Masuk“เรื่องอะไร”
“เรื่องคุณดาวิทย์ ลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดลครับ”
“ติดปัญหาอะไร”
“ตอนนี้คุณดาวิทย์อยากกู้เงินเพิ่มครับ”
“ก็ให้กู้ไป”
“แต่หนี้เก่ายังค้างอยู่เลยนะครับ แม้แต่ดอกเบี้ยก็ยังไม่คืนสักบาท จนตอนนี้ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่จะเท่าเงินต้นที่ยืมไปแล้วครับ”
“ของเก่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่”
“รวมดอกเบี้ยตอนนี้ก็สิบห้าล้านแล้วครับ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเป็นกังวล คนที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดล หรือก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของดาริณ
‘ดาวิทย์’ เพิ่งมาเป็นลูกค้าของบ่อนเมื่อประมาณหกเดือนก่อน ตอนแรกเจ้าขุนก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคือพี่ชายของดาริณ เพราะปกติไม่ค่อยได้ลงไปสุงสิงกับลูกค้าด้านล่าง มาทีไรก็นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทำงานแล้วดูกิจกรรมทุกอย่างของบ่อนผ่านกล้องวงจรปิด
เขาเพิ่งรู้ว่าดาวิทย์เข้ามาใช้บริการที่บ่อนเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่เจ้าตัวเอาชื่อผู้เป็นพ่อมาอวดอ้างเพื่อขอกู้ยืมเงินห้าล้านไปต่อทุน
ผ่านมายังไม่ถึงเดือน จากหนี้ห้าล้านบาทตอนนี้กลายเป็นสิบห้าล้านบาทไปแล้ว
เจ้าขุนพ่นลมหายใจอย่างแรง เพราะมีผีพนันแบบนี้นี่ไงดาริณจึงถูกท่านรัฐมนตรีเร่งรัดให้จับผู้ชายที่สามารถอุ้มชูครอบครัวได้ และทิวเขาก็คือหนึ่งในเป้าหมาย
“ให้มันไปอีกห้าล้าน”
สั่งการให้จรณนำเงินห้าล้านไปให้ดาวิทย์ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
แม้ไม่ได้เห็นด้วยนักแต่จรณก็ต้องจำยอมโค้งศีรษะทำตามคำสั่ง เขาทำงานที่นี่มานานดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจเบี้ยวหนี้ แต่ในเมื่อผู้มีอำนาจสั่งการมาอย่างนั้นลูกน้องอย่างเขาจะคัดค้านอะไรได้
หลังสั่งการให้จรณนำเงินห้าล้านไปให้ดาวิทย์เจ้าขุนก็นั่งอยู่หน้าจอคอยจับสังเกตคนที่เพิ่งกู้เงินไปหมาด ๆ
ดูท่าอีกไม่นานลูกชายท่านรัฐมนตรีก็คงหมดตัวอีกเช่นเคย
คนเฝ้าอยู่หน้าจอได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
เวลาต่อมา
“พวกมึงโกงกู ไปเรียกเจ้าของบ่อนมา กูจะคุยกับเจ้าของบ่อน”
ไม่ทันไรดาวิทย์ก็แหกปากร้องโวยวายขึ้นมาเสียงดังจนการ์ดของบ่อนต้องช่วยกันควบคุมตัวเขาเอาไว้ เจ้าขุนเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงตัดสินใจลงไปจัดการด้วยตนเอง
“สวัสดีครับคุณดาวิทย์”
ร่างสูงกล่าวทักทายอย่างสุภาพกับคนที่เอาแต่โวยวาย ก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องปล่อยตัวดาวิทย์
คนเดือดดาลสะบัดตัวออกจากการ์ดร่างใหญ่ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ก่อนจะหันมาสนใจคนที่ดูเด็กกว่าแล้วแค่นหัวเราะอย่างดูถูก เขาเข้าใจว่าเจ้าขุนเป็นแค่ลูกน้องปลายแถวจึงไม่อยากลดตัวเสวนาด้วย
“เป็นแค่ลูกน้องปลายแถวสะเออะจะมาคุยกับกู กูอยากเจอเจ้าของบ่อนโว้ย! เจ้าของบ่อนอยู่ไหนไปเรียกมาคุยกับกูดิ”
คนฟังยืนกัดฟันกรอด พยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้แล้วใช้น้ำเสียงเรียบนิ่งพูดกับอีกฝ่าย
