วีด้าออกมาพร้อมกับเหยือกน้ำใบใหญ่และแก้วครบจำนวนของเพื่อนพี่ชาย เธอวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาทางเจฟฟ์
“วีเตรียมของไว้นิดหน่อย เดี๋ยวเอาออกมาให้นะคะ”
“ไม่ได้ทำครัวเละใช่ไหม พี่ไม่อยากลุกขึ้นมาเก็บตอนเช้านะ” เจฟฟ์เอี่ยวหน้ามาล้อน้องสาว และเสียงหัวเราะเบา ๆ ก็หลุดออกมาเมื่อเธอย่นจมูกรั้น ๆ ตอบกลับคำพูดของตน
“งั้นเดี๋ยวกูไปดูวี” ไลก้าผุดลุกจากที่นั่งก่อนที่วีด้าจะเดินฝ่าความมืดกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง
“ให้ฉันไปดีกว่าไหม นายนั่งดื่มกับพวกนี้ดีกว่า” ซอลเมื่อเห็นว่าควรเป็นตัวเองมากกว่าที่ต้องไปช่วยน้องสาวเจฟฟ์ ทว่ากลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยเจ้าของบ้าน
“ไม่ต้องหรอกให้ไอ้ก้านั่นแหละไป มันรู้จักที่นี่ดีหลับตาเดินยังได้เลย”
“ทีกับไอ้ก้ามึงไม่หวงน้องบ้างวะ” สิ้นคำวิกเตอร์ก็แทบหลบเท้าของเจฟฟ์ไม่ทัน
“ไอ้ที่อยู่ในมือน่ะยัดเข้าไป เดี๋ยวจะไม่ได้กินดีอะมึง กวนประสาท”
“โหดแต่กับกูนี่แหละ อย่าให้ต้องไปเรียนบ้างแล้วกัน รับรองว่าความไวเหนือชั้นกว่ามึงแน่”
“อย่าดีแต่พูด สี่ปีแล้วไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้านอกจากตีนเอาไว้เหยียบเกียร์มึงน่ะ”
วิกเตอร์หมดคำจะแก้ตัว เพราะนอกจากความเร็วของฝีเท้าในการเหยียบคันเร่งแล้ว นอกนั้นก็เทียบอะไรเจฟฟ์ไม่ได้เลย อาเชอร์และซอลยิ้มขำ รวมกลุ่มกันเมื่อไหร่วิกเตอร์เป็นต้องโดนคนแรกก็เพราะความปากไวของเขานี่แหละ
ส่วนอชิระนั้นถึงจะยิ้มให้กับเหตุการณ์ตรงหน้าก็จริง ทว่าในหัวนั้นมีเรื่องหนึ่งรบกวนอยู่ตลอด!
ห้องครัว
วีด้าตักอาหารที่ตัวเองทำไว้ก่อนพี่ชายจะมาถึงเป็นเมนูง่าย ๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรสองอย่างใส่จาน ยังใจเต้นไม่หายเรื่องหนีเขาไปดูแข่งรถที่ YOLO
“ทีหลังอย่าแอบไปที่นั่นอีกนะวี”
“ว้าย! พี่ก้า ทำอะไรของพี่เนี่ย วีเกือบทำจานยำตกแตกเลยเห็นไหม”
เสียงถอนหายใจดังมาจากเจ้าของร่างเล็กพรูใหญ่ คิ้วโก่งสวยเปลี่ยนเป็นขมวดยุ่งก่อนจะหันมาทางกายสูงยืนพิงบาร์ด้านข้าง
“เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะคะ” พอเรียกสติตัวเองกลับมาได้ถึงได้ถามถึงคำพูดของเขา
“อย่าไปโยโลตามลำพังแบบนั้นอีก” ทิ้งมือที่กอดกันอยู่ตรงหน้าอกลงขนาบลำตัว แล้วเดินเข้ามาหาคนอ้าปากค้างดวงตาที่โตอยู่แล้วก็แทบจะถลนออกมา
หึ!
เรียวนิ้วสวยแตะปลายคางมนให้กลีบปากปิดเข้าหากันดังเดิมก่อนที่จะมีตัวแมลงอะไรสักอย่างบินเข้าไปอยู่ภายในท้องคนตัวแสบเสียก่อน
วีด้าสะดุ้ง ไม่เพราะสัมผัสจากไลก้าแต่ทว่าไม่คิดจะถูกจับได้ เรื่องนี้จะรู้ไปถึงหูพี่ชายเธอหรือยัง?
