วีด้าคล้ายคนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างรวดเร็วให้มาอยู่อีกโลกที่ไม่รู้จัก เรียวปากหยักขยับขบเม้มจากนุ่มนวลค่อย ๆ ร้อนแรงเพิ่มระดับตามอารมณ์ เสียงหายใจกระเส่ารุนแรง
ลิ้นเปียกแฉะแตะขอบปากนุ่มของเธอไล้เลียจากอีกมุมไปอีกมุมเรียกร้องต้องการรุกล้ำเข้ามาด้านใน ทั้งที่รู้อย่างนั้นควรจะต่อต้านแต่กลับโอนอ่อนคล้อยตาม เปิดปากให้ความอุ่นซ่านแทรกสอดล่วงล้ำเข้ามาหยอกเย้าปลายลิ้นของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
อชิระรั้งท้ายทอยเล็กขยับเข้ามาใกล้ เบี่ยงใบหน้าในองศาที่สามารถตักตวงเอาความหวานจากกลีบปากอุ่นอย่างเต็มที่ ทุกอณูภายในความอุ่นชื้นมีทั้งตื่นกลัวและอยากค้นหา เป็นจูบไม่ประสาแต่กลับทำให้เขาไม่อยากหยุด
ท่อนแขนใหญ่คว้าเอวคอดเข้าแนบชิดกายแกร่ง จงใจบดเบียดตัวเองเข้าหาความนุ่มจากเรือนร่างเล็ก แรงเสียดสีของร่างกายทำให้เขาอยากทำมากกว่าแค่จูบ มันอยากมากกว่าแค่ได้สอดลิ้นตวัดพันกัน มือที่อยู่เหนือเอวลูบไล้ผ่านผิวนุ่มลงมาสะโพกสวย
“อื้อ...”
วีด้าประท้วง ทั้งจูบดูดดื่มทั้งสัมผัสเร่าร้อนจนร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจค่อย ๆ แผ่วลง
อึก⁓
อชิระผละริมฝีปากร้อนจัดออกจากคนที่กำลังทรงตัวได้ยาก ระยะห่างของใบหน้ายังใกล้กันรับรู้ได้ถึงลมหายใจหอบรุนแรง นิ้วก้านยาวยกขึ้นเกลี่ยแก้มนุ่มเนียนละเอียดยิ่งกว่าผิวเด็ก
สายตาแพรวพราวกวาดมองความงดงามประดับอยู่บนดวงหน้าเล็ก ราวกับเจอศิลปะชั้นเอกสมบูรณ์แบบที่สุด วีด้าเปรียบดังดอกไม้เบ่งบานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยามเคลื่อนไหวก็โอนอ่อนพลิ้วไหวได้อย่างสง่างาม ปลายลิ้นอ่อนนุ่มโต้ตอบเขาเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในทุกอณูของการสัมผัส
กระทั่งนัยน์ตาสีซินนาม่อนหยุดตรงกลีบปากแดงก่ำซ้ำยังบวมเปล่ง!
วีด้าถึงได้รู้สึกตัวว่าได้ปล่อยให้สติเลือนหาย ปล่อยให้เพื่อนพี่ชายล่วงล้ำเข้ามาพื้นที่หวงห้าม ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อลมหายใจร้อนกระทบแก้ม
ผลัก!
อชิระก้าวถอยด้วยแรงผลักอันน้อยนิด ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดกายเล็กก็วิ่งพรวดออกไปจากวงแขน
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ มองตามแผ่นหลังเจ้าของเรือนร่างสมส่วนสับเท้าขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ถึงได้หมุนตัวหันมายังทางออก
ทว่ากลับเจอกับคนยืนพิงขอบประตูกอดอกมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ไอ้ก้า! มึงมาทำอะไร” สาวเท้ามาหาเพื่อน บางอย่างบอกเขาว่าการมาของมันไม่ใช่แค่บังเอิญ
“กูต้องถามมึงมากกว่า ไหนบอกว่ามาเข้าห้องน้ำแล้วเมื่อกี้คืออะไร? วีทำไมถึงรีบวิ่งขึ้นไปแบบนั้น?”
เสียงเล็ดลอดออกมาจากไลก้านั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก คล้ายกับมีแรงกดดันชวนให้คนฟังตึงเครียด
ทว่าไม่ใช่กับอชิระ!