“คุณดาวิทย์ต้องการอะไรบอกผมได้เลยครับ”
คนถูกถามทำท่าทางหงุดหงิดแถมยังตรงปรี่เข้าหาคนอายุน้อยกว่าหมายจะทำร้าย การ์ดของบ่อนรีบเข้ามาขวางทางพร้อมทั้งจับตัวเขาเอาไว้ทันที
ดาวิทย์ถูกบอดี้การ์ดร่างใหญ่พาตัวไปยังห้องทำงานชั้นบน ขืนปล่อยให้ตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านล่างลูกค้าคงตกอกตกใจกันหมด
“ปล่อยกูนะเว้ย กูเป็นลูกค้าวีไอพีนะ พวกมึงจะมาทำแบบนี้กับกูไม่ได้”
คนถูกควบคุมตัวเค้นเสียงด่าทอพร้อมทั้งสะบัดตัวต่อต้าน แต่คนที่วัน ๆ ทำตัวเป็นคุณชายไหนเลยจะสู้เรี่ยวแรงของคนที่ผ่านการฝึกทักษะต่อสู้มาอย่างดีได้ การ์ดร่างสูงเตะขาคนที่เอาแต่ร้องโวยวายจนขาทั้งสองข้างพับลงคุกเข่า
“คอยดูนะกูจะฟ้องเจ้าของบ่อนว่าพวกมึงรังแกลูกค้าวีไอพีอย่างกู”
“งั้นมึงก็รู้เอาไว้ซะ ว่ากูนี่แหละเจ้าของบ่อน”
กัดฟันกรอดดวงตาทอประกายความโหดเหี้ยมเพ่งมองดาวิทย์ไม่ลดละ จ่อปลายกระบอกปืนไปที่ขมับของอีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างกระชากคอเสื้อเชิ้ตของดาวิทย์เอาไว้
นัยน์ตาของคนจนตรอกเบิกโพลงตกใจ นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอาจริง เมื่อคิดขึ้นมาได้ดาวิทย์จึงยกมือพนมไหว้เพื่อร้องขอชีวิต
“อย่าทำอะไรผมเลยนะ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าคุณเป็นเจ้าของบ่อน ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ”
“คุณอย่างนั้นเหรอ เหอะ!” น่าสมเพชสิ้นดี
เจ้าขุนเก็บปืนแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อของคนตรงหน้า เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยมีลูกน้องสองคนยืนประกบซ้ายขวาคอยดูแลความปลอดภัย
ตอนนี้ชายหนุ่มดูน่าเกรงขามเกินกว่าจะเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดา ๆ
“กูให้เวลามึงสามวันหาเงินมาหนี้ ถ้าภายในสามวันกูยังไม่ได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนมึงบอกพ่อมึงให้เตรียมจัดงานศพได้เลย”
พูดจบก็พยักพเยิดหน้าให้ลูกน้องปล่อยตัวดาวิทย์
คล้อยหลังเพียงแป๊บเดียวเจ้าขุนก็หันไปสั่งการกับลูกน้องว่า
“ให้คนตามประกบอย่าให้คาดสายตา”
หลังถูกปล่อยตัวดาวิทย์ก็ขับรถไปที่ผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของผับเป็นเพื่อนสนิทกับเขา เมื่อจอดรถไว้ตรงโซนวีไอพีชายหนุ่มก็เดินย่างกรายไปทางประตูด้านหน้า ตรงจุดนั้นมีการ์ดของผับยืนทำหน้าที่ตรวจตราลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
“สวัสดีครับคุณดาวิทย์”
การ์ดตัวโตยกมือไหว้เพื่อนสนิทเจ้าของผับ ดาวิทย์พยักหน้าทักทายจากนั้นก็เดินมาดเข้มเข้าไปด้านใน
“ลมอะไรพัดมึงมาหากูวะ”
นั่งลงก้นยังไม่ทันอุ่น ‘ชวิน’ ก็เอ่ยทักทายสนิทสนม มือข้างหนึ่งกวักเรียกพนักงานให้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“มีปัญหานิดหน่อยว่ะ กูเลยว่าจะมาขอยืมเงินมึงสักหน่อย”
คนฟังหัวเราะขำขัน ไฮโซอย่างดาวิทย์เนี่ยนะจะมายืมเงินเขา
“นี่มึงล้อกูเล่นป้ะเนี่ย อย่างมึงเนี่ยนะจะมายืมเงินกู”
“พอดีที่บริษัทมีปัญหาว่ะ แล้วกูก็ไม่อยากทำให้คุณพ่อไม่สบายใจ ก็เลยว่าจะมาขอยืมเงินมึงสักยี่สิบล้าน มึงพอมีไหมวะ”