“พี่ได้บอกพี่เจฟฟ์ไหม” เสียงเป็นกังวลเปล่งออกมาแผ่วเบา
โป้ก⁓
“โอ๊ย⁓ เจ็บนะพี่ก้า” มือเล็กยกขึ้นทาบความร้อนที่พึ่งถูกนิ้วแข็งดีดเข้าให้ ถึงไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่ก็ขอแสดงก่อนเพื่อเรียกร้องความสงสาร
“แทนที่จะกลัวว่าตัวเองจะเป็นอันตรายไหม มากกว่าพี่ชายเธอจะรู้หรือเปล่านะวีด้า ทำแบบนี้รู้ไหมว่าผิด?” คนตัวสูงตวัดสายตาลง เอ่ยเสียงเย็นเยียบตำหนิการกระทำของคนตรงหน้า ถึงแม้จะใจอ่อนยวบทันทีเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยสั่นไหว
“รู้ค่ะ” ยอมรับผิดเสียงอ่อย
“พี่เจฟฟ์รู้ไหม” นี่สิสำคัญกว่าขืนรู้เธอตายแน่
“ครั้งหน้ารู้แน่” จะใจแข็งให้เธอได้สักเท่าไหร่ กายสูงผ่อนความแข็งกระด้างของตัวเองลง จากนั้นก็ก้าวไปยืดชิดวีด้ามากขึ้น
“อย่านะคะ วีไม่ทำอีกแล้วพี่ก้าอย่าบอกพี่เจฟฟ์เลยนะ นะ ๆ สาบานเลย” เงยหน้าขึ้นส่งสายตาอ้อนวอนพลางยกฝ่ามือเล็กสาบานเสียงกระตือรือร้น
ไลก้ากลั้นยิ้มจนหน้าแทบเป็นตะคิว เขากระแอมไอหลังจากที่เห็นว่าขู่จอมแสบได้สำเร็จ
“อืม...พี่ไม่บอกมันก็ได้ แต่วีต้องสัญญากับพี่ว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“สัญญาค่ะ”
“ดีมาก หรือถ้าอยากไปจริง ๆ ก็บอกไอ้เจฟฟ์มันตรง ๆ”
“ขอพี่เจฟฟ์ก็ไม่ให้ไปอยู่ดี” ตอบเสียงเบา
“ลองดูหรือยัง”
วีด้าส่ายหน้าแทนคำตอบ
“คิดไปเอง มันไม่ได้ใจร้ายกับเธอขนาดนั้น” เขารู้ดีกว่าใครเพราะอะไรเพื่อนถึงไม่อยากให้น้องสาวพาตัวเองไปอยู่ในวงล้อมพวกนั้น
“จริงเหรอคะ”
“หึ ก็ลองถามดูเองสิ เจฟฟ์มันเป็นพี่ชายเธอนะ”
“อ้าว!” สุดท้ายก็มาจบอยู่ที่เธออยู่ดีไม่ใช่หรือไง แล้วจะพูดให้ดีใจเพื่อ!!
“มาอ้าวอะไร อยากได้อะไรก็ต้องทำด้วยตัวเองสิ พี่ยกจานนี้ออกไปนะ มีแค่นี้ใช่ไหม” ไลก้าหยิบจานยำและไก่ทอดขึ้นมาแล้วก้าวออกมาจากห้องครัว ยิ้มมุมปากยกขึ้นเมื่อพ้นใบหน้าบูดบึ้ง
“นึกว่าจะรอด สุดท้ายก็ถูกบ่นอยู่ดี เฮ้อ...ทำไงได้แกอยากมีพี่ชายโหดทำไมกัน” ว่าแล้วก็หันไปสนใจสิ่งที่ทำค้างเอาไว้ก่อนไลก้าจะเข้ามา จากนั้นถึงได้ตามเขาออกไป
เวลา 23:17 นาฬิกา
เจฟฟ์หันไปเห็นน้องสาวนั่งปิดปากหาวพอดี ตอนแรกไม่อยากให้เธอนั่งร่วมวงด้วยเลยสักนิด ติดที่ซอลขอไว้ ทั้งสองถึงได้คุยกันจนถูกคอ อาจเป็นเพราะว่าเรียนคณะเดียวกันถึงแม้จะคนละสาขาก็เถอะ แต่ก็เป็นซอลหรอกเขาถึงได้ยอม
“ง่วงก็ขึ้นไปนอน ของพวกนี้เดี๋ยวพี่เก็บเอง”
“อุ๊ย! พี่ลืมดูเวลาไปเลย วีไปนอนก่อนก็ได้นะ เอาไว้เราค่อยเจอกันที่มอ” ซอลบอกกับน้องสาวเพื่อนทันทีเมื่อยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู ปกติไม่ค่อยได้สนิทกับใครมากนักที่มหา’ลัยแต่เพราะวีด้าทั้งน่ารักแล้วก็มีนิสัยคล้าย ๆ กันจึงรั้งเอาไว้จนดึก
