“แม่ ฉันได้ยินมาว่าคุณโรมมาอยู่ที่กระท่อมกลางป่าเหรอ แล้วเราจะต้องให้คนไปดูแลไหม ถ้าจะต้องส่งข้าวส่งน้ำให้ฉันไปนะแม่” เดือนแรมลูกสาวคนสวยของลุงเพิ่มกับป้าละไมคนที่ถูกจ้างวานให้ดูแลความเรียบร้อยที่เกาะแห่งนี้ เมื่อรู้ว่ารณพีย์เข้ามาพักที่นี่ก็หมายอยากจะไปดูแลเขาเป็นพิเศษ
“คุณโรมไม่ได้สั่งอะไรแกไม่ต้องยุ่ง แล้วก็อย่าคิดไปยุ่งกับที่นั่นถ้าไม่มีใครสั่งเข้าใจใช่ไหม” ละไมเอ็ดลูกสาวเสียงแข็งเพราะพอจะรู้ว่าลูกของเธอคิดอะไรจึงต้องรีบปรามเอาไว้ก่อน
“จ้า...” หน้าสวยคมของเดือนแรมเริ่มบูดบึ้ง เพราะในใจของเธอแอบปลื้มรณพีย์ตั้งแต่เห็นกันครั้งแรก และตอนนี้ก็ยังปักใจกับชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นนายจ้างอยู่ ถึงแม้ว่าแม่ของเธออยากจะให้เธอเจียมตัว แต่คนอย่างเธอไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ
เด่นชัยกลับมาจากการออกไปหากุ้งหาปลาได้ก็เดินถือลังโฟมลังใหญ่เข้ามาในครัว หวังจะให้น้องสาวอย่างเดือนแรมทำกับข้าว แต่เมื่อเข้ามาถึงครัวก็เห็นน้องตนนั่งหั่นผักหน้าหงิกหน้างออยู่ในครัวจึงพอจะรู้ว่าเดือนแรมท่าจะถูกใจขัดใจมาอีกแน่นอน
“หงุดหงิดอะไรของแก”
“ก็ฉันอยากไปดูแลคุณโรม แม่ดันสั่งไม่ให้ฉันไปยุ่ง” สาวเจ้าว่าด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“ก็เจ้านายเค้าไม่ได้สั่งแกจะไปทำไม ถ้าเสร็จงานในครัวแล้วก็ไปโน่น ไปรดน้ำผักโน่น”
คำพูดของพี่ชายทำเดือนแรมมีโทสะเพิ่มมากขึ้น เพราะดูท่าคนในครอบครัวไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเธอเลย
“ชิ...พี่ก็อีกคน ถ้าฉันได้อยู่ใกล้ๆ คุณโรมแล้วเค้าถูกใจฉันขึ้นมา เกิดได้แต่งงานกัน พี่กับพ่อแม่นั่นแหละจะสบายไปด้วยไม่อยากเป็นแบบนั้นหรือไง”
“อยู่แบบนี้ฉันก็สบายดีแล้ว ถ้าคุณโรมเค้าสนใจแกป่านนี้เค้าก็คงจะแสดงท่าทีอะไรบ้างแล้ว อย่าคิดอะไรเกินตัวเลยเดือน แกยังเด็กวันหน้าก็จะเจอคนอีกมากมายไม่ต้องริกๆ อยากจะมีผัวตอนนี้หรอก”
“พี่เด่น! ทำเอาเองเลยกับข้าวน่ะ” เดือนแรมวางมือจากการทำกับข้าวแล้วลุกขึ้นพรวดเดินดุ่มออกไปจากในครัว เด่นชัยทำได้แต่ยืนเท้าเอวมองตามหลังน้องสาว
ด้วยความที่น้องตนเป็นลูกหลงเลยถูกตามใจเป็นพิเศษโตมาจึงเอาแต่ใจแบบนี้ อันที่จริงเขาก็พอจะเข้าใจว่าน้องของเขาเพิ่งจะเรียนจบมัธยมปลายการมีความรักมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของวัยสาว แต่วัยนี้จะขาดการยับยั้งชั่งใจไปหน่อยจึงต้องคอยเตือนกันบ่อยๆ
พลอยชมพูนั่งๆ นอนๆ สีหน้าอมทุกข์มาพักใหญ่ พอเข้าช่วงเย็นเธอก็ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการของโซ่เส้นใหญ่ที่ข้อเท้า ก่อนจะถูกรณพีย์ลากออกมาจากกระท่อมหลังน้อย
“จะพาฉันไปไหน”
“จะพาไปเรียนรู้ไงว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จะต้องทำอะไรบ้าง” รณพีย์ลากพลอยชมพูมาที่หลังกระท่อมน้อยแล้วพาเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพิงเล็กๆ หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็พอจะเดาได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นห้องน้ำ แล้วเขาจะพาเธอมาทำอะไรที่นี่เธอก็ยังไม่เข้าใจเจตนาอยู่ดี หวังว่าเขาคงเคียดแค้นพ่อของเธอจนวิปริตกักขังเธอเอาไว้ในห้องน้ำหรอกนะ
