Share

กระตุกหนวดเสือ

Author: Midzilee01
last update Last Updated: 2025-01-03 15:28:29

สามวันมานี้หนิงฮวาได้ยินบ่าวไพร่พูดเรื่องของท่านแม่ทัพกับฮูหยินรองอยู่ทุกวัน บางคนก็ว่าคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ อีกไม่นานคงจะมีคุณหนูคุณชายวิ่งกันเต็มจวน

บางครั้งนางก็ต้องได้ยินว่าบ่าวไพร่ต่างพากันอิจฉาฮูหยินรอง ท่านทั้งสองพบกันราวพรหมลิขิต ได้ไปพบรักขณะที่ไปรบ และร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนานนับปี

แม้ฮูหยินรองจะมิใช่ลูกของผู้มีอำนาจ แต่ท่านแม่ทัพกลับแต่งฮูหยินรองเข้าจวนมาไล่เลี่ยกับฮูหยินเอก แถมดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพจะรักฮูหยินรองมากกว่าฮูหยินเอกที่ถูกผู้ใหญ่บังคับหมั้นกันตั้งแต่เยาว์วัย 

ทหารยามที่เฝ้าอยู่บริเวณเรือนของฮูหยินเอกก็พูดกันว่า เมื่อยามที่ท่านแม่ทัพมานอนค้างที่เรือนของฮูหยินเอก มันไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ร้อยวันพันปีเท่านั้นจึงจะได้ยิน

หนิงฮวาได้ยินคำพูดเหล่านี้มาโดยตลอด เพียงแต่นางไม่อยากถือสาเอาความ นางคงไม่สามารถห้ามปากและความคิดของผู้ใดได้  สิ่งที่เขาพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น หลายสิ่งที่พวกเขาพูดมาล้วนเป็นความจริง

นางมิใช่คนที่อ่อนหวานและขี้เอาใจแบบฮูหยินรอง นางเติบโตมาอย่างบุตรสาวของขุนนาง การแสดงออกแต่ละอย่างควรสง่างาม มิควรทำสิ่งใดประเจิดประเจ้อจนเป็นที่นินทา

"ฮูหยินอย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาเลยนะเจ้าคะ" ซิงอีได้แต่กุมมือของผู้เป็นนายแน่น ก่อนจะสาดน้ำออกไปทางหน้าต่าง ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยออกมา

"หุบปากเน่าๆของพวกเจ้าไปซะหากยังอยากมีลิ้นไว้พูดอยู่!" ซิงอีเดินมาที่หน้าต่างก่อนจะชี้หน้าด่าบ่าวไพร่ในจวนที่กำลังนินทาเจ้านายของตน ก่อนจะปิดหน้าต่างเสียงดังสนั่น

โชคดีที่หนิงฮวามีสาวใช้อย่างซิงอี เพราะไม่ว่านางจะโกรธนางก็ไม่อยากที่จะไปด่าหรือว่าใคร ตั้งแต่เด็กนางอาจจะเป็นคนที่เอาแต่ใจบ้าง แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ร้ายกาจ นางมักใช้ความเงียบให้ได้สิ่งที่ต้องการ

เมื่อนางยังเยาว์วัย นางอยากกินขนมตังเมดอกไม้ ท่านพ่อก็จะหามาให้ นางชอบขนมนี้มากเสียจนอยากได้มากินในทุกวัน แต่ท่านพ่อเป็นห่วงสุขภาพของนาง จึงไม่ยอมซื้อให้ หนิงฮวาในวัยเยาว์จึงใช้ความเงียบในการประท้วงท่านพ่อ

นางทำตัวปกติทุกอย่าง ท่านพ่อให้กินข้าวนางก็กิน ให้นอนนางก็นอน เพียงแต่มิยอมปริปากคุยกับท่านพ่อสักคำ จนในที่สุดเสนาบดีไป๋ก็พ่ายแพ้ให้กับลูกสาว ถึงกับยอมซื้อขนมตังเมดอกไม้มาให้นาง จนนางกินแทบไม่หมด

