Share

บทที่ 7

Author: อีปี้ถังถัง
ก่อนฟ้ามืด หลิวชิงซวี่พาเจียงจิ่วเดินสำรวจรอบ ๆ สำนักศึกษาหนึ่งรอบ เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับพื้นที่รอบ ๆ

พอพลบค่ำ นางก็มุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องเจินตามลำพัง

จวนของเสด็จอาเล็กแห่งราชวงศ์ การอารักขาย่อมเข้มงวด นางเตรียมใจไว้แล้ว แม้โชคร้ายถูกจับได้ นางก็คิดข้อแก้ตัวไว้เสร็จสรรพ ถึงตอนนั้นก็บอกว่านางสงสัยใคร่รู้ในตัวอ๋องเจิน อยากเจอหน้าคู่หมั้นสักครั้ง แล้วถือโอกาสเยี่ยมชมจวนอ๋องเจิน จากนั้นค่อยอาศัยจังหวะเยี่ยมชมจวนหาทางขโมยของ

แต่พอมาถึงจวนอ๋องเจิน นั่งอยู่บนกำแพงสูง หรี่ตามองสำรวจสภาพภายในจวนอยู่นาน นางกลับไม่กล้ากระโดดลงไป

ในจวนมืดสนิท แม้แต่เปลวไฟสักนิดก็ไม่เห็น มองไปทางไหนก็เหมือนบ้านร้างเก่าแก่ มืดมิดจนน่าขนลุก

นี่ยังไม่เท่าไหร่

ที่ทำให้นางแปลกใจยิ่งกว่าคือ ในจวนไม่มีคนเดินเพ่นพ่านก็ว่าแปลกแล้ว แต่ประตูใหญ่กลับเปิดอ้าซ่า ไม่มีเวรยามเฝ้าแม้แต่คนเดียว!

คืนที่แสงจันทร์สลัวลมแรงขนาดนี้ ไม่กลัวโจรเข้าบ้านหรืออย่างไร?

ไม่ใช่สิ คืนนี้นางก็มาเป็นโจรนี่นา มองดูจวนที่มืดตื้อ เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงัดชวนขนลุก นางถึงไม่กล้าเข้าไปนี่ไง!

สิ่งที่นางไม่รู้คือ ในมุมมืดแห่งหนึ่ง มีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองนางอยู่ กลัวว่าจะคลาดสายตาจากการกระทำต่อไปของนาง

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นนางขยับเขยื้อน อวี๋ฮุยเริ่มหมดความอดทน กระซิบข้างหูเยี่ยนซื่อหยวนว่า “ท่านอ๋อง ท่านว่าคุณหนูหลิวคิดจะทำอะไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ? เจียงจิ่วบอกว่านางจะมาขโมยของไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่เห็นลงมือเสียที?”

พ่อบ้านจิ่งเซิ่งขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง ตามความคิดของกระหม่อม น่าจะเป็นเพราะคุณหนูหลิวระแวงจวนเราพ่ะย่ะค่ะ ท่านเล่นถอนคนออกไปหมด อย่าว่าแต่คุณหนูหลิวเลย เป็นใครก็คงสงสัยว่ามีกับดัก”

เยี่ยนซื่อหยวนขมวดคิ้ว

ไม่ควรถอนคนออกไปหรือ?

เขาก็แค่อยากให้นางเล่นได้เต็มที่ ไม่อยากให้ใครไปรบกวนนาง!

อวี๋ฮุยก็คล้อยตาม “ท่านอ๋อง จิ่งเซิ่งพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ ท่านถอนคนออกไปหมด จวนเราก็เหมือนบ้านผีสิง คุณหนูหลิวคงจะกลัวเลยไม่กล้าเข้ามา”

เยี่ยนซื่อหยวนปรายตามองเขา “แล้วเจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปเรียกคนออกมาอีก!”

อวี๋ฮุยอยากจะร้องไห้

ก็เป็นความคิดของท่านอ๋องเองแท้ ๆ ทำไมกลายเป็นเหมือนเขาทำผิดเสียอย่างนั้น!

เขาเพิ่งจะเตรียมถอยออกไป เยี่ยนซื่อหยวนก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันที “ช่างเถอะ ข้าจะไปเอง! พวกเจ้าแค่แกล้งทำเป็นเดินตรวจตราในจวนก็พอ!”

อวี๋ฮุย “...”

กลับมาที่บนกำแพงสูง

บรรยากาศของจวนอ๋องเจินทำให้หลิวชิงซวี่หวาดระแวง แต่พอนึกถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ เหล่านั้น นางก็ยังตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเข้าไป ‘เดินเล่น’ ในจวนอ๋องเจินสักรอบ

ขณะที่นางเล็งทิศทาง เตรียมจะเหาะเข้าไปในจวนอ๋องเจิน จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากด้านข้าง

“ให้ข้าช่วยไหม?”

