ซ่งจื่อหานทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะคว้ามือถือคู่ใจขึ้นมาด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ นิ้วเรียวจิ้มเปิดแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดฮิต เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจประจำวัน...ส่องความเคลื่อนไหวของ ‘ฉู่เฮ่าชวน’ นั่นเอง!
เธอพิมพ์ชื่อ ‘เฮ่าชวน’ ลงในช่องค้นหาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตร็อก แต่แล้ว...หัวใจเจ้ากรรมก็พลันกระตุกวูบแทบหยุดเต้น! เมื่อรูปโปรไฟล์ที่ไม่คุ้นตา...ไม่คุ้นอย่างแรง!...ปรากฏขึ้นบนหน้าจอแทนที่จะเป็นใบหน้าหล่อเหลาบาดใจของเขา หรือว่า...หรือว่าพี่เฮ่าชวนจะลบเธอออกจากเพื่อนแล้ว? บล็อกเลยเหรอ? หรือเขาเปลี่ยนไปใช้ชื่อปลอมเพื่อหลบหนีการตามติดชีวิตของเธอ?! ไม่นะ! โลกจะแตกไม่ได้นะ!
หญิงสาวพยายามกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดซึมที่ไรผม หัวใจเต้นรัวเร็วราวกับกลองศึกสงครามโลกครั้งสุดท้ายขณะปลายนิ้วสั่นเทากดรีเฟรชหน้าจอซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนเสียสติ
“โอ๊ย ให้ตายสิ!” เธอเผลอครางออกมาอย่างหัวเสียปนโล่งอก เมื่อตระหนักว่าตัวเอง...ยัยซ่งจื่อหานคนนี้นี่แหละ...ดันพิมพ์นามสกุลผิดไปเอง! ยัยบื้อเอ๊ย! ตื่นเต้นจนตาลายไปหมดแล้ว! รีบกดลบแล้วแก้ให้ถูกต้องอย่างลนลาน ความโล่งใจอันมหาศาลถาโถมเข้ามาเป็นระลอกคลื่นยักษ์เมื่อรูปโปรไฟล์ที่คุ้นเคยยิ่งกว่าหน้าตัวเองตอนส่องกระจกของฉู่เฮ่าชวนปรากฏขึ้นตรงหน้า หญิงสาวแทบจะก้มลงกราบมือถืองาม ๆ สามครั้ง ก่อนจะรีบคลิกเข้าไปดูรูปภาพของเขาเพื่อสอดส่องว่ามีอะไรใหม่ ๆ อัปเดตให้หัวใจกระชุ่มกระชวยหรือไม่
แล้วหัวใจเธอก็แทบหยุดเต้นอีกครั้ง...คราวนี้แรงยิ่งกว่าเดิม...ชนิดที่ว่าถ้ามีเครื่องวัดคลื่นหัวใจอยู่ใกล้ ๆ เข็มคงตีทะลุปรอท! เมื่อสังเกตเห็นผู้หญิงที่ชื่อ ‘เจิ้งลี่ซา’ แสดงความคิดเห็นบนโพสต์ล่าสุดของเขาว่า ‘แทบรอเจอคุณสุดสัปดาห์นี้ไม่ไหวแล้วค่ะ สุดหล่อของลี่ซา <3 <3 <3’ พร้อมอีโมจิรูปหัวใจสามดวงโตเท่าบ้าน!
มือไม้ของซ่งจื่อหานเย็นเฉียบราวกับจับน้ำแข็งแห้ง รีบกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของหญิงสาวปริศนาคนนั้นทันทีด้วยความเร็วแสง แต่แล้วก็ต้องสบถออกมาเบา ๆ อย่างหัวเสียเมื่อพบว่าโปรไฟล์ของ ‘ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่ง’ ตั้งค่าเป็นส่วนตัว! หนอย! กล้าดียังไงมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ! ทำให้เธอไม่เห็นข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยนอกจากรูปโปรไฟล์เล็กเท่ามดที่ดูเหมือนจะ...สวย...สวยมากด้วย!
เจิ้งลี่ซาเป็นใครกัน? แฟนใหม่เขารึเปล่า? เขารักยัยนี่แล้วจริงๆ เหรอ? แล้วที่ทำเหมือนมีใจให้ฉันมันคืออะไร๊?!