“แล้วถ้าบอกว่ากูไม่ได้ทำอะไร มึงจะเชื่อหรือเปล่าล่ะ”
อชิระหยุดอยู่ตรงหน้าไลก้า เสียงที่ตอบออกมานั้นไร้แววของความตื่นกลัวหรือมีพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งเมื่อได้จ้องเข้าไปในดวงตาแข็งกระด้างของอีกคนแล้ว ยิ่งทำให้เขาอยากกระตุ้นให้ไลก้าเผยสิ่งที่อยู่ในหัวมันออกมา
แต่ก็นั่นแหละนะ...
ไอ้ก้าไม่ใช่พวกพี่เผยอะไรออกมาง่าย ๆ เสียด้วย ดังนั้นนอกจากจะไม่ได้อะไรอาจจะทำให้เกิดแรงปะทะกลับมามากกว่า
อชิระจึงย้ายมายืนอีกฝั่ง ทิ้งตัวพิงขอบประตูเพื่อรอคำตอบอย่างใจเย็น
นัยน์ตาสีเทานิ่งอยู่บนใบหน้ายิ้มยียวน ก่อนที่เขาจะทิ้งท่อนแขนเต็มไปด้วยเส้นเลือดไหลวนโดยรอบน่าเกรงขามขนาบลำตัว แล้วก้าวเข้าไปหาเพื่อน ‘รัก’ อย่างสุขุม
“กูขอเตือนในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันอชิ! อย่าเล่น ๆ กับวี” เขากดเสียงนิ่งอยู่แล้วให้เย็นลงฟังชวนหนาวเหน็บในหัวใจเป็นที่สุด
แต่แทนที่อชิระจะรู้สึกอย่างนั้นเขากลับกดเสียงทุ้มให้ต่ำลงแล้วหัวเราะในลำคออย่างท้าทาย จากนั้นก็ดันตัวออกจากความแข็งด้านหลัง ก้าวเข้ามาใกล้ไลก้า
จากสีหน้าประดับรอยยิ้มแปลเปลี่ยนเป็นกระด้างขึ้น เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเพื่อน ‘รัก’ ตลอดเวลาที่คบหากันมามากกว่าสี่ปี ต่อให้เขาทำตัวแย่แค่ไหน ทำร้ายผู้หญิงให้เสียใจเท่าไหร่ไอ้คนทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างคนนี้ก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามาสอด
‘แล้วทำไมครั้งนี้มันถึงไม่ทำอย่างที่ผ่านมา!’
“มึงชอบเธอ?” ลมร้อนพ่นออกอย่างแรง จงใจให้ไลก้ารับรู้ว่าตนไม่ได้เล่น ไม่คิดจะเล่นเลยสักนิด
“กูไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของมึง ที่พูดก็เพราะเห็นว่ามึงคือเพื่อน วีคือหัวใจของไอ้เจฟฟ์ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกันต่อก็หยุดความคิดทั้งหมดซะ”
ไลก้าทิ้งคำพูดเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจังไว้บนใบหน้าอชิระ แล้วหมุนตัวหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
ทิ้งไว้เพียงร่างสูงต้องแบกรับความรู้สึกค้างคา หงุดหงิดไว้ สองกรามแกร่งขบกันแน่น จนกลัวเหลือเกินว่าเจ้าตัวจะทำให้สิ่งที่กระทบกันอยู่ร้าวระบม จากการกระทำของตนหรือเปล่า
นัยน์ตาคมดุยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่ออชิระทอดมองแผ่นหลังกว้างของไล้ก้าเดินห่างออกไปเชื่องช้า
“กูรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ไอ้ก้า!”
เช้าวันต่อมา...
Mittap University
ทางเดินตรงไปยังตึกคณะนิเทศศาสตร์ ปกติจะมีนิสิตนักศึกษาเดินสวนทางกันบ้าง ทว่าเวลานี้เป็นชั่วโมงเรียนจึงมีเพียงวีด้าย่างเท้ามาเพียงลำพังด้วยสภาพอิดโรย เธอยกมือนวดขมับที่รู้สึกปวดตุบ ๆ ตั้งแต่ก้าวออกมาจากรถ
“เพราะพี่คนเดียวเลย” นวดคลึงขมับไปพลางบ่นพึมพำให้กับคนที่สร้างเรื่องให้ เธอนอนไม่หลับทั้งคืน คิดไม่ตกว่าทำไมเพื่อนพี่ชายอย่างพี่อชิระถึงต้องมาจูบเธอแบบนั้น เป็นเพราะเมาเหรอ หรือเสียใจจากเรื่องพี่ซอล?
