง ชานนท์เหม่อมองภาพเหล่านั้นอย่างลืมตัวไม่ทันได้สนใจรอบกายว่าจะมีใครเข้ามารบกวนในช่วงเวลาแห่งความดื่มด่ำและหวนระลึกถึง หลังเสร็จสิ้นภารกิจงานหลักในตอนกลางวัน ช่วงเวลาค่ำคืนจึงจะได้เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง เกรนวิสกี้พร่องไปกว่าครึ่งแก้วยังคงตั้งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะจนละลาย เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในจุดที่เห็นสีสันของลอนดอนอายชัดเจน ภาพในอดีตกลับเข้ามาวนเวียนอืกครั้งและอีกครั้งถึงแม้ไม่ได้นึกถึงมัน สาวน้อยหน้าตาน่ารักท่าทางลุกลี้ลุกลนที่เอ่ยทักสิมิลันด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างสุดแสน เขาจำได้ดีทั้งที่ไม่ได้สนใจไม่เคยใส่ใจ แต่กลับจำได้ ดวงตากลมโตสีสนิมดูตื่นตระหนกแต่น่ามองอย่างประหลาดชานนท์หัวเราะออกมาอย่างนึกขบขัน เอ็นดู ยามนึกถึงสาวน้อยที่วิ่งแจ้นตามเขาไปทุกที่ตลอดเวลาเดินทางไปด้วยกันตามลำพังที่ฟลอเรนซ์ ช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่เขาทั้งเสียใจเพราะสิมิลันปฏิเสธรัก แต่หัวใจถูกเติมเต็มเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว “ทำอะไรอยู่... อเล็กซ์” เสียงทักทายคุ้นหูดังมา

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   120 เป็นแค่รถฟักทอง

    ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษว่างเปล่าราวกับไม่มีใครพักอยู่ก่อน เตียงสีขาวถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของในห้องมีเพียงของใช้พื้นฐานที่ไม่บ่งบอกว่ามีผู้ป่วยพักอยู่ เอรินถึงกับหน้าถอดสีทันทีที่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใจหายเมื่อไม่เห็นเขา “ยักษ์!... เขาหายไปไหน หรือว่าเขาไม่อยู่แล้ว หรือว่า...” “เฮ๊ย! ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งร้อง เดี๋ยวฉันไปถามพยาบาล” กรณ์พูดปลอบ แต่เอรินยังคงคร่ำครวญ “พี่นนท์! ฮือ ฮือ แล้วฉันกับลูกจะอยู่ยังไง” เอรินร่ำร้องอย่างลืมอายนึกไปสารพัดว่าเขาอาจจะเป็นอะไรไป หรือเธอมาไม่ทัน กรณ์โอบไหล่ประคองร่างบางที่กำลังเข่าอ่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นให้ยืนหยัดอยู่ในอ้อมแขนเขา “ฉันว่าเขาไม่เป็นไรหรอกมั้ง สงสัยเราเข้าห้องผิดแน่ๆ” คำพูดของกรณ์ไม่ช่วยให้ดีขึ้น กลับทำให้ใจหายหนักกว่าเก่า น้ำตาพร่างพรูพาลไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมด เสียงสะอึกสะอื้นสะท้อนดังก้องภายในห้อง จนคนในห้องน้ำเปิดประตูออกมา แล้วเขาก็พบเอรินกำลังซบหน้ากับอกกรณ์ร้องไห้สะอื้นเสียงดัง ชานนท์กระแอมออกมาเบาๆ เรียกสติ ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคย หล่อนเหลียวมองหาที่มาจนพบเขาอยู่ในสายตาใกล้กันชนิดหล่อนเองยัง

  • กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า   120 ไม่มีอีกแล้ว

    บ้านต้นไม้เงียบเหงาวังเวง ใบไม้แห้งเกลื่อนนอกชานเพราะขาดการเอาใจใส่นับตั้งแต่วันที่สองพ่อลูกถูกหามส่งโรงพยาบาล เอรินมองสภาพของบ้านแล้วได้แต่ทอดถอนใจ มือคว้าจับราวบันไดยึดเป็นที่พึ่งยามร่างกายอ่อนแรงสูญเสียกำลังใจ ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออก กลิ่นอับภายในห้องกระทบจมูกถึงกับนิ่วหน้า มองไปรอบบริเวณห้องแล้วได้แต่นึกถึง “บ้านนี้เหงาจัง... เมื่อไม่มีคุณ ต่อไปที่นี่คงไม่มีคุณอีกแล้ว” หญิงสาวล้มตัวนอนบนเตียงอย่างเดียวดาย ห้องที่มีความทรงจำและเปี่ยมด้วยความหวังมากมาย การได้กลับมาพบเจอได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ถึงแม้ในช่วงเวลาอันสั้น แต่ทุกอณูภายในห้องก็ยังมีกลิ่นและร่องรอยความทรงจำของเขา น้ำตารินไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นสะท้อนแผ่วเบาออกมายังนอกบริเวณบ้าน กรณ์ชะงักฝีเท้าขณะก้าวพ้นประตูกระจกเข้ามาภายในห้อง มือชะงักค้างอยู่กับบานประตูหมายจะเลื่อนเปิดกว้างให้อากาศถ่ายเท แต่เมื่อเห็นร่างบอบบางที่นอนคุดคู้สะอื้นหันหลังมาทางเขาก็ถึงกับถอนใจ สองเท้าก้าวแผ่วเบาเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้างๆ สัมผัสอ่อนยวบข้างเตียงทำให้คนนอนรู้สึกตัวหันขวับมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ดวงตากลมใสก็หม่นลง “ผ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status