LOGIN“จื่อหาน เธอน่าจะทำตามคำแนะนำของตัวเองบ้างนะ” ฉู่ลี่เหยียนยักคิ้วใส่เพื่อนรักขณะนิ้วเรียวกดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยเปื่อย แสงจากจอโทรทัศน์สะท้อนในดวงตาสีนิลกลมโตคู่สวยที่บัดนี้มองมาอย่างท้าทาย
ซ่งจื่อหานได้แต่กลั้นเสียงครางที่จุกอยู่ในลำคอ ลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน เธอรู้ดีว่าสายตาแบบนั้นของเพื่อนสนิทหมายความว่าอย่างไร ก็เธอเองนี่แหละที่เป็นคนสอนท่าทางยียวนกวนประสาทแบบนี้ให้เพื่อนกับมือ
“คำแนะนำอะไรเหรอ” หญิงสาวแสร้งถามเสียงใส กลบเกลื่อนความประหม่าที่เริ่มก่อตัวในใจ มือเอื้อมไปหยิบชามป๊อปคอร์นบนโต๊ะกาแฟขึ้นมากอดไว้ เอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน เธอหยิบข้าวโพดคั่วเข้าปากสองสามชิ้น เคี้ยวกรุบกรับรับรสหวานมันเนย พลางเตรียมใจรอฟังคำพูดที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดในโลก
“เธอน่าจะมีลองมีอะไรกับพี่เฮ่าชวนดูสักครั้ง” ฉู่ลี่เหยียนยิ้มกริ่ม มุมปากยกสูงอย่างเจ้าเล่ห์ และนั่นเองที่ทำให้ซ่งจื่อหานครางออกมาจนได้
“โอ๊ยยยย ไม่เอาหรอก จะบ้าหรือไง” ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“อย่ามาครางใส่ฉันนะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนคว้าป๊อปคอร์นจากมือเพื่อนไปกินบ้างแล้วเอนหลังพิงโซฟาหนังสีแทนตัวใหม่เอี่ยมที่พวกเธอเพิ่งจะเห่อซื้อมาเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“กินระวังหน่อยสิ” ซ่งจื่อหานดุเสียงจริงจัง พยายามเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวโซฟาใหม่ก็เปื้อนเนยหรอก” เธอหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเพื่อนทำหน้ายู่ใส่ ก่อนจะรีบเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แล้วฉันก็ไม่มีวันมีอะไรกับพี่ชายเธอเด็ดขาด”
หญิงสาวรีบหันไปมองจอทีวีราวกับมีเรื่องน่าสนใจ ทั้งที่ในใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำ เธอยอมรับกับตัวเองเงียบ ๆ ว่าเคยคิดเรื่องนอน...และแน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงแค่นอนหลับ...กับฉู่เฮ่าชวนมานานหลายปีแล้ว แต่ในสายตาของเขา เธอก็เป็นได้แค่เพื่อนสนิทของน้องสาวจอมจุ้น และเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะเคยใส่ใจมองเธอในฐานะอื่นเลยด้วยซ้ำ
อันที่จริง...นั่นก็ไม่ถูกทั้งหมด ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว มันเคยมีอยู่คืนหนึ่งที่เขามองเธอเป็นมากกว่า ‘ยัยจื่อหานเด็กติงต๊อง’ คืนที่เขามองเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง...แต่ความทรงจำอันซับซ้อนและแสนหวานปนขมขื่นนั้น เธอเลือกที่จะเก็บมันไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่เคยเอ่ยถึงมันอีกเลย
“ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันไนต์สแตนด์เหมือนกัน แต่พอลอง...แล้วเธอดูฉันตอนนี้สิ” ฉู่ลี่เหยียนกดปิดเสียงทีวี หันมามองเพื่อนด้วยแววตาเป็นประกาย ซ่งจื่อหานมองเพื่อนรักใช้มือเสยผมยาวสลวยแล้วม้วนปลายผมเล่นอย่างเหม่อลอย “ใครจะไปคิดล่ะว่าหยุนเฟิงกับฉันจะ...”
