อาเฟยครุ่นคิดคล้ายกับความรู้สึกเบื้องลึกในใจว่าตนนั้นคุ้นเคยกับการออกคำสั่งและกลุ่มคนจำนวนมากเช่นนี้ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยสัมผัสเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหน
“ฮวาเอ๋อร์ แล้วเจ้าจะเอาสิ่งใดมาเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าจะให้ผู้ใดเป็นหัวหน้าสายข่าวอย่างที่เจ้ากล่าวมา”
คำถามของอาเฟยคล้ายกับต้องใจผู้ใดหลายคน เหล่าคนงานจึงพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าต้องขอดูผลงาน ข้ามีเงินกองกลางให้สำหรับการหาข่าวที่คิดว่าสำคัญห้าร้อยตำลึงทอง โดยให้ผู้ดูแลหอประมูลแจกจ่ายให้ในส่วนของข่าวที่ได้มา จ่ายมากหรือน้อยไม่สำคัญ แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือข่าวทั้งหมด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ข้าก็ต้องการ”
เหอหลันฮวาบอกความต้องการของนางทั้งหมดในส่วนของหอข่าวสาร บ่าวไพร่และคนงานรวมถึงคนดูแลหอพยักหน้ารับและสัญญาว่าจะทำตามคำสั่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
หลังจากที่จัดการและแจกแจงเรื่องงานเรียบร้อยแล้ว นางจึงสั่งให้คนดูแลทั้งโรงน้ำชาและหอประมูลเรียกหลงจู๊ร้านค้าทั้งหมดมาพบนางและสามี รวมทั้งให้เอาบัญชีของร้านทั้งหมดมาด้วย
เมื่อได้พบปะพูดคุย เหอหลันฮวาจึงชวนอาเฟยไปที่โรงค้าทาสเพื่อหาซื้อบ่าวไพร่เพิ่ม
“เจ้า เจ้าจะซื้อบ่าวไพร่เพิ่มหรือ ข้าว่าเท่าที่มีก็น่าจะพอ”
อาเฟยไม่เข้าใจในความคิดของฮูหยินตน ในเมื่อบ่าวไพร่ในจวนก็พอมี ร้านค้าต่าง ๆ จำนวนบ่าวไพร่และคนงานก็พอแล้ว
“ท่านพี่ ต่อให้เราสองคนอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบเยี่ยงไร ข้าเชื่อว่าคนที่ต้องการทำลายเราสองคนย่อมต้องไม่หยุด ข้ารู้ว่าท่านมีความสามารถด้านการต่อสู้ แต่ท่านไม่ใช่บ่าวตัดฟืนอีกแล้วนะเจ้าคะ ท่านเป็นสามีของข้า จึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเอง อีกทั้งตัวท่านยังไม่มีบ่าวข้างกาย ข้าไม่อยากให้สามีของข้าน้อยหน้าผู้ใดเจ้าค่ะ”
เหอหลันฮวานางไม่คิดที่จะปิดบังความคิด นางมองว่าต่อให้นางคิดแก้แค้น แต่คนพวกนั้นจะยอมหยุดหรือไม่ ในเมื่อนางกวาดเอาสินเดิมมาจนหมด ในส่วนทรัพย์สินของพี่ชายทั้งสอง ฮูหยินรองและเสนาบดีเหอไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้อง
ไม่ว่าเรื่องอันใดอาเฟยไม่คิดที่จะขัดฮูหยินของตน จึงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะประคองนางด้วยความรักเดินมาที่รถม้าและมุ่งหน้าสู่โรงค้าทาส
เมื่อเข้ามาในตรอกโรงค้าทาส อาเฟยจับมือภรรยาไว้แน่น เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่น่าชวนมอง ทาสบางคนที่โดนจับมาเมื่อเกิดการต่อต้านจะถูกทุบตี ซึ่งไม่ต่างจากเขาในอดีต
