เอรินยืนสูดอากาศบนคอนโดสีขาวสิบชั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดหัวหินมากนัก เสียงฝนตกโปรยปรายดังแข่งกับเสียงซัดสาดหาดทรายของคลื่นลมท่ามกลางความมืดของคืนแรม ชานนท์ยืนมองหญิงสาวอยู่ภายในห้องด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก หลังจากโทรศัพท์ไปขออนุญาตจากแม่ของเอรินและโดนบ่นยกใหญ่ แต่เขาอ้างเหตุผลว่าฝนตกหนัก ลมแรงจึงไม่อยากเดินทางกลับเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอติมาจำต้องยอมและจะแก้ตัวกับสามีเอง ชานนท์ถอนใจโล่งอกหลังจากวางสายแล้วเดินเข้าไปหาเอรินเงียบๆ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงมือเย็บเฉียบที่โอบกอดรอบเอวไว้จากด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบจากด้านนอกเสื้อเชิ๊ตตัวยาวที่เธอเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเสร็จ “หอมจัง กลิ่นเธอ” “ก็กลิ่นสบู่คุณนั่นแหละค่ะ” เธอตอบเสียงเบา “อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น” หล่อนขืนตัวออกจากการโอบกอดก่อนจะหันมาสบตาคนรุ่มร่าม และต้องหลบวูบหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นแผ่นอกหนาเปลือยเปล่าอยู่ระดับสายตาและระยะประชิด ชานนท์สวมกางเกงขายาวตัวเดียวไม่ใส่เสื้อยิ้มกรุ่มกริ่มกระซิบ “เข้าห้องกันเถอะนะ อยากกอดอยากรักเมียใจจะขาดอยู่แล้ว” “คุ
“อะไร ไม่เอานะคะ ฉันต้องกลับบ้าน เมื่อกี้เราออกมาพ่อก็เห็น ขืนไม่กลับ พ่อด่าฉันตายแน่” “ไม่กลับ คืนนี้อย่ากลับเลยนะเอริน ฉันอยากนอนกอดเมียให้หายคิดถึง ” ชานนท์เสียงอ่อนลง เพราะนึกรู้ว่าเอรินต้องไม่พอใจ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด “คุณเอาแต่ใจแบบนี้ตลอด” หล่อนเสียงอ่อย “หายไปสองเดือนฉันยังไม่ได้บ่นคุณเลย” “ฉันไปจัดการธุระหลายอย่าง และตอนนี้ฉันฟรีไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว ส่วนถ้าฉันไม่เอาแต่ใจจะได้เธอมาแบบนี้รึไง” เขาเถียงข้างๆ คูๆ “ถึงเราจะจดทะเบียนกันแล้ว แต่พ่อของฉัน และแม่ของคุณยังไม่รับรู้เรื่องของเรา ฉันว่ามันไม่ถูกต้องนะคะ” “มาจนขนาดนี้ ฉันก็ปูนนี้ เธอก็เกินยี่สิบห้าแล้ว ยังกลัวอะไรไม่เข้าเรื่องอยู่อีก” “คุณไม่คิดว่าเราควรทำให้ถูกต้องก่อนหรือคะ” “ก็แค่ลัดขั้นตอนไปหน่อย แต่ฉันจะโทรไปบอกแม่เธอเอง เถอะนะเอริน อย่าขัดใจฉันเลย วันนี้ฉันอยากเดทกับเมีย” ชานนท์ยิ้มให้เอรินตาเป็นประกาย แต่ดวงตากลับมีความหม่นหมองและไหวหวั่นซ่อนอยู่ลึกๆ อย่างน้อยก่อนที่เขาจะต้องไปเจอกับแม่พรุ่งนี้ เขาก็อยากจะทำอะไรเพื่อเอรินบ้า