“ที่นี่คือห้องน้ำ” รณพีย์หันมาพูกับคนที่ยังคงยืนทำหน้าฉงน
“ต่อไปนี้ถ้าคุณจะอาบน้ำ หรือจะใช้น้ำคุณก็มาหยิบถังที่นี่แล้วไปตักน้ำที่ลำธารเอาเอง รวมถึงอาหารการกินคุณก็ต้องทำเองเหมือนกัน”
“ฉันทำกับข้าวไม่เป็น” เรื่องใช้แรงตักน้ำเธอคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่เพราะเธอคิดว่าลำธารคงอยู่ไม่ไกล เดาได้จากที่เธอได้ยินเสียงน้ำไหลตั้งแต่อยู่ในกระท่อม แต่เรื่องการทำกับข้าวเธอค่อนข้างหนักใจ เพราะแค่ต้มไข่เธอก็ยังไม่เคยทำเลย ตั้งแต่เกิดมาก็มีแม่บ้านคอยทำให้ เมื่อไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเธอก็ใช้เงินซื้อของกินตลอด
“จะเป็นหรือไม่เป็นคุณก็ต้องทำให้ได้ แล้วก็ต้องทำให้ผมกินด้วย”
“งั้นคุณช่วยสอนฉันทำอาหารหน่อยได้ไหม” พลอยชมพูเอ่ยเสียงอ่อน ไม่ได้คิดอิดออดจะไม่ทำสิ่งที่เขาต้องการ แต่เพียงแค่ในหัวสมองเธอตอนนี้ไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับการทำอาหาร
“ไม่” เสียงแข็งตอบกลับทันที หลังจากนั้นรณพีย์ก็หยิบถังน้ำแสตนเลสใส่ในมือของหญิงสาวก่อนจะจูงมือเธอให้เดินตามไปที่ริมธารน้ำตกที่อยู่ใม่ไกลจากกระท่อมหลังน้อยมากนัก
“ถ้าอยากมีน้ำอาบน้ำใช้ก่อนมืดก็กรุณาตักน้ำให้เต็มโอ่งในห้องน้ำแล้วก็ที่ครัวให้เต็มก็แล้วกัน”
“แล้วคุณจะใช้น้ำด้วยไหม ถ้าใช้ด้วยก็ช่วยฉันด้วยสิคะ” วินาทีนี้เธอจำเป็นต้องหาตัวช่วย เพราะคิดว่าถ้าต้องเดินตักน้ำด้วยถังน้ำใบเดียวตัวคนเดียวคงเสร็จไม่ทันก่อนที่ฟ้าจะมืดแน่
“ดูปากผมชัดๆ ผม ไม่ ทำ เพราะคุณจะต้องเป็นคนทำทุกอย่าง” ว่าจบก็หันหลังเดินดุ่มหนีหน้าพลอยชมพูออกไป
หญิงสาวขมวดคิ้วมองตามหลังคนร่างสูงด้วยความโมโหเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะหาเรื่องทรมานอะไรเธอนักหนา ใบหน้าหวานก้มมองท้องน้อยที่กำลังส่งเสียงร้องท้วงเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายชั่วโมง ไม่แน่เธออาจจะเป็นลมก่อนที่จะตักน้ำเสร็จก็ได้
“จะใจดำอะไรนักหนานะ” ผลสุดท้ายตอนนี้พลอยชมพูก็ทำได้แค่บ่นระบายอารมณ์แล้วก็ต้องตั้งหน้าตั้วงตาตักน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คนที่ใช้ชีวิตปานเจ้าหญิงมาทั้งชีวิตเธอจึงทำงานสมบุกสมบันไม่ค่อยไหว การตักน้ำใส่ถังแล้วต้องเดินไปเดินมาหลายๆ รอบเธอจึงตักไปได้ทีละน้อยๆ
รณพีย์เดินมายืนขวางหน้าพลอยชมพูเมื่อเห็นว่าเธอตักน้ำไม่เต็มถังกลับมาหลายรอบแล้ว
“ทำไมไม่ตักน้ำมาให้เต็มถัง แล้วเมื่อไหร่มันจะเต็ม”
หญิงสาวที่เหงื่อท่วมตัววางถังกับพื้นและเงยหน้ามองคนที่ขวางทางด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอเหนื่อยจนเวียนหัวหายใจแทบไม่ทันแล้วเขายังไม่หยุดที่จะหาเรื่องบ่นเธอเสียที
“ก็ฉันหิ้วไหวแค่นี้นี่คะ บอกให้ช่วยกันก็ไม่มาช่วยยังจะมาบ่นอีก” ต่อว่าชายหนุ่มจบเธอก็ก้มหยิบถังน้ำเดินอ้อมตัวของเขาตรงไปยังห้องน้ำ
“มานี่...”
ยังไม่ทันที่พลอยชมพูจะได้เทน้ำลงโอ่งในห้องน้ำดี เธอก็ถูกรณพีย์ลากให้ออกมาข้างนอก
ข่าวที่มีนานุชได้รับรู้จากแน่งน้อยทำให้เธอเป็นลมแล้วล้มพับครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องหามกันมาที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากที่รอสามีอยู่หลายชั่วโมงสาวหญิงสาวก็ได้รู้ว่าสามีของเธอถูกชรันทรยิงเข้าที่กลางหลังขณะพาเมนิลาหนีหลังจากนั้นตำรวจก็ทำการล้อมจะจับชรันทร จนชายหนุ่มรีบดึงเมนิลาเป็นตัวประกันก่อนจะวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ด้วยความที่ทางแถบนั้นค่อนข้างมือรถบรรทุกข์ที่ขับมาด้วยความเร็วไม่เห็นทั้งสองจึงชนเข้าไปเต็มๆ ทำให้ชรันทรและเมนิลาเสียชีวิตกันคาที่ทั้งคู่มีนานุชถูกสั่งให้นอนอยู่กับเตียงนิ่งๆ เพราะตอนนี้เธอมีภาวะเครียดจนทำให้เลือดออกเสี่ยงที่จะแท้ง“ทำไม ทำไมต้องมีเรื่องร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นด้วย” หญิงสาวยังคงมีน้ำตาพรั่งพรูอยู่ตลอดเวลา จนแน่งน้อยและนาราที่เห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้“ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณมีนเสียใจ แต่ตอนนี้โล่งใจได้อย่างหนึ่งแล้วนะคะว่าคุณเรย์ปลอดภัย ส่วนคุณรันกับคุณเมเค้าไปสบายแล้วนะคะ ตอนนี้คุณมีนต้องห่วงตัวเองกับลูกในท้องก่อนเข้าใจที่ป้าพูดไหมคะ”คนที่นอนอยู่บนเตียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหลับตาภาวนาในใจให้ชรันทรและเมนิลาไปสู่สุคติ และขอให้พระคุ้มครองลูกน้อยในท้องอย่าให้จากเธอไปตอน
กว่ามีนานุชจะหายกลัวและหายตัวสั่นได้รามินทร์ก็ต้องกอดปลอบอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้“คุณแค้นพี่ชายคุณมากเลยเหรอคะ คืนทุกอย่างให้เค้าแล้วปล่อยผ่านทุกอย่างไปได้ไหม ฉันคิดว่าหลังจากนี้ถ้าคุณไม่ถอยคุณได้ทะเลาะกับพี่ชายคุณใหญ่โตแน่” มีนานุชรับรู้ได้ตอนที่อยู่ใกล้กับชรันทร รังสีอำมหิตของเขามันแผ่ไปทั่วตัวของเธอจนทำให้กลัวจนถึงขั้นน้ำตาไหล เธอคิดว่าพี่ชายของสามีไม่จบเรื่องความบาดหมางง่ายๆ แน่ หากสามีเธอไม่เป็นฝ่ายถอยเสียเอง“ผมจะยอมจบทุกอย่างถ้าพี่รันยอมขอร้องผมแค่คำเดียว” รามินทร์ยอมรับว่าเขาอยากจะได้คำขอร้องจากปากของชรันทรเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ เพราะเขาเชื่อว่าหากชรันทรยอมลดศักดิ์ศรีให้เขาได้ ทิฐิในใจของเขาทุกอย่างมันจะถูกขจัดออกไปได้“ดูก็รู้ว่าเค้าไม่ยอมง่ายๆ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคะ ที่คุณโกรธเคืองเค้าเพราะเค้าแย่งพี่เมไปจากคุณใช่ไหม” มีนานุชเงยหน้าจ้องมองคนที่กอดเธอซุกไว้กับอก“ไม่ใช่” รามินทร์เอ่ยเสียงอ่อนทั้งหลบสายตาของภรรยาตัวเล็ก เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังทุกคนเอาไว้“เค้าคือคนที่ขับรถชนมีนกับแม่ใช่
