“ถ้าฉันใส่ชุดนี้มีหวังยายวีแหกอกฉันสิคะ” เอรินบ่นพึมพำแต่เจือรอยยิ้มเหยเกเมื่อสบประกายตาวิบวับของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรหรอกอย่างมากก็แค่โดนเพื่อนแหกอกดีกว่าชุดแหวกทั้งหน้าเว้าทั้งหลังนั่นตั้งเยอะ”
เอรินฟังคำพูดชายหนุ่มพลันหน้าแดงก่ำ รู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงแดกดันของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ
ดวงตากรุ้มกริ่มคู่นั้น...
ทั้งรอยยิ้มบาดทีเลือดซิบ...
และที่สำคัญเสียงที่คล้ายกับเจ้าชายในฝันของหล่อนจนแทบจะแยกไม่ออก หรือจริงๆ แล้วมันคือความฝันที่กลายเป็นจริง หรือที่จริงหล่อนเคยพบเขามาก่อน
หญิงสาวไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้...
บีเอ็มดับบลิววันซีรีย์สีดำสนิท แล่นไปบนถนนมุ่งหน้าสู่โรงแรมพาร์กพลาซ่า เอรินนั่งตัวลีบข้างคนขับที่สีหน้าเคร่งขรึมผิดไปจากเมื่อครู่ ช่างน่าอึดอัดจนอดใจไม่ถามไม่ได้
“ฉันรอที่ห้างก็ได้ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก”
“ผมก็โทรบอกวินซ์ให้แล้วไง จะต้องเรื่องมากทำไมกลับกับผมมันเป็นยังไง” เขาย้อนเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย สีหน้ารำคาญ
“ก็เปล่า ฉันก็แค่เกรงใจ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนี่นะ เราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ตกลงชุดที่คุณมารับให้เป็นของคุณมินคนสวยหรือคะ”
เขาเหลือบมองก่อนตอบ “ถามทำไม?”
“ก็... ฉันได้ยินคุณพูดโทรศัพท์เมื่อกี้แต่คุณดูอารมณ์ไม่ดีหลังจากคุยจบ”
“สอดรู้เรื่องของผู้ใหญ่”
“เอ๊! คุณ... ฉันก็แค่คิดว่าเผื่อคุณอยากระบาย”
“ช่างเถอะ” ชานนท์ตอบห้วนสีหน้าจริงจัง “ไปนั่งเป็นเพื่อนดื่มหน่อยก็แล้วกัน”
เอรินได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเป็นการตอบรับไปในตัวแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ไปตามเรื่อง รถเบนเข็มออกนอกเส้นทางก่อนถึงสะพานข้ามไปฝั่งที่โรงแรมตั้งอยู่ หญิงสาวมองสองข้างทางเพลิดเพลินแต่ไม่นานก็อุทานน้ำเสียงตื่นเต้น
“โรงแรมเดอะรอยัลเฮ้าส์การ์ดนี่นา สวยเหมือนปราสาทโบราณเลยนะคะ”
“รู้จักด้วย?”
“รู้จักสิคะ” หล่อนตอบพลางเหลียวหลังมองตึกรูปทรงโบราณสีน้ำตาลอ่อนแต่มองจากภายนอกดูโอ่อ่าจนละสายตาแทบไม่ได้
“รู้จักได้ยังไง” เขาถามคล้ายไม่จริงจังนัก
“เมื่อวานฉันติดรถแท็กซี่ของหนุ่มหล่อใจดีมาจากสนามบิน เขาบอกว่าพักที่นี่ค่ะ”
“แท็กซี่? คุณไว้ใจคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ผู้ชายไม่ได้ใจดีทุกคน” ชานนท์ตำหนิเสียงเข้ม “ถึงที่นี่คืออังกฤษก็ใช่ว่าควรไว้ใจ”
“ฉันรู้หรอกค่ะ” หล่อนตอบกลับหน้ามุ่ย
“รู้?” ชานนท์ย้อน “ขนาดเจอกันสองวันยังกล้าเถียงฉันฉอดๆ ทั้งที่ฉันแก่กว่าเธออย่างน้อยน่าจะสิบปี”
สิบปีเลยหรือ...
แสดงว่าเขาก็น่าจะอายุไม่น่าเกินสามสิบห้า มากกว่าหล่อนสิบปีจริงๆ แต่อายุที่มากกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทำจะน่าไว้ใจ ดูอย่างที่เขาบังคับหล่อนให้นั่งรถมาด้วยทั้งที่ไม่เต็มใจ เอรินครุ่นคิด เหลือบตามองดวงหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่ายแล้วนึกหมั่นไส้มากขึ้น
“ก็คุณชอบทำให้ฉันอารมณ์เสีย ไม่เอาแล้วเลิกพูดเรื่องฉันดีกว่า อยากรู้จังว่าใครจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวคู่กับฉันนะ จะหล่อมาดแมนแฮนด์ซั่มรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
“เพื่อนเจ้าบ่าวเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกับผมเอง เป็นคนไทย อ้อเขาพักที่รอยัลเฮาส์การ์ดด้วย”
เอรินหันขวับมาให้ความสนใจทันที “โรงแรมเดียวกับหนุ่มหล่อใจดีของฉัน?”