กว่าจะเคลียร์เรื่องราวทุกอย่างกับพ่อของราเชลโดยนัดเจรจากันที่ลอนดอนลงตัวโดยที่ราเชลไม่รู้ เขาต้องเสียไปหลายอย่าง ทั้งหุ้นโรงแรมในลอนดอนและบ้านสีขาวหลังนั้นที่ทีแรกเขาคิดจะรีโนเวทเป็นโรงแรมในเครือสิทธรา แต่ที่นั่นมีความทรงจำเลวร้ายที่เขาอยากลืม... “ขอบใจนะมิน พี่ฝากโครงการนั้นให้เราสานต่อกับพ่อราเชลเลยก็แล้วกัน ไม่มีแต่ มินทำได้อยู่แล้วนึกว่าช่วยพี่” ชานนท์ยิ้มพึงใจก่อนวางหู สิมิลันยอมช่วยรับภาระบ้านสีขาวหลังนั้นไปแทนโดยที่เขาไม่ต้องเห็นมันให้รกตาอีก ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะบอกคนขับ “เร็วหน่อยครับ ผมมีธุระต่อ” ไม่เพียงแต่ตกลงกับพ่อราเชล เขายังเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูความทรงจำจากเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์กว่าสิบชั่วโมงภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ แล้วเขาก็ได้รู้ทุกอย่างเมื่อความทรงจำฟื้นคืนกลับมา ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดแม้แต่แม่บุญธรรมของเขา ถ้าหากเขาจะเจรจา... หวังว่าหล่อนคงยอม...เมื่อรถแท็กซี่จอดหน้าเรือนไม้บ้านสวน ชานนท์ก็วิ่งวุ่นตามหาเอรินไปทั่ว ในที่สุดเขาก็พบหญิงสาวเดินลงมาจากทางเดินบนเนินเขาทางไปบ้านต้น
“เดี๋ยว! ผมไม่เข้าใจ” กรณ์ยื้อไว้ เมื่อหล่อนจะลุกหนี “ได้แล้วทิ้งงั้นเหรอ ผมไม่ใช่ดอกไม้ริมทางของคุณนะ” “คำนั้นน่าจะหมายถึงฉันมากกว่า” ราเชลหันกลับมายิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่ฝืดจนคนมองยังรู้สึก “ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ฉันไม่อยากไร้ค่าไปมากกว่านี้” “คุณไม่ไร้ค่า คุณเป็นเมียผมแล้วอย่าพูดแบบนี้ผมไม่ชอบ” “ฉันไม่ได้เป็นเมียนาย และไม่เคยอยากให้นายมาชอบ” ราเชลตอบแล้วก็ถึงกับนิ่วหน้ารู้สึกเจ็บหัวไหล่ เพราะกรณ์เม้มริมฝีปากกลั้นก้อนจุกในลำคอ และลืมตัวบีบหัวไหล่นวลเนียนแน่น“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะราเชล เราสองคนมาคบกันจริงๆ เถอะ”หญิงสาวถึงกับตะลึงพูดไม่ออก ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกพ่ายแพ้ต่ออะไรบางอย่างได้ขนาดนี้ หล่อนกำลังพ่ายแพ้เสียงอ่อนโยนห่วงใยที่ไม่เคยได้รับจากใครแม้แต่ชานนท์ ผู้ชายที่หล่อนรักที่สุด แต่... หล่อนไม่อยากแพ้“ไม่ต้องพูดมาก นายก็รู้เด็กนอกอย่างฉันจะอะไรกับใครก็ไม่เห็นจะต้องเรียกร้องให้ใครต้องมารับผิดชอบชีวิต ฉันไม่ใช่เอรินนะ" “ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณเป็นตัวแทนเอริน เข้าใจรึเปล่าราเชล คุณเชื่อใจผมนะ” “อย่ามาหลอกให้ดีใจเลย ไม่มีใครรักผู้หญิงที่ยอมนอนด้วยเพียงเพราะอารมณ์ชั
