ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางซีซวนเดินออกมาจากพระตำหนักเฟยหลงขององค์ฮ่องเต้ ทั้งคู่เดินผ่านสวนดอกไม้นาๆ พันธุ์มาจนถึงศาลาริมสระบัว
"เกี่ยวกับธนูปริศนาวันนั้น.." หยางซีซวนเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ฉินอ๋องพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"เปิ่นหวางได้ตามสืบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ลูกศรที่ยิงมาในวันนั้นเป็นลักษณะที่มีใบเลื่อยอยู่ด้วย ที่เดียวที่ใช้ลูกศรแบบนี้เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่.."
"ซีอาน!!" หยางซีซวนแทรกขึ้นมาทันที หลังจากที่ฟังฉินอ๋องพูดแล้วลูกศรแบบนี้ก็มีที่ซีอานที่เดียว!
"เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วท่านแม่ทัพ สงครามในครานั้นทั้งลั่วหยางและซีอานต่างก็สูญเสียกันไปมาก แต่ที่สำคัญเลยคือซีอานเสียองค์ชายสามไปกับสงคราม พวกมันคงจะแค้นใจไม่น้อย"
สงครามจบใช่ว่าคนจะจบ อย่างไรเสียฝั่งนั้นก็สูญเสียองค์ชายลำดับที่สามไป สนามรบไม่ปรานีผู้ใด หากได้จับดาบรบแล้ว ไม่เข่นฆ่าเขาก็จะถูกเขาเข่นฆ่า
พวกมันกำลังจะทำตัวเป็นหมาลอบกัด ซึ่งมันก็คงจะไม่แปลก เมื่อหลังชนฝาแล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย หากชนะในสนามรบมิได้ ก็จงชนะนอกสนามรบแทน
หลังจากที่พูดคุยกับฉินอ๋องจบ หยางซีซวนก็กลับมาที่จวน บรรยากาศในจวนเงียบสงัดราวกับเป็นจวนร้าง เหตุใดวันนี้จึงไม่มีเสียงจอแจของบ่าวไพร่กัน
ซือซือที่นั่งรอท่านแม่ทัพอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว นางจึงรีบวิ่งเข้าไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ ช่วยไปดูฮูหยินรองด้วยเถิดเจ้าค่ะ" ซือซือวิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น เมื่อหยางซีซวนได้ยินเช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ เขารีบมุ่งหน้าไปยังเรือนของฮูหยินรองทันที
เมื่อมาถึงหยางซีซวนก็รีบผลักประตูออกและเข้าไปดูอาการของหลิวลี่ถังทันที บัดนี้แก้มข้างขวาของนางช้ำเป็นรอยนิ้ว มือข้างขวาก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผล สร้างความขุ่นเคืองให้เขาไม่น้อย เหตุใดนางจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้!
