สาวผมทองเองก็นิ่งไปชั่วครู่ เมื่อได้สบตากับเจ้าของดวงตาสุกใสสีพีนัท
‘สวยจนใจเจ็บ’
เพราะมัวแต่ตกตะลึงในความสวยของอีกฝ่าย สะโพกของเธอจึงถูกสิ่งที่อยู่ต่ำสุดถีบเข้าให้ หญิงสาวถลาด้วยแรงไม่มากนัก ดีที่มีอ้อมแขนของสาวนัยน์ตาสวยประคองไว้
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร ระวัง!”
วีด้าผลักคนในอ้อมแขนออกเบา ๆ เมื่อฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามา ครั้งนี้เธอมีสติกว่าตอนแรกจึงได้สวนอีกฝ่ายกลับไปเต็มหน้าท้องจนคนตัวสูงล้มไม่เป็นท่า
จากนั้นสาวผมแดงยังไม่ทันได้ตวัดขาด้วยซ้ำก็ล้มกลิ้งไปกองที่พื้นเพราะลูกเตะของคนที่เข้ามาช่วยเธอ
ส่วนคนสุดท้ายพอเห็นว่าเพื่อนน่วมแม้แต่แรงจะลุกยังไม่มีก็ยืนตัวสั่น ก่อนจะหันไปพยุงเพื่อนทั้งสองแทน
“ฉันจะฟ้องอธิการว่าแกใช้ความรุนแรง แล้วก็ทำร้ายร่างกายพวกฉัน”
สาวผมแดงยังทรงตัวไม่ตรงเลยด้วยซ้ำก็หมายหัววีด้าเอาไว้แล้ว อีกทั้งชี้หน้าทั้งสองอย่างคาดโทษ ส่วนลูกกระจ๊อกอีกสองคนก็ดูเหมือนจะไม่มีหัวคิดเป็นของตัวเองเอาแต่เชิดคอพยักหน้าตาม
“ก็ลองดู ฉันมีหลักฐานว่าเธอคนนี้ถูกทำร้าย แล้วก็สามรุมหนึ่งด้วย ได้ข่าวที่มอนี้เคร่งครัดเรื่องนี้ด้วยสิ! จะแลกก็ได้นะ”
สาวผมทองชูมือถือในมือให้ทั้งสามคนได้เห็นว่าตนเองมีหลักฐานเอาผิดพวกหล่อนได้
“แกเอาไงดี ครั้งนี้เราโดนหนักแน่ถ้าเรื่องถึงหูอธิการ”
หญิงตัวสูงเหมือนจะเป็นกังวลมากกว่าใคร น้ำเสียงถึงได้สั่นก็เลยพลอยทำให้อีกสองคนหน้าเสียตามไปด้วย
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันไม่ได้กลัวหรอกนะ อย่าพึ่งได้ใจไป”
สาวผมแดงโพล่งออกมาหลังจากเห็นมือถือในมือสาวสวยผมทอง และร่องรอยบนท้องก็ยังเล่นงานจนทรงตัวได้ยาก หลังจากทิ้งท้ายคำนั้นพวกหล่อนก็หันหลังจ้ำเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“นึกว่าจะแน่”
สาวผมทองบริภาษไล่หลังนักศึกษาทั้งสาม ลดมือถือลงแล้วสอดเข้าไปในกระเป๋าสะพายของตัวเอง
“พูดจริงเหรอเรื่องคลิปนั่น”
วีด้าหันมาถามเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
“ไม่มี เราโกหก ใครจะไปตั้งกล้องไว้กันเล่า อุ๊ย! ปากเธอเลือกออกด้วย” ว่าพลางแตะปลายนิ้วลงผิวปริแตก
“อ๊ะ! ซี้ด”
วีด้าถึงกับสะดุ้ง แต่ที่ตกใจไม่ใช่เพราะเจ็บอะไรมากนัก หากแต่เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายประชิดตัวอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใยทั้งที่พึ่งเจอหน้า แล้วตนยังเป็นต้นเหตุทำให้หล่อนเจ็บตัวตามไปด้วย
“ขอโทษนะที่ทำให้พลอยโดนลูกหลง เจ็บตรงไหนมากหรือเปล่า”
วีด้าสำรวจเนื้อตัวของอีกฝ่ายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความกังวล ซึ่งปฏิกิริยาของเธอทำให้สาวผมทองถึงกับยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรแค่นี้เองสบายมากเราซันเดย์ มาจากแคนาดา ย้ายมาเรียนที่นี่วันแรก” ไม่นึกว่าพอมาเรียนที่ใหม่ก็จะเจอกับเรื่องสนุก ๆ เลย ยิ้มเท่ฉายทั่วดวงหน้าสาวลูกครึ่งแคนาดา
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นสาวสวยคนนี้เดินมาด้วยท่าทางอึน ๆ รอยยิ้มแรกนับจากมาเหยียบเมืองไทยก็แต่งแต้มมุมปากอวบอิ่ม กระทั่งเห็นว่าเธอถูกทำร้ายก็ไม่นิ่งดูดายยื่นมือเข้ามาช่วยทั้งที่เป็นคนไม่ยอมยุ่งเรื่องชาวบ้านสักนิด!
“เราวีด้า ยินดีที่ได้รู้จักแล้วก็ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้ด้วย”
วีด้ายิ้มสวยเต็มไปด้วยความจริงใจ
“อ้อ...งั้นซันเดย์ก็ต้องไปห้องวิชาการใช่ไหม นี่เราทำเธอเสียเวลาหรือเปล่า” พอนึกขึ้นได้ว่าสาวนักศึกษาใหม่จากแคนาดามีน้ำใจมาช่วยจนพลาดไปรายงานตัวอาจจะโดนต่อว่าได้
หมับ!
ซันเดย์มองข้อมือตัวเองที่ถูกคว้าด้วยเจ้าของมือนุ่ม แล้วจึงยกระดับสายตามาอยู่บนกรอบหน้าสวย จากนั้นก็คว้าข้อมือของอีกฝ่ายมาไว้ในอุ้งมือตัวเองอีกที
“ไม่เลย ซันไปรายงานตัวมาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าตึกนิเทศฯ ไปทางไหน”
ซันเดย์ใช้ชื่อเล่นแทนการพูดถึงตัวเอง ต้องการสนิทกับคนตัวเล็กกว่านี้ ทั้งรอยยิ้มและแววตาดึงดูดให้เข้าหา อยากอยู่ใกล้ ๆ
“อะ...อ้าวเหรอ!”
เป็นวีด้าที่เริ่มทำตัวไม่ถูก
“ไปพร้อมเราก็ได้ กำลังจะไปพอดี” ยิ้มอ่อนมอบให้กับสาวแคนาดา
“ไม่เรียกแทนตัวเองแบบนั้นได้ไหม ซันยังใช้ชื่อตัวเองเลย หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” กดนัยน์ตาสีอ่อนลง
“วี ไปพร้อมวีก็ได้” เห็นสีหน้าผิดหวังของคนยื่นมือเข้าช่วยก็ไม่กล้าปฏิเสธจึงแทนตัวเองเหมือนใช้กับเพื่อนสนิท
“วีเหรอ เหมือนหน้าสวย ๆ นี้เลยวีสวยมากรู้ตัวไหม”
ไม่พูดเปล่ายังเกลี่ยผิวเนียนละเอียดข้างแก้มจนเจ้าตัวสะดุ้ง ซันเดย์ยิ้ม ยิ้มที่ลามไปถึงดวงตาจนพราวระยับ
‘ช่วงนี้เป็นอะไรถึงได้มีแต่คนเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอตลอดเลย’
เมื่อคืนก็พี่อชิวันนี้ก็สาวแคนาดา พอสมองหวนไปถึงเพื่อนพี่ชายจึงรีบปัดมันทิ้งไป
ห้องปฏิบัติการด้านสื่อ
“ยัยวี...แกมาสักที ว่าแต่...หน้าแกไปโดนอะไรมา?”