"ขอบใจเจ้าที่คอยเป็นห่วงข้าอยู่เสมอ" 

หนิงฮวากล่าวอย่างอ่อนโยน ซิงอีมิใช่เพียงสาวใช้ แต่นางเป็นดั่งน้องสาวคนสำคัญที่คอยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางเสมอ

"ไม่ให้ซิงอีห่วงท่าน แล้วจะให้ซิงอีห่วงใครล่ะเจ้าคะ คุณหนูโปรดอย่าเศร้าไปมากกว่านี้เลยเจ้าค่ะ ทำตามใจตนเองบ้างเถิด ซิงอีเห็นคุณหนูเป็นเยี่ยงนี้แล้วเจ็บหัวใจยิ่งนักเจ้าค่ะ"

หนิงฮวาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาเบาๆ นางคิดว่านางเก็บอารมณ์ได้ดีแล้ว แต่มันคงไม่สามารถรอดพ้นสายตาของซิงอีไปได้สินะ..

"ข้าจะพยายาม"

ยามอู่ซิงอีได้มาที่โรงครัวเพื่อนำโสมมาตุ๋นเป็นยาไปให้หนิงฮวาผู้เป็นนาย นางหวังว่าสมุนไพรจะทำให้ฮูหยินของนางแข็งแรงและสดชื่นขึ้น ขณะที่ซิงอีถือโสมอยู่ในมือ ซือซือสาวใช้คนสนิทของฮูหยินรอง ก็รีบวิ่งมาแย่งโสมไป ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน

"นี่ซือซือ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ กล้าดีอย่างไรมาแย่งโสมฮูหยินของข้า" 

"เจ้านั่นแหละปล่อยมือ ยามนี้ฮูหยินรองของข้าป่วยไข้ โสมนี้จะต้องให้ฮูหยินของข้า!" ทั้งสองฉุดกระชากกันไปมาอย่างรุนแรง ซิงอีจึงปล่อยมือออก ทำให้ซือซือเสียหลักล้มลงไปกองอยู่กับพื้น  

ซิงอีหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะแย่งโสมในมือของซือซือคืนมา และเริ่มนำมาประกอบเมนูไก่ตุ๋นโสมเพื่อที่จะนำไปให้หนิงฮวาผู้เป็นนาย ซือซือจึงรีบลุกและเดินออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

ซิงอีใช้เวลาอยู่ในห้องครัวประมาณหนึ่งชั่วยาม ไก่ตุ๋นโสมก็เสร็จได้ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ นางตักน้ำซุปร้อนๆใส่ถ้วยลายครามอย่างปราณีตและบรรจง นางยิ้มอย่างภูมิใจในผลงานของตัวเอง

ขณะที่นางกำลังจะยกสำรับออกจากครัว ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า ฮูหยินรองกำลังยืนขวางประตูอยู่โดยที่มีซือซือยืนอยู่ข้างหลัง ซิงอีค้อมศรีษะเคารพฮูหยินรองก่อนจะขอตัวเดินออกมา แต่ทว่านางกลับมิยอมหลีกทางให้

"ไก่ตุ๋นโสมถ้วยนี้ช่างน่ากินยิ่งนัก ข้าขอได้หรือไม่"ฮูหยินรองเอ่ยขึ้น 

"เรียนฮูหยินรอง เกรงว่าซุปถ้วยนี้จะให้ท่านไม่ได้ ซิงอีต้องนำมันไปมอบให้ฮูหยินเอกที่เรือน หากฮูหยินรองอยากได้ข้างในหม้อยังมีเหลือเยอะเลยเจ้าค่ะ" แม้ซิงอีจะได้แต่ก้มหน้าแต่นางก็พูดอย่างหนักแน่น 

"เช่นนั้นรึ" เมื่อพูดจบหลิวลี่ถังก็ปัดสำรับที่ซิงอีถืออยู่ทันที น้ำซุปที่กำลังร้อนก็ลวกเข้าไปที่มือของซิงอีอย่างจัง นางได้แต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ซือซือที่ยืนอยู่ข้างหลังก็หัวเราะชอบใจออกมาทันที