"ถังเอ๋อร์เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้" เสียงผู้เป็นแม่ทัพดังขึ้น หลิวลี่ถังได้แต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดจา ซือซือจึงเป็นฝ่ายพูดแทนผู้เป็นนาย
"วันนี้ฮูหยินเพียงแค่อยากทานไก่ตุ๋นโสมเจ้าค่ะ จึงไปขอแบ่งจากซิงอีสาวใช้ของฮูหยินเอก แต่นางกับพูดก้าวร้าวและบอกว่าจะมิยอมแบ่งให้ ฮูหยินรองจึงต่อว่าไปเล็กน้อย ซิงอีไม่พอใจจึงเอาน้ำแกงราดตัวเองและไปฟ้องฮูหยินของนางว่า ฮูหยินรองรังแก จากนั้นฮูหยินเอกก็บุกเข้ามาทำร้ายฮูหยินรองจนถึงในเรือน บ่าวก็ถูกตบด้วยเจ้าค่ะหลักฐานก็อยู่นี่แล้ว บ่าวไพร่ในจวนล้วนเห็นว่าฮูหยินใหญ่ทำร้ายร่างกายฮูหยินรองจริงอย่างไร้เหตุผล"
"เจ้าหุบปากเสีย อย่าพูดให้มันมากนัก" หยางซีซวนเอ่ยปรามซือซือเสียงแข็ง เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าหนิงฮวาจะทำอย่างที่ซือซือพูดจริงๆ นางมิใช่คนที่ชอบใช้กำลัง แต่หลักฐานมันก็คาตาอยู่ว่าหลิวลี่ถังถูกทำร้าย
"เจ้าออกไปเสีย" หยางซีซวนเอ่ยไล่ซือซือออกมาจากห้อง เขาต้องการพูดกับหลิวลี่ถังตามลำพัง เขาต้องการฟังจากปากนางเท่านั้นว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าหากว่าจริง แล้วเขาจะทำอย่างไรดี
"ถังเอ๋อร์เจ้าตอบข้ามาว่าที่สาวใช้ของเจ้าพูดนั่นใช่เรื่องจริงหรือไม่" เพราะถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องจริงเห็นทีบ่าวคนนี้ควรจะถูกตัดลิ้นเสียแล้ว
"ท่านพี่หญิงเข้ามาตบข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังพูดว่าเหตุที่นางทำนางไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆจากนั้นนางก็เดินออกไปเลยเจ้าค่ะ"
หลิวลี่ถังตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ทำเอาหยางซีซวนถึงกับรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ เหตุใดหนิงฮวาจึงทำเรื่องโหดร้ายไร้เหตุผลเช่นนี้ได้ เขาแทบไม่อยากเชื่อ ฝ่ามือหนาลูบผมของสตรีตัวเล็กข้างหน้าอย่างอ่อนโยน
"เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับฮูหยินให้รู้เรื่อง" หยางซีซวนเดินออกมาจากเรือนของหลิวลี่ถังด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง หากเขาไปถึงเรือนของหนิงฮวาแล้ว เขาควรจะพูดอย่างไรกับนางดี
สองเท้าค่อยๆก้าวเข้ามาในเรือน ซิงอีเห็นท่านแม่ทัพมาจริงรีบทำความเคารพ หยางซีซวนสังเกตเห็นลอยน้ำร้อนลวกที่มือนางก่อนที่นางจะเดินออกไป
หนิงฮวานั่งปักผ้าเช็ดหน้าลายปักษาสวรรค์อยู่คนเดียว หยางซีซวนสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆปล่อยออกมา เขายืนทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาสตรีที่กำลังนั่งหันหลังให้เขา
หนิงฮวารู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่ข้างหลังจึงได้หันกลับไปมอง ปรากฎว่าเป็นหยางซีซวนที่กำลังยืนมองนางอยู่ หนิงฮวาลุกขึ้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ
"ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า"
"มีสิ่งใดก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ" หนิงฮวาสบตาเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป นางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เขาต้องมาหานางเพื่อคุยเรื่องที่นางไปทำร้ายหลิวลี่ถังมา
"ดูเหมือนเจ้าจะไม่ทุกข์ร้อนอันใดเลย เจ้าเป็นอะไรไปหนิงฮวา เหตุใดวันนี้จึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าก็รู้ว่าถังเอ๋อร์นางกำลังป่วย ใยเจ้าต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย"