ชวินแค่นหัวเราะขณะควงแก้วบรั่นดีไปมา มุมปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
แม้ชวินจะเป็นเพียงคนธรรมดาที่พื้นเพไม่ได้มาจากต้นตระกูลฐานะร่ำรวย แต่เพราะเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงชายหนุ่มจึงดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อจะได้ทัดเทียมกับคนอื่น ๆ
นอกจากชวินจะเปิดผับซึ่งมีด้วยกันถึงสามแห่ง เขายังทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมายโดยอาศัยเงินทุนจากคนที่เขาเรียกว่านายใหญ่ ธุรกิจสีเทาที่ทำให้เขามีฐานะร่ำรวยขึ้นมาจนสามารถทัดเทียมคนอื่นได้ เพราะฉะนั้นเงินแค่ยี่สิบล้านสำหรับชวินถือว่าน้อยนิดมากถ้าเทียบกับสิ่งตอบแทนที่เขาต้องการจากดาวิทย์
“ยี่สิบล้านมันไม่ใช่ปัญหาหรอก สำหรับเพื่อนรักอย่างมึงกูให้ยืมได้อยู่แล้ว แต่มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”
นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จ้องมองดาวิทย์แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก คนอย่างชวินจะต้องการอะไรได้นอกจากน้องสาวคนสวยของเขา แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ชวินพยายามเข้าหาดาริณ ทว่าเมื่อก่อนนอกจากหญิงสาวจะไม่เล่นด้วย เขายังถูกดาวิทย์คอยกันท่าอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้คนสิ้นไร้หนทางราวกับหมาจนตรอก คงต้องยอมรับข้อเสนอที่ทางชวินหยิบยื่นให้แล้วล่ะ
หลังเสร็จงานจากบ่อนเจ้าขุนก็ขับรถกลับเพ้นท์เฮ้าส์ ร่างสูงเหยียดกายนอนราบบนโซฟาตัวยาว แขนแกร่งข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาวางพาดบนหน้าผาก ดวงตาเพ่งมองเพดานอย่างเลื่อนลอย จู่ ๆ ภาพเมื่อคืนก็ฉายขึ้นมาในหัว พอมีเวลาได้คิดทบทวนเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าความจริงแล้วเมื่อคืนมันคือครั้งแรกของดาริณ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะผ่านผู้ชายมาอย่างโชกโชนเสียอีก ขณะกำลังนอนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนหัวสมองก็พลันคิดเลยเถิดไปถึงความเร่าร้อนที่เกิดขึ้น เรือนร่างอรชรที่ไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ดูสวยไปหมดมันตราตรึงหัวใจชะมัด จู่ ๆ คนหน้านิ่งก็คลี่ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ครืด! ครืด! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบมากดรับสาย “ครับน้าอร” [ฮัลโหลหลานรัก เป็นไงบ้างจ๊ะไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงจังเลย] “ผมก็คิดถึงน้าอรเหมือนกันครับ” [ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวาน คิดถึงน้าแต่ไม่เห็นโทรมาหาน้าบ้างเลย ดูซิมีแต่น้าโทรหาอยู่ฝ่ายเดียว] “โธ่! ก็ช่วงนี้เรียนหนักนี่นา ไหนจะต้องดูแลงานที่บ่อนแทนแดเนียลอีก” [อย่าทำเป็นเอาชื