“ดีใจเว่อร์ไปนะ”
ท่าทางดีใจออกนอกหน้าทำให้ชานนท์หมั่นไส้หญิงสาวโดยไม่มีสาเหตุ พอรถแล่นมาจอดหน้าร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังอย่างวาเลียนโน ร้านอาหารชื่อดังหนึ่งในร้านโปรดของเขา สองหนุ่มสาวจึงสงบศึกชั่วคราว
กว่าจะถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม เพราะบริการเสริมเพิ่มเติมหลังจากมื้ออาหารเย็นที่อร่อยล้ำแล้ว ซีอีโอหนุ่มยังพาไปชมผลงานระดับศิลปินดังระดับโลกที่เฮย์เวิร์ดแกลลอรีอยู่พักใหญ่จนเจอเข้ากับเลขาส่วนตัวของเขาและเด็กน้อยน่ารักที่ได้รับการแนะนำว่าคือลูกชาย
เอรินเก็บข้อมูลบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองอย่างละเอียดยิบระหว่างนั่งรถกลับมาที่โรงแรมและในที่สุดก็อดใจไม่ไหวเอ่ยถามขณะชานนท์นำรถเข้าจอดยังลานจอดรถของโรงแรม
“ฉันได้ยินวีบอกว่าคุณพักอยู่กับคุณมินนี่ที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม เอ่อ... คือฉันไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงหรอกนะคะ แต่แค่สงสัยว่าคุณสองคนเป็น เอ่อ... แบบว่าสามีภรรยากันหรือคะ”
ชานนท์หันขวับมามองด้วยแววตากราดเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นบ้างจะได้ไหม”
“ทีคุณยังอยากรู้เรื่องของฉันเลย”
“ที่ผมถามเพราะเป็นห่วง”
เอรินหันขวับมามองคนพูด แววตาฉงนแฝงความอยากรู้กับคำพูดจนชายหนุ่มเอ่ยแก้เก้อ
“อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เพื่อนของวิลเลียมก็เหมือนเพื่อนของผมนั่นแหละคือเหตุผลที่ห่วง”
ชานนท์ขยับตัวไล่ความเมื่อยขบ พิงพนักเบาะหลับตานั่งนิ่ง เอรินลอบมองดวงหน้าด้านข้างของเขารู้สึกใจกระตุกแปลกๆ อาจเพราะหล่อนสนใจเขา
ไม่จริง!
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดแต่อีกฝ่ายหลับตานิ่งราวอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง หล่อนจึงกล้าที่จะแอบมองจนลืมตัว
เพียงแรกเห็นก็รู้สึกราวผูกพันมานาน แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่ใช่ทั้งเจ้าชายในฝัน และที่สำคัญเขาไม่อยู่เมืองไทยและที่สำคัญที่สุดเขาดูเหมือนจะมีพันธะแล้ว
แค่คิด จิตใจพลันห่อเหี่ยวขึ้นมาพิกล...
