๓
คำหวานและอดีต
แม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียที
หลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น
“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”
ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น
“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”
“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิด
ปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด
“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้น
จอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น
“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”
“พอดีว่าป้าข้างบ้านพี่แกตกบันได ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลพี่เลยต้องรีบกลับ ขวัญอย่ากลับดึกนะพี่คงต้องไปแล้ว” พูดจบเขาก็วิ่งจากไปทันทีโดยถือร่มไปด้วยทั้งๆ ที่ในใจคิดว่าจะเอาให้จอมขวัญแท้ๆ
แต่เมื่อมาถึงชั้นล่างเขาจึงเพิ่งคิดออก แม้ใจจะอยากเอาขึ้นไปให้แต่ก็ห่วงคนทางบ้านจึงฝากยามแถวนั้นเอาไว้ให้จอมขวัญแทน
ล่วงเลยเวลางานมาแล้วสามชั่วโมง ในที่สุดงานของเธอก็เสร็จเสียที จอมขวัญบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เธอเก็บสัมภาระแล้วลงมาข้างล่างก็พบว่าตอนนี้ฝนตกแรงมากพอสมควรและดูท่าว่า จะตกหนักมากอีกด้วย
“คุณขวัญครับ คุณปันฝากร่มไว้ให้ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่สนิทกันเดินมาพร้อมกับร่ม
จอมขวัญยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะคิดไปถึงรุ่นพี่ที่สนิท
..ขนาดตัวไม่อยู่ก็ยังคงห่วงใยเธอเสมอ แต่ว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาถึงเธอกางร่มไปก็คงไม่แคล้วเปียกฝนอยู่ดี
ร่างบางจึงติดสินใจว่าจะรอให้ฝนซาลงกว่านี้เสียก่อนถึงจะออกไป
“ลุงยามคะ ขวัญขอรอด้วยได้ไหมคะ ให้ฝนซาก่อน ถ้าออกไปตอนนี้มีหวังได้เปียกหมดตัวแน่”
ลุงยามใจดีพยักหน้า ร่างบางจึงเดินไปนั่งรอฝนหยุดที่โซฟาสำหรับแขกทั่วไปที่มาติดต่องานยังชั้นล่าง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดปิดเพราะได้ยินเสียงฟ้าร้อง
..บรรยากาศเย็นสบายแบบนี้ถ้าอยู่บ้านเธอคงกินข้าวกับครอบครัวแล้วนอนอย่างสบายอารมณ์
เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ตอนนี้ลุงยามไปดูท่อน้ำที่ดูเหมือนจะตันจากการที่น้ำพัดเอาขยะมาด้วยปิดทางเดินน้ำจึงต้องไปเอา ขยะที่ติดรูออก น้ำก็เพิ่มระดับสูงขึ้นเพราะฝนตกหนักและไม่มีที่ระบายมากเท่าที่ควร
“ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
เสียงขรึมทรงพลังทำให้จอมขวัญที่เหม่อลอยสะดุ้งทันที เธอเงยหน้ามอง ก็พบกับท่านประธานของบริษัทที่ยืนหน้านิ่งมองเธออยู่
“คือว่าฝนตกค่ะ ฉันเลยจะรอให้ฝนหยุดก่อน” กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้เธอก็อึ้งไปหลายวินาที จนเขาต้องมองเธอราวกับจะย้ำให้ตอบโดยเร็ว จอมขวัญจึงมีสติตอบเขาได้
ชนวีร์มองเธอแล้วดูบรรยากาศข้างนอกที่ฝนยังคงตกหนัก อันที่จริงเขาก็รีบกลับบ้านเพราะน้องสาวบอกให้กลับไปกินข้าวด้วยแต่เพราะงานที่ยังไม่เสร็จเลยต้องเคลียร์ให้เสร็จเสียก่อนจึงล่วงเลยเวลาไปมากโข
“ตามมา”
“คะ” ดูเหมือนว่าจอมขวัญจะงงกับคำพูดของชนวีร์เพราะเขาไม่ได้เติมคำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ขึ้น
ชายหนุ่มมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แล้วโน้มตัวลงไปจับข้อมือของเธอ ใช้แรงเพียงนิดเดียวก็สามารถดึงร่างบางให้ลุกขึ้นได้
“ฉันจะไปส่ง ตามมา”
