ณิชากลับเข้าห้องนอน หรือจะเรียกให้ถูกคงเป็นห้องส่วนตัวที่เธอใช้ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะหมกตัวทำงาน เธอสามารถขังตัวเองให้อยู่ในนี้ได้เป็นวันๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ออกไปพบใคร เว้นแต่คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่
ในแต่ละวันถ้าจะออกไปก็เพื่อรดน้ำดูแลซุ้มกล้วยไม้ ซึ่งเป็นงานที่เธอไม่ยอมปล่อยให้อยู่ในมือของใครอื่น นับจากพ่อได้จากไป ณิชาก็เฝ้ามอง ดูแลมันด้วยตัวเองตลอดมา เพราะเป็นสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเธอให้คงอยู่ แม้กระทั่งห้องรับประทานอาหารที่จัดไว้อย่างหรูหราสมเกียรติที่ครอบครัวเคยใช้ประจำ ณิชาก็ไม่เฉียดใกล้มานานแล้ว เพราะมันได้กลายเป็นห้องหนึ่งที่เจ้าของคนใหม่กับแขกไม่ซ้ำหน้าของเขาใช้ประจำแทบทุกวัน ใช้จนเกินคุ้มทีเดียว โต๊ะรับประทานอาหารสำหรับณิชาจึงเปลี่ยนเป็นโต๊ะม้าหินอ่อนในห้องครัวเก่า...สถานที่ที่มีคนรับใช้เก่าแก่ห้อมล้อมเธออยู่ ที่แห่งเดียวที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียวโดดเดี่ยว หญิงสาวหยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำ ชำระร่างกายอย่างไม่อ้อยอิ่ง ตลอดเวลาที่ทำธุระส่วนตัว หัวใจยังไม่อาจกลับเข้าสู่ปกติ เหตุปะทะคารมกับผู้ชายคนนั้นยังตรึงอยู่ในหัว ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะยอมเข้าใกล้เขา และครั้งนี้ณิชาก็ได้รับสัญญาณเตือนชัดเจน...มันมาพร้อมรังสีอันตรายจากกายของเขาเอง ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรับรู้เรื่องของไรวินทร์มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ณิชาจมอยู่กับความเครียด มองไม่เห็นทางออกของปัญหา การจะให้เขาออกไปจากบ้าน มันไม่ง่ายหรอก หล่อนไม่เห็นทางอื่น...นอกจากรอให้เขาจากไปเอง แต่จะด้วยเหตุผลอะไรล่ะ เมื่อบ้านเป็นของเขา เขามีสิทธิ์ครอบครองเต็มๆ เธอต่างหากที่กลายเป็นผู้อาศัย หรืออาจต่ำต้อยกว่าตรงที่การอยู่ของเธอเป็นการดึงดันไม่ยอมย้ายออกไปเอง จะเรียกตัวเองว่าเป็นกาฝากได้ไหม ณิชาหลับตา รับรู้ถึงหยาดน้ำใสจากดวงตาที่เอ่อท้นออกมาปนกับสายน้ำ ทำไมชีวิตต้องจนมุมอย่างนี้ด้วยนะ อีกกี่วันกี่ปี ถึงจะเห็นแสงสว่างกัน น้ำเย็นกระทบผิวกายขาวผ่อง ไหลลู่ตามส่วนโค้งเว้าของเรือนกายเป็นสาย ขณะที่เจ้าของร่างยังยืนนิ่ง จมอยู่กับความคิด พลันสีหน้าหม่นหมองก็เพิ่มความเคร่งเครียดขึ้น...เงินก้อนสุดท้ายที่เคยคิดจะใช้เป็นทุนรอนในอนาคต เงินก้อนเดียวที่เหลืออยู่ก็หายไปแล้ว...หายไปพร้อมกับผู้ชายที่พร่ำบอกว่าเข้าใจและเห็นใจในสิ่งที่เธอต้องเจอ พีระ...ผู้ชายที่บอกจะอยู่เคียงข้าง ช่วยทำให้ฝันของเธอเป็นจริง แต่แค่ไม่ถึงขวบปีจากนั้น เธอก็ได้เห็นธาตุแท้ของเขาว่าเป็นคนอย่างไร ถ้อยคำที่บอกเป็นการสัญญา แท้จริงก็แค่ลมปาก ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เธอกลับโง่พอที่จะหลงเชื่อตาม ณิชาเชื่อไปได้อย่างไรว่าลูกชายของนายตำรวจใหญ่แห่งเมืองเชียงราชคนนั้นจะรักมั่นถึงขั้นเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อให้ความฝันของเธอเป็นจริง แล้วยังไงล่ะ หลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตไม่ถึงเดือน เธอก็เสียทั้งหัวใจรักและเงินก้อนใหญ่ไปพร้อมเขาอีก ‘นิดก็รู้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว พีชจะบอกทางบ้านให้ยอมรับนิดยังไงดี พีชหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ ...หรือนิดคิดให้ได้ล่ะ’ คำพูดก่อนเขาจะหันหลังจากไปยังก้องอยู่ในหัว... เรียวปากอิ่มของหญิงสาวเม้มแน่น หัวใจบีบรัดตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ในตอนนั้นเธอยังหน้ามืดตามัว เศร้าเสียใจที่ผู้ชายลวงโลกคนนั้นตีจาก จนไม่ทันเอะใจถึงเงินก้อนเดียวที่เขาหยิบยืมใช้เป็นทุนรอนไปเรียนภาษาในประเทศอังกฤษเมื่อตอนเรียนจบวิทยาลัยกันหมาดๆ กว่าจะนึกได้ กว่าจะตั้งตัวทัน เธอก็ควานหาตัวผู้ชายคนนั้นทั่วเชียงราชไม่เจอแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอทั้งโง่และซื่อให้นายพีระหลอกอย่างง่ายดาย...ณิชากำมือแน่น ปล่อยให้เล็บจิกเนื้อจนรู้สึกเจ็บ “ผู้ชายน่ารังเกียจทุกคน!” ให้ตายยังไง เธอจะไม่ยอมตกอยู่ในสภาพผู้หญิงจนตรอก ไร้อนาคตและหมดเนื้อหมดตัวนานแน่!“คุณนิดตื่นแล้วหรือคะ ดูสิ วันนี้ป้ามีขนมจีนแกงไตปลาของโปรดคุณนิดด้วย ไว้มื้อเที่ยงค่อยกินนะคะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของป้าสดใส แม่ครัวเก่าแก่ที่ถูกปลดระวางโดยเจ้าของบ้านคนใหม่กระวีกระวาดมาตั้งโต๊ะ เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนได้มานั่งประจำโต๊ะม้าหินอ่อนในห้องครัวแล้ว ณิชามองอาหารเช้าตรงหน้าอย่างสงสัย แล้วเงยหน้าถาม “ทำไมล่ะป้า กินขนมจีนแกงไตปลาตอนนี้ไม่ได้เหรอ อร่อยกว่าข้าวต้มหมูถ้วยนี้ตั้งเยอะ นิดอยากกินแล้ว” “โธ่ เช้าขนาดนี้กินของรสจัด เดี๋ยวแสลงท้องค่ะ รับเป็นข้าวต้มก่อนดีกว่า อีกอย่างป้ายังไม่ได้เตรียมผักลวกกะทิให้คุณนิด จะกินให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ ให้เวลาป้าเตรียมของโปรดให้พร้อมดีกว่าค่ะ” “งั้นก็ได้ค่ะ ขอผักลวกกะทิเยอะๆ นะคะ นิดชอบผักบุ้ง ถั่วฝักยาว โอ๊ย! แค่คิดก็น้ำลายไหล” คำสาธยายถึงอาหารสุดโปรดของคุณหนูกับแม่ครัวใหญ่ทำให้เด็กรับใช้ชาวเชียงราชแท้ๆ ต้องมองอย่างสงสัย แค่ผักพื้นๆ นำมาต้มลวกกะทิ คุณนิดจะอยากกินขนาดนี้เลยหรือ หากพ้อหวานนั่งสงสัยได้ไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงงวดของหญิงชรา “ไป ช่วยป้าล้างผัก รีบทำให้เสร็จ ใกล้เที่ยงต้องช่วยคุณหริเตรียมมื้อเที่ยงให้คุณไรวินทร์อีก วันนี้เธอมีแขกมาบ้าน” พ้อหวานลุกจากเก้าอี้มุมห้องทันที รี่ไปทำงานตามที่แม่ครัวชราสั่งอย่างไม่อิดออด หากถ้อยคำนั้นทำให้คนที่ตักข้าวต้มเข้าปากต้องชะงักมือ เรียวปากสวยเบ้ออกเมื่อได้ยินชื่อของคนคนนั้น เชอะ! มาอยู่ไม่นานก็มีแขกเข้าบ้านทั้งกลางวันกลางคืนเชียว อยากรู้นักว่าแม่สาวทรงสะบึมคนไหนที่ได้รับเกียรติจากนายไรวินทร์ให้เข้าบ้านตั้งแต่ตะวันยังส่องตรงหัว นอกจากแม่พวกที่ขนมามั่วสุมตอนกลางค่ำกลางคืน แล้วจากไปก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น!ครบรอบแต่งงานปีที่สามของไรวินทร์กับณิชา ครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยสามีภรรยาและลูกน้อยสองคนเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้บ้าน วันนี้ผู้คนบางตาด้วยเป็นวันธรรมดาณิชายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแม้ธุรกิจของไรวินทร์จะประสบความสำเร็จเป็นที่กล่าวถึง ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบัตรเชิญจากวงสังคมมาถึงหล่อนอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ว่าปฏิเสธเด็ดขาดคงไม่เป็นการดี ดังนั้นจึงเดินในเส้นทางที่พอดี