นางเพิ่งทำร้ายร่างกายคนไป แต่กลับมานั่งสบายใจอยู่อย่างนี้ นี่ใช่หนิงฮวาที่เขารู้จักจริงๆหรือไม่
"ท่านกำลังสอบปากคำข้าอยู่รึท่านแม่ทัพ นางเล่าให้ท่านฟังว่าอย่างไรบ้างล่ะ หากข้าอธิบายไปแล้วมันไม่ตรงกับที่นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านจะว่าข้าให้ความเท็จหรือไม่"
น้ำเสียงและแววตาของเขาไม่เหมือนคนที่ต้องการรู้ข้อเท็จจริง สีหน้าและแววตาเช่นนี้บ่งบอกว่าเขามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว เขาได้ตัดสินนางไปก่อนที่จะได้ฟังคำตอบจากนางเสียด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว การอธิบายมันจะไปมีประโยชน์อะไร
"หนิงฮวาข้ากำลังพูดดีๆกับเจ้าอยู่นะ เจ้าตอบดีๆไม่ได้หรืออย่างไรกัน"
"ได้ข้าจะตอบท่าน วันนี้ซิงอีไปทำไก่ตุ๋นโสมมาให้ข้า แต่กลับโดนซือซือมาแย่งโสมไป ทั้งคู่จึงยื้อแย่งกันไปมาพอซิงอีปล่อยมือ ซือซือจึงล้มลง นางเลยไปฟ้องฮูหยินของนาง ซิงอีที่กำลังจะยกสำรับมาให้ข้ากลับถูกนางกลั่นแกล้ง จนน้ำแกงลวกมือ นางกลับเอาสำรับมาให้ข้าโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ขนาดข้าถามว่ามือไปโดนอะไรมานางยังไม่ยอมเล่าความจริง จนกระทั่งข้าต้องขู่บังคับนางจึงยอมบอก มันคือเรื่องจริงที่วันนี้ข้าเข้าไปตบตีหลิวลี่ถังถึงที่เรือน นางกล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า"
หนิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางพยายามข่มความน้อยใจและความอัดอั้นตันใจของนางเอาไว้
ไม่ได้ ข้าจะร้องไห้ไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ใช่ตอนนี้
"แต่ถึงเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรตบหน้านางที่เป็นฮูหยินรองของข้าเพียงเพราะเจ้าโกรธแทนสาวใช้ของเจ้า"
"เหอะ ซิงอีเป็นดั่งพี่น้องคนสำคัญของข้าและข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกนางเด็ดขาด ทำร้ายนางก็เหมือนทำร้ายข้า!!"
"ลี่ถังก็เป็นเมียข้า! เจ้าตบหน้านางเพียงเพราะสาวใช้คนเดียว เพราะเจ้ารู้ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้า เจ้าจึงได้กล้ามายืนต่อปากต่อคำกับข้าเช่นนี้!!! เด็กๆ!! ไปจับซิงอีมา โบยนางหนึ่งร้อยไม้!!!"
"เจ้าบ้าไปแล้วหรือซีซวน เจ้าจะฆ่านางหรืออย่างไรกัน!!!"
"ที่จวนนี้คำสั่งข้าคือที่สิ้นสุด เป็นความจริงที่ข้าไม่กล้าสั่งโบยเจ้า หากข้าโบยเจ้าไม่ได้ สาวใช้ของเจ้าจะต้องโดนแทน และต่อจากนี้ไปทุกความผิดของเจ้า บ่าวของเจ้าต้องเป็นคนรับโทษ!!!" หยางซีซวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดเขาเพียงแต่หวังว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก หนิงฮวาต้องเลิกเอาแต่ใจจะไม่ไม่มีผู้ใดต้องเจ็บตัว
"เจ้าเป็นคนโหดร้ายเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันซีซวน เจ้าก็เคยเห็นนางมาตั้งแต่เด็ก เจ้าจะสั่งโบยนางให้ตายเชียวหรือ"
"ถ้าหากที่ข้าทำมันโหดร้ายแล้วที่เจ้าทำมันไม่โหดร้ายรึหนิงฮวา!! เจ้าตบนางจนล้มให้เศษแก้วบาดทั้งๆที่เจ้าก็รู้ว่านางป่วยอยู่ เจ้าจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ!"
หนิงฮวาแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ที่แท้เขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว ที่นางพูดไปทั้งหมดล้วนเปลืองน้ำลายเปล่า บุรุษผู้เป็นถึงแม่ทัพกลับขาดเขลาดูมารยาของสตรีไม่ออก
"เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเพียงแสร้งป่วย" หนิงฮวาเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธระคนเสียใจ นางอัดอั้นตันใจเหลือเกิน!
