“อือ...อืม...” ดวงตาคู่สวยค่อยๆ สะลึมสะลือตื่นขึ้นก่อนจะขยับริมฝีปากบางส่งเสียงเล็กน้อยระบายความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
“หา...” พลอยชมพูได้สติครบถ้วนก็นั่งหน้าเจื่อน เพราะตอนนี้รู้ตัวว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในกระท่อมหลังเล็ก ที่มีเพียงแค่เตียงที่เป็นแคร่ไม้อยู่หลังเดียวโดดๆ ในห้อง แถมข้อเท้าของเธอยังถูกล่ามเอาไว้กับโซ่เส้นใหญ่
เมื่อมองออกไปยังหน้าต่างของกระท่อมที่มีอยู่ด้วยกันสองด้านก็เห็นว่าด้านนอกมีแต่ต้นไม้ปกคลุมอยู่ไม่ห่าง ทายได้เลยว่าตอนนี้เธอจะต้องอยู่ในป่าที่ไหนสักที่แน่นอน เมื่อรู้ดังนั้นสาวเจ้าก็เริ่มหน้าซีดตัวสั่นเทาเล็กน้อย เพราะพอจะเดาได้ว่าคนที่จับตัวของเธอมาคือใคร
“ตื่นแล้วก็ดี เราจะได้คุยกันได้ซะที” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางไร้มารยาทอยู่ตรงหน้า พลอยชมพูเห็นท่าทางของเขาก็เริ่มหน้าถอดสีมากขึ้นจนแทบจะไม่เหลือเลือดฝาด
เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือรณพีย์ผู้ชายที่พ่อของเธอเคยสร้างวีรกรรมมากมายเอาไว้ในชีวิตของชายหนุ่ม จนเขาต้องเสียทั้งพ่อและติดตารางด้วยคดีที่ตัวเองไม่ได้ทำ เพราะแบบนี้ไงเธอถึงได้รู้สึกกลัวเขาเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจับตัวของเธอมาฆ่าทิ้งหรือทำอะไรเพื่อระบายความแค้นที่มีต่อพ่อของเธอหรือเปล่า
“พาพลอยมาที่นี่ทำไมคะ แล้วทำไมต้องล่ามโซ่กันแบบนี้ด้วย”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คุณอาจจะหนีผมหลังจากพูดคุยข้อตกลงกันก็ได้” ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ เพียงสองสามก้าวก็เข้าไปประชิดตัวของหญิงสาว
“ข้อตกลงอะไร” พลอยชมพูรีบขยับตัวหนี เพราะยังไงตอนนี้ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนปลอดภัยที่เธอจะอยู่ใกล้ไม้ใกล้มือของเขา
“ผมรู้ว่าตอนนี้ตำรวจยังหาตัวของคุณพ่อคุณไม่เจอ”
“ถ้าคุณจะคิดว่าพลอยช่วยเหลือคุณพ่อคุณกำลังคิดผิดค่ะ พลอยไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพ่อพลอยทำเลยสักนิด ตอนนี้ก็อยากให้เค้าออกมารับโทษเหมือนกัน”
“ผมรู้...แล้วก็รู้ดีด้วย เพราะตอนนี้คุณพ่อของคุณอยู่กับผม”
“อะไรนะ” พลอยชมพูไม่เข้าใจการกระทำของรณพีย์ในตอนนี้เลย ก่อนหน้านี้ที่เธอกลับมาจากตางประเทศ เหตุเพราะมีข่าวว่าพ่อของเธอหนีการจับกุมและหายตัวไป หากรณพีย์เจอพ่อของเธอแล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมส่งพ่อของเธอให้ตำรวจ
“ผมยังไม่ยอมส่งพ่อของคุณให้ตำรวจ เพราะอยากจะทรมานใจของพ่อคุณเล่น” รณพีย์พยายามเข้าไปใกล้ชิดพลอยชมพูมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ
“อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว”
“ทำไม”
“คุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง เพราะตอนนี้พ่อของคุณอยู่ในกำมือของผม อยากจะรู้นักว่าพ่อของคุณจะรู้สึกยังไงเมื่อลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวจะต้องมาเป็นตุ๊กตายางให้ผมย่ำยีเล่น”
