เมื่อคืนกว่าณิรินทร์ญาจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะตีสามแต่เช้านี้หญิงสาวก็ยังฝืนตัวเองตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อเอาน้ำพริกไปส่งที่ตลาดให้ทันก่อนที่แม่ค้าจะเปิดร้านในเวลาเจ็ดโมง
ลูกค้าของณิรินทร์ญาเป็นแม่ค้าที่ขายของในตลาดซึ่งจะรับน้ำพริกของหญิงสาวไปวางขายอยู่หลายเจ้า เธอส่งให้กับแม่ค้าที่ตลาดแรกไปแล้วสองเจ้า เจ้าละห้าสิบกระปุกและมาส่งที่ตลาดแห่งนี้อีกร้อยกระปุก
“สวัสดีค่ะเจ๊สุนีย์”
“สวัสดีจ้ะณิรินน้ำพริกเจ๊ได้ครบไหม”
“ครบค่ะ น้ำพริกผัดหมูร้อยกระปุกเล็กนะคะอีกสองกระปุกใหญ่ณิรินให้เจ๊สุนีย์เอาไว้กินนะคะ”
“ขอบใจมากจ้ะมีของแถมให้พี่ทุกรอบเลยนะณิริน”
“ณิรินต้องขอบคุณเจ๊สุนีย์มากกว่าที่ยังรับน้ำพริกของณิรินมาขายตลอด”
“ก็น้ำพริกสูตรของแม่นี้ณิรินอร่อยมาก ตอนแรกเจ๊ก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่าแม่ณิรินไม่อยู่แล้วรสชาติของน้ำพริกจะเปลี่ยนไปไหม แต่ลูกค้าก็บอกนะว่ารสชาติไม่เปลี่ยน เจ๊ก็เลยต้องสั่งน้ำพริกณิรินเป็นเป็นประจำ อาทิตย์หน้าเจ๊ขอสั่งเป็นน้ำพริกแคบหมูเพิ่มนะ”
“ได้ค่ะ เจ๊จะเอากี่กระปุกคะ ถ้าร้อยกระปุกก็ราคาเดิมค่ะแต่ถ้าห้าสิบก็อีกราคาหนึ่งค่ะ”
“ถ้างั้นเอามาร้อยเลยก็ได้ ฝีมือหนูอร่อยเจ๊ว่ายังไงก็ต้องขายหมดอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะเจ๊ที่เชื่อใจ”
“ณิรินจะเอามาส่งเช้าวันเสาร์เหมือนเดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะเจ๊”
“เดี๋ยวเจ๊โอนเงินให้นะ”
เมื่อเจ๊เจ้าของร้านโอนเงินค่าน้ำพริกให้กับณิรินทร์ญาแล้วหญิงสาวก็รีบกลับมาทำงานบ้าน ซักผ้าจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทานอาหารเช้า
วันนี้หญิงณิรินทร์ญาเลือกที่จะขี่จักรยานยนต์ที่เธอใช้เป็นประจำไปยังร้านอาหารใต้ซึ่งเธอมักจะไปทานร้านนี้ในช่วงวันหยุด
หญิงสาวจอดรถหน้าร้านแล้วก็รีบเข้าไปในร้านเพื่อสั่งอาหารจานโปรด
“ป้าต้อยคะแกงไตปลาถุงใหญ่หนึ่งถุงค่ะ”
“ป้าครับขอแกงไตปลาหนึ่งชามครับ”
ทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันทำให้แม่ค้าที่ยืนอยู่มองหน้าลูกค้าทั้งสองเพราะตอนนี้แกงไตปลาแกงไตปลาในถาดเหลืออีกแค่ชามเดียวเท่านั้น
“เอายังไงดีล่ะ สั่งมาพร้อมกันแบบนี้แต่แกงเหลือของป้าแค่ชามเดียว” ป้าต้อยหันมองหน้าณิรินทร์ญาลูกค้าประจำสลับกับผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งมาทานที่นี่นานๆ ครั้ง
เมื่อได้ยินเจ้าของร้านพูดแบบนั้นลูกค้าทั้งสองก็หันมองหน้ากัน