"เจ้ากล้าดีอย่างไรมาบอกให้ฮูหยินของข้ากินของเหลือในหม้อ สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว" ซือซือเย้ยหยันซิงอีด้วยความสะใจ 

 ลี่ถังแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับไป โดยที่มีซือซือหัวเราะเยาะก่อนจะหันหลังเดินตามฮูหยินรองไป

ซิงอีก้มหน้าใช้ไหล่เล็กๆเช็ดน้ำตาก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นมา เก็บกวาดเศษถ้วยที่หล่อนกระจายอยู่ที่พื้น นางล้างมือและแขนที่เปื้อนน้ำซุปแม้ปวดแสบปวดร้อนมากเพียงใด นางก็ต้องยกสำรับนี้ไปให้ฮูหยินของนางให้จงได้

ซิงอีตักสำรับใหม่ขึ้นมาอีกชุดก่อนจะค่อยๆเดินมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนที่ฮูหยินกำลังรออยู่ เมื่อมาถึงก็พบว่าหนิงฮวากำลังนั่งรออยู่แล้ว ซิงอีซึงรีบจัดสำรับขึ้นโต๊ะอย่างกระฉับกระเฉง

"เจ้าไปนานมากจนข้าเกรงว่าจะไม่ได้กินเสียแล้ว"หนิงฮวาเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก กับข้าวมื้อนี้ช่างหอมน่ากินยิ่งนัก นางยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นรอยแดงที่มือและแขนของซิงอี 

"มือเจ้าไปโดนอะไรมา" หนิงฮวาถามด้วยความเป็นห่วง เหตุใดซิงอีของนางจึงดูไม่ร่าเริงอย่างเช่นเคย เกิดอันใดขึ้นกันแน่

"ซิงอีเพียงแค่ไม่ทันระวังเลยทำให้น้ำร้อนลวกเจ้าค่ะ" ซิงอีได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้น หนิงฮวาใช้สายตากวาดมองอย่างละเอียดจึงรู้ได้ว่าซิงอีกำลังโกหก

"เงยหน้าขึ้นมามองหน้าข้า แล้วพูดมาว่ามือของเจ้าไปโดนอะไรมา" หนิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาบรรยากาศโดยรอบเย็นวาบขึ้นมาทันที เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถโกหกผู้เป็นนายได้ ซิงอีจึงยอมเล่าความจริงทั้งหมดให้หนิงฮวาฟัง

เมื่อหนิงฮวาฟังจบ นางก็ไม่ยอมพูดสิ่งใดแต่กลับลุกขึ้นและเดินไปยังเรือนของลี่ถังทันที  ทำร้ายซิงอีก็เท่ากับตบหน้านาง ถ้าหากว่าอยู่กันดีๆไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่!!

ปั้ง!! เสียงประตูเปิดออกดังสนั่น หนิงฮวาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเย็นชา ลี่ถังที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ก็ลุกขึ้นมาคารวะฮูหยินเอก

"ลมอะไรหอบพี่หญิงเข้ามาหรือเจ้าคะ" ลี่ถังพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สีหน้าไม่รู้สึกรู้สา  

หนิงฮวาปัดสำรับบนโต๊ะหล่นแตกกระจาย นางไม่ยอมพูดจา เดินเข้ามาตบหน้าฮูหยินรองทันที หลิวลี่ถังไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักล้มลงนั่งทับน้ำแกงร้อนๆ มือนางก็ถูกเศษถ้วยเศษจานบาดจนเลือดไหล

ซือซือรีบวิ่งเข้ามาประคองผู้เป็นนาย แต่กลับถูกหนิงฮวากระชากผมไว้และใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าของบ่าวตัวต้นเหตุทันที ซือซือใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มทั้งสองข้างเอาไว้ ตอนนี้แก้มทั้งสองของนางถูกตบจนรู้สึกเจ็บแสบ ริมฝีปากก็มีเลือดไหลออกมา