กึก!
ปลายเท้ากำลังก้าวตรงไปด้านหน้าหยุดชะงักเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกขวางด้วยบุคคลที่ไม่คุ้นเคย!
“ดูสิว่าเราเจอใคร?”
เสียงกระแหนะกระแหนจีบปากจีบคอพูดจากคนผมแดงเอ่ยกับเพื่อนอีกสองคนดังขึ้น กลอกตามองวีด้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วหันมาทางเพื่อนพลางยิ้มมุมปาก
วีด้าประมวลผลในหัวสมองที่มีประสิทธิภาพไม่เต็มร้อย สำรวจใบหน้าคนทั้งสามอย่างใช้ความคิด นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าพวกหล่อนเป็นใครและเคยพบเห็นที่ไหน แล้วยังมั่นใจว่าตั้งแต่มาเรียนมหา’ลัยนี้ตนไม่เคยไปมีเรื่องหรือหาเรื่องใครก่อนแน่ จนทำคนพวกนี้ต้องใช้สายตามองอย่างขุ่นเคืองติดจะไปทางโกรธมากกว่ามองกันอย่างนี้
“ดูสายตาหล่อนมองเราสิ! คิดว่าตัวเองเป็นดาวเด่นถูกคัดเลือกให้เป็นดาวมหาลัยแล้วก็เป็นน้องสาวของพี่เจฟฟ์จะทำหน้า ทำตา ทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ได้เหรอ ห๊ะ”
อีกคนซึ่งสูงกว่าคนทั้งสามตาลุกวาว ชี้หน้าวีด้าด้วยท่าทีไม่ชอบใจจัด
“ใช่ คิดว่าตัวเองสวยมากนักหรือไง? ชิ ที่ได้เป็นดาวก็เพราะเขาเห็นว่าเธอเป็นน้องพี่เจฟฟ์หรอกยะ อย่าคิดว่าตัวเองได้เพราะความสวยเลย”
คนสุดท้ายติดออกจะดูถูก หล่อนแบะปากคว่ำลง มองวีด้าราวกับว่าเคยไปเหยียบท้าวหล่อนมาอย่างนั้น
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น เอาเป็นว่าถ้าทำอะไรให้พวกเธอไม่พอใจก็ขอโทษแล้วกัน วันนี้ไม่พร้อมมีเรื่องจริง ๆ”
วีด้าบอกปัดอย่างเหนื่อยหน่าย ตำแหน่งดาวอะไรนั่นก็ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรก แค่ทำเพราะทนคำรบเร้ายัยไลลาไม่ได้แค่นั้น ใช่ว่าอยากเป็นที่ไหน วุ่นวายจะตาย
น่าเบื่อ!
ปึก⁓
วีด้าหลับตาข่มกลั้นอารมณ์สุดขีดเมื่อถูกคนตัวสูงผลักไหล่
“ทำไม พอไม่มีเพื่อนก็หง๋อยเลยสิ”
“ฉันมีเรียน แล้วก็ไม่ได้อยากมีเรื่องด้วย”
“ไหนใครที่ว่าเธอเก่งนักหนา แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ” อีกคนสาวเท้าตามคนตัวสูงมา
“จับมันไว้ ฉันจะทำให้นังนี่มันรู้ว่าการทำตัวเด่นเป็นยังไง” คนผมแดงสั่งเสียงกร้าว
วีด้าที่ร่างกายอ่อนแรงอยู่แล้วเมื่อถูกรวบจากคนที่มีขนาดตัวใหญ่กว่ามากก็ดิ้นไม่หลุด ในหัวปวดตุบ ๆ มองคนย่างก้าวมาอย่างลำพองแข็งกระด้าง ยังไม่ทันได้คำนวณองศาก็ถูกฝ่ามือฟาดลงมาที่แก้มข้างซ้ายอย่างแรง จนเธอหันไปตามความเร็วของการสะบัดมือ
“เก่งนักใช่ไหม” ด้วยความย่ามใจหญิงผมแดงหมายจะฟาดฝ่ามือลงแก้มเนียนอีกครั้ง
แต่แล้ว...
ตุบ ๆ ๆ ๆ
โอ๊ย , โอ๊ย , โอ๊ย
ความเร็วของพวกหล่อนยังช้ากว่าใครบางคน!