“พอ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ซ่งจื่อหานรีบขัดจังหวะทันควัน ไม่อยากจะรับฟังเรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนวิเศษระหว่างเพื่อนรักกับกู้หยุนเฟิง แฟนหนุ่มของเพื่อนอีกแล้ว แค่นี้เธอก็รู้สึกอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว
กู้หยุนเฟิง ทั้งหล่อ เซ็กซี่ ฐานะร่ำรวย แถมวงในยังลือกันให้แซ่ดว่าลีลาบนเตียงและปลายลิ้นของเขานั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติอีกด้วย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซ่งจื่อหานได้ยินเรื่องความสมบูรณ์แบบของกู้หยุนเฟิงมานับครั้งไม่ถ้วน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนเดียวจะเพียบพร้อมได้ขนาดนี้เชียวหรือ แน่นอนว่าเธอดีใจกับเพื่อนรัก เพราะฉู่ลี่เหยียนคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเธอ แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง เธอก็อดอิจฉาไม่ได้อยู่เหมือนกัน เธอเองก็โหยหาผู้ชายสักคนที่จะทำให้เธอหัวปักหัวปำ คลั่งรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น คนที่จะมองเธอราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกใบนี้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอดูเหมือนจะมองเธอเป็นเพียง ‘เนื้อลดราคา’ หรือ ‘ของให้ความบันเทิงฟรี ๆ’ เท่านั้น
ให้ตายเถอะ นี่เธอไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งก์ส่วนตัวของใครนะ! ซ่งจื่อหานกรีดร้องในใจ
“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเวทนาชะตาชีวิตรักของตัวเอง
“ฉันน่ารำคาญไปรึเปล่า” ฉู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วมองเพื่อน ดวงตาสีนิลฉายแววกังวลเล็กน้อย กลัวว่าตัวเองกำลังทำตัวเป็นเพื่อนประเภทที่พอมีความรักก็เอาแต่พูดพล่ามถึงเรื่องแฟนตัวเองไม่หยุดจนคนอื่นเบื่อหน่าย
ปกติแล้วซ่งจื่อหานไม่เคยว่าอะไร หากเพื่อนจะเพ้อฝันถึงคนรักของตัวเองบ้าง แค่เธอไม่อยากให้เพื่อนพูดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของตัวเองพร้อมกับเอ่ยชื่อ ‘ฉู่เฮ่าชวน’ ออกมาในประโยคเดียวกันเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาคือคนที่เธอเฝ้าโหยหามาเนิ่นนานหลายปี
“ไม่หรอก ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานฉีกยิ้มกว้างส่งให้เพื่อน แต่ในใจกลับพึมพำค้านว่า ใช่ เธอน่ารำคาญชะมัด! ไม่มีใครอยากฟังเรื่องคนรักสุดเพอร์เฟกต์ของเพื่อนซี้ได้ทุกวี่ทุกวันหรอก ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว กู้หยุนเฟิงจะห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบอยู่มากโขก็ตาม หญิงสาวแอบยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ราบรื่นนักของเพื่อนในช่วงแรก
“ยิ้มอะไรของเธอ” ดวงตาของฉู่ลี่เหยียนหรี่ลงอย่างจับผิด เธอขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว “มีความลับอะไรไม่บอกฉันรึเปล่าจื่อหาน”
“อาจจะ” ซ่งจื่อหานยิ้มกริ่มแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้างุนงง แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของเพื่อนปรากฏขึ้น เธอรู้ดีว่าเพื่อนรักคงจะเริ่มคิดมากไปต่าง ๆ นานาแล้ว นั่นคือข้อเสียที่สุดของฉู่ลี่เหยียน และในขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธอรักเพื่อนคนนี้มากเหลือเกิน เพื่อนของเธอช่างอ่อนไหว เปราะบาง รับรู้ทุกอารมณ์ความรู้สึก และมักจะกังวลและกระวนกระวายใจอยู่เสมอหากคิดว่าตัวเองกำลังทำให้ใครต้องเจ็บปวด “ล้อเล่นน่า ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโน้มตัวไปบีบแขนเพื่อนเบา ๆ อย่างปลอบโยน “ฉันดีใจกับเธอนะที่เจอกู้หยุนเฟิง เธอสมควรจะเจอความรักดี ๆ แบบนี้ที่สุดแล้ว”