นั่นยิ่งทำให้เธองงเป็นไก่ตาแตกเพราะชนวีร์ต่างจากอดีตเป็นอย่างมาก แม้จะมีแววว่าเขาไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่ระรานกลับดูเหมือนจะมีน้ำใจมากกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำไป ใจสาวน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะและเมื่อมองไปที่ข้อมือเธอก็ยิ่งหน้าแดงมากยิ่งขึ้น
ชนวีร์เดินออกมานอกบริษัทคุยกับยามสักครู่ก็พาจอมขวัญเดินไปที่จอดรถซึ่งอยู่ด้านข้างทันที เขาพาเธอเดินหลบฝนโดยที่ยังจับข้อมือเล็กไว้แน่น ทำเอาร่างบางถึงกับต้องแอบมองอยู่หลายครั้งด้วยความเขินอาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกไปให้ดูน่าเกลียด
เมื่อถึงรถจอมขวัญก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที ชนวีร์ออกรถด้วยความเร็วที่พอเหมาะ พ้นจากบริษัทรถก็ติดยาวเป็นหางว่าวเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั่นเอง
ชนวีร์สบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามหาช่องทางลัด เขาหันไปถามที่อยู่ของจอมขวัญแล้วก็พาเธอซิกแซ็กออกมาจากการจราจรที่ติดขัดมาได้
“คงติดไฟแดงอีกนาน” เมื่อมาถึงอีกทางแยกเขาก็เอ่ยขึ้นมา
จอมขวัญมองดูทางข้างหน้าก็เห็นจะจริงเพราะรถยาวมากแถมไฟเขียวก็ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“เอ่อ อันที่จริงฉันกลับเองก็ได้นะคะ” จอมขวัญบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรฉันไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้ว” เขาบอกแบบสบายๆ
จอมขวัญนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศในรถเงียบพอสมควรเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะพูด
“คิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่” คำถามที่ดูสบายๆ และชนวีร์เองก็ถามเหมือนชวนคุย
“ว่างงานมานานค่ะ เลยอยากหางานทำ” เขาพยักหน้าเข้าใจ
“เอ่อ คุณวีร์คะ” เมื่อบรรยากาศเงียบจอมขวัญก็ทนไม่ไหวเรื่องที่เธอยังคงค้างคาใจ เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะถามเขาแล้ว
“มีอะไรเหรอ”
“เรื่องเมื่อสามปีก่อนนั้น คุณหายโกรธฉันแล้วหรือคะ” เกริ่นเรื่องขึ้น
ชนวีร์ก็หน้านิ่งทันทีถึงแม้ว่าจะนิ่งอยู่แล้วก็ตาม มือที่ปล่อยสบายกำแน่นโดยที่จอมขวัญไม่ทันเห็น หญิงสาวมองเขาอย่างรอคำตอบแต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเงียบอยู่นาน
จอมขวัญจึงก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก พยายามสะกดกลั้นความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นมาเงียบๆ
“ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่...”
“โกรธ ฉันยังโกรธเธออยู่”
จบคำพูดของร่างสูง จอมขวัญก็นิ่งไปราวกับถูกน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือสาดซัดมาที่ร่าง ความเสียใจพุ่งขึ้นมาจนจุกอกและมันกำลังจะกลั่นออกมาทางตา จอมขวัญหันไปมองข้างนอกแล้วแอบปาดน้ำตาออก
“แต่กำลังพยายาม...พยายามที่จะลืมเรื่องทั้งหมด ในเมื่อทรายไปสบายแล้ว” เงียบอยู่นานชนวีร์จึงพูดขึ้น และคำพูดนั้นดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากจอมขวัญได้เป็นอย่างดี
เธอหันหน้ามาทางเขาทั้งๆ ที่ขอบตายังคงแดง ดีที่ตอนนี้ค่ำพอควรจึงมองไม่เห็นเท่าไหร่
“ฉันไม่อยากยึดติด เธอช่วยฉันให้ลืมได้ไหม”
ดวงตาเรียวทรงเสน่ห์มองมาที่เธอนิ่ง จนจอมขวัญต้องเสมองไปทางอื่นแก้เขิน ดวงตาของเขามีเสน่ห์เกินกว่าที่เธอจะมองนานได้ ยิ่งแววตานั้นดูเหมือนจะแฝงคำเว้าวอนเอาไว้ด้วย ร่างบางยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่
“ไฟเขียวแล้วค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกรถเธอเลยบอก
ชนวีร์ขับตามคันข้างหน้าไปทันทีแล้วก็ติดอีกเหมือนเดิม เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้พูดอะไรกันอีก กว่าจะผ่านการจราจรที่แน่นของเมืองหลวงมาได้ก็ร่วมสองชั่วโมงเลยทีเดียว
ชนวีร์มาจอดยังหน้าที่พักตามคำบอกของคนข้างกายบนรถในตอนนี้ รถของเขาไม่ใช่ยี่ห้อหรูแต่ทำไมในความรู้สึกของจอมขวัญมันช่างนิ่มและอบอุ่นเหลือเกิน เธอลงจากรถเพราะฝนหยุดตกไปนานแล้ว ชนวีร์เดินลงจากรถมาเช่นกัน
“คำตอบของฉันล่ะ” เขาทวงถามคำตอบจากเธอหลังจากที่ใช้เวลาคิดเสียนาน
“คะ”
“ก็ที่ฉันถามว่าให้เธอช่วยทำให้ฉันลืมเรื่องราวเมื่อสามปีก่อนได้ไหม เธอยังไม่ให้คำตอบเลยว่าได้หรือเปล่า”
ไม่พูดเปล่าร่างสูงก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของจอมขวัญด้วยระยะที่ใกล้พอสมควรในความคิดของร่างบาง เธอก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นสบตาเขาเพราะมันดูทรงพลังและพานจะทำให้เธออ่อนระทวยไปเสียทุกที
“ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกันหน่อยหรือ”
..น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นมันคืออะไร จอมขวัญคิดว่าเธอคงจะไม่มีโอกาสได้ยินเขาพูดแบบนั้นกับเธอเป็นแน่
“ฉัน” เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่ทำเอาแข้งขาอ่อนไปในทันที ระยะที่ห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่นอนเธอมั่นใจ
“ขวัญ”
“คะ”
ชนวีร์รุกหนักมาจนจอมขวัญไปไม่เป็น
“เมื่อก่อนยังแทนตัวเองว่าขวัญอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” คำเฉลยของชนวีร์ยิ่งทำให้จอมขวัญหน้าแดงเข้าไปใหญ่
เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกและใบหน้าก็แดงก่ำเสียจนเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งที่อากาศเย็นสบายแท้ๆ แต่จอมขวัญกลับร้อนที่ใบหน้า ยิ่งจ้องดวงตาเรียวของเขาด้วยแล้วยิ่งทำให้แข้งขาพานจะอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ
“เอาละ พรุ่งนี้มาให้คำตอบฉันด้วยนะ แล้วเจอกัน”
ดูท่าว่าจอมขวัญจะยังไม่ได้สติเพราะเมื่อชนวีร์เดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน เธอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย
จอมขวัญใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“ขวัญอย่างนั้นหรือ” ให้เธอแทนตัวเองว่าขวัญได้ใช่ไหม
ยิ่งคิดแก้มใสก็ยิ่งแดงเข้าไปอีกก่อนที่เธอจะเอามือมาจับสร้อยที่ห้อยคออยู่ เป็นสร้อยที่เธอเก็บไว้อย่างดีเพราะมันมีความหมายสำหรับเธอมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ดีในสายตาของใครคนหนึ่ง
จอมขวัญในอดีตไม่ได้เป็นแบบนี้สักนิด หญิงสาวผอมจนแทบจะปลิวลมได้ ผิวก็เป็นสีแทนไม่ได้ขาวอย่างเช่นปัจจุบัน ผมก็เสียและชี้ฟูแถมฟันเธอก็เหยินออกมาอีกต่างหาก หญิงสาวไม่มีส่วนไหนที่น่าพิสมัยเลยสักนิด โดนล้อบ่อยด้วยซ้ำไปว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ไม่สวย จนกระทั่งเมื่อตอนเธออยู่มัธยมศึกษาชั้นที่หก หญิงสาวไปเรียนพิเศษที่ในตัวเมืองกลับบ้านค่ำ ระหว่างทางนั้นเองมีโจรมากระชากกระเป๋าขณะที่เธอรอรถเมล์อยู่
“ช่วยด้วยค่ะ โจรกระชากกระเป๋าค่ะ ช่วยด้วย!” เพราะคนโดยรอบไม่ค่อยมีหญิงสาวจึงส่งเสียงตะโกนออกไปก่อนจะวิ่งตามโจรไปไม่คิดชีวิต กระเป๋าใบนั้นมีโทรศัพท์ที่พ่อเพิ่งซื้อให้และเธอก็หวงมันมากเสียด้วย
โจรเร็วจนเธอตามไม่ทัน หญิงสาวหอบหายใจเหนื่อยเพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอมองไปข้างหน้าไม่เห็นโจรแล้ว มันวิ่งหายลับไปพร้อมกับกระเป๋าของเธอ
..ไม่นะ เธอเพิ่งได้มือถือมาใหม่โดยแท้ ถ้าเธอเอาไปโรงเรียนเพื่อนต้องเข้ามาขอดูและเล่นกับเธอแน่นอน ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้นะ
