คนพูดยิ้มตาเป็นประกาย แอบจับผิดอาการของสาวสวยตรงหน้า แต่ก็ไม่พบอาการตื่นเต้นใดๆ จากอีกฝ่ายนอกจากความนิ่งเฉย สีหน้าเรียบติดจะเย็นชานิดๆ ในยามที่เจ้าตัวเผลอ ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าแม่สาวตรงหน้าจะไม่คิดใช้เต้าไต่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ช่วยเลขา มาเป็นภรรยาลูกชายเจ้าของบริษัท เหมือนอดีตผู้ช่วยเลขาคนก่อนที่ใช้เต้าไต่ให้ท่าลูกชายคนโตของท่านประธาน แต่สุดท้ายพอเรื่องแดงขึ้นมาเพราะเจ้าหล่อนมีเรื่องตบตีกับพนักงานด้วยกัน และเผลอโพล่งความลับฉาวโฉ่ของตัวเองกับรองประธานคนเก่าออกไป ก็ถูกสั่งพักงานยาวและยังโดนทัณฑ์บนอีก แถมตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ที่หมายตาก็หลุดมือไปด้วย เพราะชายหนุ่มต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ หาไม่ก็จะไม่ได้รับมรดก แต่ถึงจะได้เป็นสะใภ้จริง ก็คงไม่รุ่งเท่าไหร่ เพราะลูกชายคนโตที่ว่าดันเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่ถูกรับมาเลี้ยงเท่านั้น ผิดกับว่าที่ท่านรองประธานคนใหม่นี้ที่เป็นลูกชายแท้ๆ
“แต่ถึงจะหลงเสน่ห์ไปก็เท่านั้น เพราะได้ยินว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว เป็นลูกสาวเพื่อนรักของท่านประธานคนเก่า พี่เคยเห็นแวบๆ ตอนงานเลี้ยงประจำปีพนักงาน รายนั้นทั้งสวยทั้งรวยอย่าบอกใครเลยล่ะ แถมเป็นนักเรียนนอกด้วย อย่าไปเล่าให้ใครฟังต่อล่ะ เห็นเขาว่าไม่เกินปลายปีนี้คงมีข่าวดีแน่”
รุจารินยิ้มบางๆ รู้ทันเจตนาของอีกฝ่ายดีว่าต้องการลองใจตน แต่ถึงว่าที่เจ้านายใหม่จะหล่อหรือรวยยังไง ก็ไม่มีผล เพราะสำหรับเธอผู้ชายคนไหนก็คงเหมือนๆ กัน ตอนแรกอาจจะดี แต่อยู่ๆ ไปก็ลายออก กลายเป็นอีกคนไปได้เหมือนพ่อเธออย่างไรเล่า
“อย่าห่วงไปเลยค่ะพี่หวาน จ๋ามาทำงาน และรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร” วรรณิภาแอบถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ที่เธอต้องดักคอหญิงสาวตรงหน้านั้นก็เป็นความหวังดี
“ดีแล้วจ้ะ พี่เป็นห่วง ยิ่งน้องจ๋ามาใหม่แถมหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ออกจะสวยน่ารัก ทำงานใกล้ชิดพวกเจ้านายใหญ่ คนก็จะเพ่งเล็งครหาได้ง่ายๆ ทำอะไรก็ต้องระมัดระวังให้มาก พี่เอ็นดูถึงเตือนเพราะเป็นห่วง อยากให้น้องจ๋าทำงานที่นี่ไปนานๆ นะ”
“จ๋าทราบค่ะพี่หวาน ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ” หญิงสาวตอบรับความหวังดีของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม
“เออ จริงสิ! คุยเพลินจนเกือบลืม วันก่อนพี่เอาขนมที่คุณแม่น้องจ๋าทำมาให้กลับไปให้ที่บ้านชิม เขาติดใจกันใหญ่ ต้นเดือนหน้าพี่เลยว่าจะขอสั่งขนมตะโก้กับลูกชุบสักหน่อย พอดีที่บ้านจะทำบุญเลี้ยงพระงานแต่งลูกพี่ลูกน้องของพี่น่ะ สั่งซื้อนะจ๊ะ ห้ามเอามาให้ฟรีๆ พี่เกรงใจ”