“ท่าน...” นางสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมองผู้มาเยือน พอเห็นชัดว่าเป็นใครก็แปลกใจมาก “ท่านมาทำอะไร?”

“มาช่วยเจ้า” เยี่ยนซื่อหยวนขยับเข้ามาใกล้ข้างกายนาง

ท่ามกลางความมืด แสงจันทร์สาดส่องลงมาที่ร่างของเขา ทำให้เรือนร่างสูงโปร่งดูราวกับสวมอาภรณ์หรูหราสีเย็นเยียบ ประหนึ่งเทพเซียนที่จุติลงมาจากสวรรค์ แฝงความสูงศักดิ์และเย็นชาจนยากจะเข้าถึง หลิวชิงซวี่มองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเขา ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นดุจหลุมดำไร้ก้นบึ้ง ราวกับพร้อมจะดูดกลืนผู้คนเข้าไปได้ทุกเมื่อ

“แผลท่านยังไม่หายดี วิ่งแจ้นมาที่นี่อยากจะช่วยให้ยุ่งกว่าเดิมหรืออย่างไร?” นางเบะปากแสดงความรังเกียจ แล้วเบนสายตาหนี พยายามไม่มองใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนั่น

“ข้าเคยมาจวนอ๋องเจิน เลยพอรู้สภาพข้างในอยู่บ้าง”

“หา? จริงหรือ?” หลิวชิงซวี่ได้ยินดังนั้น ก็ดีใจขึ้นมาทันที เปลี่ยนท่าทีรังเกียจเมื่อครู่จากหน้ามือเป็นหลังมือ รีบคว้าข้อมือเขาไว้กลัวเขาจะหนี “เช่นนั้นบอกข้าหน่อยสิ อ๋องเจินพักอยู่ตรงไหน?”

เยี่ยนซื่อหยวนหลุบตามองมือนาง แอบยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพยักหน้าไปทางทิศเหนือ “โน่น”

หลิวชิงซวี่มองตามทิศที่เขาชี้ ปล่อยข้อมือเขา แล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะตรงไปทางทิศเหนือทันที

เยี่ยนซื่อหยวน “...”

มองข้อมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง เขาเม้มปากแน่น แววตาลึกล้ำฉายความไม่พอใจอย่างชัดเจน

พอเข้ามาในจวนอ๋องเจิน หลิวชิงซวี่ก็พบว่าในจวนไม่ได้ไร้ผู้คน ไม่รู้หน่วยลาดตระเวนโผล่มาจากไหน เกือบจะเดินชนกันจัง ๆ ทำเอานางตกใจรีบมุดเข้าพุ่มไม้

รอจนหน่วยลาดตระเวนเดินไปไกล นางเงยหน้ามองซ้ายขวาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระโดดออกจากพุ่มไม้ มุ่งหน้าไปยังหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอ้าอยู่ไม่ไกล

พอเข้ามาในห้อง นางรีบหาที่ซ่อนตัวตามสัญชาตญาณ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนจึงเดินเข้าไปด้านใน

ห้องนี้กว้างมาก พื้นที่เกือบเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล ฉากกั้นแกะสลักลวดลายโปร่งสองบานแบ่งห้องออกเป็นสามส่วน คือห้องหนังสือ ห้องนอน และมุมพักผ่อน การตกแต่งภายในโอ่อ่าหรูหรา แม้ในความมืดก็ยังสัมผัสได้ถึงความสูงค่า แสดงให้เห็นว่าเจ้าของห้องไม่ใช่คนธรรมดา

สิ่งที่ทำให้นางตื่นตะลึงที่สุดก็คือเตียงนอนไม้หวงฮวาหลีแบบมีซุ้มหลังนั้นที่กว้างไม่ต่ำกว่าสามเมตร นางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปลูบแล้วลูบอีก ในใจลอบค่อนขอดว่า แม่เจ้าโว้ย นี่ต้องใช้เงินเท่าไหร่กันถึงจะซื้อของแบบนี้ได้?

นั่นไง เทียบกับพวกเชื้อพระวงศ์แล้ว คนรวยข้างนอกก็กลายเป็นคนจนไปเลย

นางลองคลำดูใต้หมอน แล้วก็ต้องชะงัก

พอดึงมือออกมา ในมือก็มีหยกแขวนชิ้นหนึ่ง นางรีบเอาไปส่องที่หน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาดูให้ชัด แล้วก็ดีใจอย่างยิ่ง

หยกแขวนเย็นเฉียบเปล่งประกายสีเขียวระยับ เขียวสดใสงดงามบาดตา บนนั้นแกะสลักรูปงูยักษ์ที่มีกรงเล็บและเขี้ยว ดูน่าเกรงขามจนน่าหวาดหวั่น

เจ้านี่แหละ!

