LOGINความรู้สึกแรกที่หลี่น่าสัมผัสได้ เมื่อจิบสุราจอกนี้เข้าไป คือความรู้สึกเด็ดที่ปลายลิ้น และได้กลิ่นแอลกอฮอล์ตีขึ้นจมูกอย่างแรง รับรู้ได้ทันทีว่าสุราไหนี้ มีฤทธิ์แรงไม่น้อย
“มีเพียงรสเฝื่อนติดคอ มิมีรสชาติอื่นผสมอยู่เลยสักนิด” หากให้นางเลือก คงมิคิดจะดื่มสุราร้านนี้อีก นางคิดว่าสตรีส่วนมากก็คงไม่ชื่นชอบรสชาติเช่นนี้
“สุราก็ต้องมีรสขมและเฝื่อน จะให้มีรสชาติใดอีก” หลี่น่าหันกลับไปมองแม่ทัพจ้าวที่ดื่มสุราลงไปอึกใหญ่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย อย่างกับดื่มน้ำเปล่าลงไป
“ข้าเคยดื่มสุราที่มีรสชาตินุ่ม ละมุนลิ้นมากกว่านี้เจ้าค่ะ บางทีก็ไม่มีรสขมเลยด้วยซ้ำ”
“ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่ามีสุราเช่นนั้นอยู่ด้วย ไม่ว่าแคว้นใด สุราก็มีรสชาตินี้มิใช่หรือขอรับ” รองแม่ทัพหยวนเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ เขาออกศึกสงครามมามาก ดื่มสุรามาก็หลายแห่ง แต่ไม่ว่าที่ใด สุราก็มีรสชาติเช่นนี้
“มีหลายรสชาติเจ้าค่ะ ว่าแต่พวกท่านเหตุใดจึงชอบดื่มสุราเจ้าคะ”
“ผ่อนคลายกระมัง แก้เครียด สนทนากิจธุระก็ง่าย” หลี่น่าพยักหน้าให้กับคำตอบของแม่ทัพใหญ่ เหตุผลที่คนยุคนี้ดื่มสุรา ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับสังคมในชีวิตก่อนของนาง
“เช่นนั้นแม่ทัพจ้าวชอบดื่มสุรารสชาติใดหรือ ขม หวาน เปรี้ยว”
“ข้ามิเคยดื่มรสชาติอื่น เปรียบเทียบมิได้”
“แต่ข้าคิดว่าสุราที่ดื่มทุกวันนี้ เฝื่อนเกินไปขอรับ ข้าจึงไม่อยากดื่มสักเท่าใด” รองแม่ทัพหยวนเอ่ยสำทับขึ้น
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน หากพบกับคราหน้า อย่าลืมทักทายข้านะเจ้าคะ อย่างไรเราก็ถือเป็นสหายกันแล้ว” หลี่น่าก้มคำนับต่อชายทั้งสอง ก่อนจะเดินออกไปจากร้านด้วยจิตใจเบิกบาน วันนี้นางได้สหายเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน
สายตาเรียบนิ่ง มิบ่งบอกถึงความรู้สึกใด จดจ้องไปยังแผนหลังขอสตรีที่พึ่งเดินออกจากร้าน
“ท่านแม่ทัพจะเข้าทางคุณหนูเหอจริงๆ หรือขอรับ”
“มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วมิใช่หรือ” ฮุ่ยหวงมิเห็นด้วยกับการดึงผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้องสักนิด แต่ก็ขัดผู้เป็นนายมิได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับครอบครัวสกุลจ้าวโดยตรง
.
.
กว่าสิบวันที่หลี่น่าพยายามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มสุราของคนในยุคสมัยนี้ ทั้งหญิงและชาย โดยการไปไล่ถามผู้คนในตลาด
“คุณหนูชอบดื่มสุราหรือไม่เจ้าคะ”
“มิชอบ ข้าคิดว่ามันขมและเฝื่อนคอมากเกินไป ทั้งข้ายังเมาง่ายอีกด้วย”
“ข้าเองก็เช่นกัน ขนาดชารสขม ข้ายังพยายามเลี่ยงเลย”
“สำหรับข้า คิดว่ากลิ่นมันเหม็นติดเนื้อติดตัวไปหน่อย แอบสามีออกมาดื่มมิได้เลย ฮ่าๆ” หลายต่อหลายเสียงพูดไปในทิศทางเดียวกัน ว่าสุรามีกลิ่นแรง ทั้งยังมีรสขมและเฝื่อนคอ สตรีที่มิเคยดื่มเป็นประจำ จะทำให้มึนเมาได้อย่างง่ายดาย
“คุณหนูทำสิ่งใดอยู่เจ้าคะ” เอินเอินนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูของนาง หลังจากที่พวกนางออกไปส่งผ้าให้ฮูหยินเสร็จ คุณหนูก็เอาแต่แวะถามคนนั้นทีคนนี้ที พอกลับมาถึงเรือนก็มาจดบันทึกลงบนกระดาษ
ดูที หมึกเปื้อนใบหน้าเต็มไปหมด
“ข้ากำลังดูว่าสตรีในเมืองหลวง เหตุใดจึงไม่ชอบดื่มสุรา”
“เพราะหากมึนเมาจนเสียกิริยา จะทำให้เสื่อมเสียถึงตระกูลได้” ซูเจินที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสามีและบุตรชาย บังเอิญได้ยินบทสนทนาของบุตรสาว จึงช่วยไขความกระจ่าง