ไลลาถลามาหาเพื่อนเมื่อคนสวยประจำห้องก้าวเข้ามา และรอยช้ำตรงมุมปากนั้นก็ไม่พ้นไปจากสายตาอันเฉียบแหลมได้ ซ้ำมือยังซนไปจิ้มจนคนถูกถามถึงกับซี้ดปาก
“เจ็บนะจิ้มลงมาได้ ถามเฉย ๆ ก็ได้หรือเปล่าแกหนิ” เสียงอ่อยต่อว่าคนมือไว พอ ๆ กับคนยืนอยู่ห่างกัน รอบตัวเธอทำไมถึงมีแต่คนมือไวนะ!
“ขอโทษ ๆ ตกใจไปหน่อย ตกลงหน้าแกไปโดนอะไรมา”
“มีเรื่องนิดหน่อย”
“เฮ้ย! แล้วบอกพี่เจฟฟ์ยัง ปะ จะพาไปหาพี่เจฟฟ์ ใครมันกล้าทำแก”
“พอเลย”
วีด้ารั้งตัวเองไว้ไม่ก้าวไปตามแรงฉุดของไลลา
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพี่เจฟฟ์นั่นแหละ อีกอย่างก็ไม่อยากให้เกิดเรื่อง วุ่นวาย รำคาญ”
ไลลาคิ้วผูกเป็นโบว์
“ไงเป็นงี้อะวี แกจะยอมให้คนอื่นมาทำแกแล้วจบไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ”
คนโมโหแทนเพื่อนพูดเสียงขุ่น ใบหน้าสวย ๆ เป็นรอยได้ไง ไม่ยอมหรอก
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากมีเรื่อง อีกอย่างพี่เจฟฟ์ใกล้จะจบแล้วฉันไม่อยากทำให้เขาวุ่นวายกับเรื่องแค่นี้”
วีด้าอธิบายไลลา น้ำเสียงที่ยังคงสงบไม่มีความทุกข์ร้อนเฉกเช่นอีกคนสักนิด
อีกอย่างถ้าแจ้นไปฟ้องพี่ชายเรื่องได้บานปลายใหญ่โตแน่ ๆ เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นถึงได้ปล่อยทั้งสามคนนั้นไป
“แม่พระ” กระแทกเสียงด้วยความประชดถึงความดีของเพื่อน แล้วเดินกลับมาอิงสะโพกกับโต๊ะเรียนก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจหญิงสาวเกาะติดเพื่อนแจ
‘ว่าแต่แม่สาวหน้าฝรั่งคนนี้ใคร?’
ครั้นเห็นสายตาของไลลา วีด้าจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เข้ามาภายในห้องเรียนเพียงลำพัง
“ฉันลืมแนะนำ ซันเดย์เป็นคนช่วยฉันไว้แล้วก็พึ่งย้ายมาเรียนมอเราวันแรกด้วย ดีกับเพื่อนหน่อย” แตะแขนเรียวให้หล่อนขยับออกมายืนด้านหน้าย้ำคำว่า ‘เพื่อน’ ให้ไลลาเข้าใจถึงสถานะของอีกฝ่าย
พอได้ยินอย่างนั้นดวงหน้าเรียบตึงก็ฉีกยิ้มฉับพลันจนดวงตาเป็นประกาย
“ยินดีที่ได้รู้จัก ไลลาเป็นเพื่อนวีด้า ซี้ปึกเหมือนแฝดกันมาตั้งแต่มัธยมเลยล่ะ” อธิบายยาวยืดและไม่ได้จงใจจะเอาความสัมพันธ์ของตัวเองที่มีกับวีด้าข่มผู้มาใหม่ แต่เพราะอยากให้สาวฝรั่งยอมลดความแข็งกระด้างภายในดวงตาคู่สวยนั้นลง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
‘อ๊ะ! มือหนักเป็นบ้าเลย’
ไลลากัดฟันข่มความเจ็บนิด ๆ จากแรงบีบของเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องสานความสัมพันธ์กับเธอแนบแน่นขนาดนี้ด้วย และเมื่อกี้อีกไม่ได้ตาฝาดไป หล่อนยิ้มสะใจงั้นเหรอ?“ว่าแต่ซันเรียนสาขาไหนวีจะได้พาไป”
วีด้าเมื่อเห็นว่าทั้งสองปล่อยมือออกจากกันแล้วก็ก้าวขึ้นมาถาม
“ห้องนี้แหละ” ซันเดย์ชี้ไปที่ประตู
“ห้องนี้งั้นเหรอ แน่ใจนะ”
“อืม หมายเลขห้องกับอาคารตรงกับตารางที่อาจารย์ส่งมา ซันเรียนสื่อสาร” สาวนัยน์ตาสีอ่อนตอบวีด้าเสียงหวาน ซึ่งทำให้ไลลาถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเลขแปดเสียอีก
“งั้นก็สาขาเดียวกัน วีก็สื่อสารส่วนไลลาเอกการแสดง ต่อไปถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกเราสองคน วีกับไลลายินดีช่วย จริงไหมไลลา?”