“อะไรนะ” สีหน้าระรื่นคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เมนิลาเริ่มเสียงแข็งเพราะกำลังรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นถูกรามินทร์ปั่นหัว“ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่ผมให้คุณดู ถ้าคุณจะอยู่ก็อยู่ได้นะครับ แต่จ่ายค่าเช่าให้น้องคุณด้วยเพราะบ้านหลังนั้นผมซื้อให้มีน” รามินทร์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ ทั้งใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่ได้สะท้านกับคนที่กำลังเปลี่ยนสีหน้าเป็นยักษ์เป็นมารใส่เขา“แกหลอกใช้ฉันเหรอ!” เมนิลาลุกพรวดจากเด้าอี้ชี้หน้าตวาดลั่นใส่รามินทร์“คุณลองนึกดูดีๆ ว่าผมหลอกอะไรคุณ คุณได้ของมีค่าได้เงินไปจากผมตั้งเยอะ คุณมีแต่ได้กับได้คุณไม่เห็นจะเสียอะไรเลย”“ก็แกหลอกให้ฉันเข้าใจว่าแกยังรักฉันไง ให้ฉันหลอกผัวฉันให้ขายบริษัทให้แก แล้วมาทำกับฉันแบบนี้เนี่ยนะ”“คุณคิดเองเออเองคุณเม ออกไปจากบริษัทผมได้แล้ว หรือจะให้ผมตามคนมาลากคุณออกไป”“อ๊ายยยย...ฉันเกลียดแก” อาละวาดเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องทำงานของรามินทร์ ท่าทีก้าวร้าวของหญิงสาวไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกมีโทสะแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสมเพชเวทนาคนที่อยากได้ใคร่ดีโดยไม่สนหัวใครแม้แต่สามีของตัวเอง สมควรแล้วที่จะรับความผิดหวังกลับไปแบบนี้
และแล้วรามินทร์ก็ต้องรีบถอดกุญแจมือรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับมีนานุช หลังจากได้รับข่าวร้ายว่าตอนนี้พ่อของหญิงสาวกำลังอาการหนักต้องรีเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายในสมองออก เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่รอดภายในคืนนี้“คุณพ่อป่วยหนักแล้วทำไมคุณพ่อกับแม่ใหญ่ไม่เคยบอกมีนคะ” มีนานุชนั่งคุยกับเปรมนภาทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเธอนั้นป่วยด้วยโรคร้าย“ฉันก็อยากบอกแกแต่พ่อแกน่ะสิไม่ให้บอก ที่เค้ารีบยกแกให้เรย์ก็เพราะรู้ว่าจะดูแลแกไปได้ไม่ตลอดไง เค้าเลยอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้างเลยให้แกไปอยู่กับคนที่เค้ามีเงินรักษาดวงตาของแกแล้วก็เลี้ยงแกให้สุขสบายได้” เปรมนภาเห็นว่าไหนๆ เรื่องการป่วยของสามีเธอก็แดงขึ้นมาแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในใจที่ศรุตรู้สึกผิดต่อมีนานุชและดารัณ“คุณพ่อ” สาวเจ้าได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮสะอื้นตัวสั่นจนรามินทร์ต้องรีบกุมมือของเธอเอาไว้ มีนานุชมองย้อนกลับไปในอดีตเธอเองก็ทำตัวดื้อรั้นกับพ่อของตัวเองหลายอย่างเช่นกัน เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจและความเท่าเทียมกับพี่สาวคิดมาตลอดว่าพ่อไม่เคยรักไม่เคยหวังดี แต่มาถึงตอนนี้เธอรู้และเข้าใจทุกอย่างแล้ว ภาวนาในใจอยากให้พ่อของเธอรอดชีว