และเขาเองเหมือนเจอกับสวรรค์ วันที่หมดหวังและจนอยู่กับสถานที่ไม่ต่างจากสัตว์เช่นนี้ และยังหมดหวังกับความทรงจำที่หายไป เขาแทบจะไม่อยากมีชีวิตรอดต่อไป จนวันที่เหอหลันฮวาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้พร้อมบ่าวคนสนิท และได้สบตากับนางเข้า จวบจนนางตัดสินใจซื้อเขากลับไป ทำให้เขาคิดไว้ว่าจะทำงานถวายชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะจับพลัดจับผลูมาเป็นสามีของนางแทน
“สวัสดีขอรับนายท่าน ฮูหยิน ไม่ทราบว่าต้องการทาสแบบไหนขอรับ”
เจ้าของแต่ละร้านต่างเมียงมองและส่งเสียงเรียกเหอหลันฮวาและอาเฟยเพื่อสอบถามว่าต้องการทาสไปใช้งานในส่วนใด
“ข้าและท่านพี่ขอเดินดูก่อนก็แล้วกัน แล้วจะมาแจ้งว่าต้องการทาสคนใด”
เหอหลันฮวาขอเดินดูก่อน หากแจ้งความประสงค์ไป กลัวว่าจะเอาทาสที่นางไม่ต้องการมา
อาเฟยเห็นด้วยกับนาง สองสามีภรรยาจึงจับจูงมือเดินดูตามกรงขังทาสของแต่ละร้าน จนมาถึงกรงขังกรงหนึ่งที่ขังทาสไว้ประมาณสามถึงสี่คน รูปร่างกำยำสายตาแน่วแน่คล้ายกับไม่ใช่ทาส
แต่พอทั้งสี่คนเห็นหน้าของอาเฟย จึงรีบเดินมาเกาะลูกกรงไม้และมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่แววตานั้นกลับปนไปด้วยความดีใจ
เมื่อสายตาของอาเฟยปะทะเข้ากับหนึ่งในนั้น ทั้งสี่จึงคุกเข่าข้างหนึ่งให้เขาคล้ายกับองครักษ์ที่ทำความเคารพเจ้านาย จนอาเฟยตกใจจนผละถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เจ้าของร้านทาสแห่งนี้คิดว่าทาสทั้งสี่จะทำร้ายลูกค้า จึงเดินเข้ามาเตรียมจะยื่นแซ่เข้าไปฟาดให้หลาบจำ แต่กลับโดนอาเฟยส่งเสียงห้ามไว้ทัน
“หยุด นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร คนพวกนี้ไม่ได้ทำร้ายข้าและฮูหยิน สี่คนนี้ราคาเท่าไร ข้าต้องการซื้อทั้งหมด”
เหอหลันฮวาแม้จะแปลกใจ แต่คิดว่าในอดีตท่านพี่ของนางเคยอยู่สถานที่แห่งนี้ อาจจะรู้จักมักคุ้นกับทั้งสี่คนนี้เป็นอย่างดีเลยคิดจะซื้อกลับไป และเท่าที่ดูหน่วยก้านและท่าทาง ทั้งสี่คนน่าจะรู้วรยุทธ์ไม่น้อย โดยที่เหอหลันฮวาไม่รู้เลยว่าถ้าไม่เพราะเรื่องในอดีต ทาสทั้งสี่คนนี้คงไม่ยอมโดนจับตัวง่าย ๆ เป็นแน่
“ขอบคุณขอรับ นายท่าน ฮูหยิน”
ทาสทั้งสี่ตอบรับและกล่าวขอบคุณพร้อมกัน ท่าทีตอบสนองและเห็นอาการเหล่านี้นั้น ยิ่งทำให้เหอหลันฮวาแปลกใจยิ่งนัก คล้ายกับทั้งสี่คนเคยอยู่ในกองทัพและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าในอดีตจะเป็นผู้ใดหรือเคยรับใช้ผู้ใดมาก่อนนางไม่สนใจ ขอเพียงหลังจากนี้ไปดูแลสามีนางให้ดีก็พอ