“อ้าวนายหัว”
“ณิริน”
ถึงแม้ว่าวันนี้ณิรินทร์ญาจะไม่แต่งหน้าและไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่เหมือนเมื่อคืนแต่นายหัวปาริธก็จำหญิงสาวได้จากน้ำเสียงและรอยยิ้มของเธอ
“นี่สองคนรู้จักกันเหรอ”
“ก็ไม่เชิงรู้จักหรอกค่ะ เราเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวค่ะป้าต้อย”
“เอายังไงดีแกงไตปลานี่เหลือแค่ชามเดียวเท่านั้น ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้วก็นั่งกินด้วยกันเลยสิ”
“แต่ณิรินอยากซื้อถุงใหญ่กลับไปกินที่บ้าน”
“คุณจะยอมให้ณิรินซื้อกลับไปที่บ้านไหม” ป้าต้อยหันมาถาม
“ฉันก็อยากกินแกงไตปลาเหมือนกันนะณิรินทำไมเราไม่กินที่นี่ด้วยกันล่ะฉันเลี้ยงเธอเองก็ได้”
“นายหัวไม่ต้องเลี้ยงณิรินหรอกค่ะ เราช่วยกันออกคนละครึ่งก็ได้”
“ตกลงกินที่นี่นะ”
“ค่ะป้าต้อย ณิรินเอาแกงไตปลากับขนมจีนนะคะ”
“แล้วคุณล่ะเอาแกงไตปลาแล้วเอาอะไรเพิ่มไหม”
“ผมเอาเขาสวยแล้วก็ผัดไก่ใบยี่หร่าแล้วก็คั่วกลิ้งครับ”
“ได้จ้ะไปนั่งรอเลยนะเดี๋ยวป้ายกไปให้”
รอไม่นานนักอาหารทุกอย่างก็วางตรงหน้า
“เธอชอบกินแกงไตปลาเหรอ” นายหัวปาริธถามขณะที่หญิงสาวนั่งทานแกงไตปลากับขนมจีนด้วยความเอร็ดอร่อย
“ชอบมากๆ เลยค่ะมันทั้งเผ็ดและร้อนสะใจดี”
หญิงสาวพูดแล้วสูดปากซี้ดซ้าดเพราะความเผ็ดแต่นั่นมันกลับทำให้คนมองคิดไปแบบอื่นด้วยน้ำเสียงและท่าทางแบบนี้มันทำให้เขาต้องรีบก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าเพราะท่าทางแบบนั้นมันทำให้เขาจินตนาการไปไกล
“ดูท่าทางเธอจะเผ็ดมากนะ กินน้ำหน่อยไหม”
“ใช่ค่ะแต่ยิ่งเผ็ดก็ยิ่งอร่อย รสชาติแกงไตปลาร้านป้าต้อยเหมือนทางใต้ไหมคะนายหัว”
“รสชาติก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ร้านนี้ทำใกล้เคียงกับแถวบ้านฉันมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันมากรุงเทพก็เลยมักจะแวะมากินบ่อยๆ แล้วเธอล่ะ มากินบ่อยไหม”
“ณิรินมากินช่วงวันเสาร์หรือไม่ก็วันอาทิตย์ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่นั่งกินที่นี่หรอกจะซื้อไปนั่งกินที่บ้านเพราะกินที่นี่แล้วมันจะน่าเกลียดแบบที่นายหัวเห็นนั่นแหละค่ะ”
“น่าเกลียดยังไง”
“ก็มันเผ็ดมากทั้งน้ำหูน้ำตาไหลหมดแบบนี้นั่งกินที่นี่คงต้องอายคนอื่นมากๆ”
“แต่ตอนนี้เธอก็นั่งกินต่อหน้าฉันนะไม่อายเหรอ”
“ณิรินเลือกได้ที่ไหนล่ะคะ ไม่ได้มากินร้านนี้ตั้งสองอาทิตย์พอวันนี้มีโอกาสมากินแล้วจะให้กลับบ้านไปทั่งที่ยังไม่ได้กินได้ยังไงล่ะ ของอร่อยอยู่ตรงหน้ายังไงก็ต้องเลือกกินเอาไว้ก่อน”