“ฉันรู้” ฉู่ลี่เหยียนยิ้มบางๆ แล้วถอนหายใจ “แต่ฉันก็อยากให้เธอเจอความรักเหมือนกัน อยากให้เธอมีความสุขเหมือนที่ฉันมีความสุขตอนนี้”
“เดี๋ยวฉันก็เจอใครสักคนน่า” ซ่งจื่อหานพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไว้พรุ่งนี้กลางคืนเราออกไปเที่ยวกันก็ได้ถ้าเธอว่าง เผื่อจะได้เจอใครบ้าง ดีมั้ย”
“หยุนเฟิงบอกว่าไม่อยากให้ฉันไปเที่ยวกับเธออีกแล้ว” ฉู่ลี่เหยียนเม้มปาก สีหน้าลำบากใจ
ซ่งจื่อหานจ้องเพื่อนเขม็ง ความไม่พอใจเริ่มคุกรุ่น “ฉันรู้ว่าเธอไม่ยอมให้กู้หยุนเฟิงมาบงการชีวิตเธอหรอก ใช่ไหม” ซ่งจื่อหานขมวดคิ้วมุ่น เขาเป็นใครกัน ถึงกล้ามาสั่งห้ามไม่ให้ฉู่ลี่เหยียนไปเที่ยวกับเธอ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นตัวอันตรายอย่างนั้นแหละ!
“แน่นอนอยู่แล้ว” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะคิกคักอย่างมีแผน “แค่เราไม่ต้องบอกให้เขารู้ก็เท่านั้นเอง”
“นี่เธอจะไม่โกหกเขาใช่ไหม” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย นึกภาพถ้าเพื่อนโกหกแล้วเขาจับได้ขึ้นมา เขาต้องเกลียดเธอเข้าไส้แน่ ๆ
“ไม่แน่นอน” ฉู่ลี่เหยียนตอบอย่างมั่นใจ “ฉันก็แค่จะไม่บอกรายละเอียดว่าเราจะไปไหนก็เท่านั้น”
“เอาจริง?” ซ่งจื่อหานมองหน้าเพื่อนอย่างพิจารณาถี่ถ้วน แล้วก็เห็นประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตาคู่นั้น “เธอมันขี้โกหก ลี่เหยียน เธอต้องบอกกู้หยุนเฟิงแน่ ๆ แล้วก็จะให้เขาไปบอกพี่เฮ่าชวน แล้วก็จะต้องมีเรื่อง แล้วเราก็จะโดนแบนไปตลอดชีวิต”
“งั้นเธอโทรหาเขาสิจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนครางออกมาอย่างอ้อนวอน “นะ โทรสิ โทรเลย”
“ไม่เอา” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทันที “ฉันจะไปหาไอติมกิน เธอจะเอาอะไรไหม”
“ไม่อะ” ฉู่ลี่เหยียนกระโดดตามลงมายืนข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว “ทำไมเธอถึงไม่ยอมโทรหาพี่เฮ่าชวนล่ะ เธอกำลังทำตัวงี่เง่านะ อธิบายให้พี่เฮ่าชวนฟังไปสิว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะจูบกับพี่เฮ่าหราน”
“ฉันไม่โทร” ซ่งจื่อหานตอบเสียงหนักแน่น
ใบหน้าของซ่งจื่อหานแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงแววตาตำหนิของฉู่เฮ่าชวนในวันที่เขาเห็นเธอจูบกับน้องชายของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน เขาดูตกใจมาก และหัวใจของเธอแทบจะหล่นวูบลงไปกองกับพื้นเมื่อสบตาคมกริบคู่นั้น มันเป็นเพียงอุบัติเหตุและโชคชะตาเล่นตลก เธอไม่ได้มีความคิดที่จะจูบฉู่เฮ่าหรานเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น เพียงเพราะอยากจะลองดูว่ามันจะมีความรู้สึก ‘สปาร์ก’ หรืออะไรทำนองนั้นเกิดขึ้นบ้างไหม เธออยากจะอธิบายให้ฉู่เฮ่าชวนฟังใจจะขาดว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดพลาด แต่เธอก็ละอายเกินกว่าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ซับซ้อนระหว่างเธอกับเขา
