“จื่อหาน เธอน่าจะทำตามคำแนะนำของตัวเองบ้างนะ” ฉู่ลี่เหยียนยักคิ้วใส่เพื่อนรักขณะนิ้วเรียวกดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยเปื่อย แสงจากจอโทรทัศน์สะท้อนในดวงตาสีนิลกลมโตคู่สวยที่บัดนี้มองมาอย่างท้าทาย
ซ่งจื่อหานได้แต่กลั้นเสียงครางที่จุกอยู่ในลำคอ ลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน เธอรู้ดีว่าสายตาแบบนั้นของเพื่อนสนิทหมายความว่าอย่างไร ก็เธอเองนี่แหละที่เป็นคนสอนท่าทางยียวนกวนประสาทแบบนี้ให้เพื่อนกับมือ
“คำแนะนำอะไรเหรอ” หญิงสาวแสร้งถามเสียงใส กลบเกลื่อนความประหม่าที่เริ่มก่อตัวในใจ มือเอื้อมไปหยิบชามป๊อปคอร์นบนโต๊ะกาแฟขึ้นมากอดไว้ เอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน เธอหยิบข้าวโพดคั่วเข้าปากสองสามชิ้น เคี้ยวกรุบกรับรับรสหวานมันเนย พลางเตรียมใจรอฟังคำพูดที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดในโลก
“เธอน่าจะมีลองมีอะไรกับพี่เฮ่าชวนดูสักครั้ง” ฉู่ลี่เหยียนยิ้มกริ่ม มุมปากยกสูงอย่างเจ้าเล่ห์ และนั่นเองที่ทำให้ซ่งจื่อหานครางออกมาจนได้
“โอ๊ยยยย ไม่เอาหรอก จะบ้าหรือไง” ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“อย่ามาครางใส่ฉันนะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนคว้าป๊อปคอร์นจากมือเพื่อนไปกินบ้างแล้วเอนหลังพิงโซฟาหนังสีแทนตัวใหม่เอี่ยมที่พวกเธอเพิ่งจะเห่อซื้อมาเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“กินระวังหน่อยสิ” ซ่งจื่อหานดุเสียงจริงจัง พยายามเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวโซฟาใหม่ก็เปื้อนเนยหรอก” เธอหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเพื่อนทำหน้ายู่ใส่ ก่อนจะรีบเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แล้วฉันก็ไม่มีวันมีอะไรกับพี่ชายเธอเด็ดขาด”
หญิงสาวรีบหันไปมองจอทีวีราวกับมีเรื่องน่าสนใจ ทั้งที่ในใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำ เธอยอมรับกับตัวเองเงียบ ๆ ว่าเคยคิดเรื่องนอน...และแน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงแค่นอนหลับ...กับฉู่เฮ่าชวนมานานหลายปีแล้ว แต่ในสายตาของเขา เธอก็เป็นได้แค่เพื่อนสนิทของน้องสาวจอมจุ้น และเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะเคยใส่ใจมองเธอในฐานะอื่นเลยด้วยซ้ำ
อันที่จริง...นั่นก็ไม่ถูกทั้งหมด ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว มันเคยมีอยู่คืนหนึ่งที่เขามองเธอเป็นมากกว่า ‘ยัยจื่อหานเด็กติงต๊อง’ คืนที่เขามองเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง...แต่ความทรงจำอันซับซ้อนและแสนหวานปนขมขื่นนั้น เธอเลือกที่จะเก็บมันไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่เคยเอ่ยถึงมันอีกเลย
“ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันไนต์สแตนด์เหมือนกัน แต่พอลอง...แล้วเธอดูฉันตอนนี้สิ” ฉู่ลี่เหยียนกดปิดเสียงทีวี หันมามองเพื่อนด้วยแววตาเป็นประกาย ซ่งจื่อหานมองเพื่อนรักใช้มือเสยผมยาวสลวยแล้วม้วนปลายผมเล่นอย่างเหม่อลอย “ใครจะไปคิดล่ะว่าหยุนเฟิงกับฉันจะ...”