“ใครมันกล้าถีบฉัน” เมื่อทรงตัวขึ้นมาได้สาวผมแดงก็หันไปทางผู้มาใหม่
ส่วนเพื่อนสองคนที่ล้มไม่เป็นท่าเพราะถูกลูกถีบก็ลนลานรีบพยุงตัวขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งมาสมทบกันเผชิญหน้ากับวีด้าและสาวปริศนาคนนั้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“เล่นหมาหมู่กันแบบนี้จะไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยเหรอ”
สาวผมทองใบหน้าสะสวย ดวงตาสีอำพันจ้องคนทั้งสามเขม็งพลางประคองวีด้าให้ทรงตัวกลับมายืนตัวตรงได้อย่างเดิม
“แกเป็นใคร” หญิงตัวสูงตะเบ็งเสียงถาม
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ แต่เล่นหมาหมู่อย่างพวกเธอฉันไม่ชอบ”
สาวผมทองบอกด้วยโทนเสียงราบเรียบไร้แววเกรงกลัวคนที่ตัวใหญ่กว่า มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าถ้าตัวต่อตัวพวกหล่อน ‘ไม่เอาไหน’ อาศัยแค่พวกเยอะเท่านั้น ก่อนจะหันมาสำรวจคนถูกทำร้าย เจ้าของดวงตาสีอำพันก็เม้มปากแนบสนิทจนเป็นเส้นตรง
‘เธอคนนี้ไม่สบาย?’
“โอเคไหม”
“เจ็บนิดหน่อย” วีด้าตอบคนพยุงตัวเองไว้และยิ่งได้เห็นผู้ที่มาช่วยใกล้ ๆ ถึงได้เห็นว่า
‘สวยมาก’
สนามหญ้าหน้าคณะวิศกรรมศาสตร์ ก่อนหน้านิสิตยืนถ่ายรูปกันอยู่บ้างตามจุดต่าง ๆ ทว่าบัดนี้มีกลุ่มใหญ่อย่างสมาชิกสิงห์และผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยืนตีวงล้อมพวกเขา จุดใจกลางมีอชิระยืนข้างอชิตา ฝั่งตรงข้ามเจฟฟ์โอบไหล่น้องสาว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน โดยมีผู้ให้กำเนิดของทั้งสองฝั่งยืนขนาบข้างปิดท้ายที่ผู้สูงอายุกว่าใคร ๆ มองเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“หมายความว่ายังไงคะคุณตา ที่ว่าคุณปู่พี่อชิเป็นหมอประจำตัวน่ะค่ะ” วีด้ามองผู้เป็นตาด้วยความมึนงง จริงที่ว่าระหว่างครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดยี่สิบปี แต่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าท่านจะต้องมีแพทย์ประจำตัวติดกายไว้ตลอด แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยเจอบ้าง? ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ป๊ากับม๊า ซึ่งมีพ่อและแม่ของพี่อชิยืนอยู่ด้วย ยิ่งทำให้เธอมึนไปหมด เท่าที่รู้ไม่เคยเห็นพวกท่านทำตัวสนิทสนมหรือรู้จักกันมาก่อน สรุปแล้วสิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วที่ป๊าคัดค้านพี่อชิ ไม่ยอมรับความรักระหว่างเรามันหมายความว่ายังไง?“อย่าใช้เสียงแบบนั้นถามคุณตาวีด้า” รีน่าที่ไม่เคยดุลูกสาวปรามเสียงเข้ม “ไม่เป็นไรรีน่า เราเองที่ทำให้เด็ก ๆ ตกใจ
เป็นเดือนที่ทรมานสุด ๆ ป๊าไม่ถึงขั้นให้เราตัดขาดการติดต่อกัน เพียงแต่ว่าจะออกไปไหนตามลำพังไม่ได้ ตอนไปเรียนยังพอมีหวังว่าจะได้เจอพี่อชิบ้าง แต่เปล่าเลย! เวลาที่เธอว่างเขามักถูกอธิการเรียกให้ไปพบ กว่าจะปลีกตัวมาได้เธอก็ต้องไปเรียนแล้ว เป็นแบบนี้มาตลอด เธอโมโหจะตายอยู่แล้ววันนี้ต้องไม่พลาดแน่ เธอจะกอดพี่อชิให้หายคิดถึง และบอกว่าเราจะไม่ยอมแพ้ผู้ใหญ่เด็ดขาด แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนฟ้าจะไม่ฟังคำอ้อนวอนที่แสนปวดใจสักเท่าไหร่ เมื่อมาถึงมหา’ลัย เนืองแน่นไปด้วยบรรยากาศคึกคักในวันรับปริญญาของพวกเขา