“ก็ได้ค่ะ วีเก็บที่หมดแล้วเอาไปไว้ในครัว แล้วพี่ก็อย่าอยู่ดึกนักมีเรียนเช้าเหมือนกัน” บอกกับพี่ชายแล้วหันมาบอกลาซอลและคนอื่น ๆ กระทั่งสะดุดกับคนสุดท้าย
พี่อชิ! ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองไหม ตั้งแต่มานั่งตรงนี้บ่อยครั้งเห็นว่าเขามักจะเหลือบหางตามาทางเธอและพี่ซอลตลอด อย่าบอกนะว่าพี่อชิแอบชอบพี่ซอลน่ะ! แต่ตอนเดินเข้ามาพี่อาเชอร์โอบเอวพี่ซอลเข้ามานี่น่า?
‘เป็นรักสามเศร้างั้นเหรอ?’
ยิ้มแห้งส่งให้อชิระหลังจากที่ตัดสินไปแล้วว่าคงเป็นอย่างที่ตัวเองคิด น่าเห็นใจพี่เขาอยู่นะแอบชอบแฟนเพื่อนตัวเองคงลำบากใจสุด ๆ แต่พี่ซอลก็สวยมากจริง ๆ ไม่แปลกหากว่าพี่อชิจะคิดแบบนั้น
“ปวดท้องว่ะ เข้าห้องน้ำหน่อยนะเจฟฟ์” คล้อยหลังวีด้าไปไม่นานอชิระก็วางแก้วเหล้าในมือลง ดันตัวขึ้นก่อนจะเอ่ยขออนุญาตเจ้าของบ้าน
“ไปดิ เลยห้องครัวไปหน่อยนะ”
“อืม” ตอบรับแค่นั้นอชิระก็เร่งฝีเท้าเข้าไปในตัวบ้าน
วีด้าเช็ดมือหลังจากล้างจานพวกนั้นเสร็จ เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับเพื่อนพี่ชาย เพราะนอกจากพี่ก้าแล้วก็ไม่เคยได้เจอกันซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้ นอกจากผ่านนักศึกษาคนอื่นหรือไม่ก็เพื่อนในห้องที่มักจะหวีดพวกเขากัน
อีกอย่างคณะของเธอกับเขาอยู่ห่างกันมาก หากไม่จงใจจริง ๆ ไม่มีทางเจอกันที่นั่น
เมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรต้องเก็บอีกก็เลยจะขึ้นไปนอนเพราะมีเรียนเก้าโมง ทว่ายังไม่พ้นประตูก็ถูกขวางด้วยร่างสูงของเพื่อนพี่ชายเสียก่อน
“พี่อชิ!”
“ชู่ว์” นิ้วชี้ยกขึ้นป้องปากตัวเองส่งสัญญาณให้น้องสาวเพื่อนอย่าเอ็ดไป
วีด้าก้าวถอยหลังเมื่อกายสูงสืบเท้าเข้ามาใกล้ จะไม่ทำอย่างนี้เลยถ้าสายตาคมดุคู่นี้ไม่มองเหมือนกับว่าเธอเป็นของกิน!
“อ๊ะ ทำอะไรของพี่คะ?”
พี่อชิดันไหล่เธอชิดกับผนังห้องครัว แขนใหญ่ยันกับพื้นแข็งรวดเร็วเมื่อเธอกำลังจะโยกตัวหลบจากการบุกมาอย่างอุกอาจ
ระแวงว่าพี่เจฟฟ์จะเข้ามาเห็นหรือเปล่า เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ในระยะใกล้ และมันใกล้มาก ๆ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนเป่ารดใบหน้า กลิ่นบุหรี่เย็นซึ่งไม่รู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไรบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมคละเคล้านชวนให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
มิหนำซ้ำเขายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้...
“จะหลบทำไม?”
‘จะไม่ให้เธอหลบได้ยังไง อีกนิดเดียวปากพี่เขาก็จะแตะปากเธอแล้ว!’
หัวใจเจ้ากรรมนี้ก็เต้นแรงเหลือเกินเบาลงหน่อยก็ได้ไหม?วีด้ายกมือดันหน้าท้องของกายสูง สัมผัสแรกก็ทำให้สั่นเทาไปทั้งตัว
พี่อชิเนื้อตรงนี้แน่นมากเรียกได้ว่าฟิตเปรี้ยะ เธอไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามเขาแต่อย่างใด แต่หากไม่ทำแบบนี้เราก็แทบจะแนบชิดเป็นปาท่องโก๋
“ขะ ขยับออกไปหน่อยได้ไหมคะ” กลั้นลมหายใจสุดฤทธิ์ จนรู้สึกว่าตัวเองจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
แทนที่อชิระจะทำอย่างที่น้องสาวเพื่อนบอกแต่เขากลับโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนตัวเล็กมากขึ้นไปอีก ยิ่งได้เห็นว่าวีด้ากัดริมฝีปากตัวเองแน่นเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอก็เปล่งออกมาให้ได้ยิน แล้วยังจงใจเป่าลมผ่านผิวขาวตรงซอกคอของเธอ เป็นผลให้ไหล่เล็กหดเข้าหาตัว คนที่หลบหน้าหนีก็เลยหันกลับมา...
“วีบอกวะ...อื้อ” เสียงสั่นกำลังจะเอ่ยย้ำก็หายไปพร้อมกับเรียวปากร้อนที่ปิดลงมา!
สนามหญ้าหน้าคณะวิศกรรมศาสตร์ ก่อนหน้านิสิตยืนถ่ายรูปกันอยู่บ้างตามจุดต่าง ๆ ทว่าบัดนี้มีกลุ่มใหญ่อย่างสมาชิกสิงห์และผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยืนตีวงล้อมพวกเขา จุดใจกลางมีอชิระยืนข้างอชิตา ฝั่งตรงข้ามเจฟฟ์โอบไหล่น้องสาว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน โดยมีผู้ให้กำเนิดของทั้งสองฝั่งยืนขนาบข้างปิดท้ายที่ผู้สูงอายุกว่าใคร ๆ มองเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“หมายความว่ายังไงคะคุณตา ที่ว่าคุณปู่พี่อชิเป็นหมอประจำตัวน่ะค่ะ” วีด้ามองผู้เป็นตาด้วยความมึนงง จริงที่ว่าระหว่างครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดยี่สิบปี แต่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าท่านจะต้องมีแพทย์ประจำตัวติดกายไว้ตลอด แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยเจอบ้าง? ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ป๊ากับม๊า ซึ่งมีพ่อและแม่ของพี่อชิยืนอยู่ด้วย ยิ่งทำให้เธอมึนไปหมด เท่าที่รู้ไม่เคยเห็นพวกท่านทำตัวสนิทสนมหรือรู้จักกันมาก่อน สรุปแล้วสิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วที่ป๊าคัดค้านพี่อชิ ไม่ยอมรับความรักระหว่างเรามันหมายความว่ายังไง?“อย่าใช้เสียงแบบนั้นถามคุณตาวีด้า” รีน่าที่ไม่เคยดุลูกสาวปรามเสียงเข้ม “ไม่เป็นไรรีน่า เราเองที่ทำให้เด็ก ๆ ตกใจ
เป็นเดือนที่ทรมานสุด ๆ ป๊าไม่ถึงขั้นให้เราตัดขาดการติดต่อกัน เพียงแต่ว่าจะออกไปไหนตามลำพังไม่ได้ ตอนไปเรียนยังพอมีหวังว่าจะได้เจอพี่อชิบ้าง แต่เปล่าเลย! เวลาที่เธอว่างเขามักถูกอธิการเรียกให้ไปพบ กว่าจะปลีกตัวมาได้เธอก็ต้องไปเรียนแล้ว เป็นแบบนี้มาตลอด เธอโมโหจะตายอยู่แล้ววันนี้ต้องไม่พลาดแน่ เธอจะกอดพี่อชิให้หายคิดถึง และบอกว่าเราจะไม่ยอมแพ้ผู้ใหญ่เด็ดขาด แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนฟ้าจะไม่ฟังคำอ้อนวอนที่แสนปวดใจสักเท่าไหร่ เมื่อมาถึงมหา’ลัย เนืองแน่นไปด้วยบรรยากาศคึกคักในวันรับปริญญาของพวกเขา พี่อชิกลับไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆอธิการและสามีของท่านยืนขนาบข้างคนละฝั่งของคนประสบความสำเร็จ อชิตาตรงหน้าของเธอมีชายสูงอายุ ทว่าภูมิฐานน่าเป็นญาติผู้ใหญ่พวกเขาดูกำลังมีความสุข แล้วเธอล่ะ? ”หยุดทำไม ไม่เข้าไปเหรอ” ซันเดย์เอ่ยเมื่อเพื่อนที่กระตือรือร้นตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่กลับยืนนิ่งทั้งที่อชิระก็อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว“จะเข้าไปยังไง เห็นนั่นไหม ตรงไหนละที่วีพอจะไปยืนได้ ซันว่าวีควรทบทวนเรื่องระหว่างเราใหม่ดีไหม” เป็นคำถามที่ดูเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก ทว่าหัวใจนั้นกลับหนักอึ้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับพี
เข้าวันที่สี่นับตั้งแต่เรื่องระหว่างเธอและพี่อชิเป็นหัวข้ออ่อนไหวของป๊ากับม๊า ซ้ำผู้ช่วยคนสำคัญก็ถูกคุมเข้มหมายหัวห้ามช่วยเหลือเพื่อนเด็ดขาด ถูกตัดความช่วยเหลือทุกช่องทาง ไม่ใช่ว่าไม่เคยใช้ลูกไม้กับพวกท่านทว่าถูกมองออก ก็เลยต้องนั่งเครียดจ้องหน้าพี่ชายอยู่แบบนี้!“มันก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่หรอก เห็นหลังคาแต่เจอหน้าไม่ได้”เห็นน้องสาวไม่มีชีวิตชีวาคนเป็นพี่อย่างเขาก็ปวดใจ แต่ไหนเลยจะกล้าขัดผู้ใหญ่ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนคนในบ้านสำคัญสุด ป๊า ม๊า ไม่เคยพูดอะไรซ้ำสอง เด็ดขาดคำไหนคำนั้น ”วีโตแล้วนะคะ ทำไมพวกท่านยังมองว่าเด็ก ตัดสินใจเองไม่ได้” หลุบตามองต่ำ ไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่ คราแรกเหมือนจะไม่คัดค้านแต่พอพี่อชิอยากจะมาไหว้กลับบอกว่าไม่ว่าง ซะงั้น! ไม่เท่ากับกีดกันพวกเธอแล้วหรือยังไง“ห้ามร้องนะ พวกท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เอาไว้ให้อะไรมันดีกว่านี้เราต้องมีทางออกแน่”“แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ? ขนาดตัวไม่อยู่ยังรู้ทุกการเคลื่อนไหวพวกเราเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอพี่อชิเล่า”“เอาน่า! ไอ้อชิมันไม่ใช่พวกไม่เอาไหน ถ้ามันรักเธอจริงก็ต้องมีวิธีทำให้ป๊าใจอ่อนจนได้แหละ”เหมือนจะดี! แต่สุดท้
อาทิตย์ต่อมา...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้เวลาก็เลยผ่านข้ามมาอีกวัน ล่าสุดที่ได้คุยกันก็น่าจะเกือบ ๆ เดือนเลยนะพอรู้ว่าป๊ากับมาจะกลับมาเธอกับพี่เจฟฟ์ก็เตรียมตัวกันออกจากบ้านแต่เช้ามารอรับพวกท่านก่อนเวลา พี่เจฟฟ์ยกนาฬิกาข้อมือที่แพงแสนแพงของเขาขึ้นมาดู ก็คงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่คิดถึงป๊ากับม๊ามาก ๆ “น่าจะมาถึงกันแล้ว พี่ว่าเราเดินไปรอข้างหน้ากันดีกว่า” พี่ชายลุกจากที่นั่งตัวยาวแล้วหันมาบอกคนข้าง ๆ คว้าข้อมือเล็กเดินไปพร้อมกัน “พี่ว่าพวกท่านจะมีน้องกลับมาฝากเราไหม” พูดไปก็หัวเราะไปพลาง ครั้งหนึ่งเคยบอกพวกท่านว่าอยากได้น้องสักคน แล้วครั้งนี้พวกท่านก็ไปกันนานมาก... น่าจะมีอะไรพิเศษกลับมาบ้างละนา!“คงอยู่กับไอ้อชิมากไปถึงได้มีแต่เรื่องไร้สาระนะเธอเนี่ย” “ทำไมว่าน้องอะ แล้วพี่อชิมาเกี่ยวอะไรด้วยอย่าโยงไปมั่วสิ ก็วีอยากมีน้องนี่น่า” เจฟฟ์เอียงหน้าลงมองน้องสาวด้วยสายตาปราม เดี๋ยวนี้แตะต้องไม่ได้แล้วเพื่อนเขาน่ะ “เพราะมันสอนแต่ละอย่างให้เธอดูสิ! รู้งี้ไม่ยอมตั้งแต่แรกก็จบ” “นี่น้องไงพี่เจฟฟ์ อย่าใจร้ายสิคะ เราตกลงกันแล้วไง” ว่าพี่ชายดุม