"ข้าคงมิต้องอธิบายการกระทำของข้าหรอกกระมัง หากยังมีคราวหน้าที่เจ้าทำร้ายคนของข้าอีกละก็ อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน"

หนิงฮวาพูดด้วยความอาฆาต แม้นางจะไม่ชอบหน้าของฮูหยินรอง นางก็ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายหรือกลั่นแกล้งอะไรทั้งนางและคนของนาง แต่ลี่ถังกลับกล้ามาเหยียบจมูกนางเช่นนี้ นางก็คงจะไม่ยอมอยู่เฉยให้คนของนางถูกรังแกง่ายๆเช่นกัน!

"ซิงอี กลับ!!" หนิงฮวาสบัดชายผ้าเดินออกไปทันที บ่าวไพร่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างพากันก้มหน้าหมอบลงกับพื้นทันที จนฮูหยินเอกเดินผ่านไปไกลแล้วจึงกล้าเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาต่างรอบคิดใจใจว่า ฮูหยินรองได้ไปกระตุกหนวดเสือเข้าเสียแล้ว จากนี้ไปจวนคงลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   จบบริบูรณ์

    ขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นผืนผ้าใบที่มีเฉดสีอบอุ่นอย่างสีส้ม แดง และชมพู อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สายลมเอื่อย ๆ พัดผ่านต้นไม้ใบหญ้า เสียงนกร้องและจิ้งหรีดร้องแว่วมาแต่ไกลหนิงฮวานั่งจมอยู่ในห้วงความคิด จิตใจของนางล่องลอยไปยังที่แสนไกล ฉินอ๋องหายหน้าไปสามเดือนแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเขาจากไปเลยโดยที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา หนิงฮวาได้แต่คิดถึงเหตุการณ์วันนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน หากนางไม่พูดเช่นนั้นออกไป ตอนนี้จะเป็นเช่นไร.. มันจะต่างจากตอนนี้หรือไม่อย่างน้อย นางก็ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต แม้จะเป็นเพียงสหายกันก็ยังดี ป่านนี้ฉินอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงนางบ้างหรือไม่ หรือตอนนี้เขาเปลี่ยนใจจากนางไปแล้ว หัวใจของนางปวดร้าวเมื่อนึกถึงหน้าของฉินอ๋อง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีผลต่อความรู้สึกของนางเช่นนี้ "เขาคงไม่มาแล้วจริง ๆ" หนิงฮวาถอนหายใจและหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม นางรู้ว่านางต้องละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อฉินอ๋องและเดินหน้าต่อไป พูดง่ายแต่ทำยากยิ่งนางจะสามารถตัดใจจากคนที่ดีกับนางมาตลอดได้อย่างไร เขาและนางมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   ไม่หวนคืน

    ณ จวนสกุลหยางสุริยันปรากฎจันทราลับ คิมหันต์เหมันต์ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน สองปีแล้วที่เจ้าจากไป หยางซีซวนนั่งเหม่อลอยอยู่ใต้ต้นเหมยที่เขาและหนิงฮวาเคยปลูกร่วมกันเมื่อวัยเยาว์ สายตาเศร้าหมองทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย สีหน้านิ่งเฉยเสมือนคนที่ไร้ซึ้งความรู้สึก ราวกับว่ามันเป็นคำสาปจากนาง ซีซวนใช้ชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิด และความคะนึงหาราวกับร่างไร้วิญญาณหลิวลี่ถังที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอดถอนหายใจ ปีที่สองหลังจากหนิงฮวาจากไป หลิวลี่ถังก็ยังคงเป็นเพียงฮูหยินรองที่ทำหน้าที่ของฮูหยินเอก แม้ว่าหนิงฮวาจะจากไปแล้วก็ตาม ที่ตรงนั้นยังคงเป็นของนางเสมอมาหลิวลี่ถังคอยดูแลหยางซีซวนที่ตอนนี้กลายเป็นคนวิกลจริต เขาจำต้องพ้นสภาพของแม่ทัพเพราะไม่สามารถควบคุมสติหรืออารมณ์ได้ภาระหน้าที่ต่างๆภายในจวนจึงตกมาเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่หยางซีซวนเริ่มเสียสติ บรรดาบ่าวไพร่ก็ต่างพากันหนีหายไป บ้างก็ขโมยทรัพย์สินของมีค่าไปขาย ไม่ว่าจะเป็นแจกันหรือถ้วยชาม ล้วนถูกขโมยไปทั้งสิ้นจวนสกุลหยางที่ไร้ซึ่งหยางซีซวนคอยปกครองบรรยากาศนั้นดูอึมครึมและเงียบเหงา ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน หลิวลี่ถังอดทนดูแลเขามาเป