“คุณมันวิปริต ถ้าพ่อฉันผิดคุณก็ส่งให้ตำรวจ ให้เค้ารับโทษตามกฎหมายไปสิ จะมายุ่งกับฉันทำไม”
“ก็มันไม่สนุกน่ะสิ อันที่จริงผมอยากจะเฉือนเนื้อพ่อคุณออกวันละชิ้น ให้นั่งเจ็บปวดทรมานก่อนจะตายด้วยซ้ำ นี่ถือว่าผมยังปราณีมากแล้ว ที่ใช้คุณเป็นเครื่องมือในการทำให้พ่อของคุณเจ็บปวด หลังจากผมเบื่อที่จะสนุกกับคุณแล้ว ผมก็จะปล่อยพ่อของคุณให้ตำรวจ แต่ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะปล่อยคุณไป แล้วผมก็จะใช้วิธีแรกที่พูดเมื่อกี้...กับพ่อของคุณ” เขาแสยะยิ้มอย่างอำมหิต
พลอยชมพูนั่งจ้องหน้ารณพีย์เขม็ง เธอนั่งอ้าปากค้างน้ำตานองแก้ม และแล้วเธอก็ต้องทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดีอย่างไม่มีข้อแม้
ไม่คิดว่าผู้ชายที่เธอเคยมองว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษน่านับถือจะใช้เธอระบายความแค้นทั้งที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวในการกระทำของพ่อตัวเองแม้แต่นิดเดียว
พลอยชมพู นภารังสรรค์ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของพิษณุพงษ์ หญิงสาวอายุ23ย่าง24 เพิ่งจะเรียนจบบริหารธุรกิจหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา
หลังเรียนจบเธอก็หาประสบการณ์การทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศได้สักพักหลังจากนั้นก็มารู้ข่าวเรื่องที่พ่อของเธอได้ทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้และกำลังหลบหนีตำรวจ เธอจึงรีบกลับมาดูสถานการณ์ที่บ้านเกิด แต่ยังไม่ทันได้กลับถึงบ้านดีเธอก็ถูกลักพาตัวมาที่นี่เสียก่อน ไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน และเธอจะต้องเจออะไรบ้างหลังจากนี้
“แกแน่ใจใช่ไหมว่าวิธีนี้จะได้ผล” รามินทร์เอ่ยถามรณพีย์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี เพราะวิธีที่เพื่อนตนทำไม่ต่างจากการทารุณผู้หญิงเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ฉันคิดดีแล้ว หลังจากนี้แกไม่ต้องช่วยอะไรฉัน แกไปตั้งใจสร้างธุรกิจที่แกอยากจะทำดีกว่า”
“ฉันรู้ว่าคนอย่างแกตัดสินใจทำอะไรไปแล้วคงเปลี่ยนใจยาก แต่ฉันพูดตรงๆ ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่แกจะใช้คุณพลอยเป็นเครื่องมือเท่าไหร่ ถ้าแกอยากจะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน”
รณพีย์ยังคงเงียบไม่ได้คิดจะตอบกลับอะไรรามินทร์ และไม่ได้คิดโกรธเพื่อนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขาเพราะรู้ว่าเพื่อนตนหวังดี แต่ในใจของเขาตอนนี้ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจอะไรกับสิ่งที่ลงมือทำไปแล้วทั้งนั้น
รณพีย์ สิรินพกุล ชายหนุ่มรูปงามวัย28 ย่าง29 นัยน์ตาดุดันเสมือนเสือร้าย เขาเป็นอดีตนักโทษที่เพิ่งพ้นมลทินเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนหน้านี้เขาต้องติดตารางอยู่ร่วมสี่ปีในคดีจ้างวานฆ่าพ่อของตัวเอง
