ตอนที่
13 เกมนี้ใครเป็นใคร “คุณกล้ามากนะปริมลดา” เสียงของเขาทุ้มต่ำและแฝงความตื่นเต้น ปริมลดาโยนการ์ดใบนั้นลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี “ฉันไม่ได้กล้าหรอกค่ะ แต่คุควรจะดูแลว่าที่ภรรยาของคุณไม่ให้มาวุ่นวายกับพนักงานนะคะ” เมฆาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเธอ โน้มตัวลงมาเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ห่างจากปริมลดาเพียงเล็กน้อย กลิ่นน้ำหอมหรูหราราคาแพงของเขาอบอวลรอบตัวเธอ “ก่อนจะบ่นเรื่องคู่หมั้น ผมขอชวนไปทานข้าวก่อนได้ไหม” เมฆากระซิบชิดใบหูเธอ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณคงเครียดมามากแล้วกับการต้อนรับแม่ของผมและคู่หมั้นที่ผมไม่อยากหมั้น” ปริมลดาเชิดหน้าขึ้นเพื่อหลีกหนีความใกล้ชิดที่อันตรายนั้น “ฉันมีงานต้องทำค่ะ” “นี่มันเวลาพักเที่ยงแล้วนะปริมลดา” เมฆาผละใบหน้าออกแต่ยังคงยืนประชิด “ลุกขึ้นแล้วไปทานข้าวกับผม” ปริมลดาสบตาเขาอย่างท้าทาย แต่ความสับสนในใจทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ “ตกลงค่ะ” ปริมลดาตอบอย่างรวดเร็ว เธอจะใช้โอกาสนี้หาคำตอบที่เธออยากรู้ “ฉันจะไปทานข้าวกับคุณ เมฆา” เมฆายิ้มอย่างพึงพอใจ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด “ดีมากครับ ผู้ช่วยคนเก่ง” เขาเดินอ้อมมาข้างหลังปริมลดาแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ ปริมลดาไม่ได้พูดอะไร แต่เธอกลับรู้สึกว่าเกมที่เธอเดินเข้ามากำลังเป็นเกมอันตรายที่เธอไม่รู้กฎได้ชัดเจน เมฆาพาปริมลดามายังร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งที่ห่างจากบริษัทพอสมควร โต๊ะอาหารส่วนตัวริมหน้าต่างถูกจัดไว้อย่างดี ปริมลดาจ้องมองเมฆาอย่างไม่ลดละ เธอรู้สึกได้ว่าการทานอาหารครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องมื้อเที่ยง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของแผนการบางอย่าง “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ ฉันชอบทานอาหารธรรมดาใกล้ๆ บริษัทมากกว่าค่ะ” ปริมลดาเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างอย่างตั้งใจที่จะต่อต้านทุกอย่างที่เมฆาเลือก เมฆาหยิบไวน์ขึ้นจิบอย่างเชื่องช้า “ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นเคยกับบรรยากาศอย่างนี้เพราะอีกหน่อยคุณก็ต้องไปงานสังสรรค์กับผมบ่อยๆ ในฐานะคนของผม” เขาเน้นคำสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มที่กรุ่มกริ่ม “คนของคุณ” ปริมลดาเลิกคิ้วสูงอย่างท้าทาย เธอรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้เธออยากเล่นกับไฟ “ฉันไม่คิดว่าฉันมีสถานะพิเศษอะไรขนาดนั้นนะคะ” เมฆาไม่ตอบ แต่ใช้มีดหั่นสเต็กอย่างช้าๆ และแม่นยำก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนามาที่เธอ “หน้าที่ของคุณจะถูกกำหนดโดยผมปริมลดา” เสียงของเขาทุ้มต่ำลง บรรยากาศรอบโต๊ะเริ่มตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมลดาสบตาเขากลับโดยไม่หลบเลี่ยง แต่ดวงตาของเธอมีประกายแห่งการท้าทาย “คุณกำลังพูดเหมือนฉันเป็นสมบัติที่คุณซื้อมาเลยนะคะ” เมฆาวางมีดหั่นสเต็กลง สายตาคมกริบของเขาจับจ้องเธออย่างไม่ละไปไหน “ก็อาจจะใช่ แต่คุณเป็นสมบัติที่ผมกำลังจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” เขาโน้มตัวเข้ามาช้าๆ จนใบหน้าของเธออยู่ในระยะอันตราย “ผมมั่นใจว่าในอนาคตคุณจะปฏิเสธผมไม่ได้” ปริมลดาหายใจติดขัดเล็กน้อยกับความใกล้ชิดที่รุกล้ำนั้น “คุณต้องการให้ทำอะไรคะ แล้วทำไมคุณมั่นใจอะไรขนาดนั้นว่าฉันจะไม่ปฏิเสธคุณ” “ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ตามใจผมแค่นั้น” เมฆาพูดแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนและอันตราย “แม้ฉันอยากปฏิเสธแต่ตอนนี้ฉันเป็นเพียงพนักงานของคุณ ก็คงต้องทำตามสินะ” ปริมลดาเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองหน้าเขาก่อนที่จะหั่นสเต็กเข้าปาก “ถ้าอย่างนั้นเรามาจับมือกันเป็นสัญญาว่าคุณจะเชื่อฟังผมทุกอย่าง” เมฆายื่นมือมาเพื่อให้เธอจับเพื่อทำสัญญาต่อกัน “นี่คุณหลอกจับมือฉันหรือเปล่าคะ” ปริมลดาเอ่ยขึ้นมาพลางหรี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “นี่คุณถ้าผมจะหลอกจับมือคุณ ผมหลอกจับอย่างอื่นจะไม่ดีกว่าหรือไง” ปริมลดาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดที่คุกคามทางอ้อมนั้น เธอรีบดึงสายตาออกจากการจ้องมองของเขา ก่อนจะวางส้อมลงแล้วยื่นมือไปจับมือเขาอย่างรวดเร็วเพื่อตัดบท เมื่อปริมลดายื่นมือไปจับมือของเมฆา เขาไม่ยอมปล่อยมือเธอทันที เขาลูบหลังมือเธอเบาๆ อย่างจงใจให้เธอรู้สึกหวั่นไหว “ดีมากครับคุณผู้ช่วยของผม” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น สายตาของปริมลดาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของพิมพ์แพรเดินตรงมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว พิมพ์แพรมาพร้อมกับใบหน้าที่ถมึงทึง แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน พิมพ์แพรหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พี่เมฆ ฉันไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอพี่ที่นี่กับยัยคนนี้” พิมพ์แพรเน้นคำว่า ‘ยัยคนนี้’ อย่างจงใจ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อมองปริมลดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามเมฆา เมฆาไม่ได้หันไปมองพิมพ์แพรทันที แต่สีหน้าเริ่มเย็นชา “พิมพ์แพรนี่ไม่ใช่ที่จะมาโวยวายและอีกอย่างนี้มันเรื่องส่วนตัวของผม” เมฆาเอ่ยขึ้นมาแล้วก็หันไปมองหน้าของพิมพ์แพรอย่างไม่พอใจ “ทำไมคะ ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ”ตอนที่16ท้าทายกันและกันปริมลดาหยุดเดินแล้วเอ่ยถามเขาขึ้นมาอย่างสงสัย “มีอะไรให้ฉันจัดการอย่างฉุกเฉินอีกคะ ฉันทำงานตามที่คุณสั่งเสร็จแล้ว” ปริมลดาถามอย่างเยือกเย็นเมฆาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาวาววับด้วยแววตาที่จับผิดแและแฝงความสนุก “คุณคิดว่าจะชิงกลับบ้านไปง่ายๆ อย่างนั่นเหรอ เอาเอกสารทั้งหมดที่คุณรวบรวมมาวางไว้ตรงนี้ ผมจะตรวจสอบเองว่างานของคุฯมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”“อะไรคุณคะคุณเมฆา ฉันต้องรีบกลับบ้านนะคะ เพื่อนของฉันรอยู่ที่บ้าน แล้วเพื่อนฉันก็รีบด้วยค่ะ” ปริมลดาพยายามบอกเขาเพื่อหาทางกลับบ้านให้เร็วแม้ว่าฟ้าใสจะไม่ได้รีบก็ตามเมฆายกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ “เพื่อนของคุณ ผมไม่เคยอนุญาตให้คุณทิ้งงานในเวลาที่ผมต้องการ และผมไม่ได้สนใจว่าเพื่อนของคุณจะรีบแค่ไหน” เขาเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เสียงของเขาลดต่ำลงจนกลายเป็นกระซิบที่อันตราย “หรือว่าคุณรีบกลับไปเพราะไม่อยากให้ผมได้เห็นเอกสารที่คุณรวบรวมมา”ปริมลดาใจหายวาบ เธอพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงพิรุธ แต่ดวงตาของเธอก็สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด “ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ” ปริมรดายืนกราน“ฉั