“ฮึก จะทำยังไง” ตอนนี้ทั้งตัวเธอมีเงินแค่ยี่สิบบาทค่ารถเท่านั้น ของสำคัญทั้งหมดอยู่ในกระเป๋า
จอมขวัญนั่งร้องไห้ก่อนจะพยายามลุกขึ้นทั้งที่ใจอ่อนแรงเหลือเกิน
“ร้องไห้ทำไม พี่เอากระเป๋ามาให้แล้วนะ” เสียงอันอ่อนโยนและอบอุ่นปลุกให้จอมขวัญตื่นจากฝันร้าย เธอมองผู้ชายตรงหน้าอย่างอึ้งๆ หล่อราวกับเทพบุตรยิ่งตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวสำหรับเธอ ร่างบางนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกยิ่งชนวีร์ยิ้มให้เธอก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกราวกับต้องมนต์สะกดของเทวดาตนนี้เสียแล้ว
“เอากระเป๋าไปสิครับ” เขาบอกพร้อมกับยัดกระเป๋าใส่มือเธอเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงยังไม่หายจากอาการตกใจ
“อย่าร้องไห้อีกนะคนเก่ง ร้องไห้แล้วจะไม่สวยนะ พี่ไปแล้ว” ก่อนไปเขายีผมเธออย่างเอ็นดู
ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของเขาที่เดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม จอมขวัญมองเขานิ่งอยู่นานจนรถคันนั้นเคลื่อนออกไป ความอบอุ่นยังติดอยู่ เธอเอามือจับที่ศีรษะทันที ความอบอุ่นนี้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ ใบหน้าหล่อที่เธอจำได้แม่นยำ เขาคือรักแรกของเธอ
“เอ๊ะ! นั่น” กระดุมเม็ดสีดำตกอยู่บนพื้นและถ้าเธอเดาไม่ผิดมันคงเป็นของเขาอย่างแน่นอน ร่างบางก้มลงไปเก็บกระดุมนั้นทันที เธอยิ้มออกมาเมื่อมองพิจารณามัน
“พี่กระดุมจ๋า ไปอยู่กับขวัญดีกว่านะ” สาวน้อยนำกระดุมติดตัวกลับไปด้วย เธอโบกรถกลับบ้าน
หลังจากนั้นเป็นต้นมาจอมขวัญก็ปฏิวัติตัวเองใหม่จากคนขี้เหร่ของห้องกลายเป็นสาวสวยที่ผู้ชายต่างมาขายขนมจีบกันและแน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจพวกเขาสักนิด
วันประกาศผลสอบมาถึง จอมขวัญนั่งลุ้นเพราะเธอส่งคะแนนไปที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ และลงคณะที่มีคนลงสมัครเป็นจำนวนมากแถมคะแนนยังสูงมากอีกด้วย จอมขวัญนั่งลุ้นผลและเมื่อเปิดมาดู เธอก็ต้องกระโดดไปกอดแม่อย่างดีใจเพราะเธอติดตามที่หวัง หญิงสาววิ่งไปหาตากับยายแล้วไปกอดพร้อมทั้งผละมากอดพ่อและน้องชาย ใบหน้าหวานยิ้มออกมาอย่างยินดี
..ในที่สุดเธอก็ทำได้ แล้วตอนไหนนะจะได้เจอกับเขาอีก พี่ชายใจดีคนนั้น
ในรั้วมหาวิทยาลัย จอมขวัญถือเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งมีผู้ชายมาจีบเธอไม่ซ้ำหน้าแต่สาวสวยก็เพียรปฏิเสธไปทุกคน จอมขวัญได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดดาวมหาลัยแต่เธอไม่ได้ตำแหน่ง จอมขวัญได้ตำแหน่งขวัญใจมหาชนมาแทน ซึ่งทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยมากและควรจะได้มากกว่าอีกคนเสียด้วยซ้ำไปแต่เพราะเธอไม่มีเส้นสายจึงมาไกลได้เพียงเท่านี้
“ขวัญสวยที่สุดเลยรู้ไหม” ทรายทิพย์เพื่อนสนิทของจอมขวัญเอ่ยอย่างร่าเริงในขณะที่ช่วยเพื่อนรักหอบดอกไม้ลงมาจากเวทีการประกวด
“ไม่หรอก คนอื่นสวยกว่าขวัญตั้งเยอะ”
“ไม่ ในความรู้สึกของทรายนะ ขวัญสวยมากกว่าอีก เสียดายอะ”
สองสาวช่วยกันถือดอกไม้ออกมายังลานกว้างที่คนไม่ค่อยมี
“ขวัญ ทรายโทรบอกพี่ชายของทรายมารับแล้วนะ” เพื่อนสนิทบอกแถมยังหน้าแดงอีกด้วย
จอมขวัญมองอย่างรู้ทันแล้วอดแซ็วไม่ได้
“พี่ชายที่ทรายคิดไม่ซื่อด้วยใช่ไหมล่ะ”
ทรายทิพย์ตีไหล่เพื่อนไปหนึ่งทีเบาๆ
“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย” บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะยิ้มร่าดีใจเมื่อพี่ชายเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
