เสียงรถจอดสนิทที่ลานกว้างกลางไร่ชา อิงลดาหันไปยิ้มให้สามี “ถึงแล้วค่ะพี่ภีม ที่นี่ไร่ชาของปู่กับย่า”
ภีมวัชพยักหน้าเล็กน้อย มองตามแววตาเปี่ยมความทรงจำของภรรยา ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวลงจากรถ และไม่ทันก้าวถึงบันไดบ้านไม้ใหญ่ ร่างของชายชราผมขาวกับหญิงสูงวัยใบหน้ายิ้มละไมก็ก้าวออกมาต้อนรับ
“อิง หลานย่ากลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” ย่ารัศมียิ้มกว้าง เอื้อมมือกอดหลานสาวแน่น สีหน้าเปี่ยมด้วยความคิดถึง ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้าง
“นี่หรือจ๊ะ หลานเขยของย่า”
“สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีครับคุณปู่” ภีมวัชยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
คุณปู่พินิจหัวเราะอย่างเอ็นดู ดวงตาเป็นประกาย
“เรียกว่าปู่กับย่าก็พอ”
อิงลดามองสามีด้วยแววตาอบอุ่น
“พี่ภีม เรียกตามที่ปู่กับย่าบอกเถอะค่ะ”
“ครับปู่ ย่า” ภีมวัชพยักหน้า ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ย่ารัศมียกมือขึ้นลูบแขนหลานเขย ดวงตาเต็มไปด้วยความพอใจ
“หมอจริงๆ ด้วยสินะ ย่าดีใจนักที่อิงได้คนดี คนเก่งอย่างนี้มาเป็นคู่ชีวิต”
“หมอสมองหมอประสาทใช่ไหมล่ะ คนเราจะไปทำงานสายนี้ได้ก็ต้องใจเย็น อดทน รอบคอบ ปู่ว
ทันทีที่ประตูปิดลง อิงลดาก็หันมามองสามีเต็มตา ดวงตาเป็นประกายทั้งโกรธ ทั้งหึง ทั้งโล่งใจ“พี่ภีม...พูดแรงมากเลยนะคะ”ภีมวัชถอนหายใจยาว ดึงภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น“พี่พูดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เธอรู้ขอบเขต ไม่งั้นเธอจะไม่หยุดสักที”อิงลดาซุกหน้าลงกับอกกว้างของสามี เสียงเธอเบาแต่สั่นเครือ“ขอบคุณนะคะ อิงยอมรับตรงๆเลยว่าตั้งแต่ที่เราเปิดใจกัน อิงก็รักพี่ภีมมากขึ้นทุกวันและไม่อยากมีใครมาแทรกกลางระหว่างเราแล้วจริงๆ” ประโยคนั้นทำเอาคนฟังยิ้มกริ่ม ยิ่งได้ยินคำว่ารักหัวใจที่เย็นชาต่อคนทั้งโลกก็ยิ่งอ่อนไหวต่อคนตรงหน้า“จะไม่มีใครมาแทรกได้ เพราะพี่เลือกอิงแล้ว” เขากดจมูกลงบนเส้นผมของเธออิงลดายังซุกอยู่ในอ้อมกอดสามี แต่สายตาเธอเงยขึ้นสบตาคมคายที่ทอดมองมาอย่างมั่นคง ความลังเลยังค้างอยู่ในหัวใจจนเธอต้องถามออกไปเสียงเบา“พี่ภีม... อิงถามตรงๆ ได้ไหมคะ”“ได้สิ” ภีมวัชก้มลงแตะปลายจมูกกับหน้าผากเธอเบาๆ สีหน้าอ่อนโยน“พี่เคยมีใจให้หมอนัทบ้างไหม”ภีมวัชนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมยังคงจ้องเธออย่างจริงจัง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ“ถ้าพี่รักหมอนัท เราคงไม่เป็นเพื่อนกันมาได้สิบกว่าปีหรอกอิง”อิงลดากะพริบตาถี่ หัวใจเธอเต