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   ในใจข้ามีเจ้ามาโดยตลอด

    สองปีต่อมาดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ ส่องแสงอันอบอุ่นเหนือโลกเบื้องล่าง ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยเฉดสีชมพูและส้ม อากาศสดชื่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่หนิงฮวาตื่นมารดน้ำแปลงผักตั้งแต่เช้า นางปลูกผักมากมายหลายชนิด ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้กินเอง และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปขายในตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วซิงอีเป็นคนนำผักและสมุนไพรที่เก็บได้ไปขาย อันที่จริงไม่ใช่ว่านางไม่มีสมบัติติดตัวเลย บิดาของนางมาหาเดือนละครั้ง และทุกครั้งที่มาก็มักจะนำเงินทองและสมบัติมากมายมาให้ รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับซึ่งภายหลังนางก็ปฏิเสธไปบ้างเพราะในบ้านไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับสิ่งของฟุ่มเฟือยเช่นเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าส่วนข้าวสารอาหารแห้งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญหนิงฮวาก็จะรับไว้ด้วยความยินดี "เจ้าตื่นเช้าเสียจริง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานเดี๋ยวข้าจะทำเอง" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามาแย่งบัวรดน้ำออกไปจากมือหนิงฮวา "ข้าทำเองได้" หนิงฮวาพยายามที่จะแย่งบัวรดน้ำกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล ฉินอ๋องส

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   ชีวิตใหม่

    สามเดือนก่อนสายลมเย็นพัดพาม่านหน้าต่างปลิวไสว ไป๋เฉิงที่นั่งเฝ้าร่างบุตรสาวที่ไม่ไหวติงมาหลายวัน รีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างโดยพลัน อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หากเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ มีหวังบุตรสาวของตนคงไม่หายป่วยเป็นแน่วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่หนิงฮวายังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา นางนอนนิ่งเช่นนี้มาหลายวันแล้ว นับวันร่างกายนางยิ่งซูบผอม หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่ฟื้นกลับขึ้นมาดังท่านหมอได้กล่าวไว้เป็นแน่"หากเจ้ายอมลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด พ่อจะทำให้เจ้าทุกอย่าง.."ไป๋เฉิงได้แต่นั่งภาวนาขอให้หนิงฮวาฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยไม่นานนักร่างกายของหญิงสาวที่นอนนิ่งสนิทไม่ไหวติงมาหลายวันกลับมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย หนิงฮวาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทราอันยาวนาน "ฮวาเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว!!" ไป๋เฉิงดีใจเสียจนนั่งไม่ติด เขาได้แต่ขอบคุณฟ้าดินที่เมตตาบุตรสาวของตน ขอบคุณจริงๆที่นางมีชีวิตอยู่"น้ำ.." หนิงฮวาพยายามเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เสียงของนางแหบแห้งเสียจนฟังไม่รู้ความ"น้ำ..น้ำหรอ เจ้าหิวน้ำใช่หรือไม่" ไป๋เฉิงตาลีตาลานหาเหยือกน้ำมารินใส่แก้วให้หนิงฮวาด้วยความดีใจ ในที่สุดการสวดภาวนาของเขาก็เป็

