LOGINร่างเล็กนอนพลิกกายไปมาจนแล้วจนรอดเจ้าของห้องก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำเสียที บ่นว่าเธออาบน้ำนานทีตอนตัวเองหายเข้าไปเป็นชั่วโมงไม่เห็นว่าให้ตัวเองบ้าง
ตัวเองก็อาบน้ำนานเหมือนกันนั่นแหละ
ขณะบ่นเขาอยู่ในใจเจ้าของร่างสูงก็ออกมาพอดี ชายหนุ่มสวมเสื้อกล้ามสีขาวและใส่กางเกงนอนขายาวเตรียมพร้อมเข้านอน
“ยังไม่นอน? รอฉันเหรอ”
“บ้า! ใครรอนาย ฉันก็แค่นอนไม่หลับ”
เจ้าขุนพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างเตียงฝั่งที่ว่าง มือหนาเอื้อมไปปิดสวิตช์ไฟทำให้ห้องทั้งห้องอยู่ในความมืด
คนตัวโตนั่งลงบนเตียงแล้วเหยียดกายนอนราบ เตียงนิ่มไหวสั่นจนดาริณรับรู้ได้ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำระสายจนควบคุมไม่อยู่ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุด
ร่างแกร่งขยับเข้าใกล้จนหัวไหล่แนบชิดเบียดเสียด ก่อนจะพลิกตะแคงหันหน้าไปทางหญิงสาว แรงสั่นสะเทือนทำให้ดาริณรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม
“ยังนอนไม่หลับอีกเหรอ”
เสียงเจ้าขุนเอ่ยถาม เธอหันมาสบตากับเขาในความมืดแล้วครางตอบในลำคอ
“อืม”
“ขยับมานี่มา”
พูดพลางสอดแขนเข้าไปใต้คอของเธอ ตวัดร่างเล็กให้ขยับเข้ามานอนหนุนแขนของเขา มืออีกข้างจัดแจงให้หญิงสาวหันหน้าเข้าหาตัวเองจากนั้นก็กอดเธอไว้แนบอก ฝ่ามือลูบลงตรงผมนุ่มยาวช่วยกล่อมให้เธอนอนหลับ
สองร่างกอดก่ายกันอย่างแนบชิดกระทั่งไม่มีช่องว่างให้อากาศแทรกผ่าน เพียงไม่นานดาริณก็ผล็อยหลับไป
วันต่อมา
หลังจากทานข้าวเช้าด้วยกันเจ้าของห้องก็ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปส่งดาริณที่คณะ หญิงสาวส่งยิ้มให้คนขับแล้วตั้งท่าจะลงจากรถ ทว่าจู่ ๆ ชายหนุ่มก็ดึงรั้งตัวเธอเอาไว้
เขายื่นบัตรเครดิตพร้อมกับเงินสดให้เธอไว้พกติดตัวเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน
“นายให้ฉันทำไม”
“ถ้าฉันไม่ให้แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนใช้”
“แต่ฉันเกรงใจ”
“แต่ถ้าฉันปล่อยให้เธอใช้ชีวิตลำบาก ฉันคงโดนด่าว่าไม่มีปัญญาดูแลแฟน ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้เธอมีสถานะเป็นแฟนฉันอยู่”
คลี่ยิ้มบาง ๆ พยักหน้ายอมรับน้ำใจจากเจ้าขุน เมื่อลงจากรถดาริณก็ไม่ลืมโบกมือให้เขาด้วย
เดินเข้าไปไม่ทันไรก็เจอกับแก๊งสามสาวอดีตเพื่อนสนิท วันนี้ดาริณสะพายกระเป๋าคอลเลกชันล่าสุดของแบรนด์หรูทำให้พวกเธอรู้สึกสงสัย วันก่อนที่ทะเลาะกับพ่อยังบอกว่าไม่มีเงินอยู่เลย แต่วันนี้เพื่อนสาวคนสวยสะพายกระเป๋าใบใหม่สงสัยยัยดาริณคืนดีกับพ่อกลับไปเป็นลูกคุณหนูเหมือนเดิมแล้ว
“ดาริณ”
ซอนญ่าเอ่ยเรียกพลางโบกมือทักทายพร้อมกับส่งยิ้มให้ ดาริณปรายตามองเพียงเสี้ยววิจากนั้นก็เดินผ่านไปทำเหมือนพวกเธอเป็นอากาศ
คนส่งยิ้มหน้าเจื่อนก่อนจะรีบหุบยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่พอใจ
“ยัยดาริณเดินเชิดหน้าเข้าตึกไม่สนใจพวกเราเลย”
“ดาริณไม่สนใจก็สมควรแล้วนี่ ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเราทำอะไรกับดาริณไว้”
รถเมล์พูดเสียงเรียบแต่ทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บจี๊ด ซอนญ่าอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ระบายความขุ่นเคือง