จากนั้นเหอหลันฮวาและอาเฟยเดินเลือกซื้อทาสอีกจำนวนไม่น้อย ราคาค่างวดที่ต้องจ่ายไปกับการซื้อทาสนั้นเกือบห้าร้อยตำลึงเงิน แต่ว่าจะจ่ายไปเท่าใด เหอหลันฮวานางไม่สนใจขอเพียงทาสที่ซื้อมาไม่หักหลังครอบครัวนางก็พอ
เหอหลันฮวาและอาเฟยรวมถึงหลันจิงขึ้นรถม้ากลับจวน ส่วนทาสที่ซื้อมาทางโรงค้าทาสมีเกวียนเทียมวัวไปส่ง ไม่นานทั้งหมดจึงกลับมาถึงจวน
เมื่อมาถึงทาสทั้งหมดมาอยู่รวมตัวกันจนครบ เหอหลันฮวาจึงให้พ่อบ้านออกมากล่าวเรื่องกฎของจวนให้ทุกคนทราบเพื่อจะได้ไม่มีผู้ใดทำผิดกฎ
“เอาล่ะ นอกจากนี้ ข้ายังมีเงินเดือนให้กับทุกคน แม้ว่าข้าจะซื้อพวกเจ้ามาเป็นบ่าว แต่เมื่อไหร่ที่พวกเจ้าต้องการชีวิตอิสระก็ให้เก็บเงินมาไถ่ตัวได้ ตามจำนวนเงินที่ข้าซื้อพวกเจ้ามาจากโรงค้าทาส”
เหอหลันฮวาผ่านมาแล้วหนึ่งชีวิตนางย่อมเข้าใจสัจธรรมดี ไม่ว่าผู้ใดย่อมอยากมีชีวิตอิสระ แต่เมื่อชะตาไม่อาจเปลี่ยนได้ ตอนนี้นางจึงทำเพียงต่อชีวิตให้ด้วยการซื้อทุกคนมาจากโรงค้าทาส อย่างน้อยอยู่กับนางย่อมต้องกินอิ่มนอนหลับ
“ตัวข้านั้นไม่ต้องการบ่าวข้างกายเพิ่ม มีเพียงหลันจิงก็พอแล้ว แต่ท่านพี่ของข้ายังไม่มีบ่าวและองครักษ์ข้างกาย ดังนั้น ข้าจะให้ท่านพี่เลือกด้วยตนเอง”
หญิงสาวหันไปยิ้มให้อาเฟยอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าบ่าวคนใดย่อมต้องดูออกว่านายท่านและฮูหยินนั้นรักกันมากเพียงใด
และเป็นไปอย่างที่เหอหลันฮวาคิด อาเฟยเลือกทาสทั้งสี่คนที่ชายหนุ่มเลือกมาด้วยตนเอง
“พวกเจ้ามีชื่อแซ่หรือไม่”
อาเฟยถามทาสที่เปลี่ยนมาเป็นบ่าวและองครักษ์ของตนเองทั้งสี่คน ความรู้สึกข้างในบอกเขาว่า เขาคุ้นเคยกับทั้งสี่คนเป็นอย่างดี เพียงแต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่า ความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนี้มีได้อย่างไร
“ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าสามคนนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่พวกข้ามาจากที่เดียวกันขอรับ พวกเราทั้งหมดเคยใช้แซ่จื่อ ข้ามีนามว่าจื่อหลงขอรับ”
คล้ายกับคนเป็นพี่ใหญ่กล่าวขึ้น จากนั้นคนที่เหลือจึงเอ่ยชื่อของตนเองมาตามลำดับ
“ข้ามีนามว่าจื่อกวง”
“ข้ามีนามว่าจื่อโหว”
“ข้ามีนามว่าจื่อหู”
อาเฟยยิ่งได้ยินชื่อของทั้งสี่คน ชายหนุ่มยิ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินชื่อทั้งสี่จากที่ไหนมาก่อน แต่นึกเท่าไรกลับนึกไม่ได้
เมื่อกลุ่มของสี่พี่น้องจื่อเอ่ยนามของตนเรียบร้อยแล้ว บ่าวไพร่คนอื่นต่างก็บอกให้เจ้านายตั้งชื่อใหม่ให้ จากนั้นเหอหลันฮวาและอาเฟยจึงกลับมาที่เรือนหลักของตน โดยมีพี่สี่พี่น้องแซ่จื่อตามมาด้วย
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