“เฮ้อ...จื่อหานนะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนถอนหายใจยาว พลางเม้มปากแน่นอย่างจนใจกับความดื้อรั้นของเพื่อนรัก
“ไม่ต้องมา ‘จื่อหาน’ ใส่ฉันเลย ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานกลอกตามองเพื่อน เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ “ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงไม่โทรเหมือนกันนั่นแหละ”
“ก็อาจจะใช่” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้ายอมรับ ทั้งคู่หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น มองไปยังกระเป๋ากางเกงของฉู่ลี่เหยียนเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอส่งเสียงร้องเรียกขึ้นมา
“รับสิ” ซ่งจื่อหานเดินเลี่ยงออกมาอย่างรู้จังหวะ “เจ้าชายผู้แสนน่ารำคาญของเธอรออยู่”
“เขาไม่น่ารำคาญสักหน่อย” ฉู่ลี่เหยียนเถียงกลับขณะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แต่แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้
“เออ บางทีอาจจะน่ารำคาญนิดหน่อย” เธอยอมรับในที่สุดแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล” เธอพูดเสียงหวานหยดย้อย ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปตามโถงทางเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้ซ่งจื่อหานยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพังกับความคิดที่สับสนวุ่นวายในหัว
“คืนนี้เราไม่เล่นไพ่นกกระจอกกันแล้วนะ” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพร้อมหน้ากันรอบโต๊ะอาหารเย็นที่บ้านของพ่อแม่เธอ หญิงสาวจงใจพูดประโยคนี้กับฉู่เฮ่าชวนโดยตรง เขาจึงแกล้งทำหน้าเบ้ใส่เธออย่างหมั่นไส้“ก็ได้ แล้วเธออยากจะเล่นอะไรแทนล่ะ” เขาตอบรับ พลางแอบจับมือของซ่งจื่อหานไว้ใต้โต๊ะอย่างแนบเนียน“ฉันยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ฉู่ลี่เหยียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองทางเจิ้งลี่ซา “แล้วคุณล่ะคะ อยากจะเล่นอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”“ใคร...ใครเหรอคะ ฉันเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างประหม่า “ฉัน...ฉันแค่ดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย ประหลาดใจอยู่เหมือนกันนะคะที่ได้รับเชิญมาในวันนี้” เธอมองมาทางซ่งจื่อหานอย่างเกรงใจ “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคุณจะรู้สึกยังไงที่ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยน่ะค่ะ”“โอ้! ฉันไม่เป็นอะไรเลยค่ะ!” ซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ “คุณเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ แล้วคุณก็นิสัยดีกับฉันเสมอด้วย ฉันดีใจมากเลยค่ะที่คุณมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ลี่เหยียนกับฉันก็กำลังต้องการผู้หญิงอีกสักคนมาเข้ากลุ่มอยู่พอดีเลยค่ะ”“แหม...ขอบ