“พอเห็นยัยดาริณกลับมามีเงินแกก็เข้าข้างขึ้นมาทันทีเลยนะ”
“ฉันไม่ได้เข้าข้างแต่ฉันพูดความจริงต่างหากล่ะ”
“เออ ตอนนี้แกคงอยากกลับไปเป็นเพื่อนยัยดาริณจนตัวสั่นแล้วสิ ไปเลยไป”
ซอนญ่าตวาดแล้วชี้หน้าไล่ตะเพิดเพื่อนสาวด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
รถเมล์ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดเก็บข้าวของแล้วเดินหนีเข้าไปในตึก
ดาริณขึ้นไปนั่งรอที่ห้องเรียนเพราะเธอไม่อยากสุงสิงกับใคร ใบหน้าสวยยิ้มหวานขณะมองบัตรเครดิตในมือ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามา
รถเมล์มองมาที่ดาริณด้วยแววตาเว้าวอนก่อนจะยื่นใบงานที่อาจารย์แจกเมื่อวานให้
“เมื่อวานเห็นเธอไม่มาฉันเลยเก็บไว้ให้”
เงยหน้ามองกระดาษเอสี่สีขาว ก่อนจะปรายตามองคนที่ยื่นกระดาษมาให้แล้วหลุบตาลงต่ำจากนั้นก็พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“เพื่อนในห้องส่งไฟล์ให้ฉันแล้วล่ะ ไม่รบกวนเธอหรอก แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ยังอุตส่าห์เก็บไว้ให้”
รถเมล์ยืนหน้าเหวอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่า แววตาสั่นระริกรู้สึกผิดกับเพื่อน ไม่แปลกที่ดาริณจะโกรธเคืองจนไม่อยากให้อภัย
เมื่อเห็นว่าดาริณไม่สนใจรถเมล์จึงเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่เมื่อก่อนพวกเธอสี่คนนั่งด้วยกันเป็นประจำ
ดาริณใช้ชีวิตปกติโดยไม่ได้สนใจสายตาเพื่อนในห้องที่คอยจับสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแก๊งเพื่อนสาว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าควรให้ใจกับใคร
หลังเรียนเสร็จ ขณะเก็บของเตรียมลุกจากเก้าอี้คนที่ควรให้ใจก็โทรเข้ามาพอดี เธอนั่งยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือจากนั้นก็รีบกดรับสาย
“ว่าไงเจ้าขุน”
[เรียนเสร็จยัง]
“เสร็จแล้วกำลังจะลงไป”
[รออยู่ข้างล่างนะ]
พูดจบเขาก็กดวางสาย ไม่รู้ทำไมช่วงนี้รู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้งที่เห็นเบอร์เจ้าขุนโทรเข้ามา หญิงสาวเดินยิ้มร่าออกจากห้องไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสายตาของสามสาวอดีตเพื่อนสนิท
“ทำเป็นหยิ่งไปเถอะ คอยดูตอนมีงานกลุ่มละกัน พอไม่มีใครให้เข้ากลุ่มสุดท้ายนางก็ต้องวิ่งแจ้นมาอยู่กับพวกเราอยู่ดีนั่นแหละ”
ซอนญ่าพูดแล้วทำปากขมุบขมิบ ริมฝีปากบิดเบ้ราวกับนางร้ายในละครหลังข่าว น้ำฟ้ามองตามหลังดาริณและทำเช่นเดียวกัน มีเพียงรถเมล์เท่านั้นที่ยืนทำหน้าละห้อยปนเศร้าสร้อย แม้ดาริณจะเอาแต่ใจไปหน่อยแต่ดาริณคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอในยามยากลำบาก
หญิงสาวเดินออกจากลิฟต์อย่างรีบเร่ง ฉับพลันข้อมือเล็กก็ถูกคว้าดึงเอาไว้ เธอหันกลับไปรวดเร็วตามสัญชาตญาณ
“เจ้าขุน”
“จะรีบเดินไปไหน”
“ฉันคิดว่านายรออยู่ที่รถซะอีก”
“ฉันไม่มีอะไรทำก็เลยออกมายืนรออยู่ตรงนี้”
สายตาของดาริณกวาดมองไปรอบ ๆ เธอเพิ่งเห็นว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันมาจ้องชายหนุ่มตาเป็นมัน เมื่อก่อนไม่เคยสังเกตเลยว่าความจริงแล้วเจ้าขุนก็ฮอตในหมู่สาว ๆ เหมือนกัน
คนตัวสูงจูงมือคนตัวเล็กไปที่รถโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
“บ่ายไม่มีเรียนใช่ไหม”