ราเชลเลิกคิ้วสูง มองคนถามด้วยสายตาแปลกๆ กรณ์เหลียวมองยิ้มมุมปากก่อนพูดต่อ“ไม่ใช่อะไร เป็นห่วง มีห้องนอนสองห้อง คุณไปพักที่นั่นก่อน ผมจะได้อยู่เป็นเพื่อนไม่ต้องตีรถกลับประจวบคืนนี้ โอเคไหม” “ไม่เอาหรอก เกิดใครเข้าใจผิดจะว่ายังไง” “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า คุณอายุมากกว่าผมตั้งเยอะ เป็นพี่สาวผมได้ ใครจะกล้าคิดอะไร เอาตามนี้เถอะ ผมขี้เกียจเทียวไปเทียวมาคอนโดกับโรงแรมเพื่อไปรับคุณอีก พักที่คอนโดผมเถอะคืนเดียวเอง โอเค๊” “ก็ได้”“บทจะตกลงก็ง่ายงี้เลย” เขาถามสีหน้าประหลาดใจ“ก็ใช่นะสิ สองหัวดีกว่าหัวเดียว ฉันยิ่งกลัวๆ อยู่ไม่รู้พรุ่งนี้จะเจออะไรบ้าง”“ไม่น่าเชื่อ คุณก็อ่อนแอเป็นเหมือนกัน” “ฉันไม่ใช่วันเดอร์วูแมนนะ” เพราะความเหงาว้าเหว่ที่จู่โจมหัวใจในยามนี้ ทำให้ราเชลเผลอจ้องเด็กหนุ่มคนข้างๆ ที่กำลังบาดเจ็บจากความรักเช่นเดียวกันกับหล่อน บางทีการมีใครสักคนที่พอจะเป็นที่พึ่งคอยอยู่เป็นเพื่อนปรับทุกข์ คงเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวทีเดียว... ท้องฟ้ายามค่ำไม่มีแสงดาวระยิบระยับเหมือนเคย มีเพียงแสงฟ้าแลบคำรามเป็นระยะ ราวกับกำลังจะเกิดพายุใหญ่ ราเชลยืนพิงราวเหล็กระเบียงคอนโดมิเนียมชั้นเกือบบนสุดปล
บ้านต้นไม้ยามพลบค่ำมีเพียงแสงโพล้เพล้ของดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าสาดลงมาให้เห็นเพียงรำไร ไฟทางเดินยังไม่เปิดให้แสง แต่กรณ์ก็อาศัยความเคยชินเดินมาจนถึงอาณาเขตบ้านต้นไม้จนได้ บรรยากาศรอบข้างเงียบเหงาสุดบรรยาย ร่างสูงโปร่งเหลียวมองหานางแบบสาวไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่เทอเรซกว้างที่ราเชลชอบมายืนมองหลังคาบ้านสวนสักพักประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับราเชลในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ผมยาวสลวยเป็นลอนเปียกปอนเพราะสระผมมาหมาดๆ ใบหน้าซีดเซียวไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มมีเพียงริ้วรอยแดงเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เมื่อเห็นชายหนุ่มก็เอ่ยทัก “เป็นห่วงฉันรึไง ยังไม่ตายหรอก” เสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เรียกรอยยิ้มของกรณ์ให้หันกลับมามองต้นเสียง ราเชลยิ้มน้อยๆ ให้คนตรงหน้าทั้งที่ยังยืนอยู่ในท่าเดิม “ก็... อืม... คุณเป็นยังไงบ้าง ผมว่าวันนี้คุณพักผ่อนเถอะ ทานอะไรรึยังถ้ายังผมจะสั่งมาให้ แล้วพรุ่งนี้คุณจะเข้ากรุงเทพกี่โมง ผมจะไปส่ง” กรณ์เดินเข้ามายืนตรงข้าม ราเชลหลบสายตาห่วงใยที่มองมาก่อนตอบ “ฉันจะไปวันนี้เลย”“เฮ้ย! เร็วไปไหมคุณ นี่ก็ค่ำแล้วนะ” ชายหนุ่มก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