ตอนที่15มาทำงานหรือมาอะไรกันแน่ เมฆาขับรถพาปริมลดากลับมาถึงบริษัทหลังมื้อกลางวันที่ร้านหรู ทันทีที่ลงจากรถ ปริมลดารีบก้าวเดินนำหน้า เธอเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวโดยไม่รอเมฆาอย่างจงใจเมฆากล่าวเสียงทุ้มขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์ส่วนตัว “ผมต้องความคืบหน้างานของคุณเรื่องเอกสารถือครองหุ้นของบริษัทในเครือทั้งหมดปริมลดา ผมให้เวลาคุณถึงตอนเย็น ส่วนเรื่องโปรเจกต์ที่ผมให้คุณทำเหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะต้องไปงานเลี้ยงกับผม”ปริมลดากดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุดโดยไม่หันมามอง “ฉันจะทำงานของฉันเองค่ะ ไม่ต้องสั่งซ้ำ”“ทำไมผมถึงจะสั่งคุณไม่ได้ นี่คุณเข้ามาทำงานเพื่อเป็นผู้ช่วยผมหรือคุณมีอะไรแอบแฝงกันแน่ที่เข้ามาใกล้ตัวของผมอย่างนี้” เมฆาถามด้วยน้ำเสียงกดดัน สายตาคมกริบของเขามองสะท้อนในกระจกเงาของลิฟต์ปริมลดากำมือแน่นพยายามข่มอารมณ์ “คุณเมฆาพูดจาไปเรื่อยนะคะ ฉันเข้ามาทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย” ปริมลดาตอบเขาอย่างมั่นใจแม้จะมีความประหม่าอยู่ไม่น้อยเมฆาหัวเราะในลำคอเบาๆ “คุณนี่มันเอาตัวรอดเก่งเหมือนกันนะ ผมชอบความมั่นใจของคุณนะ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”“ถ้าคุณไม่คาดหวังในตัวฉันมากไปคุ
ตอนที่14ผู้ช่วยกับคู่หมั้น“ทำไมคะ ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ” พิมพ์แพรย้ำสถานะของตนอย่างมีสิทธิ์ปริมลดาเลือกที่จะวางส้อมอย่างช้าๆ ก่อนจะสบตาพิมพ์แพรอย่างท้าทาย “คุณพิมพ์แพรคะ กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะคะ สถานะคู่หมั้นของคุณไม่ได้มีอำนาจในการมาก้าวก่ายเรื่องงานของเจ้านายฉันนะคะ ให้เกียรติคุณเมฆาน่าจะดีกว่านะคะ” ปริมลดาทำทีเป็นเข้าเมฆา เพื่อทำให้ปริมลดาโมโหแต่เมฆากลับชอบใจที่ปริมลดามีท่าทีปกป้องเขาเพราะเขาเองก็คิดว่ากำลังทำให้ปริมลดาหวั่นไหว แต่ที่ไหนได้ต่างฝ่ายต่างมีเล่ห์เหลี่ยม“เรื่องงานอะไรกัน แกอย่ามาตอแหล” พิมพ์แพรเกือบจะตวาด “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับพี่เมฆ นี่ถึงขนาดให้พี่เมฆพามาทานอาหารร้านหรูเลยเหรอยัยหน้าด้าน” พิมพ์แพรหันไปมองเมฆาอย่างตัดพ้อ “พี่เมฆคะ พี่ปล่อยให้ยัยนี่ด่าพิมพ์ได้ยังไงคะ” เมฆาวางส้อมลงเสียงดังเคร้ง!!! เขาเงยหน้ามองพิมพ์แพรด้วยดวงตาที่แข็งกร้าวและดุดันจนคู่หมั้นของเขาชะงักไปทันที “พอได้แล้วพิมพ์ ปริมลดาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวและตอนนี้เธอกำลังทำงานสำคัญให้พี่ พิมพ์เองก็เป็นคู่หมั้นที่พี่ไม่ได้รักเลยสักนิดไม่เห็นต้องมาตามหึงพี่อย่างนี้เพร
ตอนที่13เกมนี้ใครเป็นใคร “คุณกล้ามากนะปริมลดา” เสียงของเขาทุ้มต่ำและแฝงความตื่นเต้น ปริมลดาโยนการ์ดใบนั้นลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี “ฉันไม่ได้กล้าหรอกค่ะ แต่คุควรจะดูแลว่าที่ภรรยาของคุณไม่ให้มาวุ่นวายกับพนักงานนะคะ” เมฆาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเธอ โน้มตัวลงมาเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ห่างจากปริมลดาเพียงเล็กน้อย กลิ่นน้ำหอมหรูหราราคาแพงของเขาอบอวลรอบตัวเธอ “ก่อนจะบ่นเรื่องคู่หมั้น ผมขอชวนไปทานข้าวก่อนได้ไหม” เมฆากระซิบชิดใบหูเธอ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณคงเครียดมามากแล้วกับการต้อนรับแม่ของผมและคู่หมั้นที่ผมไม่อยากหมั้น” ปริมลดาเชิดหน้าขึ้นเพื่อหลีกหนีความใกล้ชิดที่อันตรายนั้น “ฉันมีงานต้องทำค่ะ” “นี่มันเวลาพักเที่ยงแล้วนะปริมลดา” เมฆาผละใบหน้าออกแต่ยังคงยืนประชิด “ลุกขึ้นแล้วไปทานข้าวกับผม” ปริมลดาสบตาเขาอย่างท้าทาย แต่ความสับสนในใจทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ “ตกลงค่ะ” ปริมลดาตอบอย่างรวดเร็ว เธอจะใช้โอกาสนี้หาคำตอบที่เธออยากรู้ “ฉันจะไปทา
ตอนที่12เกมแห่งความจริงขณะที่ปริมลดากำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกสับสน พิมพ์แพร คู่หมั้นของเมฆาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่ถือดี มือของเธอกำลังถือการ์ดเชิญงานหมั้นสีทองอร่าม“เจอกันอีกแล้วนะ ยัยนักออกแบบ” พิมพ์แพรพูดเสียงเยาะเย้ย และมองดูชุดของปริมลดาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “ชุดดูร้อนแรงดีนะ เหมาะกับเป็นอาหารตาของคนรวยดี คิดว่าจะได้เป็นเมียผู้บริหารคนไหนล่ะ แต่ถ้าพี่เมฆล่ะก็ ฝันไปเถอะเพราะเธอก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน” พิมพ์แพรแค่นเสียงหัวเราะเยาะปริมลดายิ้มเย็น นัยน์ตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปที่พิมพ์แพรอย่างไม่เกรงกลัว เธอไม่ได้ตอบโต้เรื่องชุด แต่เลือกโจมตีจุดอ่อนของพิมพ์แพร“คุณพิมพ์แพรคะ การที่คุณมาพร้อมกับการ์ดเชิญงานหมั้นเนี่ย มันไม่ได้แสดงความมั่นใจเลยนะคะ” ปริมลดากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทุกคำเจ็บแสบ“คนที่มั่นใจว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งจริงๆ เขาจะไม่ต้องเสียเวลามาเตือนคนอื่นให้รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้อะไร เพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เขากำลังจะได้มาจะถูกแย่งไป และอีกอย่างบางทีของที่คุณคิดว่าได้ครอบครองอาจจะมีคนอื่นกำลังครอบครองอยู่แล้วก็ได้นะคะ เรื่องอย
ตอนที่11คำเตือนจากแม่เสือเช้าวันต่อมา ปริมลดามาทำบงานที่บริษัทตามปกติแต่วันนี้เธอสวมชุดที่คิดว่าเมฆาไม่มีทางหาเรื่องว่าชุดของเธอไม่เหมาะกับการทำงานแน่นอน ชุดที่ปริมลดาเลือกในวันนี้คือ กระโปรงสีดำรัดรูป สั้นเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อยตัดกับผิวขาวเนียนของเธอได้เป็นอย่างดี เน้นให้เห็นสรีระที่สมส่วนของเธอ ส่วนท่อนบนเธอเลือกเป็นเบลเซอร์เข้ารูปที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตไม่ยาวมากสีเทาควันบุหรี่ และติดกระดุมเพียงสองเม็ดด้านล่างเผยให้เห็นเนินเนื้อเล็กน้อยพองาม ทำให้เธอดูสวยสง่าและดูเหมาะสมที่จะเป็นผู้ช่วยของเมฆา ผมยาวของเธอถูกรวบตึงเป็นหางม้าต่ำอย่างเรียบร้อย พร้อมกับต่างหูเงินขนาดเล็กที่ขับให้ใบหน้าดูคมเข้มมากขึ้น การแต่งหน้าของเธอเน้นโทนสีนู้ดและเรียบง่าย ริมฝีปากของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย ยิ่งทำใหใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นปริมลดาสวมรองเท้าส้นสูงแหลมสีดำเงา เดินเข้าไปในอาคารด้วยความมั่นใจ ราวกับกำลังเดินเข้าสู่สนามรบ เธอพร้อมแล้วที่จะรับมือกับทุกคนที่พยายามจะเข้ามาควบคุมหรือดูถูกเธอปริมลดาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร เธอถูกคีรินทร์ที่มารอรับหน้าลิฟต์ส่วนตัวนำไปยังห้องรับรองพิเศ