“ใครโทรมาคะ” อิงลดาที่อยู่ข้างๆ ชะโงกหน้ามองสามีภีมวัชหันมามองหน้าภรรยา สีหน้านิ่งแต่ดวงตาเหมือนจะขอโทษ “คุณแม่บอกว่าหมอนัทมารออยู่ที่บ้าน”อิงลดาชะงัก ฝีเท้าหยุดกะทันหัน เธอหันหน้ามามองเขาเต็มๆ ดวงตาเริ่มแข็งกร้าวขึ้นทันที“หมอนัท”“อืม” เขาพยักหน้าเบาๆอิงลดากอดอกแน่น ปากเม้มจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความขุ่นเคือง “ภาณุเพิ่งสงบไปได้ไม่นาน หมอนัทก็ตามมารบกวนพี่ภีมอีกเหรอคะเนี่ย”“อิง...ใจเย็นๆ” ภีมวัชเอื้อมมือไปแตะไหล่ภรรยาอย่างปลอบโยน“จะให้ใจเย็นได้ยังไงคะพี่ภีม” เสียงเธอสูงขึ้น ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ คลอ “อิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องโดนแบบนี้ตลอด คนหนึ่งก็ภาณุที่ไม่เลิกรา อีกคนก็หมอณัชชาที่ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ”ภีมวัชมองใบหน้าที่บึ้งตึงของภรรยาแล้วถอนหายใจเฮือก เขาโน้มตัวลงใกล้ๆ เอียงหน้าเข้าไปใกล้จนเธอต้องหลบสายตา“อิงฟังพี่นะ”อิงลดาเงียบแต่เม้มปากแน่นกว่าเดิม“ต่อให้ณัชชาจะตา
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นยามเช้า อิงลดายกมือปัดอย่างลนๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองสามีที่ยังนอนหลับสนิท“พี่ภีม...” เธอเขย่าแขนเบาๆ“ตื่นได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเที่ยวบินนะ”ภีมวัชขมวดคิ้วในความฝัน แค่ครางตอบ “อืม...อีกนิด” แล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเองอิงลดาถอนหายใจเฮือก “นี่ คุณหมอศัลยแพทย์คนเก่งของอิง จะขี้เซาแบบนี้ไม่ได้เลยนะคะ”“ก็เมื่อคืนนอนดึก เพราะมัวแต่กอดเมีย อยากทำเมียไม่ให้ทำ เลยนอนหลับไม่สนิท” เสียงทุ้มแหบพร่าดังลอดผ้าห่ม“พี่ภีม!” อิงลดาหน้าแดงขึ้นมาเองโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะส่ายหัวแรงๆ“นั่นแหละค่ะ ผลของการอ้อนเกินไป ทีนี้ตื่นเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทันจริงๆ”เขาค่อยๆ โผล่หน้าออกมา แววตายังเต็มไปด้วยความง่วง แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์“อิงใจร้าย ปลุกพี่เหมือนคุณครูปลุกนักเรียนขี้เกียจเลย”“ก็เพราะพี่ภีมทำตัวเหมือนเด็กขี้เกียจนั่นแหละค่ะ”“ไม่อยากกลับจริงๆ อยู่ตรงนี้มีอิง มีคุณพ
ภีมวัชนั่งพิงหัวเตียง มองภรรยาที่กำลังจัดผ้าห่มอย่างใจลอย ก่อนถอนหายใจออกมาเสียงดัง“เฮ้อ...”อิงลดาหันไปขมวดคิ้ว “เฮ้อทำไมคะพี่ภีม”“พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว พี่ยังไม่อยากกลับเลย” น้ำเสียงเขาหนักแน่นแต่แฝงความงอแงอยู่ในทีอิงลดาวางผ้าห่มลงแล้วนั่งข้างๆ “ไม่อยากกลับก็ต้องกลับค่ะ งานพี่รออยู่ อิงเองก็มีงานเหมือนกัน”“แต่กลับไปก็เจอเมียเอาแต่ทำงาน พี่เองก็งานเยอะ ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย แบบนี้จะมีประโยชน์อะไรที่กลับ” ภีมวัชหันมาสบตา“กลับบ้านมาก็เจอกันอยู่ดีค่ะพี่ภีม” อิงลดาหัวเราะเบาๆ“ไม่เหมือนกันหรอก” เขาขยับเข้าใกล้ จ้องหน้าเธอเหมือนจะจับผิด“ห่างกันก็ดีออก จะได้ไม่เบื่อกันง่ายๆ” อิงลดายักคิ้วกวนๆภีมวัชขมวดคิ้วทันที “พูดอะไรแบบนั้น อิงคิดว่าพี่จะเบื่ออิงเหรอ”อิงลดายักไหล่ “ก็เผื่อไว้ไงคะ”“จำไว้นะ อิง...พี่ไม่มีวันเบื่ออิง ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี พี่ก็ยังจะรักอิงเหมือนเดิ
เสียงเครื่องยนต์ดับลงที่ลานกว้างของไร่องุ่น อิงลดานั่งก้มหน้าแน่น แก้มแดงจัดราวกับเพิ่งผ่านแดดแรงๆ มาทั้งวัน มือเล็กบีบชายกระโปรงแน่นไม่ยอมเงยหน้ามองสามีภีมวัชหันมามองแล้วหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเอ็นดู “เขินอะไรนักหนาอิง หน้าแดงตั้งแต่ในรถจนถึงบ้าน”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาถลึงตาใส่เขาทันที “พี่ภีมยังกล้าพูดอีก มันไม่ปกติเลยนะ ใครเขาทำ... ทำอะไรแบบนั้นกันบนรถ”ภีมวัชยักคิ้ว ยกยิ้มมุมปากกวนๆ “ก็มีพี่กับอิงนี่ไง ไม่ใช่คู่แรก แล้วก็จะไม่ใช่คู่เดียวด้วย”“ไม่ตลกเลยนะพี่ภีม ถ้ามีใครผ่านมาเห็นล่ะ จะทำยังไง อิงอายแย่เลย” เธอแหวเสียงเบา มือยกขึ้นทุบแขนเขาเบาๆ ด้วยความอาย“ฝนตกหนักขนาดนั้น จะมีใครผ่านมาได้ยังไงกัน” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบแตะกัน กระซิบเสียงทุ้มต่ำ“อีกอย่าง...พี่จะหื่นกับเมียพี่คนเดียว ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”“พี่ภีม พูดอะไรไม่อายเลยนะ” อิงลดาหน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม รีบยกมือปิดปากเขาไว้ภีมวัชหัวเราะเบาๆ พลางดึงมือเธอออกมากุมไว้แน่น “ก็พูดความจริง พี่เป็นหมอจริง แต่ก็เป็นหมอที่รักเมียที่สุด หื่นกับเมียแค่
“พี่ภีม อิงบอกว่าไม่เอาไงคะ” เสียงใสประท้วงไม่หยุด แต่ปลายหูแดงซ่านบ่งบอกความเขินชัดเจนภีมวัชกดร่างบางให้นั่งลงตรงเบาะหลัง ก่อนจะตามมาประชิดตัว ใบหน้าคมโน้มลงจนลมหายใจอุ่นรินรดแก้มเธอ“ไม่เอา แต่หน้าแดงไปหมดแล้วนะเมียพี่” เขาเอ่ยกระซิบ ขยับนิ้วเกลี่ยแก้มที่ร้อนผ่าวอย่างเอ็นดู“พี่ภีมชอบแกล้งอิง” อิงลดาหลบตา พยายามผลักอกเขาเขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคมทอดมองด้วยแววรักลึกซึ้ง “ก็เพราะพี่รักอิงไง ถึงอยากอยู่ใกล้ อยากกอด อยากหอม อยากทำให้อิงรู้ว่าพี่หวงขนาดไหน”คำพูดตรงไปตรงมานั้นทำให้อิงลดาสะท้าน หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้อง มือเล็กที่เคยผลักอกเขาไว้กลับค่อยๆ คลายแรงลงภีมวัชสบโอกาสกอดรัดเอวบางเข้ามาแนบอก แล้วประทับจูบลงบนหน้าผากเบาๆ ก่อนเลื่อนริมฝีปากลงมาซับที่แก้มและริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล“อื้อ...” อิงลดาหลับตาแน่น เสียงครางแผ่วเล็ดลอดจากลำคอ ร่างกายอ่อนยวบในอ้อมแขนสามีเขายิ้มเมื่อเห็นเธอไม่ผลักไสอีกต่อไป กระซิบเสียงแหบพร่าใกล้ริมฝีปากเธอ“เห็นไหม...อิงก็ใจตรงกับพี่”อิงลดาลืมตาขึ้นมองเขา ดวงตาคู่สวยส