จอมขวัญหันหลังไปมองก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าพี่ชายของทรายทิพย์คือคุณกระดุม ผู้ชายที่ช่วยเธอคนนั้น! หญิงสาวนิ่งอึ้งไปและเมื่อเห็นเขาเดินมาหาเพื่อนรักของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
..ทรายทิพย์ชอบผู้ชายคนนี้ และดูเหมือนว่าเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากทรายทิพย์สักเท่าไหร่
“พี่วีร์คะ นี่จอมขวัญเพื่อนของทรายเองค่ะ” ทรายทิพย์เอ่ยแนะนำให้พี่ชายรู้จักกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
ชนวีร์มองก่อนจะยิ้มให้เพียงน้อยนิดเพราะด้วยนิสัยของเขาแล้วชายหนุ่มมักไม่ชอบยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อเท่าไหร่
“ขวัญ นี่พี่วีร์พี่ชายของทรายเอง”
แนะนำกันเสร็จทรายทิพย์ก็ให้พี่ชายช่วยขนของ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือตุ๊กตาที่จอมขวัญได้รับเอาไปไว้หอของพวกเธอสองคน ทรายทิพย์อาศัยอยู่กับจอมขวัญที่หอพักในมหาวิทยาลัย เพราะอยากสัมผัสชีวิตเด็กหอตลอดระยะเวลาสี่ปีในการเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ชนวีร์ขับรถไปส่งสองสาวก่อนจะชวนทรายทิพย์ออกไปกินข้าวด้วยกันสองคน หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบจะสองปีแล้วเพราะเขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ชายหนุ่มพาน้องสาวที่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคิดกับเธอมากกว่าน้องมาที่ร้านอาหารหรูบนดาดฟ้าของโรงแรมชื่อดัง
“พี่วีร์คะ ทำไมพาทรายมาที่นี่ล่ะ”
“ทำไมครับ ทรายไม่ชอบเหรอ” ถามกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ชอบค่ะ แต่มันแพงนะ”
“แพงแค่ไหนสำหรับทรายพี่เงินจ่ายเสมอ”
คำหวานนั้นทำเอาสาวเจ้าอายม้วน เธอหันไปสั่งเมนูที่ต้องการทันทีพร้อมกับสั่งให้ชนวีร์ด้วย
บรรยากาศโรแมนติกจนทรายทิพย์อดเขินไม่ได้ สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารใต้แสงจันทร์และแสงเทียนที่ส่องสว่าง
“ทราย พี่มีของจะให้ด้วย” กล่องกำมะหยี่ถูกยื่นมาตรงหน้าทรายทิพย์
หญิงสาวหยิบมาก่อนจะเปิดดูก็พบแหวนเงินเรียบที่มีตัวอักษรสลักข้างในว่า CS เป็นชื่อย่อที่ชนวีร์มักจะใช้บ่อยจนเธอสงสัย
“ชนวีร์กับทรายทิพย์ไงครับ ชื่อของพี่กับของทราย พี่รักทรายนะ เป็นแฟนกับพี่ได้ไหม”
คำเอ่ยขอตรงๆ ทำให้น้องน้อยถึงกับพูดไม่ออก มันตื้นตันเพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไม่ใช่แค่รักข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว
..เขาขอเธอเป็นแฟน เขารักเธอเหมือนกัน
“ค่ะ” ทรายทิพย์ตอบกลับไปทันที
ชนวีร์เดินมากอดเธอแน่นในที่สุด หัวใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยผู้หญิงคนนี้ เขาสาบานว่าจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิต
หลังจากกลับมา ทรายทิพย์ก็พูดให้จอมขวัญฟังทุกเรื่องและนั่นทำให้หญิงสาวจุกจนพูดไม่ออก
..คนที่เธอแอบรัก รักแรกของเธอเป็นแฟนกับเพื่อนรักของเธอ แล้วแบบนี้เธอจะทำอะไรได้อีกละนอกจากอยู่เฉยๆ และให้เขารักกัน
คืนนั้นจอมขวัญนอนร้องไห้จนตอนเช้าตื่นมาตาบวม เธอไม่ไปเรียนบอกกับทรายทิพย์ว่าไม่สบายแล้วนอนคลุมโปง หัวใจดวงน้อยรวดร้าวเพราะทุกสิ่งที่เธอทำมาเพื่อเขาแต่เหมือนว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
..เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอกลายไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่เธอรักมากที่สุดนั่นเอง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จอมขวัญใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับทรายทิพย์และก็ต้องเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อชนวีร์มาหาคนรัก ทั้งสองแสดงถึงความรักที่มีต่อกันจนจอมขวัญอิจฉา บางครั้งเธอก็อยากเดินแทรกกลางระหว่างทั้งคู่แต่ก็ไม่กล้า เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะทรายทิพย์คือเพื่อนของเธอ เพื่อนรักที่หาได้ยาก
เวลาไปกินข้าวกันสามคนแม้จะมีทรายทิพย์อยู่ด้วยแต่ก็ดูเหมือนเธอเป็นส่วนเกิน จนเดี๋ยวนี้เธอไม่ไปกับทรายทิพย์ถ้ามีชนวีร์อยู่ด้วย และอีกอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวดคือชนวีร์แทบจะไม่คุยอะไรกับเธอเลย เขาหวานใส่แฟนสาวแต่กับจอมขวัญแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขา เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนเขาก็เงียบหรือไม่ก็ถามไถ่เธอนิดหน่อยก่อนจะทำอย่างอื่นไป ใจของเธอเจ็บจนอยากจะร้องไห้แต่เพราะร้องมันเสียทุกคืนจนน้ำตาจะไม่เหลือแล้ว
ในคืนหนึ่งที่จอมขวัญไม่สบาย หญิงสาวมานอนที่ห้องของทรายทิพย์เพราะเพื่อนสนิทบังคับว่าจะได้ดูแลกันสะดวกก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้องไปซื้อยาให้เธอ ระหว่างที่หลับนั้นเองจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอดก่อนจะจูบที่แก้มนวลเบาๆ เธอพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาช่างแข็งแรงเหลือเกิน
“พี่เอง คนดี” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เธอหยุดดิ้นนั่นทำให้ชนวีร์โจมตีด้วยการจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเธอ เขากอดเธอไว้แน่นและรู้สึกว่าคนใต้ร่างกำลังไม่สบายเพราะอุณหภูมิตัวที่ร้อนมากนั่นเองแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะแตะต้องร่างกายของเธอเพราะคิดว่าคือทรายทิพย์
ชนวีร์จูบเธออย่างดูดดื่มราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่างกายสาว เขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอและยิ่งลุ่มหลงเพราะมันช่างยั่วยวนยิ่งนัก เขาสอดมือเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางลูบหน้าท้องเนียนที่แบนราบไม่มีไขมันและขึ้นสูงไปยังดอกบัวคู่งามและก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียก่อน
“ขวัญ! ทรายมาแล้วนะ เดี๋ยวเอาโจ๊กใส่ถ้วยเข้าไปให้นะ” และนั่นทำให้ชนวีร์รีบดีดตัวออกมาทันที
ชายหนุ่มเดินไปเปิดไฟมองจอมขวัญที่นอนหน้าแดงด้วยแววตาวาวโรจน์ ผู้หญิงคนนี้คิดจะอ่อยเขาและปลอมตัวเป็นทรายทิพย์อย่างนั้นหรือ
“ไม่” จอมขวัญพูดไม่ออกเพราะเจ็บคอและร่างกายอ่อนเพลียด้วย
ชนวีร์เปิดประตูห้องออกไปเจอกับแฟนสาวทรายทิพย์ก็ตกใจ
“พี่มาหาเราแต่เห็นเพื่อนเราไม่สบายเลยอยู่ดูรอเรา” ยังไม่ทันที่ทรายทิพย์จะได้พูดอะไรร่างสูงก็พูดโดยไม่ฟังอะไรแล้วเดินไปนั่งรอข้างนอกทันที
“เขาเป็นอะไรของเขา”
เพราะไม่ได้คิดอะไรมากทรายทิพย์จึงเดินเอาโจ๊กไปให้เพื่อนพร้อมกับยาและน้ำก่อนจะเดินไปหาชนวีร์ที่นั่งรออยู่
จอมขวัญกินโจ๊กไปแล้วก็รู้สึกผิดที่เธอรู้สึกดีกับจูบของเขาเมื่อครู่ มันรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง ไม่อยากให้เขาหยุดแต่เมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์ก็เจ็บจนอยากร้องไห้ มือบางปาดน้ำตาออกอีกครั้งเมื่อน้ำตาไหลลงมาอย่างคนอ่อนแอ
“ไม่ร้องนะขวัญ” เธอปลอบตัวเองแล้วกินโจ๊กจนหมดแล้วตามด้วยยาก่อนจะนอนหลับไปในเวลาค่ำ
ในความฝันเธอฝันว่าเขาเดินมากอดเธอไว้ด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น เช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูของเธอว่ารักมากมาย