“ได้สิคะ เดี๋ยวจ๋าบอกแม่ให้” คนพูดตาทอประกายคลี่ยิ้มสดใสสมวัยขึ้นมาทันตา
“ดูสิ เด็กคนนี้ พูดเรื่องหนุ่มหล่อทำเฉย พอบอกจะสั่งขนมเท่านั้นล่ะหน้าบานเป็นจานเชิงเลย เรานี่นะแปลกคนจริงๆ ขยันขนาดนี้ระวังจะไม่มีที่เก็บเงินนะจ๊ะ”
“จ๋าอยากมีเงินเยอะๆ ค่ะ อยากให้แม่สบายไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน”
วรรณิภามองหญิงสาวรุ่นน้องตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม เด็กดีๆ อย่างรุจาริน สมัยนี้หายากเหลือเกิน
“พี่เอาใจช่วยจ้ะ เดี๋ยวจะช่วยโฆษณาขนมให้ด้วย แต่ถ้าขายดีเมื่อไหร่อย่าเพิ่งรีบชิงลาออกหนีไปเปิดร้านขายขนมเสียล่ะ” รุจารินได้แต่ยิ้มรับ “ว่าแต่นี่น้องจ๋าจะกลับยังไง เย็นป่านนี้แล้วรถตู้บริษัทก็คงหมดแล้วด้วย เมื่อกี้เห็นฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตกอีก กลับกับพี่ไหม เดี๋ยวรอแฟนพี่มารับน่าจะอีกครึ่งชั่วโมง”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ จ๋ากลับรถเมล์ได้ วันก่อนเห็นมีสายหนึ่งผ่านหน้าบริษัทพอดี พี่หวานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“เอางั้นก็ตามใจ แต่ถ้าจะเปลี่ยนใจก็โทรหาพี่ได้เลยนะ”
“งั้นจ๋ากลับก่อนนะคะพี่หวาน แล้วพบกันวันจันทร์ค่ะ”
ฟ้ายามโพล้เพล้ดูครึ้มๆ เห็นทีฝนคงจะตกในไม่ช้า รุจารินเดินออกมารอรถเมล์อยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววรถเมล์สายที่ผ่านบ้านเธอซักคัน แม้กระทั่งรถแท็กซี่ที่ขับผ่านก็ล้วนไม่ว่างเพราะสภาพอากาศเช่นนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเปียกฝนกลับบ้าน เธอก็เช่นกัน
ยังดีที่ก่อนออกมาเธอโทรบอกมารดาแล้วว่าจะกลับช้าสักหน่อยเพื่อจะได้ไม่เป็นห่วงมากนัก รอจนฝนเริ่มลงเม็ดโปรยปรายและมีทีท่าว่าจะตกหนักขึ้นในไม่ช้า รอจนคนที่ป้ายรถเมล์เริ่มบางตาลงจนเหลือเพียงเธอคนเดียว จู่ๆ รถคันหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้า ดวงตาคู่งามมองอย่างระแวดระวัง แม้อยู่ติดถนนไม่ได้เปลี่ยวแต่ก็ไม่อาจไว้ใจใครได้ ทันใดนั้นกระจกหน้าต่างรถข้างคนขับก็เลื่อนลงมาเสียก่อน
“ลูกจ๋า!”
รุจารินชะงักกึก แต่พยายามนิ่งเฉย ทำหูทวนลมเสีย และคิดภาวนาให้อีกฝ่ายรำคาญจนถอดใจขับรถผ่านเลยไปเมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจไยดี แต่เธอก็คิดผิดเมื่อฝ่ายนั้นเปิดประตูถือร่มเดินฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำเข้ามาหา
“ฝนตกหนัก ขึ้นรถก่อนลูกเดี๋ยวพ่อไปส่งที่บ้านให้”
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู