ตอนที่
5
กับดักกลางแสงไฟ
เมื่อปริมลดาและฟ้าใส ก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ของเมฆา บรรยากาศของงานเลี้ยงใหญ่ทำให้ปริมลดารู้สึกเหมือนถูกสายตานับร้อยคู่จับจ้อง เมฆาปรากฏตัวพร้อมกับคีรินทร์ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ออร่าของเมฆาทำให้คนรอบข้างดูจืดจางไปในทันที
เมฆาเดินตรงมาหาปริมลดาด้วยท่าทางที่มั่นคงและน่าเกรงขาม เขาไม่ได้ยิ้มหรือแสดงความเป็นมิตร แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับจับจ้องที่ปริมราวกับกำลังประเมินเหยื่อ
“คุณปริมลดาใช่ไหมครับ” เมฆาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ เขาไม่ได้ทักทายฟ้าใสแม้แต่น้อย
“ขอบคุณที่เชิญมานะคะ คุณเมฆา” ปริมลาตอบอย่างใจเย็น เธอมองตรงไปยังดวงตาของเขาโดยไม่หลบสายตา
“งานเลี้ยงใหญ่มากเลยนะคะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ”
เมฆาไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขากลับเลื่อนสายตาไปจับจ้องที่ดวงตาของปริมลดาอย่างพิจารณา
“คุณดูไม่เหมือนคนตื่นเต้นเลยนะครับคุณปริมลดา ใบหน้าของคุณ...ดูมีความตั้งใจบางอย่างมากกว่านะครับ”
ปริมลดายิ้มบางๆ พยายามซ่อนความประหม่าที่ถูกเขาอ่านใจได้ “ก็ต้องตั้งใจสิคะ งานระดับนี้ใครๆ ก็อยากมา”
“ใช่ ใครๆ ก็อยากมา” เมฆาตอบรับช้าๆ “แต่ผมเชื่อว่าคุณมีแรงจูงใจของคุณน่าสนใจกว่าคนอื่นๆ” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย จนปริมได้กลิ้นน้ำหอมเย็นๆ ที่แฝงความอันตราย
“ผมเห็นภาพวาดเมฆสีดำของคุณแล้ว คุณวาดมันมาจากความมืดมนในใจใช่ไหม”
ปริมลดาใจเต้นแรงขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจแค่ภาพวาด แต่กำลังพุ่งเป้าไปที่ความแค้นของเธอ
“ฉันวาดมันจากความจริงที่ต้องเผชิญค่ะ” ปริมลดาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้เขา “บางครั้งความมืดมนก็เป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งที่สุดนะคะ และอาจมาจากความเจ็บปวดที่ถูกทำลาย”
เมฆาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เป็นเสียงที่ไพเราะแต่เย็นยะเยือก “ความเจ็บปวดมักเป็นอาวุธที่อันตราย” เมฆาพูดพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ “ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช้มันทำร้ายคนที่ไม่ได้ทำอะไรคุณนะ แต่คุณเป็นคนกล้าหาญมากนะ”
เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและยื่นแก้วแชมเปญให้เธอ
“คุณต้องดื่มฉลองให้กับการเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างที่น่าตื่นเต้น”
ปริมลดารับแก้วมาจิบอย่างสง่างาม ในขณะที่ฟ้าใสยืนอยู่ข้างๆ เริ่มแสดงความไม่พอใจ
“ฉันว่าเราไปดูงานศิลปะกันดีกว่านะปริม” ฟ้าใสพยายามดึงแขนเพื่อน
แต่เมฆาใช้สายตาเย็นชาหยุดการเคลื่อนไหวของฟ้าใสทันที “คุณเป็นเพื่อนคุณปริมลดาใช่ไหม พักอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับคีรินทร์จะดูแลคุณ
คีรินทร์เดินเข้ามายืนอยู่ข้างฟ้าใสอย่างใกล้ชิด ทำให้ฟ้าใสต้องหยุดนิ่งด้วยความอึดอัด ปริมลดารู้ว่าเมฆาตั้งใจ แยกเธอออกมา
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณปริมลดาเพียงลำพัง” เมฆาพูดและผายมือเพื่อเชิญปริมลดาเดินออกห่างจากผู้คนไปยังมุมที่สงบเงียบ
เมื่อเดินมาถึงบริเวณระเบียงด้านนอก เมฆาก็ยื่นนามบัตรและซองจดหมายฉบับหนึ่งให้ปริมลดา
“ผมเสนอให้คุณมาทำงานกับผม” เมฆาพูดตรงประเด็น “ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านศิลปะส่วนตัวของผม
ปริมลดารับนามบัตรมาดูอย่างไม่รีบร้อน “ข้อเสนอของคุณ น่าประหลาดใจค่ะ”
“มันไม่ได้น่าประหลาดใจหรอก” เมฆาตอบ “ผมไม่ชอบเสียเวลา ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ และผมต้องการมัน
ปริมลดาเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างจริงจัง “คุณเมฆา คุณคิดว่าฉันเหมาะกับงานนี้จริงๆ หรือคะ” เธอแสร้งทำเป็นลังเล
“บริษัทของคุณดูยิ่งใหญ่เกินกว่างานศิลปะทั่วไป
เมฆายิ้มที่มุมปาก “ผมไม่เคยทำอะไรที่ไม่จำเป็น ปริมลดา ผมมั่นใจในสายตาของตัวเอง และที่สำคัญ ผมสนใจในความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงามของคุณ
เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ผมชอบคนที่เข้าถึงยาก และผมชอบความท้าทายที่มาพร้อมกับงานใหญ่ๆ”
ปริมลดารู้สึกถึงออร่าอันตรายที่แผ่ออกมาจากเขา เธอพยายามทำตัวเองให้ไม่อ่อนไหวกับความอันตรายนี้
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องรับความท้าทายนี้ไว้ค่ะ”
“ดีมาก” เมฆาพูดและรอยยิ้มของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาแตะปลายนิ้วที่ไหล่ของเธอเบาๆ
“คุณได้เข้ามาในโลกของผมแล้ว ปริมลดาและผมหวังว่าคุณจะอยู่กับมันได้นานกว่าที่คุณคิด”
ปริมตะหนักว่าเขาไม่ได้เพียงแค่รับเธอเข้าทำงาน แต่กำลังดึงเธอเข้าสู่สนามรบอย่างเป็นทางการ การแก้แค้นของเธอได้ถูกแปรสภาพเป็นเกมที่อันตรายยิ่งกว่า โดยมีเมฆาเป็นคู่ต่อสู้ที่เธอต้องเผชิญหน้า
ตอนที่16ท้าทายกันและกันปริมลดาหยุดเดินแล้วเอ่ยถามเขาขึ้นมาอย่างสงสัย “มีอะไรให้ฉันจัดการอย่างฉุกเฉินอีกคะ ฉันทำงานตามที่คุณสั่งเสร็จแล้ว” ปริมลดาถามอย่างเยือกเย็นเมฆาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาวาววับด้วยแววตาที่จับผิดแและแฝงความสนุก “คุณคิดว่าจะชิงกลับบ้านไปง่ายๆ อย่างนั่นเหรอ เอาเอกสารทั้งหมดที่คุณรวบรวมมาวางไว้ตรงนี้ ผมจะตรวจสอบเองว่างานของคุฯมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”“อะไรคุณคะคุณเมฆา ฉันต้องรีบกลับบ้านนะคะ เพื่อนของฉันรอยู่ที่บ้าน แล้วเพื่อนฉันก็รีบด้วยค่ะ” ปริมลดาพยายามบอกเขาเพื่อหาทางกลับบ้านให้เร็วแม้ว่าฟ้าใสจะไม่ได้รีบก็ตามเมฆายกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ “เพื่อนของคุณ ผมไม่เคยอนุญาตให้คุณทิ้งงานในเวลาที่ผมต้องการ และผมไม่ได้สนใจว่าเพื่อนของคุณจะรีบแค่ไหน” เขาเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เสียงของเขาลดต่ำลงจนกลายเป็นกระซิบที่อันตราย “หรือว่าคุณรีบกลับไปเพราะไม่อยากให้ผมได้เห็นเอกสารที่คุณรวบรวมมา”ปริมลดาใจหายวาบ เธอพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงพิรุธ แต่ดวงตาของเธอก็สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด “ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ” ปริมรดายืนกราน“ฉั