นางข่มความดีใจไว้ ไม่ทันได้คิดสงสัยว่าทำไมของสำคัญขนาดนี้ถึงถูกวางทิ้งไว้ใต้หมอนง่าย ๆ นางยัดหยกแขวนใส่ในอกเสื้อ เอามือกุมไว้อีกชั้นกลัวมันจะหล่นหาย แล้วรีบเหาะออกจากหน้าต่างที่เปิดไว้

บนกำแพงสูง เห็นชายหนุ่มยังรออยู่ที่เดิม หลิวชิงซวี่ยิ้มให้เขา แล้วคว้าข้อมือพาเขาเหาะหนีออกจากจวนอ๋องเจินอย่างรวดเร็ว

ภายใต้ความมืดมิด นางรีบร้อนจะไปสำนักศึกษาเสี้ยวเสี้ยว จนไม่ทันสังเกตเห็นมุมปากที่ยกโค้งขึ้นและแววตาเจ้าเล่ห์เป็นประกายของชายหนุ่มข้างกาย

ดึกมากแล้ว เด็ก ๆ หลับกันหมดแล้ว

เพื่อไม่ให้รบกวนเด็ก ๆ หลิวชิงซวี่ไม่ได้เข้าไปในสำนักศึกษา เพียงไปหาเจียงจิ่วที่แอบเฝ้าอยู่ด้านนอก สอบถามสถานการณ์

เจียงจิ่วรายงาน “คุณหนูหลิว ข้าเฝ้าตลอด ไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ”

หลิวชิงซวี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงวานให้เขาเฝ้าต่อ แล้วเตรียมตัวจะไปที่ว่าการ

เยี่ยนซื่อหยวนเดินตามนางไป

นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หยุดฝีเท้า หันมาบอกเขา “ข้าจะไปทำธุระ ท่านบาดเจ็บอยู่ อย่าลำบากเลย หาที่พักผ่อนก่อนเถอะ”

“ไม่เป็นไร” เยี่ยนซื่อหยวนทิ้งคำพูดเรียบ ๆ ไว้สองคำ แล้วเดินนำหน้านางไป

“...” หลิวชิงซวี่ขมวดคิ้ว เจ้านี่ดูเหมือนไม่เป็นไร แต่นางรู้ดีว่ากำลังภายในของเขายังไม่ฟื้นคืน ขืนเกิดเรื่องต้องลงไม้ลงมือ นางก็ต้องคอยปกป้องเขาอีก!

พอใกล้ถึงที่ว่าการ นางก็อดไม่ได้ที่จะรั้งตัวเขาไว้

จู่ ๆ ก็พบว่าเขาหยิบหน้ากากมาใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาลึกล้ำดำขลับกับปลายคางที่ได้รูป

“ท่านทำอะไร?” นางถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่อยากให้ใครมาหมายปองความงาม”

“...?!” นางถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ยืนเหงื่อตกเป็นสาย

ใช่ เขาหล่อจริง!

แต่ในที่ว่าการมีแต่ผู้ชาย ใครจะโรคจิตมาหมายปองความงามของเขา?!

สูดหายใจลึก ๆ นางพยายามเจรจากับเขาจริงจัง “ข้าเข้าไปคนเดียวก็พอ ท่านรออยู่ข้างนอกเถอะ”

“ไม่เป็นไร” เยี่ยนซื่อหยวนพูดพลางเดินไปเคาะประตูตัดหน้า

ไม่นาน ประตูเล็กข้าง ๆ ก็เปิดออก เจ้าหน้าที่สองคนเดินออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด ยังไม่ทันดูคนให้ชัดก็ตวาดเสียงดุ “บังอาจ! พวกเจ้าเป็นใคร กล้ามารบกวนศาลตอนดึกดื่น!”

ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากของเยี่ยนซื่อหยวนเคร่งขรึมลงทันที แววตาฉายประกายอำมหิตเย็นเยียบ

หลิวชิงซวี่กลับไม่ได้ใส่ใจ ก้าวไปข้างหน้าชูหยกแขวนขึ้น ตะโกนก้อง “อ๋องเจินอยู่ที่นี่ พวกเจ้าอย่าได้บังอาจ!”