หลังจากพ้นโทษออกมาได้เขาก็ร่วมมือกับเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดสืบหาความจริงจนกระจ่างว่าคนที่ทำเรื่องเลวร้ายใส่ร้ายเขาเพราะหวังว่าจะฮุบทุกย่างของพ่อเขาคือ วิษณุพงษ์เพื่อนร่วมธุรกิจของพ่อเขาเอง
ตอนนี้รณพีย์พ้นมลทินทุกอย่างและได้ของที่ควรจะเป็นของเขากลับมาอยู่ในมือแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สบายใจเพราะตำรวจยังไม่สามารถจับตัววิษณุพงษ์มาลงโทษได้ เขาจึงต้องใช้กลอุบายเพื่อเก็บลูกสาวสุดที่รักของวิษณุพงษ์มาไว้ในกำมือ ด้วยคิดว่าหากวิษณุพงษ์รู้ว่าลูกสาวของตัวเองอยู่ในน้ำมือของเขา ไม่นานวิษณุพงษ์ก็จะเดินเข้ามาหาเขาเองโดยที่ไม่ต้องตามหาให้เหนื่อย
ข่าวที่มีนานุชได้รับรู้จากแน่งน้อยทำให้เธอเป็นลมแล้วล้มพับครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องหามกันมาที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากที่รอสามีอยู่หลายชั่วโมงสาวหญิงสาวก็ได้รู้ว่าสามีของเธอถูกชรันทรยิงเข้าที่กลางหลังขณะพาเมนิลาหนีหลังจากนั้นตำรวจก็ทำการล้อมจะจับชรันทร จนชายหนุ่มรีบดึงเมนิลาเป็นตัวประกันก่อนจะวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ด้วยความที่ทางแถบนั้นค่อนข้างมือรถบรรทุกข์ที่ขับมาด้วยความเร็วไม่เห็นทั้งสองจึงชนเข้าไปเต็มๆ ทำให้ชรันทรและเมนิลาเสียชีวิตกันคาที่ทั้งคู่มีนานุชถูกสั่งให้นอนอยู่กับเตียงนิ่งๆ เพราะตอนนี้เธอมีภาวะเครียดจนทำให้เลือดออกเสี่ยงที่จะแท้ง“ทำไม ทำไมต้องมีเรื่องร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นด้วย” หญิงสาวยังคงมีน้ำตาพรั่งพรูอยู่ตลอดเวลา จนแน่งน้อยและนาราที่เห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้“ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณมีนเสียใจ แต่ตอนนี้โล่งใจได้อย่างหนึ่งแล้วนะคะว่าคุณเรย์ปลอดภัย ส่วนคุณรันกับคุณเมเค้าไปสบายแล้วนะคะ ตอนนี้คุณมีนต้องห่วงตัวเองกับลูกในท้องก่อนเข้าใจที่ป้าพูดไหมคะ”คนที่นอนอยู่บนเตียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหลับตาภาวนาในใจให้ชรันทรและเมนิลาไปสู่สุคติ และขอให้พระคุ้มครองลูกน้อยในท้องอย่าให้จากเธอไปตอน
กว่ามีนานุชจะหายกลัวและหายตัวสั่นได้รามินทร์ก็ต้องกอดปลอบอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้“คุณแค้นพี่ชายคุณมากเลยเหรอคะ คืนทุกอย่างให้เค้าแล้วปล่อยผ่านทุกอย่างไปได้ไหม ฉันคิดว่าหลังจากนี้ถ้าคุณไม่ถอยคุณได้ทะเลาะกับพี่ชายคุณใหญ่โตแน่” มีนานุชรับรู้ได้ตอนที่อยู่ใกล้กับชรันทร รังสีอำมหิตของเขามันแผ่ไปทั่วตัวของเธอจนทำให้กลัวจนถึงขั้นน้ำตาไหล เธอคิดว่าพี่ชายของสามีไม่จบเรื่องความบาดหมางง่ายๆ แน่ หากสามีเธอไม่เป็นฝ่ายถอยเสียเอง“ผมจะยอมจบทุกอย่างถ้าพี่รันยอมขอร้องผมแค่คำเดียว” รามินทร์ยอมรับว่าเขาอยากจะได้คำขอร้องจากปากของชรันทรเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ เพราะเขาเชื่อว่าหากชรันทรยอมลดศักดิ์ศรีให้เขาได้ ทิฐิในใจของเขาทุกอย่างมันจะถูกขจัดออกไปได้“ดูก็รู้ว่าเค้าไม่ยอมง่ายๆ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคะ ที่คุณโกรธเคืองเค้าเพราะเค้าแย่งพี่เมไปจากคุณใช่ไหม” มีนานุชเงยหน้าจ้องมองคนที่กอดเธอซุกไว้กับอก“ไม่ใช่” รามินทร์เอ่ยเสียงอ่อนทั้งหลบสายตาของภรรยาตัวเล็ก เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังทุกคนเอาไว้“เค้าคือคนที่ขับรถชนมีนกับแม่ใช่