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดโดยที่ไม่มีหลักฐานมันคือการหมิ่นและใส่ร้ายผู้อื่น แถมผู้ที่เจ้ากำลังพูดถึงนางคือภรรยาของข้าเช่นกัน" หยางซีซวนรู้ว่าหนิงฮวากำลังโกรธ แต่เขาก็ไม่คิดว่านางจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อทำร้ายลี่ถังเช่นนี้
"แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าหากนำสมุนไพรตี้กู่ผีมาสผมเข้ากับว่านนารีจะทำให้ร่างกายขับธาตุหยางออกไปจนหมด ตี้กู่ผีเป็นสมุนไพรที่ให้ความเย็นอยู่แล้ว เจ้ามิรู้จริงๆหรือว่าว่านนารีไม่ได้มีไว้ให้นารีดื่มน่ะ"
ในวันที่หลิวลี่ถังป่วยขณะที่หนิงฮวาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลิวลี่ถัง นางได้กลิ่นหวานๆคล้ายกับว่านนารีออกมาจากตัวของหลิวลี่ถัง นางจึงได้เอะใจและให้ซิงอีไปตามสืบที่ร้านสมุนไพรในเมือง ก็ได้พบว่า ซือซือเป็นผู้มาซื้อสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ไป
ถ้าหากว่าคนที่ไม่รู้ก็คงจะไม่เอะใจอะไร แต่มารดาของหนิงฮวาเป็นถึงหมอหญิง จึงได้ทิ้งตำรายาและสมุนไพรไว้มากมาย ยามว่างหนิงฮวาจิงมักนั่งอ่านตำราของมารดาอยู่เสมอ
"เจ้าไม่ต้องเชื่อที่ข้าพูดก็ได้ เพราะไม่ว่าแม่นางหลิวจะพูดสิ่งใด เจ้าก็เชื่อเสมอ อย่างไรข้าก็เป็นสตรีโหดร้ายในสายตาเจ้าอยู่แล้ว เช่นนั้นก็อย่ามายุ่งกับข้า เจ้าออกไปซะแล้วถ้าหากว่าอยากโบยนักล่ะก็ มาโบยข้านี่จะกี่ร้อยไม้ก็ตามใจเจ้า!"
"นี่เจ้า!!! เจ้าอย่าท้ายทายความอดทนของข้าให้มันมากนัก เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงโทษเจ้าจริงๆใช่มั้ย!!" หยางซีซวนตวาดเสียงดังสนั่น ทำเอาบรรยากาศรอบข้างนิ่งเงียบขึ้นมาทันที
หนิงฮวาไม่ได้พูดสิ่งใดอีก มีเพียงน้ำตาที่เอ่อล้นกับขอบตาที่ร้อนผ่าว ตั้งแต่เล็กจนโต หยางซีซวนเป็นทุกอย่างสำหรับนาง เขามักเป็นคนที่ตามใจนางยิ่งกว่าใคร ยิ่งเรื่องขึ้นเสียงหรือตะคอกเขานั้นยิ่งไม่เคยทำ
แต่บัดนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว หนิงฮวาไม่รู้ว่าใจของหยางซีซวนเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาหลงลืมความสำคัญและความรู้สึกของนาง
เมื่อหยางซีซวนรู้สึกตัวว่าตนนั้นเผลอตะคอกใส่ภรรยาเอก สตรีที่เขารักและทะนุถนอมมาตั้งแต่วัยเยาว์ เขาก็ได้แต่นึกโกรธตัวเอง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดไม่ดีใส่นาง
"เจ้ารู้หรือไม่ซีซวน เจ้าก็กำลังทำลายความอดทนอันน้อยนิดของข้าเช่นกัน และ ข้าคิดว่านับวันมันจะยิ่งน้อยลงจนมันคงไม่เหลือเลย" ฝ่ามือเล็กปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ นางได้แต่คิดกับตัวเองว่าสักวัน นางจะเดินออกไปจากที่นี่ จะออกไปจากชีวิตผู้ชายคนนี้
"หนิงฮวาคือข้า.."