รถญี่ปุ่นสี่ประตูสีขาวสภาพกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ กรณ์ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำเปิดกระดุมสองเม็ดบนและกางเกงสแล็คสีดำสนิทลงมาจากรถด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดแนบหูก่อนจะปิดประตูรถเดินตรงมายังลิฟท์โดยสารจุดมุ่งหมายคือห้องพักของหญิงสาวเอาแต่ใจที่อยู่ชั้นสิบ กรณ์ถึงกับถอนหายใจที่ต้องมาเจอกับคู่กรณีสาวที่ถึงแม้จะสวยเซ็กซี่ถูกสเป็คของเขาไม่เบา แต่เจ้าหล่อนก็น่ารำคาญที่คอยบงการราวกับเขาเป็นทาสในเรือนเบี้ยก็ไม่ปาน “โอเค โอเค... เจอกัน” “จะไปไหนกันอีกนะ ยายคุณนาย เมื่อไหร่จะหายซะทีชักจะมากไปแล้ว เจอหน้าคงต้องโวยกันหน่อย”หลังจากวางสายจากสาวเอาแต่ใจที่กำลังจะเจอ กรณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาเรื่องราเชลให้ได้ ทันทีที่ประตูห้องเป้าหมายเปิดออกตามเสียงกริ่งรัว ราเชลในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีแดงกางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้าถึงต้นขาคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวบางเบายืนเท้าแขนสีหน้าหงุดหงิดอยู่หน้าประตู ขาเรียวสวยมีเฝือกหนาอยู่ตรงข้อเท้าขึ้นมาเกือบถึงเข่าขวาทำให้กรณ์ท
คนถูกถามยกมือซ้ายหันหลังมือที่มีแหวนทองคำขาวประดับเพชรสีฟ้าเม็ดย่อมให้ชายหนุ่มดู พร้อมคำพูดตะกุกตะกัก “ฉันว่าจะโกรธคุณอยู่แล้ว แต่ นี่... นี่มัน” เอรินเสียงสั่นดวงหน้านวลก้มหลบสายตาเขา ใสเจือสีแดงนิดๆ อย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ผมสลวยรวบผูกเป็นหางม้าทรงสูงแบบลวกๆ ดูน่ารักจนคนมองใจอ่อนยวบ เดินเข้ามาหาเอรินที่ไม่มีทีท่าต่อต้านแบบทีแรก“เมื่อกี้เธอโกรธ ฉันก็เลยไม่ทันได้บอก นี่คือของขวัญสุดพิเศษที่ฉันบอกว่าจะมอบให้เธอเมื่อมาถึงที่นี่ แหวนแต่งงานของเรา สีฟ้าสดใสเหมาะกับเธอมากจริงๆ”ชานนท์ยิ้มจาง ดวงหน้าเข้มมีรอยกังวลกลัวหญิงสาวมีปฏิกริยาแปลกๆ อีก ก้าวเข้ายืนประจันหน้าและคว้ามือเรียวบางที่สวมแหวนขึ้นมาประทับจูบหลังมือ เอรินถึงกับตะลึงกับการกระทำอ่อนโยน น้ำตาคลอออกมา“คุณง้อผู้หญิงด้วยวิธีแบบนี้บ่อยๆ รึเปล่าคะ แล้วพวกเธอ...” เอรินลังเลที่จะพูด ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ฟัง รีบแก้ความเข้าใจผิด “ไม่เอาแล้วนะ ต่อไปห้ามคิดแบบนี้ ฉันใจหายหมด อย่าคิดว่าฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตสิ ทุกอย่างที่เราทำร่วมกันมันเกิดจากความรัก ได้โปรด เป็นภรรยาของฉันนะ
แล้วกรณ์ก็ต้องวิ่งสุดชีวิตเข้าไปภายในรั้วบ้านสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้รกร้างทันทีที่ปื๊ดมาส่ง และพบว่ากำลังมีการรื้อถอนตัวตึกบางส่วนพร้อมทั้งปรับสภาพภายในบริเวณบ้านด้วยคนมากมาย ชายหนุ่มถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็น “นี่พวกคุณ! ทำอะไรกัน” เสียงตะโกนมาแต่ไกลของกรณ์ทำให้ เสกสรร หัวหน้าคนงานเขม้นมองด้วยความสงสัย ก่อนจะรามือจากการทำงานเดินตรงเข้ามาหา แล้วคำถามชวนหาเรื่องหลังจากเห็นสีหน้าไม่เป็นมิตรของกรณ์ที่มองมา ทำเอาเสกสรรนึกเคืองขุ่นอยู่ไม่น้อย “โรงแรมสร้างใหม่ แล้วคุณละเป็นใคร” “ผม... เอ่อ แค่อยากรู้ว่าพวกคุณมาทำอะไรกับบ้านหลังนี้ พอดีบ้านผมอยู่ใกล้ๆ เห็นบ้านหลังนี้มานานก็เลยอยากรู้แค่นั้นเอง แล้วที่ว่าจะทำเป็นโรงแรม เจ้าของเป็นใคร” กรณ์ถามอ้อมแอ้มสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อเห็นคนงานหลายคนรามือจากงานแล้วเข้ามายืนดูอย่างสนใจ “อ้อ... ที่แท้ก็พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถ้าอยากรู้ก็ไปถามคนบนรถตู้ที่จอดหน้าบ้านโน่น เธอเป็นสถาปนิกออกแบบโรงแรมนี้”กรณ์มองตามเสกสรรที่ชี้มือไปยังรถตู้คันที่เห็นอยู่ไม่ไกล รีบเดินออกไปตรงจุดที่รถตู้คันเป้าหมายจ