“อะไรนะ” สีหน้าระรื่นคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เมนิลาเริ่มเสียงแข็งเพราะกำลังรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นถูกรามินทร์ปั่นหัว“ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่ผมให้คุณดู ถ้าคุณจะอยู่ก็อยู่ได้นะครับ แต่จ่ายค่าเช่าให้น้องคุณด้วยเพราะบ้านหลังนั้นผมซื้อให้มีน” รามินทร์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ ทั้งใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่ได้สะท้านกับคนที่กำลังเปลี่ยนสีหน้าเป็นยักษ์เป็นมารใส่เขา“แกหลอกใช้ฉันเหรอ!” เมนิลาลุกพรวดจากเด้าอี้ชี้หน้าตวาดลั่นใส่รามินทร์“คุณลองนึกดูดีๆ ว่าผมหลอกอะไรคุณ คุณได้ของมีค่าได้เงินไปจากผมตั้งเยอะ คุณมีแต่ได้กับได้คุณไม่เห็นจะเสียอะไรเลย”“ก็แกหลอกให้ฉันเข้าใจว่าแกยังรักฉันไง ให้ฉันหลอกผัวฉันให้ขายบริษัทให้แก แล้วมาทำกับฉันแบบนี้เนี่ยนะ”“คุณคิดเองเออเองคุณเม ออกไปจากบริษัทผมได้แล้ว หรือจะให้ผมตามคนมาลากคุณออกไป”“อ๊ายยยย...ฉันเกลียดแก” อาละวาดเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องทำงานของรามินทร์ ท่าทีก้าวร้าวของหญิงสาวไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกมีโทสะแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสมเพชเวทนาคนที่อยากได้ใคร่ดีโดยไม่สนหัวใครแม้แต่สามีของตัวเอง สมควรแล้วที่จะรับความผิดหวังกลับไปแบบนี้
และแล้วรามินทร์ก็ต้องรีบถอดกุญแจมือรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับมีนานุช หลังจากได้รับข่าวร้ายว่าตอนนี้พ่อของหญิงสาวกำลังอาการหนักต้องรีเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายในสมองออก เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่รอดภายในคืนนี้“คุณพ่อป่วยหนักแล้วทำไมคุณพ่อกับแม่ใหญ่ไม่เคยบอกมีนคะ” มีนานุชนั่งคุยกับเปรมนภาทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเธอนั้นป่วยด้วยโรคร้าย“ฉันก็อยากบอกแกแต่พ่อแกน่ะสิไม่ให้บอก ที่เค้ารีบยกแกให้เรย์ก็เพราะรู้ว่าจะดูแลแกไปได้ไม่ตลอดไง เค้าเลยอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้างเลยให้แกไปอยู่กับคนที่เค้ามีเงินรักษาดวงตาของแกแล้วก็เลี้ยงแกให้สุขสบายได้” เปรมนภาเห็นว่าไหนๆ เรื่องการป่วยของสามีเธอก็แดงขึ้นมาแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในใจที่ศรุตรู้สึกผิดต่อมีนานุชและดารัณ“คุณพ่อ” สาวเจ้าได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮสะอื้นตัวสั่นจนรามินทร์ต้องรีบกุมมือของเธอเอาไว้ มีนานุชมองย้อนกลับไปในอดีตเธอเองก็ทำตัวดื้อรั้นกับพ่อของตัวเองหลายอย่างเช่นกัน เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจและความเท่าเทียมกับพี่สาวคิดมาตลอดว่าพ่อไม่เคยรักไม่เคยหวังดี แต่มาถึงตอนนี้เธอรู้และเข้าใจทุกอย่างแล้ว ภาวนาในใจอยากให้พ่อของเธอรอดชีว