“อะแฮ่ม!” เยี่ยนซื่อหยวนเบือนหน้าหนีอย่างกระอักกระอ่วน มีคนขโมยของแทนตัวเขา แล้วเอามาเบ่งอำนาจต่อหน้าต่อตาเขา ส่วนตัวจริงอย่างเขาต้องมาแกล้งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เขาชักสงสัยแล้วว่าตัวเองป่วยหรือเปล่า ไม่งั้นจะยอมบ้าตามนางขนาดนี้ได้อย่างไร!

เจ้าหน้าที่ทั้งสองเพ่งมองหยกแขวนในมือนาง ก็ตกใจแทบสิ้นสติ รีบคุกเข่าลงทันที

“แม่นางไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าท่านเป็นคนของอ๋องเจิน โปรดอภัยให้ด้วยขอรับ!”

“ขอแม่นางโปรดเมตตา อย่าถือสาหาความข้าน้อยเลย!”

หลิวชิงซวี่เชิดคาง หรี่ตามองพวกเขา วางมาดหยิ่งยโสเต็มที่

“วันนี้ข้ามาตามคำสั่งลับของอ๋องเจินเพื่อสืบคดี พวกเจ้าอย่าเอะอะไป แค่ให้ความร่วมมือก็พอ เดี๋ยวข่าวรั่วไหลจะเสียการ” นางเว้นจังหวะเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลง “ลุกขึ้นเถอะ อ๋องเจินตรัสว่า หากงานนี้สำเร็จด้วยดี พระองค์จะปูนบำเหน็จให้อย่างงาม อย่าหาว่าข้าไม่เตือน นี่เป็นโอกาสที่จะได้เข้าตาอ๋องเจิน พวกเจ้าคว้าไว้ให้ดีล่ะ!”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองทั้งตกใจทั้งดีใจ รีบตะกายลุกขึ้นจากพื้น ฉีกยิ้มกว้างจนหุบปากแทบไม่ลง

“ขอรับ... แม่นางวางใจได้ ข้าน้อยจะตั้งใจทำงานถวายอ๋องเจินอย่างเต็มที่!”

หลิวชิงซวี่พยักหน้า แสดงท่าทีพอใจ

จากนั้นนางถามชื่อทั้งสองคน คนตัวสูงชื่อเฉินขุย คนที่มีแผลเป็นที่คางชื่อโจวซาน

หลิวชิงซวี่แนะนำตัวกับพวกเขา โดยอ้างว่าตนเป็นสาวใช้จวนอ๋องเจิน และบอกว่าเยี่ยนซื่อหยวนเป็นองครักษ์จวนอ๋องเจิน

เฉินขุยกับโจวซานลอบมองเยี่ยนซื่อหยวน รูปร่างสูงใหญ่ สวมหน้ากาก ไม่เพียงดูลึกลับน่าค้นหา แต่กลิ่นอายเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมายังทำให้คนเกรงขาม ทั้งสองต่างนึกชื่นชมในใจ คนจวนอ๋องเจินช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ แค่องครักษ์ยังมีบุคลิกโดดเด่นขนาดนี้!

หลิวชิงซวี่ไม่เสียเวลาพูดคุยมากความ รีบพาพวกเขาไปที่สำนักศึกษาเสี้ยวเสี้ยวทันที

ที่หน้าสำนักศึกษา นางเล่าเรื่องเด็กสามคนที่หายไป พร้อมทั้งอ้างชื่ออ๋องเจินออกคำสั่ง “ที่นี่เป็นเขตรับผิดชอบของพวกเจ้า ตอนนี้มีคนหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ พวกเจ้าจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ อ๋องเจินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก สั่งให้พวกเจ้ารีบสืบหาที่อยู่ของเด็กสามคนนั้นให้พบโดยเร็ว มิฉะนั้น อย่าว่าแต่พวกเจ้าจะโดนลงโทษเลย แม้แต่ใต้เท้าจางก็ต้องรับผิดข้อหาละเลยหน้าที่ด้วย!”