“ไลลา! ฉันพูดกับแกอยู่ เป็นอะไรยืนใจลอยไปถึงไหนน่ะ ฮื้ม?”
“อะ...อืม ๆ” ก็จะไม่ให้ใจลอยได้ไง ทั้งแววตาแล้วก็ยิ้มกริ่มของสาวฝรั่งคนนี้เวลามองเพื่อนเธอสิ!
‘ตายแล้ว...คงไม่ใช่หลงเสน่ห์เพื่อนเธอ
‘อีกคน’ หรอกนะ’“ขอบคุณ งั้นซันรบกวนวีด้วยนะ ส่วนไลลาน่าจะไม่เท่าไหร่เพราะคนละสาขากันใช่ไหม”
‘นี่มันนางเอกในคราบนางมารชัด ๆ’
ไลลากลอกตาไปทางหน้าต่างเมื่อเห็น ‘เพื่อนใหม่’ สาวฝรั่งคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!
“ข้างหลังวีว่าง ซันนั่งตรงนี้แล้วกัน”
วีด้าเลื่อนเก้าอี้ให้สมาชิกใหม่
“โชคดีจังซันได้นั่งใกล้วีด้วย ต่อไปก็ฝากตัวด้วยนะ”
“ได้ ได้เลย วีดูงานก่อนนะ” เอี่ยวตัวมานั่งที่ประจำก่อนจะหันไปพยักพเยิดให้ไลลาไปนั่งที่ตัวเอง
ห้องน้ำ “ฉันไม่ไว้ใจแม่สาวผมทองนั้นเลย ชอบมองแกแล้วก็ทำตัวแปลก ๆ ฉันว่าแกอย่าเข้าไปยุ่งมากกว่านี้จะดีกว่านะ” เมื่อแยกตัวออกมาอยู่กันเพียงลำพัง โดยไร้ซันเดย์ที่คอยตามติดวีด้าแทบจะเหมือนเงา ไลลาก็ร่ายสิ่งที่อึดอัดตลอดทั้งวันออกมาจนหมด“คิดมาก ซันก็แค่แปลกที่แปลกทางก็เลยตามติดฉันแค่นั้น อย่ามองคนอื่นในแง่ลบสิ”“ยัยบ้านี่ เปื้อนหมดเลย” ไลลาหลบละอองน้ำจากปลายนิ้ววีด้าที่แกล้งดีดใส่หน้าท้องของตน เสื้อสีขาวพอถูกน้ำก็เห็นผิวนวลเนียน เธอยู่ปากพลางมองค้อนเพื่อนวงใหญ่“คิ ๆ รู้ว่าเป็นห่วง ซันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่แกว่า เลิกอคติแล้วจะเห็นอะไรดี ๆ เชื่อฉัน”“เอาเถอะจะลองดูแล้วกัน แล้วเมื่อวานเป็นไงพี่เจฟฟ์จับได้หรือเปล่า อยากไปดูด้วยกันอีกไหม? ว้าย...อะไรของแกเนี่ยวี เปียกหมดแล้ว”“ก็อยู่ ๆ เปลี่ยนเรื่องทำไมเล่า ฉันก็ตกใจไง”“แค่เรื่องพี่เจฟฟ์อะวี แกตกใจอะไร”วีด้าเม้มปากเพราะนึกถึงคนที่ทำให้มันช้ำเมื่อคืน ดีที่คณะของเธอและเขาไม่ได้อยู่ใกล้กัน ไม่อย่างนั้นละก็...“วี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแกใช่ไหม?”“ไม่มี! พี่เจฟฟ์ไม่รู้แต่พี่ก้าน่ะไม่รอด เขาเห็นเราที่นั่นถ้าไม่ได้พี่ก้าฉันตายแน่”“หมายความว่าพี่
สาวผมทองเองก็นิ่งไปชั่วครู่ เมื่อได้สบตากับเจ้าของดวงตาสุกใสสีพีนัท ‘สวยจนใจเจ็บ’ เพราะมัวแต่ตกตะลึงในความสวยของอีกฝ่าย สะโพกของเธอจึงถูกสิ่งที่อยู่ต่ำสุดถีบเข้าให้ หญิงสาวถลาด้วยแรงไม่มากนัก ดีที่มีอ้อมแขนของสาวนัยน์ตาสวยประคองไว้ “ขอบคุณ” “ไม่เป็นไร ระวัง!” วีด้าผลักคนในอ้อมแขนออกเบา ๆ เมื่อฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามา ครั้งนี้เธอมีสติกว่าตอนแรกจึงได้สวนอีกฝ่ายกลับไปเต็มหน้าท้องจนคนตัวสูงล้มไม่เป็นท่า จากนั้นสาวผมแดงยังไม่ทันได้ตวัดขาด้วยซ้ำก็ล้มกลิ้งไปกองที่พื้นเพราะลูกเตะของคนที่เข้ามาช่วยเธอ ส่วนคนสุดท้ายพอเห็นว่าเพื่อนน่วมแม้แต่แรงจะลุกยังไม่มีก็ยืนตัวสั่น ก่อนจะหันไปพยุงเพื่อนทั้งสองแทน “ฉันจะฟ้องอธิการว่าแกใช้ความรุนแรง แล้วก็ทำร้ายร่างกายพวกฉัน”สาวผมแดงยังทรงตัวไม่ตรงเลยด้วยซ้ำก็หมายหัววีด้าเอาไว้แล้ว อีกทั้งชี้หน้าทั้งสองอย่างคาดโทษ ส่วนลูกกระจ๊อกอีกสองคนก็ดูเหมือนจะไม่มีหัวคิดเป็นของตัวเองเอาแต่เชิดคอพยักหน้าตาม“ก็ลองดู ฉันมีหลักฐานว่าเธอคนนี้ถูกทำร้าย แล้วก็สามรุมหนึ่งด้วย ได้ข่าวที่มอนี้เคร่งครัดเรื่องนี้ด้วยสิ! จะแลกก็ได้นะ”สาวผมทองชูมือถือในมือให้ทั้งสามคนได้เห็นว่า
วีด้าคล้ายคนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างรวดเร็วให้มาอยู่อีกโลกที่ไม่รู้จัก เรียวปากหยักขยับขบเม้มจากนุ่มนวลค่อย ๆ ร้อนแรงเพิ่มระดับตามอารมณ์ เสียงหายใจกระเส่ารุนแรง ลิ้นเปียกแฉะแตะขอบปากนุ่มของเธอไล้เลียจากอีกมุมไปอีกมุมเรียกร้องต้องการรุกล้ำเข้ามาด้านใน ทั้งที่รู้อย่างนั้นควรจะต่อต้านแต่กลับโอนอ่อนคล้อยตาม เปิดปากให้ความอุ่นซ่านแทรกสอดล่วงล้ำเข้ามาหยอกเย้าปลายลิ้นของตัวเองได้อย่างง่ายดายอชิระรั้งท้ายทอยเล็กขยับเข้ามาใกล้ เบี่ยงใบหน้าในองศาที่สามารถตักตวงเอาความหวานจากกลีบปากอุ่นอย่างเต็มที่ ทุกอณูภายในความอุ่นชื้นมีทั้งตื่นกลัวและอยากค้นหา เป็นจูบไม่ประสาแต่กลับทำให้เขาไม่อยากหยุด ท่อนแขนใหญ่คว้าเอวคอดเข้าแนบชิดกายแกร่ง จงใจบดเบียดตัวเองเข้าหาความนุ่มจากเรือนร่างเล็ก แรงเสียดสีของร่างกายทำให้เขาอยากทำมากกว่าแค่จูบ มันอยากมากกว่าแค่ได้สอดลิ้นตวัดพันกัน มือที่อยู่เหนือเอวลูบไล้ผ่านผิวนุ่มลงมาสะโพกสวย“อื้อ...”วีด้าประท้วง ทั้งจูบดูดดื่มทั้งสัมผัสเร่าร้อนจนร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจค่อย ๆ แผ่วลงอึก⁓ อชิระผละริมฝีปากร้อนจัดออกจากคนที่กำลังทรงตัวได้ยาก ระยะห่างของใบหน้ายัง