“แล้ว...เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้างไหมล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังนั่งรอให้ศิลปินวงเปิดได้เริ่มทำการแสดงซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ “ที่พี่อุตส่าห์ลงทุนพาฉันบินมาถึงเซี่ยงไฮ้ในเดตแรกอย่างเป็นทางการของพวกเราน่ะเหรอคะ ก็ต้องเซอร์ไพรส์สิคะ นี่มันเป็นเดตแรกที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาในชีวิตเลยนะคะ ฉันไม่แน่ใจเลยจริง ๆ นะว่าต่อจากนี้ไปจะมีผู้ชายคนอื่นคนไหนที่สามารถจะทำเดตแรกให้มันยอดเยี่ยมไปกว่านี้ได้อีกน่ะ”“ฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่มีผู้ชายคนอื่นคนไหนที่จะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นหรอกนะ” เขาพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นในทันทีหัวใจของหญิงสาวแทบจะระเบิดออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้นยินดีกับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ เธอตกใจระคนดีใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกนี่เขา...นี่เขาแทบจะขอเธอแต่งงานอยู่แล้วนะ!อืมมม...ก็อาจจะไม่ใช่เชิงนั้นเสียทีเดียวหรอก เธออยากจะรีบส่งข้อความไปหาฉู่ลี่เหยียนเพื่อนรักเสียเดี๋ยวนี้เลยจริง ๆ แล้วก็อยากจะถามว่าเพื่อนของเธอจะคิดยังไงกับความคิดเห็นของพี่ชายตัวเองเมื่อกี้นี้บ้าง แต่เธอก็รู้ดีว่าในตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสักเ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ นะคะว่าพี่จะยอมลงทุนพาฉันบินมาถึงเซี่ยงไฮ้เพื่อจะมาดูคอนเสิร์ตของเซวียจือเชียนในวันเกิดของฉันโดยเฉพาะ” ซ่งจื่อหานมองใบหน้าคมคายของฉู่เฮ่าชวนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื้นตันใจอย่างสุดซึ้ง “พี่น่ารักมากเลยค่ะ น่ารักที่สุดในโลกเลย”“ก็แค่...ลี่เหยียนเขารู้สึกแย่น่ะ ที่ต้องพลาดฉลองวันเกิดของเธอในปีนี้ แล้วยัยนั่นก็เลยคิดว่านี่คงจะเป็นความคิดที่ดี” ฉู่เฮ่าชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตากลับทอประกายขี้เล่นใช่สิ...ลี่เหยียนติดไปทริปท่องยุโรปกับนายกู้หยุนเฟิงสุดหล่อของหล่อน เลยไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดกับฉันเหมือนอย่างทุกปี“ถ้าอย่างนั้นที่พี่พาฉันมาที่นี่ก็เพราะว่าทำตามคำสั่งของลี่เหยียนอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว พยายามจะซ่อนความผิดหวังเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจเอาไว้“ที่ฉันอุตส่าห์บินพาเธอมาตั้งไกลถึงที่นี่ เพียงเพราะว่ายัยน้องสาวตัวแสบของฉันรู้สึกแย่อย่างนั้นเหรอ” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ หืมมม...จื่อหาน”“ฉัน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เธอเม้มริม
เธอเผลอหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นเมื่อเห็นว่ามีสายวิดีโอคอลเรียกเข้าจากฉู่เฮ่าชวนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ในทันที“ฉันบอกว่า ‘อาจจะ’ นะคะ ไม่ใช่ ‘ใช่’ เสียหน่อย!” เธอหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดีขณะกดรับสาย“ฉันอยากเห็นเธอ” ดวงตาคมกริบมองตรงเข้ามาในหน้าจอโทรศัพท์ และเธอก็บอกได้เลยว่าเขากำลังพยายามจะมองให้เห็นว่าเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างที่เพิ่งจะบอกเขาไปจริง ๆ หรือไม่ “แต่...ฉันมองเธอไม่ค่อยเห็นชัดเลยแฮะ” เขาครางออกมาอย่างขัดใจ“พี่มองไม่เห็นหน้าฉันเหรอคะ”“ฉันเห็นหน้าสวย ๆ ของเธอชัดเจนเลยล่ะ แต่ไม่เห็นอย่างอื่นเลยสักนิด”“แล้วพี่อยากจะเห็นอะไรของฉันอีกล่ะคะ”“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” เขาหัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี “และก็...ทุกสิ่งทุกอย่างเลยด้วย!”