ใช่..นั่นมันก็แค่ฝันเพราะเมื่อตื่นมาพบกับความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
“เธอมันเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจและขยะแขยงที่สุด!” เมื่อเขาอยู่กับเธอสองคนเขาก็พูดขึ้น
จอมขวัญไม่ได้โต้ตอบอะไรไปเธอนิ่งเงียบ
“ขอโทษค่ะ” จอมขวัญเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินหนีออกไประหว่างที่รอเพื่อนไปสั่งอาหารอยู่ เธอเดินร้องไห้ออกมาแล้วหลบมานั่งอยู่ริมสระน้ำที่ไม่ค่อยมีคน ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนใจยิ่งเจ็บเมื่อเขาเกลียดเธอเข้าไปเสียแล้ว
“ขวัญไปไหนคะ” ทรายทิพย์มาถึงโต๊ะก็ถามหาเพื่อน
“เขาว่ามีธุระเลยให้เรากินข้าวกันสองคน ทรายซื้ออะไรมาให้พี่กินครับ” ชนวีร์ตัดบทหวานใส่แฟนสาว
เขานั่งเล่นอยู่คณะของทรายทิพย์จนค่ำถึงกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาอาลัยอาวรณ์มองอยู่
จอมขวัญมองเขาอย่างตัดพ้อเพราะตอนนั้นเขาคือเทพบุตรสำหรับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทพบุตรจะกลายร่างเป็นซาตานเสียแล้ว
ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น
บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต
๒๕จากนี้และตลอดไปการเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่นของชนวีร์ทำให้เขาเมื่อยล้ากว่าที่คิดมากนัก เขานั่งเครื่องบินบ้างและให้คนขับรถให้บ้างสลับกันไปงานที่บริษัทก็หนัก บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่องานกับลูกค้า เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็จะครบสามเดือน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันนานเหลือเกินอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำงานหลายอย่างก็เป็นได้วันนี้ชนวีร์เคลียร์งานทุกอย่างแล้วขับรถมาขอนแก่นเพียงลำพังไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา“สวัสดีครับ” เขาแวะเข้ามาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อทักทายสวัสดีก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมโล่งซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชินกับมันเสียแล้ว ลมธรรมชาติเย็นสดชื่นเสียยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก“มาเสียค่ำเชียว กินข้าวกินปลาหรือยัง” แม่ยิ้มเอ่ยถามเพราะตอนนี้ครอบครัวของนางกำลังจะรับประทานอาหารจอมขวัญที่ถือข้าวมาก็หันมามองเขาสักครู่ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ชนวีร์มองหน้าหล่อนแล้วก็ชื่นใจ แค่เห็นเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ยังเลยครับ” กะจะพูดต่อว่าขอฝากท้องด้วยแต่พ่อตูมตามก็เดินมามองตาขวางเสียก่อน“งั้นเอ็งก็มากินด้วยกัน จะได้รีบกลับไปอาบน้ำ
๒๔บทพิสูจน์วันต่อมาชนวีร์ก็ยังกลับมาที่หน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แปลกที่เขาได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ดวงตาเรียวสำรวจรอบบ้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีรูปครอบครัววางไว้บ้างในบางมุม เขาดูรูปจอมขวัญตอนเด็กแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อคิดว่า..ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเพียงใดเพื่อเขา แล้วต่อจากนี้ไปเขาจะตอบแทนด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตเอง“นั่งลงสิ จะยืนอีกนานไหม” ตาเม่นพูดเสียงเข้มแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จอมขวัญขอตัวออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทนที่จะเห็นหน้าเขาในบ้านของตัวเอง ตอนนี้จึงมีตาเม่น ยายขิม พ่อตูมตาม แม่ยิ้ม แล้วก็กองทัพเท่านั้น“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแต่บุรุษสองคนกลับไม่ยอมรับจนเขาอดหน้าเสียไม่ได้“สวัสดีนะครับ ผมกองทัพน้องชายของพี่ขวัญ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นเลย..