“เรื่องอะไร” “เรื่องคุณดาวิทย์ ลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดลครับ” “ติดปัญหาอะไร” “ตอนนี้คุณดาวิทย์อยากกู้เงินเพิ่มครับ” “ก็ให้กู้ไป” “แต่หนี้เก่ายังค้างอยู่เลยนะครับ แม้แต่ดอกเบี้ยก็ยังไม่คืนสักบาท จนตอนนี้ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่จะเท่าเงินต้นที่ยืมไปแล้วครับ” “ของเก่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่” “รวมดอกเบี้ยตอนนี้ก็สิบห้าล้านแล้วครับ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเป็นกังวล คนที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดล หรือก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของดาริณ ‘ดาวิทย์’ เพิ่งมาเป็นลูกค้าของบ่อนเมื่อประมาณหกเดือนก่อน ตอนแรกเจ้าขุนก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคือพี่ชายของดาริณ เพราะปกติไม่ค่อยได้ลงไปสุงสิงกับลูกค้าด้านล่าง มาทีไรก็นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทำงานแล้วดูกิจกรรมทุกอย่างของบ่อนผ่านกล้องวงจรปิด เขาเพิ่งรู้ว่าดาวิทย์เข้ามาใช้บริการที่บ่อนเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่เจ้าตัวเอาชื่อผู้เป็นพ่อมาอวดอ้างเพื่อขอกู้ยืมเงินห้าล้านไปต่อทุน ผ่านมายังไม่ถึงเดือน จากหนี้ห้าล้านบาทตอนนี้กลายเป็นสิบห้าล้านบาทไปแล้ว เจ้าขุนพ
รถคันหรูจอดนิ่งที่หน้ารั้วสูงของคฤหาสน์หลังใหญ่ ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าเจ้าของคฤหาสน์หรูหราในย่านที่ดินราคาแพงหลังนี้คือท่านรัฐมนตรี ‘นพดล อนันต์เดโช’ บุคคลผู้ซึ่งมีอำนาจและทรงอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศ “จอดตรงนี้แหละ แล้วนายก็ลงไปได้แล้ว” พอถึงหน้าบ้านหญิงสาวก็แผดเสียงออกคำสั่งให้ชายหนุ่มลงจากรถ เจ้าขุนนั่งนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตามที่เธอสั่ง ดวงตาคมกริบไล่สำรวจคนข้าง ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้หญิงสาว เพ่งตามองเธอราวกับมีเรื่องอยากจะพูด “อะไรอีก” ดาริณแว้ดเสียงใส่พลางโยกหน้าถอยหนี แผ่นหลังบอบบางชนกับประตูรถอย่างจนมุม “ที่เธอวางยาไอ้ทิวเขาเมื่อคืน เพราะเธอรักมันมากจนอยากได้มันเป็นผัว หรือเป็นเพราะพ่อของเธอบังคับให้จับมันให้ได้กันแน่” “นายอย่ามาใส่ร้ายคุณพ่อฉันนะ” “ฉันรู้นะว่าตอนนี้ครอบครัวเธอกำลังมีปัญหา แล้วบริษัทที่พี่ชายเธอบริหารอยู่ก็กำลังขาดทุนมหาศาล ที่ท่านรัฐมนตรีอยากได้ไอ้ทิวเขามาเป็นลูกเขยเพราะหวังฮั้วโครงการก่อสร้าง...ใช่ไหม” นัยน์ตาของคนถูกเค้นสั่นระริก เธอรู้สึกโกรธเคืองคนถามเป็นอย่างมาก แม้จ
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนโยนยามเช้าเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน ร่างเล็กค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากภวังค์แห่งฝัน ก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อภาพเมื่อคืนมันแวบเข้ามาในหัวสมอง “โอ๊ย!” เธอรู้สึกเจ็บหน่วงตรงกลางหว่างขาขึ้นมาเพียงเพราะขยับร่างกายอย่างฉับพลัน “ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มยืนอยู่มุมห้องที่เป็นกระจกใสซึ่งตรงนั้นสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล นัยน์ตาคมไล่สำรวจร่างเล็กแล้วลอบยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาทรงโมเดิร์นซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เรียวขายาวขยับเป็นท่านั่งไขว่ห้าง จากนั้นเขาก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ ทั้งสบายใจแล้วก็สบายตัวเลยล่ะ เพราะเมื่อคืนเขาได้ปลดปล่อยไปหลายน้ำ ดาริณช้อนตามองคนร้ายกาจที่กระทำรุนแรงกับเธอทั้งคืนราวกับสัตว์ป่าหิวโหย เธอตั้งท่าจะลุกจากเตียงนอนแต่ต้องหยุดชะงักกลางคันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังเปลือยกายล่อนจ้อน หญิงสาวกระชับผ้าห่มคลุมตัวจากนั้นก็เอ่ยเสียงแข็ง “ฉันจะกลับบ้าน” “ใครห้าม” ไม่มีใครห้ามแต่จะให้เธอเดินแก้ผ้าไปรึไงกัน หญิงสาวทำท่าทางฮึ