ตอนที่15มาทำงานหรือมาอะไรกันแน่ เมฆาขับรถพาปริมลดากลับมาถึงบริษัทหลังมื้อกลางวันที่ร้านหรู ทันทีที่ลงจากรถ ปริมลดารีบก้าวเดินนำหน้า เธอเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวโดยไม่รอเมฆาอย่างจงใจเมฆากล่าวเสียงทุ้มขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์ส่วนตัว “ผมต้องความคืบหน้างานของคุณเรื่องเอกสารถือครองหุ้นของบริษัทในเครือทั้งหมดปริมลดา ผมให้เวลาคุณถึงตอนเย็น ส่วนเรื่องโปรเจกต์ที่ผมให้คุณทำเหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะต้องไปงานเลี้ยงกับผม”ปริมลดากดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุดโดยไม่หันมามอง “ฉันจะทำงานของฉันเองค่ะ ไม่ต้องสั่งซ้ำ”“ทำไมผมถึงจะสั่งคุณไม่ได้ นี่คุณเข้ามาทำงานเพื่อเป็นผู้ช่วยผมหรือคุณมีอะไรแอบแฝงกันแน่ที่เข้ามาใกล้ตัวของผมอย่างนี้” เมฆาถามด้วยน้ำเสียงกดดัน สายตาคมกริบของเขามองสะท้อนในกระจกเงาของลิฟต์ปริมลดากำมือแน่นพยายามข่มอารมณ์ “คุณเมฆาพูดจาไปเรื่อยนะคะ ฉันเข้ามาทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย” ปริมลดาตอบเขาอย่างมั่นใจแม้จะมีความประหม่าอยู่ไม่น้อยเมฆาหัวเราะในลำคอเบาๆ “คุณนี่มันเอาตัวรอดเก่งเหมือนกันนะ ผมชอบความมั่นใจของคุณนะ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”“ถ้าคุณไม่คาดหวังในตัวฉันมากไปคุ
ตอนที่14ผู้ช่วยกับคู่หมั้น“ทำไมคะ ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ” พิมพ์แพรย้ำสถานะของตนอย่างมีสิทธิ์ปริมลดาเลือกที่จะวางส้อมอย่างช้าๆ ก่อนจะสบตาพิมพ์แพรอย่างท้าทาย “คุณพิมพ์แพรคะ กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะคะ สถานะคู่หมั้นของคุณไม่ได้มีอำนาจในการมาก้าวก่ายเรื่องงานของเจ้านายฉันนะคะ ให้เกียรติคุณเมฆาน่าจะดีกว่านะคะ” ปริมลดาทำทีเป็นเข้าเมฆา เพื่อทำให้ปริมลดาโมโหแต่เมฆากลับชอบใจที่ปริมลดามีท่าทีปกป้องเขาเพราะเขาเองก็คิดว่ากำลังทำให้ปริมลดาหวั่นไหว แต่ที่ไหนได้ต่างฝ่ายต่างมีเล่ห์เหลี่ยม“เรื่องงานอะไรกัน แกอย่ามาตอแหล” พิมพ์แพรเกือบจะตวาด “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับพี่เมฆ นี่ถึงขนาดให้พี่เมฆพามาทานอาหารร้านหรูเลยเหรอยัยหน้าด้าน” พิมพ์แพรหันไปมองเมฆาอย่างตัดพ้อ “พี่เมฆคะ พี่ปล่อยให้ยัยนี่ด่าพิมพ์ได้ยังไงคะ” เมฆาวางส้อมลงเสียงดังเคร้ง!!! เขาเงยหน้ามองพิมพ์แพรด้วยดวงตาที่แข็งกร้าวและดุดันจนคู่หมั้นของเขาชะงักไปทันที “พอได้แล้วพิมพ์ ปริมลดาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวและตอนนี้เธอกำลังทำงานสำคัญให้พี่ พิมพ์เองก็เป็นคู่หมั้นที่พี่ไม่ได้รักเลยสักนิดไม่เห็นต้องมาตามหึงพี่อย่างนี้เพร
ตอนที่13เกมนี้ใครเป็นใคร “คุณกล้ามากนะปริมลดา” เสียงของเขาทุ้มต่ำและแฝงความตื่นเต้น ปริมลดาโยนการ์ดใบนั้นลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี “ฉันไม่ได้กล้าหรอกค่ะ แต่คุควรจะดูแลว่าที่ภรรยาของคุณไม่ให้มาวุ่นวายกับพนักงานนะคะ” เมฆาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเธอ โน้มตัวลงมาเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ห่างจากปริมลดาเพียงเล็กน้อย กลิ่นน้ำหอมหรูหราราคาแพงของเขาอบอวลรอบตัวเธอ “ก่อนจะบ่นเรื่องคู่หมั้น ผมขอชวนไปทานข้าวก่อนได้ไหม” เมฆากระซิบชิดใบหูเธอ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณคงเครียดมามากแล้วกับการต้อนรับแม่ของผมและคู่หมั้นที่ผมไม่อยากหมั้น” ปริมลดาเชิดหน้าขึ้นเพื่อหลีกหนีความใกล้ชิดที่อันตรายนั้น “ฉันมีงานต้องทำค่ะ” “นี่มันเวลาพักเที่ยงแล้วนะปริมลดา” เมฆาผละใบหน้าออกแต่ยังคงยืนประชิด “ลุกขึ้นแล้วไปทานข้าวกับผม” ปริมลดาสบตาเขาอย่างท้าทาย แต่ความสับสนในใจทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ “ตกลงค่ะ” ปริมลดาตอบอย่างรวดเร็ว เธอจะใช้โอกาสนี้หาคำตอบที่เธออยากรู้ “ฉันจะไปทา