พี่อชิกลับไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆอธิการและสามีของท่านยืนขนาบข้างคนละฝั่งของคนประสบความสำเร็จ อชิตาตรงหน้าของเธอมีชายสูงอายุ ทว่าภูมิฐานน่าเป็นญาติผู้ใหญ่พวกเขาดูกำลังมีความสุข แล้วเธอล่ะ? ”หยุดทำไม ไม่เข้าไปเหรอ” ซันเดย์เอ่ยเมื่อเพื่อนที่กระตือรือร้นตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่กลับยืนนิ่งทั้งที่อชิระก็อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว“จะเข้าไปยังไง เห็นนั่นไหม ตรงไหนละที่วีพอจะไปยืนได้ ซันว่าวีควรทบทวนเรื่องระหว่างเราใหม่ดีไหม” เป็นคำถามที่ดูเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก ทว่าหัวใจนั้นกลับหนักอึ้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับพี
เข้าวันที่สี่นับตั้งแต่เรื่องระหว่างเธอและพี่อชิเป็นหัวข้ออ่อนไหวของป๊ากับม๊า ซ้ำผู้ช่วยคนสำคัญก็ถูกคุมเข้มหมายหัวห้ามช่วยเหลือเพื่อนเด็ดขาด ถูกตัดความช่วยเหลือทุกช่องทาง ไม่ใช่ว่าไม่เคยใช้ลูกไม้กับพวกท่านทว่าถูกมองออก ก็เลยต้องนั่งเครียดจ้องหน้าพี่ชายอยู่แบบนี้!“มันก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่หรอก เห็นหลังคาแต่เจอหน้าไม่ได้”เห็นน้องสาวไม่มีชีวิตชีวาคนเป็นพี่อย่างเขาก็ปวดใจ แต่ไหนเลยจะกล้าขัดผู้ใหญ่ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนคนในบ้านสำคัญสุด ป๊า ม๊า ไม่เคยพูดอะไรซ้ำสอง เด็ดขาดคำไหนคำนั้น ”วีโตแล้วนะคะ ทำไมพวกท่านยังมองว่าเด็ก ตัดสินใจเองไม่ได้” หลุบตามองต่ำ ไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่ คราแรกเหมือนจะไม่คัดค้านแต่พอพี่อชิอยากจะมาไหว้กลับบอกว่าไม่ว่าง ซะงั้น! ไม่เท่ากับกีดกันพวกเธอแล้วหรือยังไง“ห้ามร้องนะ พวกท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เอาไว้ให้อะไรมันดีกว่านี้เราต้องมีทางออกแน่”“แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ? ขนาดตัวไม่อยู่ยังรู้ทุกการเคลื่อนไหวพวกเราเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอพี่อชิเล่า”“เอาน่า! ไอ้อชิมันไม่ใช่พวกไม่เอาไหน ถ้ามันรักเธอจริงก็ต้องมีวิธีทำให้ป๊าใจอ่อนจนได้แหละ”เหมือนจะดี! แต่สุดท้
อาทิตย์ต่อมา...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้เวลาก็เลยผ่านข้ามมาอีกวัน ล่าสุดที่ได้คุยกันก็น่าจะเกือบ ๆ เดือนเลยนะพอรู้ว่าป๊ากับมาจะกลับมาเธอกับพี่เจฟฟ์ก็เตรียมตัวกันออกจากบ้านแต่เช้ามารอรับพวกท่านก่อนเวลา พี่เจฟฟ์ยกนาฬิกาข้อมือที่แพงแสนแพงของเขาขึ้นมาดู ก็คงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่คิดถึงป๊ากับม๊ามาก ๆ “น่าจะมาถึงกันแล้ว พี่ว่าเราเดินไปรอข้างหน้ากันดีกว่า” พี่ชายลุกจากที่นั่งตัวยาวแล้วหันมาบอกคนข้าง ๆ คว้าข้อมือเล็กเดินไปพร้อมกัน “พี่ว่าพวกท่านจะมีน้องกลับมาฝากเราไหม” พูดไปก็หัวเราะไปพลาง ครั้งหนึ่งเคยบอกพวกท่านว่าอยากได้น้องสักคน แล้วครั้งนี้พวกท่านก็ไปกันนานมาก... น่าจะมีอะไรพิเศษกลับมาบ้างละนา!“คงอยู่กับไอ้อชิมากไปถึงได้มีแต่เรื่องไร้สาระนะเธอเนี่ย” “ทำไมว่าน้องอะ แล้วพี่อชิมาเกี่ยวอะไรด้วยอย่าโยงไปมั่วสิ ก็วีอยากมีน้องนี่น่า” เจฟฟ์เอียงหน้าลงมองน้องสาวด้วยสายตาปราม เดี๋ยวนี้แตะต้องไม่ได้แล้วเพื่อนเขาน่ะ “เพราะมันสอนแต่ละอย่างให้เธอดูสิ! รู้งี้ไม่ยอมตั้งแต่แรกก็จบ” “นี่น้องไงพี่เจฟฟ์ อย่าใจร้ายสิคะ เราตกลงกันแล้วไง” ว่าพี่ชายดุม