ริมฝีปากร้อนจัดหันมาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มแสนหวานอย่างดูดดื่ม หัวใจดวงนี้พื้นที่เต็มไปด้วยผู้หญิงที่ชื่อวีด้า คู่ชีวิต ลมหายใจเขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะฝากมันไว้กับเธอ จะไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคของเส้นทางรักของเขาได้เป็นอันขาด“อื้อ” “อ๊า” วีด้าเผยอปากเปิดกว้างเป็นโอกาสให้เรียวลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจภายในโพรงนุ่มอชิระเรียกร้องหาความหวานจากแฟนสาว ขบเม้มดูดดึงปากนิ่มอย่างโหยหา ลิ้นสากซอกซอนเกี่ยวพันละเลงทั่วทั้งลิ้นหวานอย่างช่ำชอง“อื้ม”เสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจเปล่งออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ผละมันออก ”แต่เธอมีความผิดอยู่จำได้หรือเปล่า” ย้ำเสียงพร่าแต่สายตาจ้องริมฝีปากบวมเจ่ออย่างคาดโทษ“ผิดอะไรคะ วีจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรตอนไหน” ค้านเสียงสั่น พลางสูดลมถี่ ๆ เพราะจูบดูดวิญญาณ หากเขาไม่หยุดเธอคงขาดใจตายไปแล้วแน่เลย“จำไม่ได้พี่ก็จะค่อย ๆ บอกทีละอย่าง จนกว่าเธอจะเข้าใจ” ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาว ฟันซี่คมขบกัดเนินเนื้อนูนระหว่างสองเต้าด้วยความกระสันใคร่ แลบลิ้นเลียผิวผุดผ่องทิ้งน้ำลายเปียกแฉะทั่วบริเวณ“อืม พี่อชิ” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนรักเมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหาย ก้านนิ้วเรียวล
อชิระยืนหน้าเคร่งขรึมครั้นมารดาปล่อยท่อนแขนให้เป็นอิสระ เดินกันออกมาห่างจากหอประชุมใหญ่มากพอควร ลมหายใจหนัก ๆ พ่นอย่างแรงสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่เข้าใจท่านตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ว่าทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร ถ้าแค่ต้องการเอาคืนเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะไปลงที่วีด้า“พอเถอะครับแม่ วีไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ที่ผ่านมาเป็นผมที่ดื้อรั้น อย่าทำอะไรให้เธอต้องลำบากใจมากไปกว่านี้อีกเลยครับ”“ลูกกำลังต่อว่าแม่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรออชิ”“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมขอร้องได้ไหมครับ อย่าบังคับให้เธอต้องทำอะไรแบบนี้อีก”“บังคับ! ลูกคิดแบบนั้นเหรอ ทำไมถึงคิดตื้นเขินนัก ไหนบอกว่าจริงจังกับเด็กคนนี้ แค่นี้ก็มองไม่ออกเชียวหรือว่าเธอเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ไปทบทวนเสียใหม่ว่าสมควรหรือไม่ที่จะใช้คำว่าคนรักกับเด็กคนนั้น เพราะถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้แล้วละก็ อย่าแม้แต่จะเข้าหาครอบครัวเธอเลย” อชิระคิ้วขมวดเป็นปมเพราะคำของผู้เป็นแม่ การกระทำทั้งหมดเหมือนกับว่าจะไม่พอใจวีด้า คำพูดเมื่อครู่ที่ว่าเรื่องครอบครัวของเธอนั้นยังไงกันแน่!“แม่รู้อะไรมาครับ”“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อย่าทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด จำคำแม่ไว้ให้