“ท่านพ่อกับพี่เหิงกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม วันนี้เถ้าแก่เขามีงานไม่มาก” งานที่สองพ่อลูกไปทำ คือการยกของเข้าร้าน แม้จะได้เงินไม่มาก แต่สองพ่อลูกก็ไม่คิดจะเลือกงาน ที่ใดมีงานจ้าง พวกเขาก็ไปทั้งหมด เพราะกลัวว่าครอบครัวจะไม่มีกิน
“ว่าแต่น้องพี่อยากรู้เรื่องสุราด้วยเหตุใด”
“เพราะน้องกำลังคิดจะทำสุราขายเจ้าค่ะ” หลี่น่ากางแผนการคร่าวๆ ที่ตนเองเขียนให้ครอบครัวได้ดู
“นี่เจ้าค่ะ…เท่าที่ข้ารู้มา สุราในตอนนี้มีกลิ่นที่เหม็น รสชาติขมและเฝื่อน ทั้งยังออกฤทธิ์แรง ทำให้สตรีทั่วทั้งเมืองมิค่อยนิยมดื่มสุรา แต่ก็ใช่ว่าสตรีเหล่านั้นจะไม่อยากดื่มนะเจ้าคะ พวกนางยังบอกว่า หากมีสุราที่ไม่ขมมาก คงจะพอดื่มกินสังสรรค์กับสหายได้ ข้าจึงคิดจะทำสุราที่มีรสชาติอื่นบ้าง”
“เจ้ารู้หรือว่าต้องทำอย่างไร” เหิงเยว่ถามน้องสาว ก่อนจะหันไปสบตากับบิดา
“เอ่อ…ข้าอ่านในตำรามาแล้วเจ้าค่ะ ทำง่ายดายนัก เพียงแค่เราผสมน้ำผลไม้กับสุราเข้าด้วยกัน อยากได้สุราที่มีฤทธิ์ไม่แรงมาก ก็ใส่สุราไปเพียงนิดเดียว”
“แล้วน้ำผลไม้ที่เจ้าว่า เราจะหาได้จากที่ใดเล่าลูกแม่”
“อ่า เรื่องนั้น…” จริงอย่างที่ท่านแม่ว่า นางไม่รู้ว่าจะหาส่วนผสมต่างๆ ได้จากที่ใด ไหนจะสุรา น้ำผลไม้ น้ำเชื่อม เห็นทีการสร้างกิจการสุราหวานครานี้ จะไม่ง่ายอย่างที่นางคิด
ยังไม่ทันที่ครอบครัวสกุลเหอจะพูดคุยกันต่อ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังมาจากประตูหน้าเรือนเสียก่อน
“มีผู้ใดอยู่บ้างขอรับ ข้าน้อยมาจากชานเมือง มาขอพบนายท่านเหอขอรับ”
“ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่
“ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่
หลังจากที่ขอให้ท่านลุงเหวินจงหมักสุราไว้ให้ หลี่น่าก็กลับมาพักที่เรือนอย่างสบายใจกับผีน่ะสิ!นับจากที่ตัดสินใจว่าจะนำสุราหวานไปวางขาย หลี่น่าก็ไม่ได้หยุดพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งเรื่องวิธีการทำ ก็มีปัญหาเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน“จะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” หลี่น่ากำลังตักชิมน้ำผลไม้ที่นางคั้นเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็พบว่าน้ำเหล่านั้นทำท่าคล้ายจะเน่าเสีย รสชาติและกลิ่นต่างแปลกไป“เพราะไม่มีตู้เย็น เลยเป็นเช่นนี้”“เอ่อ อันใดคือตะ ตู้เย็นเจ้าคะ”“เป็นที่ที่เย็นมากๆ ใช้เก็บของมิให้เน่าเสียน่ะ” หลี่น่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียดายน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ เห็นทีจะต้องทิ้งแล้วทำใหม่“…”“นำไหที่เสียไปทิ้งเถิด แล้วคั้นใหม่ ข้าจะลองไปถามท่านพ่อดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” ครอบครัวของนางเป็นสกุลพ่อค้า คงจะมีวิธีการเก็บสินค้าให้สดใหม่อยู่เสมอ“ได้เจ้าค่ะ” แม้เอินเอินจะเสียดายมากเท่าใด แต่ก็จำใจต้องเทน้ำผลไม้พวกนั้นทิ้ง..หลังจากครอบครัวสกุลเหอทานมื้อเย็นเสร็จ ก็พากันมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ศาลาหลังเรือน เป็นโอกาสให้หลี่น่าได้ถามไถ่วิธีแก้ปัญหากับบิดา“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าติดปัญหาเจ
ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไปหลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิมทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่ม