"เจ้าออกไปเสียเถอะ ข้าไม่อยากฟังคำพูดอะไรก็ตามที่จะออกมาจากปากคนอย่างเจ้า" หนิงฮวาพูดเสียงแข็ง นางเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที
หยางซีซวนถึงกับสะอึกกับคำพูดของหนิงฮวา เขารู้ว่าตอนนี้นางกำลังโกรธ หากเขาพูดอะไรไป เรื่องมันคงแย่กว่าเดิม
"ทหาร!!ปล่อยตัวซิงอีซะวันนี้จะไม่มีใครถูกโบยทั้งนั้น ส่วนฮูหยินจะต้องถูกทำโทษโดยการกักบริเวณห้ามออกนอกเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!"
แม่ทัพหยางทำได้เพียงเดินออกมาจากเรือนของหนิงฮวาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ เขารู้ตัวว่าแม้ว่าหนิงฮวาจะผิดจริงในเรื่องใช้กำลังตบตี แต่เขาก็ไม่กล้าสั่งลงโทษให้นางต้องเจ็บตัวอยู่ดี
ขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นผืนผ้าใบที่มีเฉดสีอบอุ่นอย่างสีส้ม แดง และชมพู อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สายลมเอื่อย ๆ พัดผ่านต้นไม้ใบหญ้า เสียงนกร้องและจิ้งหรีดร้องแว่วมาแต่ไกลหนิงฮวานั่งจมอยู่ในห้วงความคิด จิตใจของนางล่องลอยไปยังที่แสนไกล ฉินอ๋องหายหน้าไปสามเดือนแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเขาจากไปเลยโดยที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา หนิงฮวาได้แต่คิดถึงเหตุการณ์วันนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน หากนางไม่พูดเช่นนั้นออกไป ตอนนี้จะเป็นเช่นไร.. มันจะต่างจากตอนนี้หรือไม่อย่างน้อย นางก็ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต แม้จะเป็นเพียงสหายกันก็ยังดี ป่านนี้ฉินอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงนางบ้างหรือไม่ หรือตอนนี้เขาเปลี่ยนใจจากนางไปแล้ว หัวใจของนางปวดร้าวเมื่อนึกถึงหน้าของฉินอ๋อง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีผลต่อความรู้สึกของนางเช่นนี้ "เขาคงไม่มาแล้วจริง ๆ" หนิงฮวาถอนหายใจและหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม นางรู้ว่านางต้องละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อฉินอ๋องและเดินหน้าต่อไป พูดง่ายแต่ทำยากยิ่งนางจะสามารถตัดใจจากคนที่ดีกับนางมาตลอดได้อย่างไร เขาและนางมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
ณ จวนสกุลหยางสุริยันปรากฎจันทราลับ คิมหันต์เหมันต์ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน สองปีแล้วที่เจ้าจากไป หยางซีซวนนั่งเหม่อลอยอยู่ใต้ต้นเหมยที่เขาและหนิงฮวาเคยปลูกร่วมกันเมื่อวัยเยาว์ สายตาเศร้าหมองทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย สีหน้านิ่งเฉยเสมือนคนที่ไร้ซึ้งความรู้สึก ราวกับว่ามันเป็นคำสาปจากนาง ซีซวนใช้ชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิด และความคะนึงหาราวกับร่างไร้วิญญาณหลิวลี่ถังที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอดถอนหายใจ ปีที่สองหลังจากหนิงฮวาจากไป หลิวลี่ถังก็ยังคงเป็นเพียงฮูหยินรองที่ทำหน้าที่ของฮูหยินเอก แม้ว่าหนิงฮวาจะจากไปแล้วก็ตาม ที่ตรงนั้นยังคงเป็นของนางเสมอมาหลิวลี่ถังคอยดูแลหยางซีซวนที่ตอนนี้กลายเป็นคนวิกลจริต เขาจำต้องพ้นสภาพของแม่ทัพเพราะไม่สามารถควบคุมสติหรืออารมณ์ได้ภาระหน้าที่ต่างๆภายในจวนจึงตกมาเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่หยางซีซวนเริ่มเสียสติ บรรดาบ่าวไพร่ก็ต่างพากันหนีหายไป บ้างก็ขโมยทรัพย์สินของมีค่าไปขาย ไม่ว่าจะเป็นแจกันหรือถ้วยชาม ล้วนถูกขโมยไปทั้งสิ้นจวนสกุลหยางที่ไร้ซึ่งหยางซีซวนคอยปกครองบรรยากาศนั้นดูอึมครึมและเงียบเหงา ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน หลิวลี่ถังอดทนดูแลเขามาเป