“อืม... อ่อ อีกสักพักฉันจะพาคุณเรย์ไปหายายพวกแกไปกับฉันนะ ไปเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อย ฉันกลัวว่ายายจะโกรธที่ฉันแต่งงานแล้วเพิ่งจะไปบอก”“ได้... แล้วเอาเหลนไปฝากยายด้วยไหมล่ะ”“ยังไม่มีวี่แววเลย” มีนานุชเอ่ยตอบบราลีด้วยน้ำเสียงและท่าทีขวยเขิน เพราะคำนี้รามินทร์ก็พูดกับเธอด้วยเหมือนกัน“บอกให้คุณเรย์ขยันกว่านี้หน่อยสิ แกจะได้ท้องเร็วๆ” กมลเนตรเอ่ยหยอกมีนานุชเสียงดังจนคนในร้านรวมถึงพนักงานต่างก็ยิ้มกรุ้มกริ่มมองมายังพวกเธอเป็นตาเดียว“ชู่ว...เบาๆ สิ” มีนานุชรีบปรามให้กมลเนตรหลี่เสียงลง อยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่าสามีเธอขยันแค่ไหนแต่ก็อายที่จะพูด แต่เป็นเธอเองที่ไม่มีวี่แววว่าจะท้องเสียที“เฮ้ย...” บราลีสะกิดกมลเนตรขณะเดินนำหน้ามีนานุชออกจากลิฟท์ เพาะเห็นว่าตอนนี้รามินทร์กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิกคู่กับเมนิลาออกจากร้านอาหารหรู“คุณเรย์” มีนานุชยืนตัวชาวาบจ้องสามีของเธอและพี่สาวที่กำลังเดินหันหลังเข้าลิฟท์อีกฝั่งไป“กลับกันเถอะ ฉันไม่อยากกินอะไรแล้ว”กมลเนตรและบราลีรับขนาบข้างอีกคนยกมือลูบหลังอีกคนแตะบ่าเบาๆ ให้กำลังใจและปลอบโยนไม่ให้มีนานุชนั้นคิดมากกับภาพที่เห็น“เค้าอาจจะบังเอิญเจอกันก็ได้ แก
“ฉันพูดความจริงก็ได้ ว่าตอนแรกก็แค่ต้องการดูแลมีนเพื่อไถ่โทษ แต่ฉันก็ดันถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็นก็เลยลองเปรยกับพ่อของเธอดูว่าจะยกให้ไหม เค้าตอบตกลงมาง่ายๆ ฉันก็เลยเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ แล้วตอนนี้ฉันก็รักมีนมากๆ ด้วย”“ตอนนี้รักเมียแกมาก แต่ทำไม่ดีลับหลังเมียแกเนี่ยนะ ฉันว่าแกแต่งงานกับมีนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเมมากกว่า”“เป้าหมายของฉันไม่ใช่เม เธอก็แค่หมากตัวเล็กๆ เท่านั้น ฉันเชื่อว่าถ้าฉันให้เมได้เยอะกว่าที่พี่ฉันให้ คนอย่างเมนิลาก็ต้องคอยดูถูกดูแคลนพี่ฉันแน่ และคนอย่างพี่รันชอบให้ใครมาดูถูกที่ไหน ฉันเชื่อว่าเค้ากำลังจะทำทุกทางเพื่อเอาชนะฉัน ดูสิ ตอนนี้เค้าก็ตั้งใจจะเปิดบริษัทแข่งกับฉัน แต่ดูท่าจะไปไม่รอดแล้วด้วย”เมคินทร์เงียบไปครู่หนึ่งก่นจะคิดอะไรบางอย่างออก “แกต้องการให้พี่แกมาขอความช่วยเหลือจากแกใช่ไหม”“สมกับที่แกเป็นเพื่อนรักฉันเลยเมฆ ฉันต้องการแค่นั้นเลย”“แกก็รู้ว่าเรื่องการแก้แค้นเอาคืนมันมีแต่เรื่องสูญเสียมากแค่ไหน ดูตัวอย่างจากโรมสิ ตอนนี้มันมีความสุขตรงไหน” เมคินทร์หลับตาถอนหายใจอ่อน ทั้งๆ ที่รามินทร์ก็เห็นตลอดว่าครั้งที่ร่วมมือกับรณพีย์แก้แค้นศัตรูมันมีแต่ความสูญเสีย