มือหนาประคองตัวตนที่ตั้งผงาดด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์แล้วชักรูดสองสามครั้ง ดวงตาคมกริบเพ่งพิศเรือนร่างสวยด้วยความลุ่มหลง ดาริณสวยไปหมดทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นสองเต้าอวบนูนขนาดเต็มไม้เต็มมือ หรือผิวกายขาวผุดผ่องและร่องรูเนียนกริบสีชมพู ชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งผากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เห็นแล้วอยากดูดเลียร่องรักของดาริณให้สาแก่ใจเอาให้เธอร้องครวญครางเสียงหลงไม่เป็นภาษา แต่ก็ติดตรงที่ตอนนี้อารมณ์มันพลุ่งพล่านเกินกว่าจะมัวมาเสียเวลาทำอย่างอื่น ตอนนี้ขอเอาก่อนละกัน เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยหาโอกาสทำทีหลัง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงบ้วนน้ำลายลงบนฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นก็เอาไปถูชโลมบนเอ็นแท่งใหญ่ จ่อปลายเอ็นไว้ตรงปากทางร่องกลีบที่ยังปิดสนิทแล้วถูไถเพิ่มความกระสันเสียวให้เธอ “นายช่วยอ่อนโยนกับฉันหน่อยนะ” ทำเป็นมาร้องขอความอ่อนโยนทั้งที่เธอมันกร้านโลกซะขนาดนี้ เจ้าขุนแค่นหัวเราะอย่างนึกดูถูกในตัวหญิงสาว อ่อนโยนบ้าบออะไรเขาไม่เคยอ่อนโยนกับใคร นอกจากไม่ตอบเจ้าขุนยังส่งลำเอ็นเข้าไปในร่องรักทันที เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาประนีประนอมกันหรอก ไม่อย่างนั้
‘ข่าววงในเขาลือกันว่าลูกสาวคนสวยของท่านรัฐมนตรีคนดังตอนนี้กำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับหนุ่มนักศึกษาคณะที่มีเกียร์ห้อยคอ บอกเลยว่าหนุ่มหล่อคนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นถึงลูกชายของเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของประเทศ เห็นโปรไฟล์แล้วรับรองว่าท่านรัฐมนตรียอมไฟเขียวให้แน่นอน แถมแหล่งข่าวยังบอกอีกด้วยว่าหลังเรียนจบทั้งคู่เตรียมบินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วยกัน เห็นแล้วมันหนึบหนับหัวใจเสียจริง นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าคู่สร้างคู่สมของแท้’ จู่ ๆ ก็มีข่าวการคบหาดูใจกันระหว่างคนสองคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ด้านหนึ่งคือ ‘ดาริกา อนันต์เดโช’ หรือ ‘ดาริณ’ ลูกสาวคนสวยของท่านรัฐมนตรีคนดังผู้ซึ่งกุมอำนาจหลายฝ่ายในรัฐบาล อีกด้านคือ ‘อนาวัฒน์ เตมรไพศาล’ หรือ ‘ทิวเขา’ ทายาทเพียงคนเดียวของอาณาจักรธาดากรุปกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งคู่เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกทั้งที่แท้จริงแล้ว ทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเท่านั้น อีกอย่างทางฝ่ายชายก็มีคนรักอยู่แล้วด้วย แต่ไม่รู้ทำไมข่าวโค