ถามขึ้นขณะเปิดประตูรถให้หญิงสาว
ดาริณมองหน้าเขาแล้วเอ่ยตอบ
“ไม่มี ทำไมเหรอ”
“ฉันจะพาไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่คืนนี้”
“คืนนี้? ไปไหน” เธอเอียงคอถาม
“ผับ ไอ้สามตัวนั้นก็ไป”
“ออ...” ครางเออออในลำคอจากนั้นดาริณก็ขึ้นรถ
หลังปิดประตูให้หญิงสาวเจ้าขุนก็เดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง จากนั้นรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวเพื่อพาหญิงสาวไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า
“นายว่าชุดนี้สวยไหม”
จับชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำที่เว้าหลังแถมยังแหวกด้านข้างขึ้นมาทาบตัวแล้วหันไปถามความเห็นจากคนยืนรอ
คนถูกถามเพ่งมองชุดเดรสสุดเซ็กซี่อย่างไม่สบอารมณ์
ชุดเชี่ยอะไรวะเนี่ย
แย่งชุดเดรสจากมือของเธอไปแขวนไว้บนราวตามเดิม จากนั้นก็หยิบอีกชุดมาให้เธอแล้วพูดว่า
“ชุดนี้สวยกว่า”
ดาริณหยิบชุดที่เจ้าขุนเป็นคนเลือกให้ขึ้นมาทาบตัว เดรสแขนกุดสีชมพูโอลด์โรสแต่งระบายตรงกระโปรงนิดหน่อยไม่ถึงกับมิดชิดแต่ดูเรียบง่าย
“เชยอ้า นายจะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปเที่ยวผับเนี่ยนะ”
นิ่วหน้าบ่นคนที่เลือกชุดให้ นอกจากโอกาสไปพบญาติผู้ใหญ่ชุดเรียบร้อยน่ารักอย่างนี้ดาริณไม่เคยคิดจะหยิบขึ้นมาใส่เลยสักครั้ง สาวแซ่บอย่างเธอถ้าไม่ชุดเกาะอก เว้าหลัง กระโปรงก็ต้องแหวกขึ้นมาจนถึงขาอ่อน
เจ้าขุนถอนหายใจพรืด ทั้งที่เมื่อก่อนก็เห็นเธอใส่ชุดพวกนั้นจนชินตาแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนี้เขาไม่อยากเห็นเธอใส่มันอีกแล้ว
ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่อยากขัดใจ พยักหน้าเออออให้เธอเลือกตามสบายรอทำหน้าที่จ่ายตังค์ให้ก็พอ
อากาศยามค่ำของบ้านพักตากอากาศริมทะเลมีลมพัดโชยสร้างความรู้สึกเย็นสบาย แสงไฟสีอบอุ่นส่องสว่างติดตามแนวรั้วไม้ของบ้านช่วยเพิ่มความโรแมนติก ดาริณเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ดวงตาเป็นประกายทอดมองไปยังสุดขอบฟ้า ร่างหนาเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง สันจมูกโด่งคมเคลื่อนไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วหอมเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะถามคนที่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคนเหม่อลอย “คิดอะไรอยู่” พูดชิดแก้มนุ่มจากนั้นริมฝีปากหยักก็ขบกัดตรงใบหูเล็ก ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาสบตากัน “คิดถึงเรื่องของเราน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้” เจ้าขุนคลี่ยิ้ม แววตาลึกล้ำจดจ้องใบหน้าหญิงคนรักแล้วพูดว่า “เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม” “...” หญิงสาวเลิกคิ้วรอฟัง “พรหมลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกับคนที่เราเฝ้าตามหามาสิบปี” “นายหมายถึงใคร” “จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย น่าน้อยใจจัง” พูดพลางดึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากสวยได้รูป จากนั้นก็จับเธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าขอ