ตอนที่12เกมแห่งความจริงขณะที่ปริมลดากำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกสับสน พิมพ์แพร คู่หมั้นของเมฆาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่ถือดี มือของเธอกำลังถือการ์ดเชิญงานหมั้นสีทองอร่าม“เจอกันอีกแล้วนะ ยัยนักออกแบบ” พิมพ์แพรพูดเสียงเยาะเย้ย และมองดูชุดของปริมลดาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “ชุดดูร้อนแรงดีนะ เหมาะกับเป็นอาหารตาของคนรวยดี คิดว่าจะได้เป็นเมียผู้บริหารคนไหนล่ะ แต่ถ้าพี่เมฆล่ะก็ ฝันไปเถอะเพราะเธอก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน” พิมพ์แพรแค่นเสียงหัวเราะเยาะปริมลดายิ้มเย็น นัยน์ตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปที่พิมพ์แพรอย่างไม่เกรงกลัว เธอไม่ได้ตอบโต้เรื่องชุด แต่เลือกโจมตีจุดอ่อนของพิมพ์แพร“คุณพิมพ์แพรคะ การที่คุณมาพร้อมกับการ์ดเชิญงานหมั้นเนี่ย มันไม่ได้แสดงความมั่นใจเลยนะคะ” ปริมลดากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทุกคำเจ็บแสบ“คนที่มั่นใจว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งจริงๆ เขาจะไม่ต้องเสียเวลามาเตือนคนอื่นให้รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้อะไร เพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เขากำลังจะได้มาจะถูกแย่งไป และอีกอย่างบางทีของที่คุณคิดว่าได้ครอบครองอาจจะมีคนอื่นกำลังครอบครองอยู่แล้วก็ได้นะคะ เรื่องอย
ตอนที่11คำเตือนจากแม่เสือเช้าวันต่อมา ปริมลดามาทำบงานที่บริษัทตามปกติแต่วันนี้เธอสวมชุดที่คิดว่าเมฆาไม่มีทางหาเรื่องว่าชุดของเธอไม่เหมาะกับการทำงานแน่นอน ชุดที่ปริมลดาเลือกในวันนี้คือ กระโปรงสีดำรัดรูป สั้นเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อยตัดกับผิวขาวเนียนของเธอได้เป็นอย่างดี เน้นให้เห็นสรีระที่สมส่วนของเธอ ส่วนท่อนบนเธอเลือกเป็นเบลเซอร์เข้ารูปที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตไม่ยาวมากสีเทาควันบุหรี่ และติดกระดุมเพียงสองเม็ดด้านล่างเผยให้เห็นเนินเนื้อเล็กน้อยพองาม ทำให้เธอดูสวยสง่าและดูเหมาะสมที่จะเป็นผู้ช่วยของเมฆา ผมยาวของเธอถูกรวบตึงเป็นหางม้าต่ำอย่างเรียบร้อย พร้อมกับต่างหูเงินขนาดเล็กที่ขับให้ใบหน้าดูคมเข้มมากขึ้น การแต่งหน้าของเธอเน้นโทนสีนู้ดและเรียบง่าย ริมฝีปากของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย ยิ่งทำใหใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นปริมลดาสวมรองเท้าส้นสูงแหลมสีดำเงา เดินเข้าไปในอาคารด้วยความมั่นใจ ราวกับกำลังเดินเข้าสู่สนามรบ เธอพร้อมแล้วที่จะรับมือกับทุกคนที่พยายามจะเข้ามาควบคุมหรือดูถูกเธอปริมลดาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร เธอถูกคีรินทร์ที่มารอรับหน้าลิฟต์ส่วนตัวนำไปยังห้องรับรองพิเศ