“เธอกินแต่แกงไตปลาอย่างเดียวไม่กินคั่วกลิ้งกับผัดไก่ใบยี่หร่าบ้างเหรอ”
“สองอย่างนั้นมันต้องกินกับข้าวสวยค่ะ กินกับขนมจีนมันต้องแกงไตปลาแบบนี้”
“เอาเขาสวยไหมล่ะสั่งเพิ่มสิ”
“แค่นี้ท้องก็จะแตกแล้วค่ะ”
“แต่ฉันว่าท้องเธอจะแตกก็เพราะน้ำที่เธอกินตามเขาไปมากกว่านะ กินเผ็ดไม่ค่อยได้แล้วยังจะฝืนกิน”
“ก็บอกแล้วไงคะนายหัวว่ามันอร่อยมากๆ”
“ทำไมถึงชอบกินอาหารใต้ล่ะ”
“พ่อของนี้ณิรินคนใต้ค่ะ ตอนที่พ่อยังอยู่พ่อก็ทำให้กินบ่อยๆ แต่ตอนนั้นณิรินเด็กมากเลยไม่ได้ฝึกทำกับพ่อ ก็เลยต้องมาพึ่งร้านป้าต้อยแบบนี้ล่ะค่ะ”
“ถ้าชอบกินมากๆ ฉันจะส่งอาหารใต้มาให้กินเอาไหมล่ะ”
“ไม่ต้องลำบากนายหัวแล้วหรอกค่ะ ร้านป้าต้อยก็มีขายทุกอย่างแต่”
“ร้านป้าต้อยไม่มีแกงไตปลาแห้งนะฉันว่าเธอน่าจะชอบ”
“แต่ก่อนร้านป้าต้อยก็มีนะคะแต่คนไม่ค่อยนิยมกินป้าแกก็เลยไม่ทำ”
“แล้วอยากกินไหมล่ะ ป้าแดงแม่บ้านของฉันทำอร่อยมากๆ เดี๋ยวฉันส่งมาให้ก็ได้”
“มันจะไม่เสียเหรอคะ”
“ไม่น่าจะเสียนะเดี๋ยวนี้เขามีบริการรับฝากของผ่านรถห้องเย็นเธอส่งที่อยู่ให้ฉันในไลน์สิถ้าฉันกลับถึงสุราษฎร์แล้วฉันจะให้ป้าแดงทำและส่งมาให้เธอ”
“ณิรินว่าอย่าลำบากเลยค่ะ ถ้าเกิดส่งมาแล้วมันเสียจะเสียดายของเอา”
“ถ้างั้นฉันฝากเครื่องมาก็ได้เธอไปรับที่สนามบินได้ไหมล่ะ”
“อย่าทำให้มันยุ่งยากเลยค่ะ ณิรินไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นหรอก”
“ถ้าเธอไม่ให้ฉันส่งมาให้ ถ้างั้นวันไหนฉันขึ้นมากรุงเทพฉันจะเอาอาหารมาฝากก็แล้วกันนะ”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อยค่ะ ณิรินขอบคุณนายหัวล่วงหน้าก็แล้วกันนะคะ” หญิงสาวตอบตกลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะเดินทางขึ้นมากรุงเทพบ่อยๆ เนื่องจากจากคุณชินเจ้าของผับบอกว่านานๆ ครั้งนายหัวคนนี้ถึงจะขึ้นมาที่กรุงเทพ
“ฉันว่าถ้าเธอได้กินอาหารฝีมือป้าแดงเธอต้องติดใจมากแน่ๆ” นายหัวปาริธรู้สึกดีที่มีคนชอบทานอาหารใต้เหมือนกันเขา เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงที่เขาคบด้วยไม่ค่อยชอบทานอาหารแบบนี้เท่าไหร่เพราะนอกจากรสชาติที่จะจัดจ้านแล้วกลิ่นก็ค่อนข้างจะแรงด้วย
หลังจากทานอาหารแล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันซึ่งอาหารมื้อนี้ทั้งสองแบ่งกันจ่ายคนละครึ่งเพราะณิรินไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณเขาอีกอย่างเมื่อคืนเธอก็ได้เงินจากค่าเครื่องดื่มของเข้ามาค่อนข้างเยอะ
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน