LOGINอีกด้าน
บรรยากาศสุดแสนเงียบสงัดยามค่ำคืนคือช่วงเวลาที่น้ำหวานรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากอากาศจะเย็นสบายมันยังทำให้เธอมีสมาธิอ่านหนังสือ
ทว่าขณะกำลังนั่งท่องจำเนื้อหาที่ต้องสอบในวันจันทร์ จู่ ๆ ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องโครกครากขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทั้งที่มื้อเย็นก็กินไปแล้ว
สงสัยวันนี้จะใช้พลังงานกับการตัดแต่งกิ่งไม้เยอะไปหน่อย เธอเลยหิวบ่อยกว่าปกติ
หญิงสาวลงมายังชั้นล่างแล้วเดินเข้าไปในครัวเฉกเช่นทุกวัน จากนั้นก็หาอะไรเบา ๆ ที่สามารถทานรองท้องได้
“นมอุ่น ๆ ละกัน”
การดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายแถมยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายขณะหลับ แต่ข้อเสียของการดื่มนมก่อนนอนก็มีเหมือนกัน หากกินแล้วไม่แปรงฟันก็อาจทำให้ฟันผุได้
เลื่อนโทรศัพท์มือถือไปพลาง ๆ ระหว่างชงนมกับน้ำอุ่นนัยน์ตาสวยจดจ้องไปที่หน้าจอเครื่องมือสื่อสาร
เมื่อมั่นใจว่าผงนมละลายดีแล้วหญิงสาวก็ยกขึ้นมาจิบชิม
“อื้ม~อร่อย”
ชิมไปพูดไปโดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอมีใครกำลังแอบมองอยู่ ทิวเขาเฝ้าดูแมวขโมยที่ชอบย่องมาแอบกินอะไรในครัวดึก ๆ ดื่น ๆ
เขายืนยิ้มอยู่ตรงมุมมืดข้างประตู
น้ำหวานยกแก้วนมขึ้นมาจิบเรื่อย ๆ ขณะกำลังจะเดินกลับห้อง เธอไม่ได้มองทางเพราะมัวแต่มองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งมิวสิคส่งข้อความมาขอดูสมุดเลคเชอร์ของเธอ
“แป๊บหนึ่งนะ”
เธอตอบกลับด้วยข้อความเสียง จากนั้นก็ตั้งท่าจะเดินกลับห้อง
ทว่า...
ร่างเล็กดันชนเข้ากับคนที่กำลังยืนขวางทาง นมอุ่น ๆ หกรดลงบนมือข้างเดิมที่เคยถูกน้ำร้อนลวก
หญิงสาวสะดุ้งโหยงตกใจ ไม่รู้ว่าลูกชายเจ้าของบ้านเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง
“คุณทิวเขา”
“ถ้าเป็นน้ำร้อนฉันก็คงโดนลวกอีกใช่ไหม”
“ขอโทษค่ะ หวานไม่รู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้”
“ช่างมันเถอะ”
เขาไม่ว่าแถมยังยอมยกโทษให้ง่าย ๆ นี่เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
จู่ ๆ คนตัวสูงก็ขยับเข้ามาจนร่างชิด ใบหน้าหล่อคมค่อย ๆ โน้มลงมาจนเธอต้องถอยหลัง ร่างเล็กชนเข้ากับเคาน์เตอร์ครัวอย่างจังราวกับจนมุม
เขาใช้นิ้วหัวแม่มือปาดคราบนมที่ติดอยู่ตรงมุมปากของเธอ นัยน์ตาลุ่มลึกสบตากับหญิงสาว ก่อนจะหลุบมองริมฝีปากบางที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสอยู่ จากนั้นก็คลึงนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ ตรงริมฝีปากล่างของเธอ
น้ำหวานยืนนิ่งชะงักค้าง ดวงหน้างดงามผ่าวร้อนวูบวาบรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สองขาแข็งทื่อกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้
เธอไม่เคยถูกชายใดเข้าใกล้ขนาดนี้มาก่อน
“พรุ่งนี้เธอว่างไหม”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามชวนให้เคลิบเคลิ้ม หญิงสาวรีบตอบทันควันโดยไม่ทันได้คิด
“วะ...ว่างค่ะ”
“ถ้างั้นไปทำธุระเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
นัยน์ตาคมสะท้อนความรู้สึกบางอย่างขณะเอ่ยกับเธอ น้ำหวานคลี่ยิ้มพลางพยักหน้าตอบรับ
ขณะที่ดวงตาสองคู่สบประสานอย่างลึกซึ้ง เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาพอดี
น้ำหวานหลบตาคนที่เอาแต่จ้องมองกัน จากนั้นก็รีบยกโทรศัพท์มือถือในมือขึ้นมาแล้วเปิดข้อความเสียงที่มิวสิคเพิ่งส่งมาเมื่อกี้
[รออยู่นะ]
ทิวเขาละสายตาจากใบหน้างดงามแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวจากนั้นเขาก็ฉกชิงมาไว้ในมือ
เขาปิดหน้าสนทนาของมิวสิคลงแล้วเปิดแอปพลิเคชันอินสตาแกรมขึ้นมาแทน กดค้นหาชื่อไอจีของตัวเองแล้วกดติดตามไว้ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วกดติดตามกลับ
จากนั้นก็ยกโทรศัพท์มือถือของน้ำหวานขึ้นมากดโทรออกหาตัวเองก่อนจะยื่นมันคืนให้เธอ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งข้อความมาบอกว่าต้องออกจากบ้านกี่โมง”
พูดเสร็จทิวเขาก็เดินขึ้นบันไดไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนงวยงงกับการกระทำของเขา
วันต่อมา
หลังจากได้รับข้อความจากทิวเขา น้ำหวานก็แต่งตัวรอเสียตั้งแต่ตอนนั้น หญิงสาวพยายามทำหน้านิ่งแต่ทว่าภายในใจกับไหวหวั่นอย่างแปลกประหลาด พักหลังมานี้เธอรู้สึกว่าทิวเขาดีกับเธอมาก แม้แรก ๆ จะไม่ไว้ใจแต่ตอนนี้ก็เริ่มเชื่อแล้วว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ
ทิวเขาขับรถพาน้ำหวานมาทานข้าวในห้าง วันนี้เขาบอกกับเธอว่าให้สั่งอะไรก็ได้ที่เธออยากทาน จากนั้นก็พาไปเดินช้อปปิ้ง ชายหนุ่มยังบอกอีกด้วยว่าถ้าเธออยากได้อะไรก็ให้เลือกได้เลย
เพราะเป็นคนขี้เกรงใจกอปรกับไม่ชอบใช้ข้าวของราคาแพง สุดท้ายน้ำหวานจึงไม่ได้เลือกซื้ออะไรสักอย่าง
“เธอไม่อยากได้อะไรเลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วแต่นะ”
เขาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ จากนั้นก็พาเธอออกจากห้าง ขณะนั่งรถหญิงสาวก็เอาแต่นั่งนิ่งมองข้างทาง ระหว่างนั้นก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าธุระที่เขาให้พามาทำมันคืออะไรกัน
รถคันหรูจอดนิ่งที่สนามแข่งรถตามเวลานัดหมาย ร่างสูงลงจากรถโดยมีน้ำหวานยืนอยู่ข้างกาย เขาพาเธอเดินเข้าไปด้านในอาคารซึ่งมีห้องรับรองของสนามแข่ง
ขณะกำลังเดินผ่านประตูบานใหญ่เพื่อเข้าไปด้านในทิวเขาก็บังเอิญเผชิญหน้ากับเจเลอร์ สองหนุ่มหยุดชะงักแล้วจ้องเขม็งมองกันอย่างเชือดเฉือน ก่อนที่เจเลอร์จะเป็นฝ่ายทักทายก่อน
“นึกว่ากลัวจนไม่กล้ามาซะแล้ว”
เขาเอ่ยถากถางเพื่อยั่วโมโห ก่อนจะเบนความสนใจจากทิวเขาไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง แอบรู้สึกผิดหวังนิด ๆ ที่ไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ แต่พอสำรวจหญิงสาวดี ๆ เธอคนนี้ก็ดูน่ารักดี แม้จะดูเชย ๆก็เถอะ
นัยน์ตาสีเข้มมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ปลายลิ้นหนาตวัดโลมเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างหยาบโลน
“งานดีที่นี่หว่า จะมาทวงคืนทีหลังไม่ได้นะ”
ร่างสูงพุ่งพรวดเข้าหาเจเลอร์ด้วยความโมโห ไฟโทสะลุกท่วมอยู่ในดวงตาคู่คม แต่สุดท้ายทิวเขาก็ต้องข่มอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้ จากนั้นก็เป็นฝ่ายถอยร่นออกมาโดยไม่พูดตอบโต้
เขาไม่อยากพูดอะไรมากเพราะไม่อยากให้น้ำหวานรู้เหตุผลที่ต้องพาเธอมาด้วย กะให้เธอมายืนสวย ๆ อยู่ข้างสนามก็พอถึงยังไงเขาก็เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว
ร่างสูงจูงมือหญิงสาวเข้าไปในห้องรับรองซึ่งมีเพื่อนอีกสามคนนั่งอยู่ก่อน
ออสตินมองสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะสบถขึ้นด้วยความตกใจ
“เชี่ย”
ถ้าเดาไม่ผิดทิวเขาน่าจะใช้น้ำหวานวางเดิมพันกับเจเลอร์
วายุและเจ้าขุนหันไปมองทั้งสองคนเช่นกัน
“เชี่ยจริง ๆ แหละ”
วายุพึมพำหลังจากนั้นก็เข้าไปกระชากแขนทิวเขาออกจากน้ำหวานแล้วพาเดินไปตรงมุมห้อง
“น้ำหวานรู้ไหมว่ามึงพาเธอมาเดิมพัน”
ทิวเขาไม่ตอบเพียงแต่ขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ ใช่ น้ำหวานยังไม่รู้ และเขาก็จะไม่ให้รู้ด้วย
“กูว่ารอบนี้มึงเล่นแรงไปแล้วนะ”
เจ้าขุนว่าให้คนเจ้าแผนการ เขาคิดว่าทิวเขาจะแกล้งแพ้แล้วยกน้ำหวานให้กับเจเลอร์
“ที่มึงทำกูไม่เห็นด้วยนะ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบน้ำหวานแต่แกล้งแบบนี้มันแรงไปรึเปล่าวะ”
“พวกมึงช่วยหุบปากได้ไหม”
นอกจากไม่ตอบทิวเขายังมีท่าทางโมโห ตอนนี้เขาต้องการสมาธิเพื่อเตรียมตัวลงสนามในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ไม่มีเวลามาอธิบายให้พวกมันฟัง
ร่างสูงแยกตัวออกมาจากเพื่อนแล้วเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินกลับมา
เขาเห็นว่าวายุก็เปลี่ยนชุดเหมือนกัน
“มึงจะทำอะไร”
“ไปแข่งแทนมึงไง”
วายุตั้งใจจะลงแข่งแทนทิวเขาเพราะเข้าใจว่าเพื่อนของเขาจะยอมแพ้เจเลอร์เพื่อกลั่นแกล้งน้ำหวาน เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด
“นี่มันเรื่องของกูกับไอ้เจเลอร์มึงไม่เกี่ยว”
ก้าวดุ่ม ๆ เข้าหาวายุแล้วยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้า เรื่องนี้มันคือความแค้นระหว่างเขากับอีกฝ่ายเพราะฉะนั้นเขาจะจัดการเอง
“แต่น้ำหวานก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน”
สองหนุ่มมองหน้าอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่เจ้าขุนและออสตินจะมาจับทั้งคู่ให้แยกห่าง ระหว่างนั้นน้ำหวานที่นั่งรออยู่อีกมุมห้องก็เดินเข้ามา หญิงสาวได้ยินทั้งคู่เอ่ยชื่อเธอจึงเริ่มสงสัย
“มันมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหวานรึเปล่าคะ”
สี่หนุ่มหันไปมองน้ำหวานอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นทิวเขาก็จูงแขนพาเธอเดินไปอีกห้อง มือหนาทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาจับหัวไหล่บอบบางขณะมองสบตากับเธอ
“รอฉันอยู่ในห้องนี้ห้ามไปไหนนะ”
เขาใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยสั่งพร้อมทั้งเลื่อนมากุมสองมือของเธอเอาไว้
"คุณจะไปแข่งรถเหรอคะ"
นัยน์ตาคู่งามไหวสั่นพร้อมทั้งเอ่ยถามร่างสูงราวกับเป็นห่วงเป็นใย
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางเบาแล้วเอ่ยถามเธอ
"เป็นห่วงฉันเหรอ"
"หวานเป็นห่วงคุณแทนอาขวัญค่ะ ถ้าคุณบาดเจ็บขึ้นมาอาขวัญต้องเสียใจมากแน่ ๆ"
"ฉันเก่ง ไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอก เธอแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ อยู่ในห้องนี้ห้ามไปไหน เข้าใจไหม"
“ค่ะ” พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“เด็กดี”
มือหนาลูบลงตรงกลางศีรษะแล้วคลี่ยิ้มให้หญิงสาว จากนั้นร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”“
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