แน่นอนละถ้าไม่เห็นว่าพี่สาวของเขารักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนคงไม่มีวันที่เขาจะยอมยกจอมขวัญให้หรอก“ครับ ผมชนวีร์” เขาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนที่พ่อตูมตามจะเอ่ยขึ้นมา“เอาละ ที่ผมยอมให้คุณเข้ามาไม่ได้มาจากความเต็มใจเลย”
๒๓จนกว่าเธอจะใจอ่อน“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงแม่ยิ้มเอ่ยถามสามีตนเองด้วยความผิดหวังหลังจากเพื่อนบ้านมาถามไถ่ถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้านสามีของนางเอาปืนยิงชายหนุ่มตัวสูง เธอเดาได้ทันทีว่าคนที่กล่าวถึงเป็นใครก่อนจะตามมาถามสามีถึงในไร่“ทำอะไรแม่” กำลังคุมคนงานอยู่ก็ต้องหันมาถามภรรยาที่รักว่าเกิดอะไรขึ้น“พ่อยิงคุณชนวีร์ใช่ไหม” ถามเสียงเครียดแต่พ่อตูมตามกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“แค่ถากไม่โดนหรอก” ตอบมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตนเองทำแม้ว่าจริงๆ แล้วจะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ด้วยทิฐิที่มีมากจึงทำเป็นนิ่งเฉย“แล้วถ้าเขาฟ้องพ่อจนติดคุกติดตารางขึ้นมา จะทำยังไง ทำไมไม่คิดบ้างนะ หัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง” ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสียกับสามี..ปกติเป็นคนอ่อนโยนแท้ๆ แต่ทว่ามาคราวนี้กลับมุทะลุจนคนเป็นเมียตามแทบไม่ทัน เข้าใจแล้วก็วันนี้ว่าเหนือพ่อของตนเองยังสามีที่หวงลูกสาวมากขนาดไหน“พ่อขอโทษจ้ะแม่”“คนที่พ่อควรขอโทษไม่ใช่แม่ ไปขอโทษคุณวีร์เขานู่น” ว่าจบก็ไม่ฟังคำตอบอะไรอีกแม่ยิ้มเดินออกมาจากสวนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีปล่อยผู้ใหญ่บ้านมองตามตาละห้อย..ทะเลาะกับเมียไม่เว้นวันจริงๆ ไอ้ตูมตามเอ๊ย“ไม่มีทางหรอก” ว่าแ
๒๒ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหดร่างหนาบนเตียงเริ่มขยับ ทำให้คนที่เฝ้าหันไปมองด้วยความสนใจทันที ตาเรียวยาวค่อยๆ ปรือมองบริเวณโดยรอบก่อนจะเห็นคนที่นั่งเฝ้าก็อดถอนหายใจไม่ได้..ไม่เคยได้ญาติดีกันเลยแต่คราวนี้ทำไมคนที่เฝ้าเขาดันเป็นลูกน้องที่แอบหลงรักเมียเขาไปเสียนี่“หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนให้พอ ฉีดยาให้แล้วเพราะคุณเป็นไข้ อ่อนเพลีย”สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับจะหยั่งเชิงกันและกันเป็นปนิธิที่ถอนหายใจออกมาเสียก่อน เขาลุกออกไปทิ้งไว้เพียงชนวีร์ที่มองตามก่อนจะเริ่มสังเกตโดยรอบว่าที่นี่เป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ มีที่นอนเหมือนห้องพยาบาลที่โรงเรียน มีเพียงม่านกั้นเตียง เตียงก็เล็กประมาณสามฟุต อยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับล้าไปหมดเลยทำได้เพียงแค่นั่งพิงหัวเตียง มองด้านข้างก็เห็นน้ำเปล่าเขาจึงดื่มเข้าไปด้วยความกระหาย“ที่ผมมาหาขวัญวันนี้ก็กะว่าจะเอาของสำคัญมาให้เขา แต่ผมคิดว่าคนที่ควรจะได้มันน่าจะเป็นคุณ” สมุดเล่มหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าตักชนวีร์“ขอให้หายเร็วๆ นะครับท่านประธาน แล้วเจอกันที่ทำงาน” ร่างสูงกล่าวจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่กลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ “ขวัญเขารักคุณมากนะ ถ้าคุณได้โอกาสจากเ