“ขอรับ แม่นางหลิว ข้าน้อยจะรีบสืบหาที่อยู่ของเด็กสามคนนั้นให้เร็วที่สุด!” เฉินขุยรีบรับคำ

หลิวชิงซวี่เผลอมองไปทางโจวซาน เห็นเขาก้มหน้าลงอย่างมีพิรุธ รับคำว่า “แม่นางหลิววางใจเถอะ พวกเราจะพยายามตามหาเด็กสามคนนั้นให้พบขอรับ”

หลิวชิงซวี่มองไม่ทันว่าก่อนก้มหน้าเขามีสีหน้าอย่างไร แต่จังหวะที่เขาก้มหน้าทำให้นางหรี่ตาลง แสร้งทำเป็นมองผ่าน ๆ ไปที่เท้าของเขาที่ขยับเล็กน้อย

นางเอ่ยขึ้นทันทีว่า “เพื่อความรวดเร็ว พวกเราต้องแยกย้ายกันหา พวกเจ้าคุ้นเคยพื้นที่แถวนี้ที่สุด ให้พวกเจ้าเลือกทิศก่อน”

โจวซานเงยหน้าขึ้นทันควัน “แม่นางหลิว ข้าน้อยขอรับผิดชอบทางทิศตะวันตก”

หลิวชิงซวี่พยักหน้า ปากก็เอ่ยอย่างเกรงใจ “รบกวนพี่โจวซานแล้ว”

เฉินขุยกล่าว “เช่นนั้นข้าน้อยรับผิดชอบทิศตะวันออกแล้วกัน บ้านข้าน้อยอยู่ทางนั้นพอดี สืบข่าวสะดวกกว่า”

หลิวชิงซวี่พยักหน้าเช่นกัน “ได้ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

ไม่นาน ทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทางทิศตะวันตกและตะวันออก

พอพวกเขาไปแล้ว หลิวชิงซวี่หันไปถามเยี่ยนซื่อหยวนข้างกายอย่างมีนัยยะ “นายท่านซื่อคิดว่าอย่างไร?”

เยี่ยนซื่อหยวนยกมุมปากขึ้น พยักหน้าไปทางที่โจวซานเดินไป

หลิวชิงซวี่ไม่รอช้า พุ่งตัวหายไปในความมืด ไล่ตามโจวซานไป

เห็นนางทิ้งเขาไว้แล้วหนีไปดื้อ ๆ เยี่ยนซื่อหยวนหน้าตึงขึ้นมาทันที ตะโกนเรียก “เจียงจิ่ว!”

......

ทิศตะวันตกของสำนักศึกษาเสี้ยวเสี้ยวเป็นคลอง ตอนกลางวันยังแทบไม่มีคนเดิน นับประสาอะไรกับตอนกลางคืน ลมราตรีพัดต้นหญ้าริมตลิ่งดังสวบสาบ ราวกับมีบางสิ่งกำลังคลานอยู่ คนขวัญอ่อนไม่มีทางกล้ามาเหยียบ

ตลอดทางที่สะกดรอยตามโจวซาน หลิวชิงซวี่กลัวจะทำเสียงดัง โชคดีที่โจวซานเอาแต่วิ่งหน้าตั้ง ทั้งร้อนรนทั้งตื่นตระหนกจนไม่มีแก่ใจจะสังเกตสิ่งรอบข้าง

เห็นเขามุดเข้าไปในกระท่อมไม้ไผ่ริมตลิ่ง นางก็หยุดหมอบลงในพงหญ้าคอยสังเกตการณ์

ไม่นาน เสียงร้องไห้ของเด็กก็ดังออกมาจากกระท่อม

นางขบฟันแน่น สองมือที่ยันพื้นจิกเกร็งลึกลงไปในเนื้อดิน

เสียงนั้นนางจำได้ดี เป็นเสียงของเสี่ยวชง!

“หุบปาก! ขืนร้องอีกข้าฆ่าให้ตาย!” เสียงด่าทออย่างดุร้ายดังออกมา พร้อมกับเสียงตบฉาดใหญ่

หลิวชิงซวี่สุดจะทน กระโจนออกจากพงหญ้า เหยียบยอดหญ้าสูงท่วมเอวพุ่งเข้าไปในกระท่อมไม้ไผ่

การบุกรุกอย่างกะทันหันของนาง ไม่เพียงทำโจวซานตกใจ แต่ยังทำเอาเด็กสามคนขวัญผวาไปด้วย

ในกระท่อมเดิมทีมืดสลัว พอนางพังประตูเข้ามา แสงจันทร์ก็สาดส่องเข้าไป เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยชัดเจน เด็กทั้งสามก็ปล่อยโฮออกมาพร้อมกัน

“พี่หลิว...”

“พี่หลิวช่วยพวกเราด้วย...”

“พี่หลิว... พี่หลิว...”

โจวซานถลึงตาอย่างบ้าคลั่ง รีบคว้าตัวเด็กที่อยู่ใกล้ที่สุดมาบีบคอไว้

“นังตัวแสบ อยากให้พวกเขารอดก็ไสหัวไปไกล ๆ ไม่งั้นข้าจะบีบคอพวกเขาให้ตายเดี๋ยวนี้!”