สองปีต่อมาดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ ส่องแสงอันอบอุ่นเหนือโลกเบื้องล่าง ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยเฉดสีชมพูและส้ม อากาศสดชื่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่หนิงฮวาตื่นมารดน้ำแปลงผักตั้งแต่เช้า นางปลูกผักมากมายหลายชนิด ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้กินเอง และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปขายในตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วซิงอีเป็นคนนำผักและสมุนไพรที่เก็บได้ไปขาย อันที่จริงไม่ใช่ว่านางไม่มีสมบัติติดตัวเลย บิดาของนางมาหาเดือนละครั้ง และทุกครั้งที่มาก็มักจะนำเงินทองและสมบัติมากมายมาให้ รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับซึ่งภายหลังนางก็ปฏิเสธไปบ้างเพราะในบ้านไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับสิ่งของฟุ่มเฟือยเช่นเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าส่วนข้าวสารอาหารแห้งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญหนิงฮวาก็จะรับไว้ด้วยความยินดี "เจ้าตื่นเช้าเสียจริง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานเดี๋ยวข้าจะทำเอง" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามาแย่งบัวรดน้ำออกไปจากมือหนิงฮวา "ข้าทำเองได้" หนิงฮวาพยายามที่จะแย่งบัวรดน้ำกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล ฉินอ๋องส
สามเดือนก่อนสายลมเย็นพัดพาม่านหน้าต่างปลิวไสว ไป๋เฉิงที่นั่งเฝ้าร่างบุตรสาวที่ไม่ไหวติงมาหลายวัน รีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างโดยพลัน อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หากเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ มีหวังบุตรสาวของตนคงไม่หายป่วยเป็นแน่วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่หนิงฮวายังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา นางนอนนิ่งเช่นนี้มาหลายวันแล้ว นับวันร่างกายนางยิ่งซูบผอม หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่ฟื้นกลับขึ้นมาดังท่านหมอได้กล่าวไว้เป็นแน่"หากเจ้ายอมลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด พ่อจะทำให้เจ้าทุกอย่าง.."ไป๋เฉิงได้แต่นั่งภาวนาขอให้หนิงฮวาฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยไม่นานนักร่างกายของหญิงสาวที่นอนนิ่งสนิทไม่ไหวติงมาหลายวันกลับมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย หนิงฮวาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทราอันยาวนาน "ฮวาเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว!!" ไป๋เฉิงดีใจเสียจนนั่งไม่ติด เขาได้แต่ขอบคุณฟ้าดินที่เมตตาบุตรสาวของตน ขอบคุณจริงๆที่นางมีชีวิตอยู่"น้ำ.." หนิงฮวาพยายามเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เสียงของนางแหบแห้งเสียจนฟังไม่รู้ความ"น้ำ..น้ำหรอ เจ้าหิวน้ำใช่หรือไม่" ไป๋เฉิงตาลีตาลานหาเหยือกน้ำมารินใส่แก้วให้หนิงฮวาด้วยความดีใจ ในที่สุดการสวดภาวนาของเขาก็เป็