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันได้เห็นพี่บ้างสิคะ” เธอลื่นตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างตามเดิม แล้วเอนหลังพิงหัวเตียงอย่างสบายอารมณ์“ก็ได้ ตามใจเธอเลย”เขาลดกล้องโทรศัพท์มือถือลงต่ำ แล้วก็โชว์ให้เธอได้เห็นแก่นกายร้อนระอุที่กำลังแข็งขืนชูชันขึ้นอย่างท้าทาย ซึ่งถูกกอบกุมไว้ด้วยมือขวาของ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอนะ มันก็คงจะยากอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ที่จะต้องนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันความสัมพันธ์ของเราได้อย่างชัดเจนจริง ๆ น่ะ”ซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ถ้าให้พูดกันตามตรงเลยนะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงใจง่ายราคาถูกอยู่หน่อย ๆ เลยล่ะ” หญิงสาวถอดเสื้อยืดตัวเก่าออก แล้วดึงเสื้อครอปสีน้ำเงินกรมท่าตัวใหม่มาสวมใส่แทน “ฉันหมายถึง...อย่าเข้าใจฉันผิดนะ...ฉันสนุกกับเซ็กซ์ที่ได้ทำกับพี่เฮ่าชวนมากจริง ๆ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น ฉันเคยคิดมาตลอดนะว่า ถ้าผู้ชายสามารถจะมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ตอนที่ยังไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจัง ฉันก็ควรจะทำแบบนั้นได้เหมือนกันกับเขาสิ แต่มันก็แค่...รู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ เท่านั้นเอง”“ฉันว่าที่เธอรู้สึกแบบนั้นมันก็เป็นเพราะว่าเธออยากจะคบกับพี่เฮ่าชวนมาก ๆ ต่างหากล่ะ ดังนั้นตอนนี้เธอถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในช่วงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของความสัมพันธ์ยังไงล่ะ”“ใช่” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับขณะดึงกางเกงยีนส์ตัวเก่งขึ้นมาสวมใส่ “ฉั
“ฉันจะไปฆ่ากู้หยุนเฟิงทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลย! เขากล้าคิดแผนการบ้า ๆ นี่ แล้วก็ยังไม่ยอมปริปากบอกอะไรฉันเลยสักคำเดียว!” ฉู่ลี่เหยียนอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด หลังจากที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะเล่าเรื่องราวค่ำคืนอันเร่าร้อนของเธอกับฉู่เฮ่าชวนให้ฟังจนจบ“มันบ้ามาก ๆ เลยเนอะ ใช่ไหมล่ะ” ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างให้เพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดเธอกับพี่เฮ่าชวนก็ได้เปิดอกคุยกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจเสียที จนเธอไม่สามารถจะปิดบังความตื่นเต้นยินดีที่เอ่อล้นอยู่ในใจเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว“อืมมม ฉันว่ามันยิ่งกว่าคำว่าบ้าเสียอีกนะ” ลี่เหยียนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนของซ่งจื่อหาน ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ นะ ว่าพี่เฮ่าชวนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเธอน่ะ ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเลยที่พี่ชายฉันจะเป็นพวกชอบควบคุมบังคับใครต่อใครได้จริง ๆ น่ะ”“อืมมม แต่บางทีเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ได้นะ เชื่อฉันสิ” ซ่งจื่อหานแกล้งทำเป็นตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัว “เธอควรจะได้เห็นกับตาตัวเองจริง ๆ นะ ตอนที่เขาจับฉันพาดลงบนเข่าของเขาน่ะ”“ต้องยอมรับตามตรงเลยนะ