เลือกตอบรับเฉพาะงานที่ดูแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นสำหรับงานแปลหนังสือนิยายโรมานซ์ ณิชายังคงมีผลงานออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ แถมยังได้กลับไปทำงานในร้านคุณแหววเหมือนเดิมการเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้ ณิชาทำในตำแหน่งผู้ช่วยของคุณแหวว ไรวินทร์ยินยอมเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเข้าร้านทุกวัน เพียงคอยดูแลเป็นหูเป็นตาอยู่เท่านั้นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเรียบหรูด้วยเดรสสีขาว มีผ้าลูกไม้เนื้อดีสีครีมคลุมทับกำลังเดินจูงมือเด็กชายวัยสองขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง เนื้อกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบ ใบหน้าคม
ไรวินทร์เอนกายนอนบนเตียงนอน ในมือมีหนังสือนิยายโรมานซ์ภาคภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ เขาเพิ่งรู้ว่าณิชายังมีงานแปลหนังสือเป็นอาชีพสำรองอยู่ และเจ้าตัวดูจะทำได้ดี เขาเห็นหนังสือภาพปกสวยงาม มีชื่อ ‘ณิชา’ ที่เขียนกำกับในฐานะคนแปลชายหนุ่มพลิกเปิดต้นฉบับอ่านแล้วอมยิ้ม นึกอยากเรียนเขียนอ่านภาษาไทยขึ้นมาตงิดๆ“คุณแอบอ่านอีกแล้ว”หญิงสาวมาหยุดยืนปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำหน้ายู่ใส่เขา ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้นัก จะด้วยเหตุผลอะไร ไรวินทร์ก็อยากรู้เหมือนกัน“คุณแม่ผมเคยเป็นครูสอนภาษาไทย เสียดายจริงๆ สมัยเด็กผมเกเร โดนจับเข้าห้องเรียนที่บ้านทีไรก็ตั้งท่าหนีอยู่เรื่อย กลายเป็นแพทที่เข้าไปเรียนแทน ไม่อย่างนั้นคงได้อ่านหนังสือแปลฝีมือคุณไปแล้ว”“นึกแล้วเชียว” ณิชาคลานขึ้นเตียงหาเขา แล้วแย่งหนังสือไปจากมือ “ยังไงนิดก็ไม่ให้คุณอ่านหรอก”“อายละสิ แต่ผมว่าหลังจากนี้คุณน่าจะแปลงานได้ลื่นไหลขึ้นนะ ผมเห็นบางตอนมันตรงกับประสบการณ์จริงของคุณ”เขา
ไรวินทร์พาหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ใกล้กับซุ้มกล้วยไม้ ดอกคัทลียาสีขาวกำลังห้อยย้อยเป็นพวง มีเกล็ดน้ำหลงเหลืออยู่เหมือนเพิ่งมีใครมาพ่นให้มันณิชาถอนหายใจจนอีกฝ่ายต้องถาม“เป็นอะไรไป”“นิดไม่ได้ดูแลกล้วยไม้เลยค่ะ ถ้าไม่คนมารดน้ำให้ สงสัยคงแย่ คนในครัวคงช่วยดูแลให้”ไรวินทร์เลิกคิ้ว เขาไม่ใช่พวกชอบทำดีเอาหน้า แต่การจะปล่อยให้ณิชายกความดีความชอบให้คนอื่นอยู่ร่ำไป มันก็ไม่ถูกนัก“ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่นล่ะ”“ใครคะ หมายถึงลูกน้องของคุณหรือ”“บ้านหลังนี้มีแค่พวกในครัวกับในศาลาหรือไง”“อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” ณิชาหรี่ตาถาม ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จนอีกคนหน้าบูด“แล้วทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ กว่าผมจะรู้ว่าต้องรดน้ำยังไง ใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ช่วงไหน ต้องอ่านตำราตั้งกี่เล่ม แถมยังต้องเปิดหาจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก นี่คุณไม่คิดจะชื่นชมผมบ้างหรือไง”“คุณวินทร์” ณิชาโถมเข้ากอดอย่างไม่อายใคร ทำไมผู้ชายที่ดูภาพพจน์ร้ายๆ ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ “นิดไม่เคย
รัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน
ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“
“คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่