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   ข้าผิดต่อเจ้า

    "ร้องไห้หรือ เจ้าอย่ามาบีบน้ำตาต่อหน้าข้า มันช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก นับแต่นี้ไป เจ้าอย่าได้คิดจะมาเคารพศพลูกสาวข้า อย่าคิดแม้แต่จะมาเยี่ยมหลุมศพของนาง อย่าแม้แต่จะมาร้องไห้ให้นาง เจ้ามันไม่คู่ควร!!"เมื่อพูดจบไป๋เฉิงก็เดินกลับเข้าไปในจวนโดยไม่หันหลังกลับมามองหยางซีซวนอีกเลย.."ข้าขอร้องท่าน ให้ข้าได้อยู่ในงานศพของนางเถิดข้าของร้องท่านจริงๆ" หยางซีซวนก้มหน้าลงหมอบกับพื้น แต่เสนาบดีไป๋ก็หาได้สนใจไม่ บัดนี้เขารู้ซึ้งแล้วจริงๆ ว่าชีวิตเขาขาดนางไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจของเขาแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ชีวิตจากนี้ที่ไม่มีหนิงฮวาเขาจะอยู่ได้อย่างไร"ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ หนิงฮวาข้าขอโทษข้าผิดไปแล้ว อย่าทิ้งข้าไปนะ ข้าขอร้องอย่าทิ้งข้าไป ข้ายอมเจ้าแล้ว ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง เพราะงั้นลืมตาขึ้นมาสิ เจ้าจะให้ข้าหย่ากับนางข้าก็ยอม หนิงฮวาข้าผิดไปแล้ว"หยางซีซวนร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดนี้มากเกินกว่าที่เขาจะรับไหวหยางซีซวนกลับมายังจวนสกุลหยางของตนอย่างล่องลอย เขาสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องนอนหนิงฮวาทันที เขาภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน เขาเปิดประตูห้องเข้า

  • กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย   ตัดขาดซึ่งความสัมพันธ์

    ณ จวนสกุลไป๋"เปิดประตูจวนเดี๋ยวนี้!!" เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตู เสนาบดีไป๋เฉิงจึงรีบรุดไปดูทันทีว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อเขาวิ่งมาถึงหน้าจวนก็เห็นว่าฉินอ๋องอุ้มลูกสาวตนเข้ามาด้วยท่าทีที่รีบร้อน "นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" เสนาบดีไป๋เอ่ยถามฉินอ๋องด้วยความร้อนใจ"ตามหมอให้ข้าก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน ห้องนางอยู่ที่ใด!!" ฉินอ๋องแผดเสียงดังขึ้น ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาอธิบายสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการห้ามเลือดให้นาง"ซิงอีเจ้ารีบไปตามหมอมารักษาลูกข้า!!" เมื่อพูดจบเขาก็วิ่งนำฉินอ๋องไปยังห้องของหนิงฮวา ฉินอ๋องเห็นเช่นนั้นแล้วจึงได้วิ่งตามบิดาของนางไป"เจ้าค่ะ" ซิงอีได้ยินผู้เป็นนายสั่งเยี่ยงนั้น นางจึงรีบวิ่งออกไปตามหมอมาทันที "ข้าขอผ้าสะอาดหน่อย เร็วเข้า!" ฉินอ๋องพูดขึ้นไป๋เฉิงเห็นโลหิตที่ไหลอาบอาภรณ์ของลูกสาว เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ภาพชายชราที่วิ่งหาผ้ามาเพื่อห้ามเลือดให้ลูกสาวด้วยความรนรานและสั่นเทาช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ยิ่งนัก เสนาบดีไป๋เฉิงยื่นผ้าสะอาดให้กับฉินอ๋องอย่างรวดเร็วฉินอ๋องดึงเศษอาภรณ์ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานออก ก่อนจะนำผ้าพื้นใหม่มา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status