“พอ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ซ่งจื่อหานรีบขัดจังหวะทันควัน ไม่อยากจะรับฟังเรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนวิเศษระหว่างเพื่อนรักกับกู้หยุนเฟิง แฟนหนุ่มของเพื่อนอีกแล้ว แค่นี้เธอก็รู้สึกอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว
กู้หยุนเฟิง ทั้งหล่อ เซ็กซี่ ฐานะร่ำรวย แถมวงในยังลือกันให้แซ่ดว่าลีลาบนเตียงและปลายลิ้นของเขานั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติอีกด้วย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซ่งจื่อหานได้ยินเรื่องความสมบูรณ์แบบของกู้หยุนเฟิงมานับครั้งไม่ถ้วน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนเดียวจะเพียบพร้อมได้ขนาดนี้เชียวหรือ แน่นอนว่าเธอดีใจกับเพื่อนรัก เพราะฉู่ลี่เหยียนคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเธอ แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง เธอก็อดอิจฉาไม่ได้อยู่เหมือนกัน เธอเองก็โหยหาผู้ชายสักคนที่จะทำให้เธอหัวปักหัวปำ คลั่งรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น คนที่จะมองเธอราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกใบนี้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอดูเหมือนจะมองเธอเป็นเพียง ‘เนื้อลดราคา’ หรือ ‘ของให้ความบันเทิงฟรี ๆ’ เท่านั้น
ให้ตายเถอะ นี่เธอไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งก์ส่วนตัวของใครนะ! ซ่งจื่อหานกรีดร้องในใจ
“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเวทนาชะตาชีวิตรักของตัวเอง
“ฉันน่ารำคาญไปรึเปล่า” ฉู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วมองเพื่อน ดวงตาสีนิลฉายแววกังวลเล็กน้อย กลัวว่าตัวเองกำลังทำตัวเป็นเพื่อนประเภทที่พอมีความรักก็เอาแต่พูดพล่ามถึงเรื่องแฟนตัวเองไม่หยุดจนคนอื่นเบื่อหน่าย
ปกติแล้วซ่งจื่อหานไม่เคยว่าอะไร หากเพื่อนจะเพ้อฝันถึงคนรักของตัวเองบ้าง แค่เธอไม่อยากให้เพื่อนพูดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของตัวเองพร้อมกับเอ่ยชื่อ ‘ฉู่เฮ่าชวน’ ออกมาในประโยคเดียวกันเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาคือคนที่เธอเฝ้าโหยหามาเนิ่นนานหลายปี
“ไม่หรอก ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานฉีกยิ้มกว้างส่งให้เพื่อน แต่ในใจกลับพึมพำค้านว่า ใช่ เธอน่ารำคาญชะมัด! ไม่มีใครอยากฟังเรื่องคนรักสุดเพอร์เฟกต์ของเพื่อนซี้ได้ทุกวี่ทุกวันหรอก ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว กู้หยุนเฟิงจะห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบอยู่มากโขก็ตาม หญิงสาวแอบยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ราบรื่นนักของเพื่อนในช่วงแรก
“ยิ้มอะไรของเธอ” ดวงตาของฉู่ลี่เหยียนหรี่ลงอย่างจับผิด เธอขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว “มีความลับอะไรไม่บอกฉันรึเปล่าจื่อหาน”
“อาจจะ” ซ่งจื่อหานยิ้มกริ่มแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้างุนงง แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของเพื่อนปรากฏขึ้น เธอรู้ดีว่าเพื่อนรักคงจะเริ่มคิดมากไปต่าง ๆ นานาแล้ว นั่นคือข้อเสียที่สุดของฉู่ลี่เหยียน และในขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธอรักเพื่อนคนนี้มากเหลือเกิน เพื่อนของเธอช่างอ่อนไหว เปราะบาง รับรู้ทุกอารมณ์ความรู้สึก และมักจะกังวลและกระวนกระวายใจอยู่เสมอหากคิดว่าตัวเองกำลังทำให้ใครต้องเจ็บปวด “ล้อเล่นน่า ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโน้มตัวไปบีบแขนเพื่อนเบา ๆ อย่างปลอบโยน “ฉันดีใจกับเธอนะที่เจอกู้หยุนเฟิง เธอสมควรจะเจอความรักดี ๆ แบบนี้ที่สุดแล้ว”
“ฉันรู้” ฉู่ลี่เหยียนยิ้มบางๆ แล้วถอนหายใจ “แต่ฉันก็อยากให้เธอเจอความรักเหมือนกัน อยากให้เธอมีความสุขเหมือนที่ฉันมีความสุขตอนนี้”
“เดี๋ยวฉันก็เจอใครสักคนน่า” ซ่งจื่อหานพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไว้พรุ่งนี้กลางคืนเราออกไปเที่ยวกันก็ได้ถ้าเธอว่าง เผื่อจะได้เจอใครบ้าง ดีมั้ย”
“หยุนเฟิงบอกว่าไม่อยากให้ฉันไปเที่ยวกับเธออีกแล้ว” ฉู่ลี่เหยียนเม้มปาก สีหน้าลำบากใจ
ซ่งจื่อหานจ้องเพื่อนเขม็ง ความไม่พอใจเริ่มคุกรุ่น “ฉันรู้ว่าเธอไม่ยอมให้กู้หยุนเฟิงมาบงการชีวิตเธอหรอก ใช่ไหม” ซ่งจื่อหานขมวดคิ้วมุ่น เขาเป็นใครกัน ถึงกล้ามาสั่งห้ามไม่ให้ฉู่ลี่เหยียนไปเที่ยวกับเธอ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นตัวอันตรายอย่างนั้นแหละ!
“แน่นอนอยู่แล้ว” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะคิกคักอย่างมีแผน “แค่เราไม่ต้องบอกให้เขารู้ก็เท่านั้นเอง”
“นี่เธอจะไม่โกหกเขาใช่ไหม” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย นึกภาพถ้าเพื่อนโกหกแล้วเขาจับได้ขึ้นมา เขาต้องเกลียดเธอเข้าไส้แน่ ๆ
“ไม่แน่นอน” ฉู่ลี่เหยียนตอบอย่างมั่นใจ “ฉันก็แค่จะไม่บอกรายละเอียดว่าเราจะไปไหนก็เท่านั้น”
“เอาจริง?” ซ่งจื่อหานมองหน้าเพื่อนอย่างพิจารณาถี่ถ้วน แล้วก็เห็นประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตาคู่นั้น “เธอมันขี้โกหก ลี่เหยียน เธอต้องบอกกู้หยุนเฟิงแน่ ๆ แล้วก็จะให้เขาไปบอกพี่เฮ่าชวน แล้วก็จะต้องมีเรื่อง แล้วเราก็จะโดนแบนไปตลอดชีวิต”
“งั้นเธอโทรหาเขาสิจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนครางออกมาอย่างอ้อนวอน “นะ โทรสิ โทรเลย”
“ไม่เอา” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทันที “ฉันจะไปหาไอติมกิน เธอจะเอาอะไรไหม”
“ไม่อะ” ฉู่ลี่เหยียนกระโดดตามลงมายืนข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว “ทำไมเธอถึงไม่ยอมโทรหาพี่เฮ่าชวนล่ะ เธอกำลังทำตัวงี่เง่านะ อธิบายให้พี่เฮ่าชวนฟังไปสิว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะจูบกับพี่เฮ่าหราน”
“ฉันไม่โทร” ซ่งจื่อหานตอบเสียงหนักแน่น
ใบหน้าของซ่งจื่อหานแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงแววตาตำหนิของฉู่เฮ่าชวนในวันที่เขาเห็นเธอจูบกับน้องชายของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน เขาดูตกใจมาก และหัวใจของเธอแทบจะหล่นวูบลงไปกองกับพื้นเมื่อสบตาคมกริบคู่นั้น มันเป็นเพียงอุบัติเหตุและโชคชะตาเล่นตลก เธอไม่ได้มีความคิดที่จะจูบฉู่เฮ่าหรานเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น เพียงเพราะอยากจะลองดูว่ามันจะมีความรู้สึก ‘สปาร์ก’ หรืออะไรทำนองนั้นเกิดขึ้นบ้างไหม เธออยากจะอธิบายให้ฉู่เฮ่าชวนฟังใจจะขาดว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดพลาด แต่เธอก็ละอายเกินกว่าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ซับซ้อนระหว่างเธอกับเขา
“เฮ้อ...จื่อหานนะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนถอนหายใจยาว พลางเม้มปากแน่นอย่างจนใจกับความดื้อรั้นของเพื่อนรัก
“ไม่ต้องมา ‘จื่อหาน’ ใส่ฉันเลย ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานกลอกตามองเพื่อน เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ “ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงไม่โทรเหมือนกันนั่นแหละ”
“ก็อาจจะใช่” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้ายอมรับ ทั้งคู่หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น มองไปยังกระเป๋ากางเกงของฉู่ลี่เหยียนเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอส่งเสียงร้องเรียกขึ้นมา
“รับสิ” ซ่งจื่อหานเดินเลี่ยงออกมาอย่างรู้จังหวะ “เจ้าชายผู้แสนน่ารำคาญของเธอรออยู่”
“เขาไม่น่ารำคาญสักหน่อย” ฉู่ลี่เหยียนเถียงกลับขณะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แต่แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้
“เออ บางทีอาจจะน่ารำคาญนิดหน่อย” เธอยอมรับในที่สุดแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล” เธอพูดเสียงหวานหยดย้อย ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปตามโถงทางเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้ซ่งจื่อหานยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพังกับความคิดที่สับสนวุ่นวายในหัว
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.