บทที่ 4 บาดแผลในใจ
วันต่อมา
พราวดาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน เรียวแขนเล็กยื่นออกมาจากผ้าห่ม เธอบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้า ทว่า ณ ตอนนั้นโทรศัพท์มือถือกลับส่งเสียงร้องดัง จนเธอรู้สึกรำคาญที่มีคนโทร. มารบกวนเวลานี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานทักทายไป
“ค่า~”
(คุณพราวคะ เอ่อ...คุณท่านไม่สบายค่ะ จะมาเยี่ยมไหมคะ)
เสียงสั่นเครือของหญิงชราร่างท้วมตอบกลับมาทำเอาพราวดาวหยุดชะงัก เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับ
“พราวไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เผลอ ๆ อาการจะแย่ลงด้วยซ้ำค่ะป้า พ่อเกลียดหนูจะตาย พ่อคงไม่อยากเห็นหน้าพราวหรอก”
(แต่คุณท่านเพ้อหาคุณพราวตลอดเลยนะคะ)
“...”
(มาหน่อยนะคะ มาเจอกันหน่อย ป้าเองก็คิดถึงคุณพราวมาก ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายเดือนแล้ว)
“...” พราวดาวเงียบไปพักใหญ่อย่างใช้ความคิด “โอเคค่ะ งั้นพราวจะเข้าไป”
(คุณพราวจะทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวป้าทำไว้รอ)
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ พราวคงไป...ไม่นานนัก”
(อ๋อ...ได้ค่ะ)
เมื่อพูดจบพราวดาวก็เป็นฝ่ายกดวางสายก่อน หญิงสาวพรูลมหายใจออกราวคนกำลังแบกโลกทั้งใบไว้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกอึดอัดและจุกแน่นที่หน้าอก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องไปเจอหน้าพ่อ
“เฮ้อ...”
เบื้องหลังชีวิตที่แสนสวยงามกลับไม่ได้งดงามอย่างที่คนอื่นเห็นเสมอไป และคนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีก็คงจะเป็นแฟรงค์ หากเขาจะหักหลังเธอ ป่านนี้พราวดาวก็คงเป็นแค่พริตตีล้างรถ หรือไม่ก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่มีป๋า ๆ ให้ทิปหนัก ๆ
“เฮ้อ เกิดเป็นอีพราวนี่มันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ เลยสินะ” ร่างเล็กคู้ไหล่ลงจนไม่มีความสง่างาม ทำใจอยู่พักใหญ่แล้วจึงไปเปลี่ยนชุดเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่บ้าน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
พราวดาวสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เธอแหงนมองประตูบ้านครู่หนึ่งแล้วเดินเข้ามาด้านใน ทุกคนในบ้านยังให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแม่นมที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เท้ายังแดง ๆ
“คุณพราว...” น้ำเสียงสั่นเครือของแม่นมดังขึ้น พราวดาวหันไปมองแทบจะทันทีพร้อมกันเดินเข้าไปหา “ดูสิคะ คุณพราวของป้าโตขึ้นเยอะเลย”
“สบายดีไหมคะ”
“สบายดีค่ะ ป้าคิดถึงคุณพราวมาก ๆ เลย ตั้งแต่คุณพราวออกไปจากบ้าน บ้านหลังนี้ก็เงียบเหงามาก ๆ”
“ค่ะ พราวเข้าใจ บ้านหลังนี้มันเงียบเหงาตั้งแต่แม่เสียแล้วค่ะ” เธอคลี่ยิ้มบาง ๆ “แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“ท่านอยู่บนห้องค่ะ คุณพราวขึ้นไปเลยไหมคะ”
“ท่านหลับอยู่หรือเปล่าคะ”
“ป้าว่าท่านน่าจะตื่นแล้วค่ะ”
หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นแรงอย่างหนัก จนเธอต้องยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกข้างซ้าย
“ไปเยี่ยมพ่อดีกว่าค่ะ”
“เชิญค่ะ” แม่นมนำทางเธอไปชั้นสอง เท้าเล็กทั้งสองข้างหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ หัวใจเธอยิ่งเต้นแรง มือไม้สั่นเทาเมื่อแม่นมเปิดประตูห้อง เธอก้าวเข้ามาด้านใน และเดินไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่
“คุณพ่อ...เป็นยังไงบ้างคะ”
“...”
“พราวได้ข่าวจากป้าว่าพ่อไม่สบาย เลยมาเยี่ยมค่ะ” คำถามที่เอ่ยถามไปไร้ซึ่งคำตอบจากคนที่นอนอยู่บนเตียง กำลังใจและความหวังเล็ก ๆ ในใจริบหรี่
“แกมาทำไม ฉันยังไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
“พราวเป็นห่วงค่ะ คุณพ่อไปหาหมอบ้างหรือยะ...”
“กลับไป!”
ไม่ทันที่พราวดาวจะได้เอ่ยถามจบประโยค คำพูดที่ทำเอาหัวใจดวงน้อยหล่นไปอยู่ตาตุ่มก็ดังขึ้น
“กลับไปอยู่ในที่ของแก ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“พราวไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้พ่อหายโกรธ หากย้อนเวลาได้ พราวจะพาแม่กลับมาหาพ่อ”
“ฉันบอกให้ออกไป!!”
“...” พราวดาวยืนตัวแข็งทื่อกับเสียงตะคอกของผู้เป็นพ่อ เท้าเล็กก้าวถอยหลังอัตโนมัติ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกมาจากห้องนอนพ่อด้วยอาการหวาดกลัว
“คุณพราว! คุณพราวคะ...”
“ออกไป!” เสียงเข้มเอ่ยไล่แม่บ้านอีก
พราวดาววิ่งมาขึ้นรถในสภาพใบหน้าเปียกปอนด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับมีคนตีกลองอยู่ในนั้น
‘เพราะแก แม่ถึงตาย เพราะแกคนเดียว ลูกเลว แกพรากคนรักไปจากฉัน...’
คำพูดที่มันฝังลึกในก้นบึ้งหัวใจผุดขึ้นมาในหัว น้ำเสียงและแววตาของพ่อยังติดตรึงอยู่ที่ปลายตาของเธอ บาดแผลที่ไม่มีใครรักษามันหาย...
“ถ้าเลือกได้ หนูจะขอให้แม่กลับมา...ขอให้แม่กลับมาหาพ่อ”
ตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