ชานนท์ยกมือซ้ายของตนที่ประดับแหวนคู่ทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กซ้อนทับลงไปบนมือซ้ายของร่างที่นอนหลับใหลไม่รู้เรื่องในอ้อมกอดก่อนจะยกขึ้นมาทาบกันอย่างภูมิใจ“ขอโทษนะ... ที่จำเป็นต้องผูกมัดเธอไว้ด้วยวิธีนี้ ถ้าเธอรู้จะเกลียดฉันมากไหม... ยายตัวเล็กของพี่” ชานนท์พึมพำสีหน้าสลด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก เขาจะไม่มีวันเสียเอริน แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการของตัวเองได้นับเป็นวันแรกตั้งแต่มาเยือนเกาะสมุยโดยที่อากาศสดใสและไม่มีฝนตก ชานนท์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างพอใจ วันนี้เขาคิดเอาไว้ว่าจะพาเอรินออกไปเที่ยวรอบเกาะตามคำเรียกร้องของหล่อนเสียที แต่เสียงกระทบของกุญแจวงกลมหน้าประตูวิลล่าก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูชานนท์เดินไปเปิดประตูห้องนอนรับสำรับอาหารหอมกรุ่นที่พนักงานนำมาเสิร์ฟถึงที่อย่างพอใจ ให้ทิปไปจำนวนหนึ่ง กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาแตะจมูกคนขี้เซาที่นอนหลับอยู่บนเตียงหลังใหญ่อย่างจังแล้วความสุขในการหลับใหลก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อรู้สึกถึงแรงยุบตัวของที่นอนข้างกาย ชานนท์เกลี่ยปลายนิ้วลงบนแก้มนวลใสอย่างเอ็นดู พร้อมกับประทับจูบลงมาบนหน้าผากนูน
หญิงสาวได้แต่มองส่งหนุ่มรุ่นน้องกลับไปอย่างไม่ค่อยสบายใจ ทั้งสองหนุ่มมีบางอย่างที่คล้ายกันมากแต่หล่อนก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรนอกจากความรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้พินิจกรณ์ตรงๆ ส่วนคนใจร้อนก็ต้องขับรถฝ่าสายฝนกลับบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านของสิมิลันเกือบห้าสิบกิโลเมตรด้วยความหงุดหงิด ทันทีที่ติดต่อตามเบอร์ที่ให้มาไม่ได้ ถึงกับโยนโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดทิ้งลงบนเบาะข้างที่นั่งอย่างขัดใจ “โธ่เว้ย! มันจะอะไรกันนักกันหนา อุตส่าห์มาตามเอาเบอร์ถึงที่นี่ก็ดันติดต่อไม่ได้อีก ยายเอรินจอมดื้อด้าน...กลับมาฉันจะดูเธอไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลย คอยดูสิไอ้หมอนั่นมันมาตีสนิทกับเธอต้องการอะไรกันแน่... ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยยายบ้า” กรณ์ฉุนเฉียวอยู่คนเดียวในรถ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ท่ามกลางสายฝนภายนอกที่เทลงมาอย่างหนักจวบจนค่ำมืด ไอเย็นและละอองฝนปะทะกระจกจนเป็นฝ้า ชานนท์บรรจงเลื่อนม่านลงมาปิด ในห้องจึงมืดสลัวมีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนหอมที่จุดพอให้มีแสงสลัวและกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คนนอนหลับคู้ถึงกับเคลิ้มฝัน “ฉันรักคุณลุงค่ะ” เสียงละเมอเบาๆ ปล
“ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของคุณบ้างหลังจากที่จดทะเบียนกับคุณหน้าตาเฉยโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย แม้แต่เดทแรกเราก็ยังไม่เคยมี” ชานนท์ถึงกับขมวดคิ้วย้ายตัวมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้วจ้องมองตากลมใสของสาวน้อยอย่างรักใคร่“ทำไมจะไม่มี ก็เดทแรกของเราเริ่มขึ้นที่ฟลอเรนซ์ไง”“นั่นไม่นับสิคะ แค่เรื่องสมมุติ” เอรินหน้าแดง ชานนท์จับแก้มนวลแผ่วเบาก่อนจะเริ่มเล่า“แต่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องจริงจัง นับตั้งแต่ที่ฉันบอกให้เธอรอแล้ว”“ฉันคิดว่าคุณแค่พูดเล่น เพราะหลังจากนั้นคุณก็หายไป”ชานนท์มองเห็นความสับสนในแววตาจึงเปิดปากเล่าเรื่องที่คาใจ ทั้งที่คิดว่าจะไม่พูดถึงมัน “ฉันเคยรักราเชลมากสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอ เป็นรุ่นน้องร่วมคณะ ทั้งน่ารักและดูดีมากจนฉันหลงรักความสวย สง่างาม เราเข้ากันได้ดีในทุกๆเรื่อง คบกันนานหลายปีจนฉันมั่นใจว่าความรักของเราสุกงอม ฉันขอราเชลแต่งงานตอนเธอกำลังเป็นนางแบบหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียง แล้วเธอก็ปฏิเสธฉันด้วยเหตุผลว่ายังรักชีวิตโสดและเป็นห่วงหน้าที่การงานของตัวเอง กลัวชื่อเสียงจะดรอปลง ตอนนั้นฉันเสียใจมาก แทบ