วีด้าออกมาพร้อมกับเหยือกน้ำใบใหญ่และแก้วครบจำนวนของเพื่อนพี่ชาย เธอวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาทางเจฟฟ์“วีเตรียมของไว้นิดหน่อย เดี๋ยวเอาออกมาให้นะคะ” “ไม่ได้ทำครัวเละใช่ไหม พี่ไม่อยากลุกขึ้นมาเก็บตอนเช้านะ” เจฟฟ์เอี่ยวหน้ามาล้อน้องสาว และเสียงหัวเราะเบา ๆ ก็หลุดออกมาเมื่อเธอย่นจมูกรั้น ๆ ตอบกลับคำพูดของตน “งั้นเดี๋ยวกูไปดูวี” ไลก้าผุดลุกจากที่นั่งก่อนที่วีด้าจะเดินฝ่าความมืดกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง “ให้ฉันไปดีกว่าไหม นายนั่งดื่มกับพวกนี้ดีกว่า” ซอลเมื่อเห็นว่าควรเป็นตัวเองมากกว่าที่ต้องไปช่วยน้องสาวเจฟฟ์ ทว่ากลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยเจ้าของบ้าน“ไม่ต้องหรอกให้ไอ้ก้านั่นแหละไป มันรู้จักที่นี่ดีหลับตาเดินยังได้เลย” “ทีกับไอ้ก้ามึงไม่หวงน้องบ้างวะ” สิ้นคำวิกเตอร์ก็แทบหลบเท้าของเจฟฟ์ไม่ทัน “ไอ้ที่อยู่ในมือน่ะยัดเข้าไป เดี๋ยวจะไม่ได้กินดีอะมึง กวนประสาท”“โหดแต่กับกูนี่แหละ อย่าให้ต้องไปเรียนบ้างแล้วกัน รับรองว่าความไวเหนือชั้นกว่ามึงแน่” “อย่าดีแต่พูด สี่ปีแล้วไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้านอกจากตีนเอาไว้เหยียบเกียร์มึงน่ะ” วิกเตอร์หมดคำจะแก้ตัว เพราะนอกจากความเร็วของฝีเท้าในการเหยียบคันเร่งแ
“ก็บ้านมึงใกล้สุดไหมล่ะ” อาเชอร์หันมาตอบ“ไม่ได้” ค้านหัวชนฝา ไม่จำเป็นไม่อยากให้พวกมันไปที่บ้าน น้องสาวเขาอยู่ที่นั่นด้วย เกิดพวกนี้ไปรบกวนเธอทำไง อุตส่าห์หลีกเลี่ยงมาได้ตั้งสี่ปี“มึงก็น่าจะรู้นะอาร์ นอกจากไอ้ก้าแล้วมีใครได้เข้าไปเหยียบบ้านมันบ้าง ขนาดอยู่มหา’ลัยเดียวกันยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องมันชัด ๆ สักที!”