เด็กสามคนถูกมัดมือมัดเท้า แม้จะเห็นคนมาช่วย แต่ก็ไม่อาจซ่อนความหวาดกลัวไว้ได้

ไห่โย่วกับเสี่ยวอันโตกว่าหน่อย ยังพอตั้งสติได้บ้าง แต่เสี่ยวชงที่ถูกโจวซานบีบคออยู่นั้นเพิ่งจะห้าขวบ ทนรับคำขู่เอาชีวิตไม่ไหว ร้องไห้จนแทบขาดใจ

“ปล่อยพวกเขา แล้วข้าจะให้เจ้าไป” นางพยายามคุมสติ ลองเจรจากับเขา

“คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?” โจวซานแค่นเสียงดูถูก

“เจ้าไม่มีทางเลือก” หลิวชิงซวี่ไม่กล้าวู่วาม แต่สายตาจ้องมองมือเขาเขม็ง “ถ้าพวกเขาเป็นอะไรไป เจ้าต้องตายตกไปตามกัน แต่ถ้าเจ้าปล่อยพวกเขาตอนนี้ ข้าคนเดียวแยกร่างไปจัดการเจ้าไม่ได้ เจ้ายังมีโอกาสหนี”

ดวงตาที่เบิกกว้างของโจวซานหรี่ลงทันใด มือที่บีบคอเสี่ยวชงชะงักไปเล็กน้อย

เขาเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวข้างนอก ไม่มีอะไรผิดปกติ

ตอนนี้เขาต้องหาทางหนีแน่ แต่ก็ไม่โง่พอจะปล่อยเด็กทั้งสามคน เขาจึงอุ้มเสี่ยวชงวิ่งพรวดออกไปนอกประตู

“พี่หลิว...” เสี่ยวชงตกใจกลัวกรีดร้องเสียงหลง

“เสี่ยวชง!” ไห่โย่วกับเสี่ยวอันเห็นเขาถูกพาตัวไป ก็ตะโกนเรียกสุดเสียง

“พวกเจ้าอยู่นิ่ง ๆ เดี๋ยวจะมีคนมาช่วย!” หลิวชิงซวี่ไม่มีเวลาแก้มัด ทิ้งคำพูดไว้แล้วรีบวิ่งตามออกไป

โจวซานอุ้มเด็กวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เห็นหลิวชิงซวี่ไล่ตามไม่ลดละ ก็ตะโกนขู่ “นังตัวแสบ ขืนตามมาอีก ข้าจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!”

หลิวชิงซวี่เองก็ไม่มีทางเลือก ตามติดเกินไปก็กลัวเขาทำร้ายเสี่ยวชง แต่ถ้าไม่ตาม ก็กลัวเขาพาเสี่ยวชงหนีไป

ไล่กวดมาหลายร้อยเมตร ขณะที่ใจร้อนรนดั่งไฟเผา เงาดำสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านข้างของโจวซานราวกับภูตผี ยังไม่ทันที่หลิวชิงซวี่จะตั้งตัว ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของโจวซาน ก่อนที่ร่างนั้นจะล้มฟาดลงกับพื้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 30

    หลังจากรู้จักกันมาสักพัก หลิวชิงซวี่แทบจะไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเขายิ้มจะน่าหลงใหลขนาดนี้ นางจึงมองด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มอย่างอดไม่ได้เมื่อลมพัดผ่านกาย ทำให้นางดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะรีบดึงมือของเขาที่วางอยู่บนเอวนางออก“อะไรกัน แค่นอนด้วยกันคืนเดียวก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะเอาชีวิตที่เหลืออีกหรือ?” ให้ตายเถอะ คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าใช้แผนชายงามกับนาง!มุมปากที่ยกขึ้นของเยี่ยนซื่อหยวนแข็งทื่อเล็กน้อย ดวงตาที่เคยเปล่งประกายกลับมืดมนดังเดิมผู้หญิงคนนี้ ช่างพูดแทงใจดำจริง ๆ……ตอนที่กลับมาถึงเรือนหลังเล็กก็ดึกมากแล้วหลิวชิงซวี่ยืนมองเตียงเล็กจากหน้าประตูด้วยความลำบากใจเตียงหลังนั้นมีขนาดพอ ๆ กับเตียงที่อยู่ในหอพักโรงเรียน หากนอนคนเดียวยังพอไหว แต่ถ้านอนสองคนก็ไม่มีที่ให้ขยับตัวเลย “มานี่!” เยี่ยนซื่อหยวนนั่งลงบนเตียง แต่เมื่อเห็นว่านางยืนนิ่งที่หน้าประตู เขาก็ตะโกนขึ้นเสียงต่ำ“ท่านนอนเถอะ ข้าจะออกไปเฝ้ายามด้านนอก หากมีคนตามมา…” นางครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะแยกเวลานอนกับเขาดีกว่า นางนอนตอนกลางวัน เขานอนตอนกลางคืน ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 29