ริมฝีปากหยักเคลื่อนไซ้ไปตามท้ายทอยและซอกคอหอมกรุ่น กดจูบและขบเม้มสร้างความกระสันเสียว ร่างเล็กบิดส่ายเร่าร้อนมือสองข้างเกาะอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวรั้งกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมากองอยู่บนพื้น “เสียบเลยได้ไหม” เสียงพูดชิดอยู่ตรงริมแก้มเนียน ก่อนที่ริมฝีปากจะจูบซับพวงแก้มระเรื่อขณะรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ “ไม่ไหวแล้วเหรอ” “ไม่ไหวแล้ว” พูดจบก็ถอดเสื้อยืดออกจากทางศีรษะ มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงแล้วรูดรั้งลงไปพร้อมกับกางเกงในบอกเซอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สลัดมันออกจากปลายขาอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างสูงจะขยับมายืนประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ปลายนิ้วหนาบดบี้ส่วนที่เป็นติ่งเสียวของหญิงสาว นิ้วกร้านแหย่แยงเข้าไปในร่องรักเพื่อเบิกทางเพิ่มน้ำหล่อลื่น ร่องสวาทเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานที่ผลิตออกมาอย่างล้นหลาม เจ้าขุนจับท่อนเอ็นใหญ่ถูไถตรงสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วทำหน้าที่แหวกให้ร่องรูเบิกกว้าง จากนั้นก็เอาส่วนปลายหยักไปจ่อไว้ตรงปากทางแล้วดันเข้าไปรวดเดียวมิดด้าม ปลายลิ้นหนาแลบเลียตามแนวกระดูกสันหลังด้วยความหื่นกระหาย
@โรงพยาบาล ว่าที่คุณพ่อนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเลือด ใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องถูกแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในร่างกาย ลูกผู้ชายตัวโตเรื่องปืนผาหน้าไม้ไม่เคยเกรงกลัว แต่พอเป็นเข็มฉีดยากลับกลายเป็นคนใจเสาะใจปลาซิวขึ้นมาเสียได้ ดาริณหัวเราะกระซิก รู้สึกขบขันมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทว่ากับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กกระจิ๋วหลิ๋ว คนหน้าเข้มใช้สายตาดุดันเพ่งมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากหนาแนบชิดใบหูเล็กแล้วพูดกระซิบ “หัวเราะเยาะเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” “ไม่กลัว” เธอยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเห็นแล้วมันน่าจับฟัดแก้มชะมัด มือหนายกขึ้นบีบแก้มดาริณด้วยความมันเขี้ยว ขณะนั้นคุณพยาบาลก็ออกมาเรียกเขาเข้าห้องเจาะเลือดพอดี “เชิญคุณภัทรดนัยค่ะ” คนถูกเรียกเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนเข้าไปก็ไม่ลืมหันมามองคาดโทษคนที่หัวเราะเยาะเขาไม่หยุด คืนนี้เธอโดนแน่ดาริณ เวลาต่อมา ดาริณนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีเจ้าขุนนั่งอยู่ด้านข้าง ม
“พวกมึงคิดจะทำอะไรหลานกู” คนมีอำนาจตวาดเกรี้ยวกราดมือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อขมับคนที่คุกเข่าอยู่ เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตาสีเทาอ่อน ดวงตาดุดันจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวกับอยากฆ่าให้ตาย ภาพชวินนั่งตัวสั่นเทาทำให้ดาวิทย์เริ่มหวาดกลัว เขานั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าขุนก้มหัวกราบกรานร้องขอชีวิต “เจ้าขุนฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตฉันด้วย สัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ต่อไปนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ไว้ชีวิตฉันด้วยนะ” แค่นหัวเราะให้กับคำพูดของดาวิทย์ เขาไม่เชื่อสักนิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ถ้ามันอยากกลับตัวจริง ๆ มันคงทำไปตั้งนานแล้ว “ยูจะเอาไง” เจ้านายใหญ่หันมาถามหลานเมีย ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำร้ายดาวิทย์ แต่มาคิด ๆ ดูแล้วถ้าปล่อยดาวิทย์ไปอีกครั้งมันต้องสร้างปัญหาอีกแน่ และที่เขากังวลมากที่สุดคือคนอย่างดาวิทย์มันต้องใช้ลูกกับเมียของเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง เจ้าขุนยกยิ้มมุมปากจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องให้ถึงตายนะ ทำให้พิการตลอดชีวิตและพูดไม่ได้ก็พอ” บอกความต้องการเรียบร้อยก็หันหลังให
“ปล่อยตัวประกันมาก่อน แล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะได้หลงเชื่อตั้งแต่แรกว่าดาวิทย์ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงให้ออสตินเป็นคนถือกระเป๋าที่บรรจุเงินสดสามสิบล้านเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นชวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าเหี้ยมโหดแดงก่ำด้วยแรงโทสะ “มึงคิดจะเล่นตุกติกกับกูเหรอ” “ถ้ากูอยากเล่นตุกติกกับมึงกูโทรแจ้งตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ปล่อยตัวประกันออกมาก่อนแล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” ชวินทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางมือขวาคนสนิทแล้วเอ่ยสั่ง “ไปเอาตัวไอ้ดาวิทย์มา” “ครับนาย” ดาวิทย์ถูกลากออกมาจากในตึกร้าง มือสองข้างถูกมัดไพล่หลัง สภาพเหมือนคนปกติไม่ได้ถูกซ้อมจนน่วมเหมือนคนที่ถูกจับตัวมา ลูกน้องคนหนึ่งแกะเชือกให้ดาวิทย์ “ทีนี้มึงบอกกูได้รึยังว่าเงินอยู่ที่ไหน” “เงินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าทางเข้า” เมื่อรู้ที่ซ่อนเงินชวินก็คลี่ยิ้มจนกว้าง เขาส่งซิกให้ลูกน้องสองคนไปเอากระเป๋าเงินตรงจุดที่เจ้าขุนบอก พอรู้ที่ซ่อนเงินแน่ชัดสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หันมาส่
รถสปอร์ตคันงามแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านรัฐมนตรี ร่างสูงโปร่งก้าวฉับ ๆ เข้าไปในบ้านของว่าที่พ่อตาอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นหน้าลูกเขย คนร้อนใจก็รีบร้อนเข้าไปหาทันที “พวกมันติดต่อมารึยังครับ” “ติดต่อมาแล้ว มันบอกว่าให้เอาเงินไปให้มันที่นี่” ท่านรัฐมนตรียื่นกระดาษที่จดสถานที่นัดหมายให้กับเจ้าขุน เขาหยิบมันมาดูแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุมากแล้วเอ่ยถาม “พวกมันต้องการเงินเท่าไหร่ครับ” ความจริงก็ได้ยินที่ดาริณอุทานแล้วล่ะ แต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าหวั่นวิตก ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับพูดเสียงอ่อย “สามสิบล้าน” ได้ยินแค่นั้นเจ้าขุนก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบโทรหาจรณ [ครับนายน้อย] “คุณช่วยเอาเงินมาให้ผมที่บ้านท่านรัฐมนตรีนพดลหน่อย” [ได้ครับ นายน้อยจะเอาเท่าไหร่ครับ] “สามสิบล้าน” [ได้ครับ ผมจะรีบไป] หลังวางสายจากลูกน้องเขาก็กดโทรหาเพื