วิกเตอร์เหลือบตามองคนหวงน้องสาวอย่างเจฟฟ์ตาเขม็ง รู้แค่ชื่อกับคณะที่เรียนนี่ก็นับว่าบุญพวกเขาแล้วมั้ง “ก็ใครใช้ให้พวกมึงแต่ละคนทำตัวดี ๆ กันทั้งนั้น ในฐานะเพื่อนกูยอมรับว่าพวกมึงพึ่งพาได้ แต่สำหรับน้องกูพวกมึงก็ผู้ชายเลวคนหนึ่ง โอเคนะ” คิ้วหนายกขึ้นแสดงถึงการแบ่งเขตระหว่างความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเองอย่างเด่นชัด แน่นอนว่าในฐานะเพื่อนนั้นทุกคนดีชิบหาย แต่หากเป็นเรื่องผู้หญิงละก็...ขอกันน้องสาวออกห่าง ๆ เป็นดีที่สุด“แต่กูเพื่อนมึงนะ พูดซะเสียเลย” วิกเตอร์ไม่ยอมรับคำใส่ร้าย ในกลุ่มถ้าจะมีใครสักคนได้บทบาทนั้นก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ“มองหน้ากูทำไม หล่อจนละสายตาไม่ได้เลยใช่ไหม?” อชิระเข้าใจความหมายของสายตาวิกเตอร์ แต่แล้วยังไง เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนสักครั้งผู้หญิงพวกนั้นเข
@สนามแข่ง YOLOดวงตาหวานกลมโตสีพีนัททอดมองรถแลมโบกินี่สีควันบุหรี่ สัญลักษณ์รูปสิงห์ผงาดด้านข้างสุดเท่ ทะยานมาด้วยความเร็วเหนือคู่แข่งคนอื่น ๆ 5...4...3...2...1 เยส!“กรี๊ด...ชนะแล้ว ชนะแล้ว เย้ ๆ” ร่างอรชรภายใต้ชุดทะมัดทะแมงกระโดดจนตัวลอยอยู่ข้างสนามโซน vip ก่อนจะหันมาหาอีกคนที่มีท่าทีไม่ต่างกันเลยสักนิดYOLO คือหัวใจของหนุ่มวิศวะทั้งห้า เป็นมิตรภาพอันเหนียวแน่นจนก่อเกิดสนามแข่งแห่งนี้ และสัญญาลักษณ์ของพวกเขาก็คือสิงห์สีทอง แก๊ก⁓ร่างสูงก้าวออกมาจากรถสีควันบุหรี่ ในอ้อมแขนกอดหมวกนิรภัยอันโปรดไว้แน่น ย่างเท้าด้วยความมั่นคงมายังกลุ่มเพื่อนสนิทระบายยิ้มมุมปากอันทรงเสน่ห์ในสายตาสาว ๆ ทว่าแท้จริงแล้ว เขาโคตรร้าย!“ไอ้อชิมันหายหัวไปไหน? ถ้ากูไม่ได้เอาลูกรักมาวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เชี้ยเอ๊ย” วิกเตอร์ กล่าวอย่างหัวเสียพลางส่งหมวกให้กับคนดูแลเอาไปเก็บ จากนั้นเจ้าตัวถึงได้ทิ้งตัวลงนั่งเบาะนุ่มอย่างแรงเจฟฟ์ พ่นเสียงหัวเราะในลำคอ ร่างกำยำอิงเคาน์เตอร์บาร์ เบี่ยงหน้ามาหาคนเอ่ยกระแทกเสียงแข็งถามหาเพื่อนอีกคน “ก็ชนะไปแล้ว มึงยังจะหัวเสียทำไมวะ” ยกวิสกี้ในมือขึ้นดื่มพลางปรายตาไปทางคนประสานงานภาย