    หลิวชิงซวี่รีบพาเยี่ยนซื่อหยวนลงไปด้านล่าง บริเวณที่เงาดำเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้มีเพียงหลุมลึกหลุมหนึ่ง กลิ่นเหม็นเสียดจมูกยังลอยโชยขึ้นมาจากหลุมนั้น นางยกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจขโมยศพ?“ไปกันเถอะ พวกเราต้องกลับแล้ว” เยี่ยนซื่อหยวนกระชับเอวของนางไว้แน่น “ไม่ตามไปดูหน่อยหรือ?” หากนางไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หลิวชิงซวี่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะได้พบเจอกับเรื่องเช่นนี้ ขุดสุสาน ต่อให้เป็นศตวรรษที่ 21 ก็ยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการขโมยศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน จะนำศพไปใช้ประโยชน์อะไรได้?หากคนทั่วไปได้ยินแล้วคงจะรู้สึกสัมผัสถึงลางร้าย ความอัปมงคล ความน่าสะพรึงกลัว ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหลบเลี่ยง แต่กลับมีคนมาขโมยศพ พวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?“พวกเราเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน ระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า” เยี่ยนซื่อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ หลิวชิงซวี่ครุ่นคิด ก่อนสลัดความอยากรู้อยากเห็นในสมองออกไป การที่พวกเขาออกจากเมืองหลวง ไม่ใช่เพียงแค่หลบหนีจากศัตรู แต่นางยังต้องระวังไม่ให้คนของหลิวจิ่งอู่มาจับตัวนางกลับไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วนางก็ตอบตกลงเรื่อง

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 28

    อากาศในตอนกลางคืนของต้นฤดูร้อนไม่ร้อนจัด น้ำในแม่น้ำยังเย็นอยู่บ้าง แต่สำหรับหลิวชิงซวี่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ต่อให้อาบน้ำในฤดูหนาวก็จะรู้สึกหนาวเพียงผิวกาย ไม่ใช่ขั้วกระดูกหลิวชิงซวี่แช่น้ำเย็น ชำระความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ประดับประดาด้วยดวงดาวยามค่ำคืน หากไม่ใช่เพราะมีชายคนหนึ่งนิ่งอยู่ริมฝั่ง ด้วยบรรยากาศเงียบสงบยามค่ำคืน อีกทั้งยังเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งแบบนี้ หลิวชิงซวี่คิดว่าตนเองน่าจะมีความสุขไม่น้อยหลังจากชำระร่างกายใต้น้ำจนหมดจดแล้ว ชายที่อยู่ริมฝั่งก็ยังไม่ขยับตัวไปไหน นางจึงหันกลับไปมองด้วยความหงุดหงิด “นี่ท่านจะมาดูต้นทางให้ข้าหรือจะมาดูข้าอาบน้ำกันแน่?”เยี่ยนซื่อหยวนที่อยู่ริมฝั่งก็ยืนหันหน้าเข้าหาแม่น้ำ เหมือนกำลังมองดูท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ คล้ายว่ากำลังชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามของแม่น้ำในยามราตรี เมื่อได้ยินเสียงไม่พอใจของนาง เขาก็พูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม “มีส่วนไหนบนร่างกายของเจ้าที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นหรือ?”หลิวชิงซวี่หมดคำจะพูด นางพูดออกไปเสียขนาดนั้นแล้ว แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ยังมีหน้ายืนดูนางอาบน้ำอยู่ล่ะ?แต่สิ่งที่ทำให้นางโกรธจน