ริมฝีปากร้อนจัดหันมาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มแสนหวานอย่างดูดดื่ม หัวใจดวงนี้พื้นที่เต็มไปด้วยผู้หญิงที่ชื่อวีด้า คู่ชีวิต ลมหายใจเขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะฝากมันไว้กับเธอ จะไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคของเส้นทางรักของเขาได้เป็นอันขาด“อื้อ” “อ๊า” วีด้าเผยอปากเปิดกว้างเป็นโอกาสให้เรียวลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจภายในโพรงนุ่มอชิระเรียกร้องหาความหวานจากแฟนสาว ขบเม้มดูดดึงปากนิ่มอย่างโหยหา ลิ้นสากซอกซอนเกี่ยวพันละเลงทั่วทั้งลิ้นหวานอย่างช่ำชอง“อื้ม”เสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจเปล่งออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ผละมันออก ”แต่เธอมีความผิดอยู่จำได้หรือเปล่า” ย้ำเสียงพร่าแต่สายตาจ้องริมฝีปากบวมเจ่ออย่างคาดโทษ“ผิดอะไรคะ วีจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรตอนไหน” ค้านเสียงสั่น พลางสูดลมถี่ ๆ เพราะจูบดูดวิญญาณ หากเขาไม่หยุดเธอคงขาดใจตายไปแล้วแน่เลย“จำไม่ได้พี่ก็จะค่อย ๆ บอกทีละอย่าง จนกว่าเธอจะเข้าใจ” ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาว ฟันซี่คมขบกัดเนินเนื้อนูนระหว่างสองเต้าด้วยความกระสันใคร่ แลบลิ้นเลียผิวผุดผ่องทิ้งน้ำลายเปียกแฉะทั่วบริเวณ“อืม พี่อชิ” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนรักเมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหาย ก้านนิ้วเรียวล
อชิระยืนหน้าเคร่งขรึมครั้นมารดาปล่อยท่อนแขนให้เป็นอิสระ เดินกันออกมาห่างจากหอประชุมใหญ่มากพอควร ลมหายใจหนัก ๆ พ่นอย่างแรงสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่เข้าใจท่านตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ว่าทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร ถ้าแค่ต้องการเอาคืนเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะไปลงที่วีด้า“พอเถอะครับแม่ วีไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ที่ผ่านมาเป็นผมที่ดื้อรั้น อย่าทำอะไรให้เธอต้องลำบากใจมากไปกว่านี้อีกเลยครับ”“ลูกกำลังต่อว่าแม่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรออชิ”“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมขอร้องได้ไหมครับ อย่าบังคับให้เธอต้องทำอะไรแบบนี้อีก”“บังคับ! ลูกคิดแบบนั้นเหรอ ทำไมถึงคิดตื้นเขินนัก ไหนบอกว่าจริงจังกับเด็กคนนี้ แค่นี้ก็มองไม่ออกเชียวหรือว่าเธอเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ไปทบทวนเสียใหม่ว่าสมควรหรือไม่ที่จะใช้คำว่าคนรักกับเด็กคนนั้น เพราะถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้แล้วละก็ อย่าแม้แต่จะเข้าหาครอบครัวเธอเลย” อชิระคิ้วขมวดเป็นปมเพราะคำของผู้เป็นแม่ การกระทำทั้งหมดเหมือนกับว่าจะไม่พอใจวีด้า คำพูดเมื่อครู่ที่ว่าเรื่องครอบครัวของเธอนั้นยังไงกันแน่!“แม่รู้อะไรมาครับ”“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อย่าทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด จำคำแม่ไว้ให้