คำถามมากมายนับล้านแปดพรั่งพรูเข้ามาในหัวจนปวดหนึบไปหมด ศีรษะหมุนคว้างราวกับนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาสิบตลบ ท้องไส้ก็พลันปั่นป่วนมวนท้องขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอรีบออกจากแอปนั้นแล้วเปิดหน้าเว็บค้นหา พิมพ์ชื่อ ‘เจิ้งลี่ซา’ พร้อมด้วยคำว่า ‘แฟน ฉู่เฮ่าชวน’ ลงไปอย่างรวดเร็วราวกับนักสืบโคนันเข้าสิง หวังว่าจะหาข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับ ‘มารหัวใจ’ ของเธอทางโลกออนไลน์ได้บ้าง
นี่แหละคือสิ่งที่เธอทั้งเกลียดทั้งรักเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต! มันง่ายมากที่จะส่อง...เอ่อ...หมายถึง ‘สืบค้นข้อมูลเชิงลึก’ เกี่ยวกับคนอื่น แต่ในทางกลับกัน คนอื่นก็สามารถ ‘สืบค้นข้อมูลเชิงลึก’ เกี่ยวกับเธอได้ง่ายดายพอกัน และเธอก็ไม่พอใจอย่างแรง! ที่เมื่อมีคนลองพิมพ์ชื่อ ‘ซ่งจื่อหาน’ ลงในช่องค้นหา จะมีรูปของเธอสมัยใส่ชุดนักเรียน ม.ปลาย หน้าตาจืดชืด แถมยังส่งเข้าประกวดลดน้ำหนัก (ซึ่งไม่เคยลดได้สำเร็จ!) ปรากฏขึ้นหราบนเว็บไซต์ลดน้ำหนัก พร้อมกับน้ำหนักเป้าหมายที่เธอยังทำไม่สำเร็จสักที! เธอยังไม่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ดันมีคนแคปโพสต์เก่า ๆ สมัยหัดเล่นโซเชียลใหม่ ๆ ของตัวเองไปลงในบล็อกซุบซิบดาราพร้อมแคปชันว่า ‘สาวน้อย(เหรอ?)คนนี้คือใคร? กล้าดียังไงมาวิจารณ์ดาราคนโปรดของฉัน!’ เธอเคยพยายามติดต่อผู้ให้บริการเครื่องมือค้นหาเป็นร้อยครั้งเพื่อขอให้ลบเว็บไซต์อัปยศพวกนั้นออกจากการค้นหา แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองใด ๆ กลับมาเลย นอกจากอีเมลอัตโนมัติที่บอกว่า ‘จะรีบดำเนินการตรวจสอบ’ ซึ่งคงหมายถึงชาติหน้านั่นแหละ!
“จื่อหาน! ยัยบ๊อง! ทำอะไรอยู่น่ะ” เสียงใส ๆ ของฉู่ลี่เหยียนดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง ทำเอาซ่งจื่อหานที่กำลังจมดิ่งอยู่ในภวังค์แห่งการสืบสวนสะดุ้งสุดตัวราวกับโดนน้ำร้อนสาด เพื่อนรักเดินเข้ามาในห้องราวกับพายุหมุน พร้อมกับเสื้อสองตัวในมือที่ดูเหมือนจะลังเลว่าจะใส่ตัวไหนดี
“หะ...หาข้อมูลอยู่!” ซ่งจื่อหานพึมพำตอบเสียงสั่น พลางเงยหน้ามองเพื่อนด้วยท่าทางมีพิรุธสุด ๆ ลังเลใจอย่างหนักว่าควรจะเอ่ยปากถามเรื่อง ‘เจิ้งลี่ซา’ ดีไหม หรือจะเก็บไว้เป็นความลับสุดยอดต่อไป
“หาข้อมูลเรื่องอะไรของเธอ” ฉู่ลี่เหยียนถามพลางโยนเสื้อทั้งสองตัวลงบนเตียง แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ อย่างจับผิด
ซ่งจื่อหานรีบคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงบนผ้าปูที่นอนทันทีด้วยความเร็วเหนือเสียง กลัวเพื่อนจะเห็นว่าเธอกำลังสวมวิญญาณนักสืบเอกชนอยู่ การเป็นสตอล์กเกอร์ก็เป็นเรื่องน่าอายเรื่องหนึ่ง แต่การถูกจับได้คาหนังคาเขาว่ากำลังแอบส่องใครอยู่นั้น มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าอายยิ่งกว่า น่าอายระดับสิบ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่กำลังส่องเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเพื่อนสนิทตัวเอง! โอ๊ย อยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.