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 27

    ก่อนที่เขาจะขึ้นครองราชย์ เสด็จอาเล็กมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ตาย! หรือไม่ก็มอบสมบัติที่เสด็จปู่ทิ้งเอาไว้ให้!……ภายในหมู่บ้านที่ห่างไกลหลิวชิงซวี่วางตะเกียบลง นางมองไปยังท้องฟ้าด้านนอก ก่อนกวาดสายตามองรอบเรือนแห่งนี้ ในที่สุดนางก็เอ่ยปากถามชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างอดไม่ได้ว่า “ในเมื่อพวกเราเสียเงินเช่าเรือนในหมู่บ้านแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ชอบบ้านที่มันกว้างกว่านี้ล่ะ?”นางไม่ได้รังเกียจที่สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ แต่บ้านที่มีเพียงห้องนอนเดียวนั้นมันเล็กไปจริง ๆ ! เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นหญิงชรา หลังจากที่นายท่านซื่อมอบเงินให้นางแล้ว หญิงชราคนนั้นก็ย้ายไปอยู่บ้านของลูกชายลูกสะใภ้อย่างมีความสุขทันที ลูกสะใภ้ของหญิงชราคนนั้นมีชื่อว่าซานเหนียง ซึ่งอาหารทั้งหมดซานเหนียงเป็นคนทำมาให้พวกเขาทาน หมอนและที่นอนที่อยู่ในห้อง ซานเหนียงก็เป็นคนเปลี่ยนให้พวกเขาใหม่ทั้งหมดพวกเขามาอาศัยที่นี่เพราะพวกเขาถูกสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากเมือง และเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ที่สะกดรอยตาม นางกับนายท่านซื่อจึงลงจากรถม้าอย่างลับ ๆ และมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ส่วนเจียงจิ่วกับอวี๋ฮุยก็ขับรถม้ามุ่งลงทางใต้ต่อไป เ

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 26

    หลิวชิงซวี่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะช่วยเหลือนางมากมายขนาดนี้ นอกจากนี้นางก็รู้สึกซาบซึ้งมากยิ่งขึ้นด้วย “เจียงจิ่ว ขอบคุณมากนะ”เจียงจิ่วขยิบตาให้กับเจ้านายของตนเอง “คุณหนูหลิว นี่คือคำสั่งของนายท่านซื่อ หากท่านอยากจะขอบคุณก็ควรไปขอบคุณนายท่านซื่อดีกว่า”หลิวชิงซวี่มองไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนเม้มริมฝีปากขึ้นอย่างกระดากอาย “คิดไม่ถึงเลยว่านายท่านซื่อจะรอบคอบเช่นนี้…”เยี่ยนซื่อหยวนพูดตัดบทนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากับเจ้าคำนับฟ้าดินด้วยกันแล้ว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า”หลิวชิงซวี่รู้สึกอึดอัดมาก นิ้วหัวแม่เท้าของนางแทบจะหงิกงอหมดแล้วหากเป็นไปได้นางก็อยากจะพูดเปิดอกกับเขาว่า พวกเขาไม่เหมาะสมกันเลยไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของนาง เพียงแค่นิสัยของพวกเขาก็แตกต่างกันมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่านิยม ทัศนคติ อุดมคติชาตินี้นางอาจจะแต่งงานกับใครสักคน แต่ต่อให้แต่งงาน นางก็ไม่น่าจะแต่งงานกับคนเช่นนี้สิ? ใบหน้าที่เย็นชาอยู่ตลอดนั้น เหมือนนางเป็นคนไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเขามาอย่างไรอย่างนั้น นางนึกภาพออกเลยว่าหากต้องใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ นางจะต้องปวดหัวมากขนาดไหนสิ่งที่

  • กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก   บทที่ 25

    ป้าฮุ่ยก็ไม่ได้เร่งเร้านาง เพียงแต่ช่วยเก็บจานที่อยู่บนโต๊ะอย่างเงียบเชียบ สุดท้ายหลิวชิงซวี่ก็ลุกขึ้นจากนั้นนางก็เดินไปที่ประตูหลัง นางเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่จริง ๆ ก่อนจะมองชายสองคนที่สวมหมวกผ้าสักหลาด หนวดเครารกรุงรังกำลังนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับอย่างพินิจพิเคราะห์ นางเกือบหลุดขำออกมาแล้ว “ทำไมพวกเจ้าต้องแต่งตัวเช่นนี้ด้วย?”เจียงจิ่วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูหลิวขึ้นรถม้ามาก่อนเถอะขอรับ พวกเราค่อยคุยกันระหว่างทาง”หลิวชิงซวี่ไม่คิดอะไรมาก นางสาวเท้าขึ้นรถม้า จากนั้นก็เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเข้าไปด้านในสายตาทั้งสี่สอดประสาน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถม้ายังคงเย็นชาเช่นเดิม ดวงตาสีดำขลับลึกล้ำยากคาดเดา เหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถดึงดูดสายตาเขาได้ แต่นางไม่ได้เมินเฉยเหมือนเมื่อก่อน หลังจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางกายแล้ว ต่อให้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจกลับสับสนวุ่นวาย “เอ่อ…บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” นางลงที่ฝั่งตรงข้ามของเขา ก่อนแสร้งถามด้วยความเป็นห่วง แต่ในใจกลับกล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเขาเอง หากเขามีมนุษยธรรมและสามารถควบคุมตัวเองได้ บาดแผลก็จะไม่เปิดเช่นนั้น “ไม่เป็นไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status