“อืม... อ่อ อีกสักพักฉันจะพาคุณเรย์ไปหายายพวกแกไปกับฉันนะ ไปเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อย ฉันกลัวว่ายายจะโกรธที่ฉันแต่งงานแล้วเพิ่งจะไปบอก”“ได้... แล้วเอาเหลนไปฝากยายด้วยไหมล่ะ”“ยังไม่มีวี่แววเลย” มีนานุชเอ่ยตอบบราลีด้วยน้ำเสียงและท่าทีขวยเขิน เพราะคำนี้รามินทร์ก็พูดกับเธอด้วยเหมือนกัน“บอกให้คุณเรย์ขยันกว่านี้หน่อยสิ แกจะได้ท้องเร็วๆ” กมลเนตรเอ่ยหยอกมีนานุชเสียงดังจนคนในร้านรวมถึงพนักงานต่างก็ยิ้มกรุ้มกริ่มมองมายังพวกเธอเป็นตาเดียว“ชู่ว...เบาๆ สิ” มีนานุชรีบปรามให้กมลเนตรหลี่เสียงลง อยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่าสามีเธอขยันแค่ไหนแต่ก็อายที่จะพูด แต่เป็นเธอเองที่ไม่มีวี่แววว่าจะท้องเสียที“เฮ้ย...” บราลีสะกิดกมลเนตรขณะเดินนำหน้ามีนานุชออกจากลิฟท์ เพาะเห็นว่าตอนนี้รามินทร์กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิกคู่กับเมนิลาออกจากร้านอาหารหรู“คุณเรย์” มีนานุชยืนตัวชาวาบจ้องสามีของเธอและพี่สาวที่กำลังเดินหันหลังเข้าลิฟท์อีกฝั่งไป“กลับกันเถอะ ฉันไม่อยากกินอะไรแล้ว”กมลเนตรและบราลีรับขนาบข้างอีกคนยกมือลูบหลังอีกคนแตะบ่าเบาๆ ให้กำลังใจและปลอบโยนไม่ให้มีนานุชนั้นคิดมากกับภาพที่เห็น“เค้าอาจจะบังเอิญเจอกันก็ได้ แก
“ฉันพูดความจริงก็ได้ ว่าตอนแรกก็แค่ต้องการดูแลมีนเพื่อไถ่โทษ แต่ฉันก็ดันถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็นก็เลยลองเปรยกับพ่อของเธอดูว่าจะยกให้ไหม เค้าตอบตกลงมาง่ายๆ ฉันก็เลยเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ แล้วตอนนี้ฉันก็รักมีนมากๆ ด้วย”“ตอนนี้รักเมียแกมาก แต่ทำไม่ดีลับหลังเมียแกเนี่ยนะ ฉันว่าแกแต่งงานกับมีนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเมมากกว่า”“เป้าหมายของฉันไม่ใช่เม เธอก็แค่หมากตัวเล็กๆ เท่านั้น ฉันเชื่อว่าถ้าฉันให้เมได้เยอะกว่าที่พี่ฉันให้ คนอย่างเมนิลาก็ต้องคอยดูถูกดูแคลนพี่ฉันแน่ และคนอย่างพี่รันชอบให้ใครมาดูถูกที่ไหน ฉันเชื่อว่าเค้ากำลังจะทำทุกทางเพื่อเอาชนะฉัน ดูสิ ตอนนี้เค้าก็ตั้งใจจะเปิดบริษัทแข่งกับฉัน แต่ดูท่าจะไปไม่รอดแล้วด้วย”เมคินทร์เงียบไปครู่หนึ่งก่นจะคิดอะไรบางอย่างออก “แกต้องการให้พี่แกมาขอความช่วยเหลือจากแกใช่ไหม”“สมกับที่แกเป็นเพื่อนรักฉันเลยเมฆ ฉันต้องการแค่นั้นเลย”“แกก็รู้ว่าเรื่องการแก้แค้นเอาคืนมันมีแต่เรื่องสูญเสียมากแค่ไหน ดูตัวอย่างจากโรมสิ ตอนนี้มันมีความสุขตรงไหน” เมคินทร์หลับตาถอนหายใจอ่อน ทั้งๆ ที่รามินทร์ก็เห็นตลอดว่าครั้งที่ร่วมมือกับรณพีย์แก้แค้นศัตรูมันมีแต่ความสูญเสีย