"ร้องไห้หรือ เจ้าอย่ามาบีบน้ำตาต่อหน้าข้า มันช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก นับแต่นี้ไป เจ้าอย่าได้คิดจะมาเคารพศพลูกสาวข้า อย่าคิดแม้แต่จะมาเยี่ยมหลุมศพของนาง อย่าแม้แต่จะมาร้องไห้ให้นาง เจ้ามันไม่คู่ควร!!"เมื่อพูดจบไป๋เฉิงก็เดินกลับเข้าไปในจวนโดยไม่หันหลังกลับมามองหยางซีซวนอีกเลย.."ข้าขอร้องท่าน ให้ข้าได้อยู่ในงานศพของนางเถิดข้าของร้องท่านจริงๆ" หยางซีซวนก้มหน้าลงหมอบกับพื้น แต่เสนาบดีไป๋ก็หาได้สนใจไม่ บัดนี้เขารู้ซึ้งแล้วจริงๆ ว่าชีวิตเขาขาดนางไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจของเขาแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ชีวิตจากนี้ที่ไม่มีหนิงฮวาเขาจะอยู่ได้อย่างไร"ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ หนิงฮวาข้าขอโทษข้าผิดไปแล้ว อย่าทิ้งข้าไปนะ ข้าขอร้องอย่าทิ้งข้าไป ข้ายอมเจ้าแล้ว ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง เพราะงั้นลืมตาขึ้นมาสิ เจ้าจะให้ข้าหย่ากับนางข้าก็ยอม หนิงฮวาข้าผิดไปแล้ว"หยางซีซวนร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดนี้มากเกินกว่าที่เขาจะรับไหวหยางซีซวนกลับมายังจวนสกุลหยางของตนอย่างล่องลอย เขาสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องนอนหนิงฮวาทันที เขาภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน เขาเปิดประตูห้องเข้า
ณ จวนสกุลไป๋"เปิดประตูจวนเดี๋ยวนี้!!" เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตู เสนาบดีไป๋เฉิงจึงรีบรุดไปดูทันทีว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อเขาวิ่งมาถึงหน้าจวนก็เห็นว่าฉินอ๋องอุ้มลูกสาวตนเข้ามาด้วยท่าทีที่รีบร้อน "นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" เสนาบดีไป๋เอ่ยถามฉินอ๋องด้วยความร้อนใจ"ตามหมอให้ข้าก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน ห้องนางอยู่ที่ใด!!" ฉินอ๋องแผดเสียงดังขึ้น ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาอธิบายสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการห้ามเลือดให้นาง"ซิงอีเจ้ารีบไปตามหมอมารักษาลูกข้า!!" เมื่อพูดจบเขาก็วิ่งนำฉินอ๋องไปยังห้องของหนิงฮวา ฉินอ๋องเห็นเช่นนั้นแล้วจึงได้วิ่งตามบิดาของนางไป"เจ้าค่ะ" ซิงอีได้ยินผู้เป็นนายสั่งเยี่ยงนั้น นางจึงรีบวิ่งออกไปตามหมอมาทันที "ข้าขอผ้าสะอาดหน่อย เร็วเข้า!" ฉินอ๋องพูดขึ้นไป๋เฉิงเห็นโลหิตที่ไหลอาบอาภรณ์ของลูกสาว เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ภาพชายชราที่วิ่งหาผ้ามาเพื่อห้ามเลือดให้ลูกสาวด้วยความรนรานและสั่นเทาช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ยิ่งนัก เสนาบดีไป๋เฉิงยื่นผ้าสะอาดให้กับฉินอ๋องอย่างรวดเร็วฉินอ๋องดึงเศษอาภรณ์ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานออก ก่อนจะนำผ้าพื้นใหม่มา