Se connecter“เขาเป็นตัวปวดหัวของฉัน” เธอครางออกมาขณะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาข้าง ๆ เพื่อนโดยเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย “เขาทำอะไรให้แกปวดหัวอีกแล้วล่ะ” เพื่อนขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด “เขาชวนฉันขึ้นเตียง” เธอส่ายหน้า สารภาพความจริงที่น่าอับอายออกไป “เขาอะไรนะ!” เจิ้งลี่ซาเบิกตากว้าง ก่อนที่ดวงตาจะหรี่ลงอย่างจับผิด “ข้อเสนอประเภทไหน แบบตรงไปตรงมาเลยเหรอ” “ใช่เลย! เขากะจะให้ฉันเป็นคู่นอนของเขานั่นแหละ” เธอพยักหน้าอย่างหัวเสีย “เขาก็เหมือนพี่ชายเขานั่นแหละ...กู้หยุนเฟิง...เพียงแต่ร้ายกว่าสิบเท่า” “ร้ายกว่าอีกเหรอ” เจิ้งลี่ซาหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ด้วยเหรอ” “ใช่...ฉันยืนยั
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ราวกับเป็นคนละโลก... ความวุ่นวาย ความแตกสลาย และแรงดึงดูดอันตรายที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สุดสัปดาห์นั้น บัดนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง หลินซีกลับมาสู่โลกแห่งความจริง อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่ใช้ร่วมกับเพื่อนรัก กองต้นฉบับนิยายที่เขียนไม่ถึงไหน และบัญชีธนาคารที่ว่างเปล่า ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยกเว้นสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือหัวใจของเธอเอง ความเจ็บปวดจากการถูกเจิ้งลี่ซาหักหลังค่อย ๆ ตกตะกอนลงกลายเป็นความเงียบงันที่น่าอึดอัดซึ่งคั่นกลางระหว่างพวกเธอ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายไปไหน มันยังคงสดชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นั่นก็คือคือเสียงกระซิบของผู้ชายคนนั้น “ผมชอบคุณ”&nb
“คุณแฉะไปหมดแล้ว เพื่อผมคนเดียวเลยใช่ไหม” เขาเร่งจังหวะปลายนิ้วให้เร็วขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอสั่นสะท้านอยู่แนบชิดกับเขา “คุณก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” “คุณเฮ่าหราน...” เธอครางชื่อเขาออกมาอย่างทรมาน “ครับ...ที่รัก” เขาถอยห่างจากเธอเล็กน้อย แล้วรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดสิ้น ต้องการจะเปลือยเปล่าเคียงข้างเธอ ต้องการจะรู้สึกถึงผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน ต้องการจะเข้าไปอยู่ในตัวเธอใจจะขาด ทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระ เขาก็อุ้มร่างของเธอขึ้นมาวางลงบนเตียงอีกครั้ง จัดตำแหน่งตัวเองอยู่เหนือร่างของเธอ แล้วสอดแทรกกายเข้าไปในตัวหล่อนจนสุดลำในคราวเดียว “อ๊า...” “อืมมม...คุณรู้สึกดีมาก” เขาคำรามชิดริมฝีปากเธอขณะเริ่มขยับกา
“ครับ นั่นก็เข้าใจได้” เขาลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่คุยกับกู้เทียนอี้ให้เธอฟังดีไหม แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ เขาไม่อยากจะให้เธอคิดว่าเขากำลังไปยุ่งเรื่องของหลินซี และทำให้เธอกังวลไปมากกว่านี้ “ช่างเถอะค่ะ” จู่ ๆ เจิ้งลี่ซาก็เปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดมาให้ รอยยิ้มที่สั่นคลอนปราการแห่งความอดทนสุดท้ายของเขาจนพังทลายลงไม่เป็นท่า และเพียงเท่านั้นฉู่เฮ่าหรานก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาเขาก็โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มของเธออย่างโหยหา เป็นจูบที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ถูกเก็บกดไว้เนิ่นนาน “อืม...” เสียงหวานครางออกมาเบา ๆ ในลำคอ เมื่อลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่า
ทันทีที่หลินซีและกู้เทียนอี้เดินแยกไปยังห้องพักของหลินซี โลกทั้งใบของฉู่เฮ่าหรานก็หดแคบลงเหลือเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...เจิ้งลี่ซา “ผมหวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะ แต่เทียนอี้ให้เราพักห้องคู่ด้วยกัน แล้วก็ให้หลินซีพักห้องเดี่ยวน่ะ” เขาเอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่หัวใจในอกกำลังเต้นระรัวด้วยความยินดีระคนประหม่า “แต่ถ้าคุณอยากจะนอนกับหลินซีมากกว่า ผมสลับห้องกับเธอได้เสมอ” “แล้วคุณอยากจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาส่งยิ้มที่เขาอ่านไม่ออกมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ทั้งยั่วยวนและท้าทายในเวลาเดียวกัน และในวินาทีนั้นเอง สิ่งที่เขาอยากจะทำทั้งหมดก็คือรวบร่างเธอเข้ามาจูบให้หายคิดถึง “คุณก็รู้ว่าผมอยากได้อะไรมากกว่า” เขาตอบเสียงพร่า มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องแอบเลื่อนไปบีบสะโพกกลมกลึงของเธอเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้า&n
“หลินซีเป็นเพื่อนสนิทของเจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง “และฉันก็...พยายามจะทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับลี่ซามันดีขึ้นอยู่ ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่าเจตนาของนายที่มีต่อหลินซีคืออะไร แต่จากที่ฉันรู้จักเธอมา เธอเป็นคนดีและค่อนข้างจะไร้เดียงสา ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะมาเล่นเกมด้วย ฉันไม่อยากจะเห็นเธอต้องเจ็บปวด...เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อลี่ซาด้วย” “หมายความว่านายกำลังจะบอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ จากหลินซีงั้นสิ” น้ำเสียงของกู้เทียนอี้ทุ้มต่ำลงอย่างน่ากลัว แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มหยัน “ก็ไม่เชิง” เขาถอนหายใจ “ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ” “เข้าใจแล้ว” กู้เทียนอี้พยักหน้าช้า ๆ “นั่นก็ไม่ใช่เจตนาของฉันเหมือนกัน” เขายกมือขึ้นเคาะผนังเบา ๆ “แต่ฉันชื่นชมนะที่นายกล้ามาคุยกับฉันตรง ๆ แบบนี้ นายคงจะแคร์เจิ้งลี่ซามากจริง ๆ ถึงได้ห่วงใยเพื่อนของเธอขนาดนี้” “ใช่ ฉันแคร์...แคร์มาก” ฉู่เฮ่าหรานยอมรับโดยไม่ปิดบังก่อนถามกลับ “ถ้าอย่างนั้นเหตุผลจริง ๆ ที่นายเรียกฉันมาคุยคืออะไร” รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของกู้เทียนอี้จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมื







