LOGINมหาลัยคิงส์เวล
“เออ เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่กูเล่าไป เล่นกูแสบฉิบหาย”
ภายในห้องเรียนที่เพิ่งจะหมดคาบสุดท้ายไปนั้น ขณะนี้เหลือเพียงสามหนุ่มหัวสีที่ต่างพากันนั่งสุมหัวพูดคุยถึงเรื่องราววีรกรรมสุดแสบของกานที่ไปเหมาข้าวมันไก่และน้ำมะม่วงปั่นมาเมื่อวาน จนคนถูกแกล้งต้องรีบโทรกลับหาร้านหลังจากตั้งสติได้ แล้วไหว้วานให้ทางร้างนำอาหารไปบริจาคให้กับคนยากไร้แทน
ธีต์นั่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสองได้ฟัง วาโยนั่งฟังเงียบ ๆ โดยไม่พูดสิ่งใดออกมา ผิดกลับมหาสมุทรที่หัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่วห้องเรียนด้วยความพึงพอใจที่คนอย่างไอ้พี่ธีต์โดนกระตุกหนวดเสือเข้าให้
“สมน้ำหน้า! อยากไปแกล้งเขาดีนัก เป็นไงโดนเอาคืนเสียบ้าง”
“กูแม่งไม่คิดเลยว่ามันจะเอาคืนด้วยวิธีนี้”
“นี่แหละหนา เขาถึงเรียกว่าเวรกรรมตามทัน”
“พอเลยไอ้หมุด พูดแล้วกูเซ็ง แดกข้าวมันไก่ครึ่งแสน ไหนจะน้ำมะม่วงปั่นอีก เมื่อวานกูนึกว่ามะม่วงทั้งประเทศมารวมอยู่ที่คอนโดกูหมดแล้ว”
คนหล่อหวนนึกถึงตอนที่พนักงานร้านเปิดลังโฟมที่ภายในอัดแน่นไปด้วยน้ำมะม่วงปั่นจำนวนมาก จนเขานับด้วยตาไม่หวาดไม่ไหว ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นลูบไปตามแขนของตัวเอง พลางทำสีหน้าไม่สู้ดี
ทุกคนรู้ โลกรู้ว่าเขารักน้ำมะม่วงปั่นยิ่งกว่าอะไร แต่พอเห็นสภาพตัวเองเมื่อวานแล้ว บอกตรง ๆ ว่าสัปดาห์นี้อาจจะต้อง ‘ห่างกันสักพัก’ กับสุดที่รักอย่างน้ำมะม่วงปั่น
“งั้นคืนนี้ไปหาอะไรทำแก้เบื่อไหมพี่มึง”
“ทำไรวะ”
“แดกเหล้ากัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“มึงไปติดสาวร้านเหล้าอีกละสิ ทำมาเป็นจะเลี้ยงเหล้ากูเพื่อโชว์สาวนะไอ้หมุด”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ตัวดีมันมีจุดประสงค์อะไรถึงนึกคึกอยากเลี้ยงเหล้าเขา เพราะตลอดเวลาที่คบหาเป็นเพื่อนกันมา มีอยู่กรณีเดียวที่คนอย่างมหาสมุทรจะชวนเพื่อไปร้านเหล้า นั่นคือจีบสาว
แน่นอนเมื่อเพื่อนรู้ทัน มหาสมุทรจึงไม่สามารถหาข้ออ้างมาปฏิเสธข้อกล่าวหาได้
“รู้ทันอีกแล้วนะพี่มึง”
“เบา ๆ หน่อยเถอะ สอนธรรมะกูแทบตาย ตัวเองนี่ควงสาวไม่เว้นวันนะมึง นรกจะกินหัวเอา”
“โถ่ กูคบทีละคนเถอะพี่มึง ไม่มีคบซ้อน โนเมียชาวบ้าน ที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้มุสาวา-”
“ปึ้ง!!”
ธีต์ชิงพูดประโยคสุดท้ายขึ้นมาก่อน หากแต่เขาไม่ได้ทำเพียงพูดเท่านั้น
“โอ้ย พี่มึงมาตบหัวกูทำไม สมองไหลหมดแล้วมั้งเนี่ย”
ใบหน้ามุ่ยถูกส่งมายังคนพี่ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปตามเรือนผมของตนเบา ๆ เมื่อจู่ ๆ ไอ้พี่เวรมันก็แจกตบพิฆาตใส่หัวเขา
“หมั่นไส้”
“ไรวะ”
มหาสมุทรได้แต่ย่นคิ้ว เบ้ปากใส่อีกคน โดยที่ธีต์ไม่ได้สนใจ เขาหันไปถามเพื่อนรักอีกคนที่ตอนนี้ยังคงนั่งหาวราวกับว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไอ้โยมันจะฟุบหลับลงไปบนโต๊ะเรียน
“มึงไปด้วยไหมโย”
“อืม”
วาโยยังคงคอนเซ็ปต์เดิมของผู้ชายพูดน้อยต่อยหนัก ใบหน้านิ่งๆ ส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ปิดเปลือกตาแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราของตัวเองทันที
“โอเค งั้นไปมันหมดนี้เลย”
เป็นอันว่าจุดหมายในค่ำคืนนี้ของทั้งสามหนุ่ม คือการไปร้านเหล้าที่มหาสมุทรเป็นคนนำเสนอ บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าหลงใหลในรสพระธรรมจนบางครั้งเพื่อน ๆ อยากจะยุยงให้มันไปบวชให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถึงแม้จะซึ้งในผ้าเหลือง แต่ไอ้หมุดมักจะหยวน ๆ เรื่องบาปกรรมเสมอ ในยามที่อยากไปร้านเหล้าเพราะสาว
…นับเป็นพฤติกรรมที่ดูย้อนแย้งในทุกการกระทำจริง ๆ
อีกด้าน
“สวัสดีครับคุณปูน”
กานยกมือไหว้ทำความเคารพหัวหน้างานคนใหม่ของเขา หลังจากที่วันนี้ไม่ต้องไปช่วยไอ้หัวส้มทำวิจัย พอเลิกเรียนปุ๊บเขาและไอ้พร้อมก็ตรงดิ่งกลับบ้านมันทันที และเป็นอย่างที่เพื่อนรักว่าเอาไว้ ‘ป๊ามันรับเขาเข้าทำงานโดยไม่ซักถามอะไรเลยสักข้อ’ แต่พอจะเริ่มทำงาน พี่พฤกษ์ พี่ชายไอ้พร้อมก็โผล่เข้ามาในบ้านก่อน
เขาจึงได้นั่งเล่าเรื่องราวของตัวเองคร่าว ๆ ให้พี่พฤกษ์ฟัง สุดท้ายพี่ชายเพื่อนก็เห็นดีเห็นงามชวนให้มาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านของเพื่อน ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ยังไม่พ้นเดือน เหตุเพราะรายได้มันมากกว่าทำกับที่บ้านเกือบเท่าตัว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลา 5 โมงเย็นแบบนี้ เขามายืนยกมือไหว้เจ้าของร้านอยู่หน้าประตูทางเข้าบาร์นั่นเอง
“คุณอะไรเล่า เรียกพี่ปูนก็พอ มาคงมาคุณพี่ฟังแล้วขนลุกหมด”
ปูนที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของบาร์ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับพฤกษ์บอกออกไปตามประสาคนอัธยาศัยดี ทำเอาพนักงานใหม่ที่ตอนแรกเกร็ง ๆ ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนตัวลีบตัวแบบทำหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวฉีกยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ครับพี่ปูน ผมกานนะครับพี่ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับที่รับผมเข้าทำงาน”
“สบายมาก น้องไอ้พฤกษ์ก็เหมือนน้องพี่ด้วยคน มา ๆ เข้ามาในร้านก่อน”
เจ้าของร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสวมกางเกงสีเดียวกัน เปิดประตูร้านเข้าไปด้านใน แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงประตูเปิดค้างเอาไว้เพื่อให้กานได้เดินตามเขาเข้ามา
ร่างสูงกว่ากาน อีกทั้งยังมีหุ่นที่กำยำมากกว่าเดินนำหน้าพนักงานใหม่เข้าไปยังส่วนของบาร์ชงเครื่องดื่ม ซึ่งจะถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของกานในค่ำคืนนี้
“วันนี้มาทำงานวันแรก เป็นผู้ช่วยขุนพลมันไปก่อนนะ เดี๋ยวมันก็มา ระหว่างนี้เราจะเดินดูของ หรือบรรยากาศในร้านไปพลาง ๆ ก่อนได้เลย พี่บอกขุนพลมันให้สอนงานเราแล้ว ที่นี่อยู่กันสบาย ๆ ไม่ต้องเครียดนะ ส่วนอาหาร พนักงานในร้านอยากกินอะไรสามารถเดินไปสั่งในครัวทำให้ได้เลย จะเอากลับบ้านก็ได้ พี่ไม่ว่า”
น้ำเสียงใจดีพร้อมกับฝ่ามือที่ถูกตบลงมาเบา ๆ บนบ่าของกานเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเจ้าของบาร์แห่งนี้นอกจากจะเป็นคนอัธยาศัยดีแล้ว ยังเป็นคนที่โอบอ้อมอารีกับลูกน้องอีกด้วย
“โห พี่ปูนใจดีมาก”
นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นเพื่อเป็นการชมหัวหน้างานคนใหม่
“บอกแล้วไง สบาย ๆ พี่เปิดร้านนี้ไม่เน้นกำไร เน้นเอาสังคมวะ ฮ่า ๆ”
“แต่ร้านพี่ตกแต่งออกมาได้บรรยากาศดีมากเลยครับ ขนาดยังไม่เริ่มเปิดไฟนะ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ระดับไอ้ปูนซะอย่าง”
เมื่อถูกชมซึ่ง ๆ หน้า คนอย่างปูนที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการก่อสร้างบาร์แห่งนี้ มันเลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มร่าแล้วกวาดสายตามองไปยังรอบ ๆ บริเวณอีกครั้งด้วยความภาคภูมิใจ
“พี่ปูนเก่งมาก”
“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้น แต่พี่ขอรับคำชมนั้นไว้แล้วกัน เออ พี่ต้องไปดูเอกสารนิดหน่อย เราอยู่คนเดียวไปก่อนนะ มาเป็นคนแรกของร้านต้องทำใจวะน้อง พนักงานร้านนี้ นู่นไม่ 6 โมงเย็น มันไม่โผล่หัวมาให้พี่เห็นสักราย”
เนื่องจากบาร์ของเขานั้นเปิดให้บริการตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป พนักงานส่วนใหญ่จึงเข้างานกันช่วง 6 โมงเย็น แต่ถ้าหากใครที่เตรียมหน้างานของตัวเองเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้จะเข้าช้าหน่อย เจ้าของร้านก็ไม่เคยปริปากบ่น เพราะการทำงานของคนในบาร์มันไม่ได้วัดกันว่าใครอยู่หน้างานนานแค่ไหน แต่ปูนเลือกที่จะให้ความสำคัญกับผลของงานและคุณภาพของงานมากกว่า
“สบายมากครับพี่ กานขอเดินส่องร้านหน่อยนะครับ”
“เอาเลยตามสบาย แต่ระวังนะ…”
ท้ายประโยคคนพูดทำเสียงชวนหลอน จนกานที่ยืนรอฟังเริ่มระทึกไปด้วย “ยะ อย่าบอกนะครับ วะ ว่าที่นี่มี ผี” หนึ่งในความลับของเขาที่น้อยคนนักจะรู้ คือเรื่องการกลัวผีขึ้นสมอง แม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาภายในวัด แทนที่เขาจะไม่กลัวเรื่องที่มองไม่เห็น ตรงกันข้าม วันไหนมีงานศพจัดที่วัด ตกเย็นมาเป็นอันต้องหอบผ้าไปนอนกับหลวงตาทุกที
“บ้า ผีที่ไหน พี่จะบอกว่าที่นี่สวยมาก ระวังเราจะตื่นตาตื่นใจจนช็อกไปละ”
“โถ่ พี่ปูน” ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อย่าบอกนะว่ากลัวผี”
“ที่สุดในชีวิตแล้วพี่ ให้ผมไปขึ้นเขาลงห้วยแบกหามทำอะไรได้หมด อย่าเอาเรื่องผีมาหลอกผมก็พอ ผมสู้ไม่ไหว”
“โอ้ย ไม่ต้องกลัว ร้านนี้ยังไม่มีใครเมาจนหัวจมชักโครกตายแน่นอน พี่ไปทำงานก่อน มัวแต่พูดวันนี้น่าจะไม่ได้งาน”
“ครับผม ขอบคุณอีกครั้งนะครับพี่ปูน”
กานยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าเขาอีกครั้ง ซึ่งอีกคนพยักหน้าตอบรับแล้วหมุนตัวเดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน สถานที่สำหรับแขกระดับ VVIP อีกทั้งยังมีโซนที่ถูกแยกเอาไว้สำหรับเป็นห้องทำงานและห้องนอนส่วนตัวของปูนอยู่ด้วย
“เริ่มจากมุมไหนก่อนดีวะกู”
กานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วเริ่มหันมองซ้ายขวาเพื่อดูลาดเลาว่าตัวเองจะออกเดินสำรวจร้านไปทางไหนก่อนดี บรรยากาศของร้านด้านในหลังจากก้าวขาพ้นประตูทางเข้าหลักด้านหน้ามาแล้ว จะเป็นทางเดินทอดยาวเข้ามาสู่โซนที่นั่งตรงกลางของร้าน ซึ่งแต่ละโต๊ะจะมีฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า หากแต่ทุกมุมนั้นยังสามารถมองเห็นเวทีที่ตั้งอยู่ด้านในสุดได้อย่างชัดเจน โดยข้าง ๆ เวทีมีบันไดวนเพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งมองจากสายตาของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าบนนั้นจะมีห้องแยกเป็นส่วนตัวไม่ได้ถูกกั้นด้วยฉากเหมือนโซนที่นั่งด้านล่าง
เมื่อสำรวจคร่าว ๆ จนครบทุกมุม จึงตัดสินใจได้ว่าตัวเองจะเริ่มเดินส่องจากตรงไหนดี
“ไปเดินดูแถวเวทีก่อนก็แล้วกัน
21:15 น.
หลังจากที่กานเดินสำรวจร้านอยู่สักพัก ‘ขุนพล’ บาร์เทนเดอร์ประจำร้านก็เข้ามาทำงานตามปกติ กานจึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มรุ่นพี่ ซึ่งมีอายุห่างจากเขาถึง 11 ปี แถมยังโคตรเท่สุด ๆ ด้วยรูปร่างสูงล่ำไม่ต่างจากพี่ปูน แถมยังเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดุ ๆ ที่สักแทบจะทุกส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้า
“ลูกค้าแน่นร้านแบบนี้ทุกวันเลยไหมพี่ขุนพล”
กานตะเบ็งเสียงถามแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มออกมาจากเครื่องเสียงรอบร้าน ในตอนนี้เป็นช่วงที่ดีเจของร้านทำการเปิดเพลงมิกซ์ให้ลูกค้าได้วาดลวดลายกัน หลังจากวงดนตรีล่าสุดเพิ่งโชว์จบไป
ขุนพลที่ยังสาละวนอยู่กับการชงเครื่องดื่ม เนื่องด้วยค่ำคืนนี้มีเหล่าผีเสื้อราตรีออกมาเริงร่ากันมากกว่าทุกคืน ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามตอบกานด้วยการโน้มตัวเข้าใกล้ใบหูของอีกฝ่าย
“วันนี้เยอะกว่าปกติ สงสัยเป็นวันศุกร์”
และด้วยความที่ส่วนสูงไม่ได้ห่างกันมาก หากมองจากภายนอกเข้ามาเลยดูเหมือนว่าบาร์เทนเดอร์สุดฮอตกำลังหอมแก้มพนักงานใหม่ ทำเอาสาว ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอรับเครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์ใจห่อเหี่ยวกันเป็นแถว ๆ
ซึ่งสาว ๆ ที่มาร้านส่วนใหญ่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพี่ขุนพลที่พวกหล่อนหมายปองไม่ได้ชายตามองผู้หญิง แต่ความชะนีที่แวะเวียนมาเที่ยวที่ร้านแล้วถูกบาร์เทนเดอร์ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีไม่ต่างจากเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ มีหรือที่สาว ๆ จะไม่อยากได้พี่เกย์มาเป็นผัว
“พี่ขุนพลหอมแก้มพี่เขาแบบนั้น เพ่ยเพ่ยเสียใจแย่”
หนึ่งในสาวสวยดีกรีดาวมหาลัยคิงส์เวลปีล่าสุดพูดขึ้น ขณะรอเครื่องดื่มของตนเองที่เก้าอี้หน้าบาร์ ทำเอากานที่ได้ยินชัดเต็มสองรูหูรีบยกไม้ยกมือส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
“อย่ามาหลอกเพ่ยเพ่ยเลยนะคะ แค่นี้คนสวยก็ช้ำใจจะแย่ ที่รู้ว่ารักเขาแต่เขาเป็นผัวให้เราไม่ได้”
ใบหน้าสวยงอง้ำ เบะปากคว่ำลงตั้งท่าเหมือนจะร้องไห้ นั่นยิ่งทำให้กานตกใจจนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
“เอ่อ คือ”
“เพ่ยเพ่ย อย่าแกล้งน้อง กานเพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้วันแรก”
ขุนพลที่เห็นว่ากานอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกจึงเข้ามาช่วย
“หือ”
คนถูกแกล้งเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่เมื่อครู่เหมือนจะร้องไห้ ตอนนี้กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
“เพ่ยเพ่ยรับน้องใหม่ค่ะ เมื่อกี้แค่หยอกกันเล่นนะคะ แต่ที่จริงเลยคือเพ่ยเพ่ยรักพี่ขุนพลข้างเดียวค่ะ”
“ผมกับพี่ขุนพลเป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้นครับ เมื่อครู่ที่คุณเพ่ยเพ่ยเห็น ผมแค่ถามพี่เขาเรื่องร้านเฉย ๆ”
“เพ่ยเพ่ยทราบค่ะ แต่โปรดเข้าใจสาววายสมองไหลอย่างเพ่ยเพ่ยด้วยนะคะ”
“สาววายสมองไหล?” กานทวนคำด้วยความไม่เข้าใจ
“สาววายสมองไหลคือสิ่งมีชีวิตที่วัน ๆ เห็นผู้ชายรักกันแล้วมันใจฟูค่ะ ยิ่งเห็นเขามีโมเม้นต์น่ารัก ๆ กับคู่จิ้นด้วยแล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่การตัดคลิปบนโซเชียลมายำรวมกัน แต่สาววายสมองไหลมีความสามารถล้ำลึกที่อยากจะเลียนแบบคือ…พวกเราจินตนาการต่อได้ค่ะ ว่าคนทั้งสองเขาเป็นแฟนกันจริง ๆ ขอไม่รับความเห็นต่างนะคะ”
ยิ่งได้ฟังคำอธิบายยาวเหยียดของหญิงสาว กานยิ่งไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันจะได้ถามต่อ บริกรหนุ่มอีกคนก็นำบิลที่เพิ่งไปรับออเดอร์ลูกค้ามาส่งให้กานเสียก่อน
“กาน เครื่องดื่มของ VVIP ชั้นสอง”
“ครับพี่”
เขายื่นมือออกไปรับกระดาษบิลที่เขียนรายการเครื่องดื่มยาวเป็นหางว่าว “พี่ซัน นี่ลูกค้ามากินเลี้ยงเหรอพี่ สั่งเยอะเชียว” เมื่อเห็นว่ารายการเครื่องดื่มมีมากกว่าสิบอย่าง แถมยังมีเมนูอาหารที่ถูกจดเอาไว้ไปจนถึงกระดาษด้านหลัง จึงคิดไปเองว่าลูกค้าน่าจะมากินเลี้ยงบริษัทเป็นกลุ่มใหญ่
“เปล่า มากัน 6 คนเอง”
“อ่า โอเคครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมเรียกนะพี่”
“ได้ ๆ พี่ไปรับลูกค้าโต๊ะอื่นก่อน”
“ครับ”
กานกวาดสายตามองรายการเครื่องดื่มและอาหารอีกครั้ง ก่อนจะนำกระดาษแผ่นใหม่มาจดชื่อเครื่องดื่มลงไป จากนั้นจึงนำเอากระดาษแผ่นเดิมถือตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ติดกัน เพื่อให้พ่อครัวได้ลงมือปรุงอาหาร ก่อนจะรีบเดินกลับมาหาขุนพลเพื่อช่วยอีกคนทำเครื่องดื่ม ด้วยใบหน้าอันเบิกบาน
“มาพี่ขุนพล ให้ผมช่วยจากตรงไหนก่อนดีครับ”
“เริ่มจากตรงนี้”
ขุนพลทำหน้าที่เป็นคนชงเครื่องดื่ม โดยพยายามถ่ายทอดวิชาให้กับกานไปด้วย ไม่นานเครื่องดื่มมากมายก็ถูกทยอยนำออกไปเสิร์ฟจนในที่สุด
“อันสุดท้ายแล้ว เย้!”
กานยกกำปั้นทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับเสียงเย้ที่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ เพราะเขาได้เรียนรู้การทำเครื่องดื่มหลากหลายประเภทจากบิลล่าสุด และเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จึงลืมตัวเผลอแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า ทำเอาขุนพลยิ้มตามไปด้วย
“เก่งมาก”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยชมเพื่อเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่าย แม้จะเป็นการเอ่ยชมที่มาจากเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ตนเชื่อว่ามันจะช่วยทำให้คนที่ได้ฟังมีความสุขในการทำงานไปด้วย
“เพราะผมมีครูดีอย่างพี่ขุนพลต่างหากเล่า”
กานไม่รู้ตัวเองเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นฉายชัดว่ามีความสุขมากขนาดไหน ความสุขจากใจถูกส่งผ่านออกมาทางรอยยิ้มกว้าง และแววตาเป็นประกาย นั่นยิ่งทำให้ขุนพลเผลอจ้องใบหน้านวลเนียนนิ่งผิดปกติ
“พี่ขุนพล พี่ขุนพลครับ”
“ห้ะ ว่ายังไงนะกาน”
“เหม่ออะไรครับ”
“ปะ เปล่า พี่เผลอคิดไรเพลิน ๆ”
“งั้นเราไปทำงานต่อเถอะครับ นู่นพี่ซันถือออเดอร์ใหม่มาแล้ว”
ทั้งสองหันไปมองซัน ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับขุนพล ในมือของชายหนุ่มข้างหนึ่งถือถาดเสิร์ฟเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างถือบิลจากโต๊ะล่าสุดเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา
หลังจากรับออเดอร์มา ทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจในหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น เพ่ยเพ่ยก็เลือกที่จะนั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่พูดสิ่งใดออกมาเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนการทำงานของพี่ขุนพลและกาน
สถานการณ์ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ ดูเหมือนว่าการมาทำงานวันแรกของกานจะลุล่วงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
แต่เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีดำที่กำลังง่วนอยู่กับการช่วยชงเครื่องดื่มนั้น ไม่รับรู้ถึงการมาของใครบางคน ‘ศัตรูที่เขารังเกียจยิ่งกว่าขยะเปียกเสียอีก’
“พี่มึง กระจกมีไรวะ เห็นมองจนมันจะทะลุอยู่แล้ว”
มหาสมุทรที่ยังคงนั่งโอบเอวน้องข้าวฟ่าง สาวสวยที่เขาพบเจออยู่ในบาร์แห่งนี้ ก่อนจะสานสัมพันธ์กันมาเรื่อย ๆ และด้วยความที่เรียนอยู่กันคนละมหาลัย บาร์แห่งนี้จึงมักถูกใช้เป็นสถานที่นัดหมายเพื่อพบเจอกันอยู่เสมอ อย่างในค่ำคืนนี้ที่เขาอยากให้หญิงสาวได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ของตน จึงชวนไอ้พี่ธีต์กับไอ้โยมา ซึ่งข้าวฟ่างก็ชวนเพื่อนมาด้วยอีกเช่นกัน
นัยน์ตาคมจับจ้องมาที่เพื่อนด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่ไอ้พี่ธีต์มันนั่งลงฝั่งผนังกระจกตรงข้ามกับเขา นอกจากมันจะไม่สนใจเพื่อนฝูงและสาว ๆ เพื่อนของน้องข้าวฟ่างแล้ว ไอ้พี่ธีต์ยังเอาแต่มองผ่านกระจกลงไปยังโซนชั้น 1 ของร้าน แต่แทนที่มันจะหันมาตอบเขาดี ๆ กลับพูดจาหมาไม่แดกเข้าให้ ทั้งที่หน้ายังคงแนบอยู่ใกล้กับผนังกระจก
“เสือก!”
“เดี๋ยวกูทุ่มกบาลด้วยขวดเหล้าเลย”
“ไอ้หมุด!”
“ไรวะพี่มึง พูดเล่นแค่นี้ทำมาเป็นเห่าใส่ เมนจะมาหรือไง ดูอย่างไอ้โยสิ นั่งดื่มเงียบ ๆ ไม่สร้างมลพิษให้ใคร”
“.....”
วาโยได้ยินที่เพื่อนโบ้ยมาทางเขา แต่ที่สุดแล้วก็ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำหรือพูดโต้กลับออกไป จึงทำแค่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วยกเครื่องดื่มขึ้นมากระดกลงคอรวดเดียวจนหมด
“ทำไมมึงไม่บอกกูว่าไอ้กานทำงานอยู่ร้านนี้”
คราวนี้ธีต์หันหน้ามาจ้องมหาสมุทรพร้อมกับพูดจาขึ้นเสียงใส่อีกคน จนคนที่กำลังวาดมือไปสวมกอดสาวน้อยข้างกายชะงักกึกไปในทันที
“พี่มึงว่าไงนะ ไอ้กานทำงานที่นี่?”
“เออ กูเห็นมันกระดี๊กระด๊าอยู่ตรงบาร์กับไอ้หน้าตี๋นั่น” ธีต์หันกลับไปทางกระจกแล้วชี้นิ้วลงไป เป็นทำนองให้มหาสมุทรลุกจากที่นั่งขึ้นมาดูด้วยตาของตัวเอง
สุดท้ายคนฟังก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ มหาสมุทรจำใจปล่อยน้องข้าวฟ่างสุดที่รักแล้วลุกขึ้นเดินไปยังฝั่งไอ้พี่ธีต์ เขามองตามมือมันลงไปยังเป้าหมาย “เออ เห็นแล้ว กูไม่รู้นะเว้ย ก่อนหน้านี้ที่มายังไม่เคยเจอมันเลย”
“ทีอยู่กับกูนะ ทำหน้าอมทุกข์เหมือนปลาทองที่บ้านตาย แต่พออยู่กับไอ้หน้าตี๋นั่น ระริกระรี้ฉิบหาย!”
“นี่ถ้ากูไม่เป็นเพื่อนกับพี่มึง แล้วรู้มาก่อนว่าเด็กนั่นทำลูกรักพี่มึงพัง กูจะคิดว่าพี่มึงกำลังนั่งหึงเมียอยู่นะ”
ผัวะ!
“โอ้ย วันนี้พี่มึงตบหัวกูสองทีแล้วนะ”
“พูดจาไม่เข้าหู ใครเป็นผัวมันกัน”
“ถ้าพี่มึงไม่ใช่ผัวมัน แสดงว่าเป็นเมียมันอย่างนั้นเหรอ?”
“ไอ้หมุด!!
“ธีต์เสาร์นี้ว่างไหม”กานถามขณะนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับ แววตาใสมองไปยังคนข้าง ๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดแผนที่ร้านอาหารที่จะไปกินอยู่ในโทรศัพท์“แป๊บนะ ขอดูตารางงานก่อน”เรียวนิ้วเลื่อน ๆ อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ เนื่องจากช่วงนี้ธีต์งานเยอะเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวกับเพื่อนกำลังจะก่อสร้างโชว์รูมรถ แววตาคมเพ่งมองหน้าจอก่อนจะหันหน้ามาบอกแฟน“ช่วงเช้าติดงานนิดหน่อย ว่างตั้งแต่บ่ายสองเป็นต้นไป มีอะไรหรือเปล่า”“งั้นเราไปกินข้าวที่บ้านพ่อกับแม่มึงได้ใช่ไหม”เนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาและธีต์ไม่ได้เข้าไปกินข้าวในเย็นวันเสาร์อย่างที่ตกลงไว้ เนื่องจากงานที่รัดตัว ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นอกเห็นใจลูกชายและเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า“อืม ดีเหมือนกัน พ่อโทรมาบ่นจนหูชาแล้ว”“ท่านคงคิดถึง”“ทำไงได้อะเนอะ ดันมีลูกชายฉลาด งานการรัดตัว”“มึงนี่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่ลดลงเลยนะ”“อะไรลดลงเหรอ”“ความมั่นหน้า”กานว่าออกมายิ้ม ๆ แต่คนฟังไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไร ออกจะถูกใจธีต์เสียด้วยซ้ำ เพราะเรื่องมั่นหน้า และมั่นใจ เจ้าของเรือนผมสีส้มไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว “ถ้าไม่มั่นหน้าจะได้มึงมาเ
“ลูกกาน ลองชิมแกงรัญจวนดูนะลูก เมนูโปรดแม่เลย”คุณหญิงของบ้านตักแกงสุดโปรดไปวางลงบนจานข้าวของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อาหารบนโต๊ะวันนี้สีสันแสบสะท้านทรวงมาก เมนูแต่ละอย่างรสชาติจัดจ้านซึ่งดูแปลกตาไปจากทุก ๆ วัน เนื่องจากสายธารเป็นคนชอบอาหารรสจัด ยามใดที่คุณแม่ยังสวยอยู่บ้าน ป้านวลจึงมักจัดอาหารทั้งรสชาติเผ็ดและจืดขึ้นพร้อมกัน“ขอบคุณครับคุณแม่”“กินเยอะ ๆ นะลูก ตาธีต์เลี้ยงเราดีไหม ทำไมหนูตัวบางแบบนี้ ไม่ได้ ๆ หลังจากนี้ต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ”“ได้ครับผม”กานส่งยิ้มกลับไปพร้อมด้วยคำตอบแสนสุภาพ ร่างสูงโปร่งขณะนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของธีต์ โดยมีคุณลุงนั่งอยู่หัวโต๊ะเช่นเคย ส่วนไอ้ผมส้มของเขานั้นตอนนี้นั่งหน้ายับอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้เป็นแม่ เนื่องจากถูกสั่งไม่ให้นั่งข้างเขา“แม่ ผมเลี้ยงกานดีมากนะครับ อาหารมีให้ไม่เคยขาด”“ธีต์ลูก แม่บอกแล้วว่าให้จ้างครูมาสอนภาษาไทย ดูพูดเข้า นึกว่าให้อาหารหมา”“แม่ครับ”ใบหน้าหล่อเหลายิ่งยับย่นเข้าไปอีกเมื่อถูกแม่ตัวเองแซวต่อหน้าแฟน เห็นทีหลังจากนี้เขาต้องไปลงเรียนภาษาไทยให้มากขึ้นเสียแล้ว เพราะเขาเองไม่ได้อยู่กับกานตลอดเวลา ดังนั้นเวลาห่างกับแฟนเขาจึ
ไม่นานหลังจากที่ธีต์วิ่งออกไป ร่างสูงก็กลับมาพร้อมกับลุงหมอเจ้าของไข้ และพยาบาลอีกหนึ่งคน ธีต์ถอยออกมายืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา เพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของลุงหมอ เขาปล่อยให้กานถูกซักถามและตรวจเช็กอาการอยู่บนเตียง“กานฟื้นแล้วครับพ่อ”ธีต์หันไปฟ้องพ่อราวกับเด็ก ๆ ที่กำลังดีใจกับเรื่องบางอย่างจนออกนอกหน้า ธรณ์พยักหน้ารับ พลางมองไปยังแววตาของลูกชายที่เขาไม่ได้เห็นมันทอแสงประกายระยิบระยับมาร่วมอาทิตย์ด้วยความเอ็นดู“ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ”“พ่อก็ดีใจ หมดเคราะห์สักทีนะเรา”“เดี๋ยวถ้ากานหายดี ผมจะพาน้องไปอาบน้ำมนต์กับหลวงตาครับ”“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ นู่น ลุงหมอตรวจเสร็จแล้ว”ธรณ์เบนสายตาไปยังหมอประจำตระกูล ซึ่งขณะนี้ตรวจอาการของคนป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธีต์ได้ยินดังนั้นจึงไม่รอช้า เขาสืบเท้าเข้าไปหาลุงหมอทันควัน“น้องเป็นยังไงบ้างครับลุงหมอ”“อาการโดยรวมตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ ให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองสามวัน น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”“กานจะได้กลับบ้านแล้วเหรอครับ”“ใช่ ลุงดีใจด้วยนะ”“ขอบคุณมากครับลุงหมอ”คนฟังแทบจะก้มลงกราบลุงหมอที่พื้น เพราะเขาถือว่าลุงหมอคือคนสำคัญที่
“กินเยอะ ๆ”ธรณ์ตักไก่กระเทียมไปวางลงบนจานข้าวของลูกชาย พร้อมกำชับด้วยโทนเสียงหนักแน่น เนื่องจากเจ้าธีต์เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา“ผมไม่หิวเลยครับพ่อ”“ไม่หิวก็ต้องฝืนกินเข้าไป แกจะได้มีแรง”“ครับ”รับปากออกไปแต่มือยังเขี่ยข้าวในจานไม่หยุดจนผู้เป็นพ่อต้องยกมือขึ้นไปตบบนหลังมือของลูกชายเพื่อเรียกสติ “ธีต์ กินข้าวหน่อยนะลูก”“ครับ”ข้าวไก่กระเทียมคำแรกถูกส่งเข้าปากด้วยความฝืดคอ แต่ทว่าธีต์ก็พยายามเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงท้องไปด้วยความจำใจ เนื่องจากมีสายตาของพ่อมองกดดันเขาอยู่ กระทั่งเขากินข้าวไปอีกสองสามคำ จู่ ๆ พ่อก็โพล่งเรื่องงานหมั้นขึ้นมา“พ่อไปยกเลิกงานหมั้นให้แล้วนะ”“พ่อว่ายังไงนะครับ ยกเลิกงานหมั้น?”“อืม เมื่อเช้าพ่อไปบ้านลุงภูมา”“เกิดอะไรขึ้นครับ ก่อนหน้านี้พ่อยังบังคับผมอยู่เลย” ธีต์ถามออกไปตามตรง พลางมองใบหน้าของพ่อด้วยความสงสัย“ที่กานตกสระว่ายน้ำเมื่อวาน พ่อให้ช่างเขามาดูกล้องวงจรปิดมุมนั้น ปรากฏว่าหนูแพรเป็นคนผลักกานตกสระว่ายน้ำ”ธีต์วางช้อนในมือกระแทกลงบนจานจนเกิดเสียงดังเมื่อสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้เป็นเรื่องจริง แม้ว่าในใจจะแอบให้ความคิดด้านลบที่ว่าแพรเป็นคนผลักกานตกน้ำไม่
“คุณธรณ์ค่ะ ช่างเข้ามาดูเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วค่ะ”หลังจากที่ธรณ์ปล่อยให้ลูกชายได้อยู่เฝ้ากานที่โรงพยาบาล แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ ได้ แต่สภาพจิตใจของลูกชายในตอนนี้ หากให้กลับมาพักที่บ้านคงได้ระเบิดบ้านทิ้งแน่ ๆ เขากับนวลจึงอาสามาเก็บข้าวของ พร้อมเตรียมอาหารเย็นแล้วค่อยนำกลับไปให้เจ้าธีต์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เห็นว่าคืนนี้หมอเขาไม่ให้อยู่เฝ้าตลอดทั้งคืน ธีต์เลยจะไปนอนโรงแรมใกล้ ๆ แทนโดยสิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับมาถึงบ้าน คือการโทรตามช่างที่รับผิดชอบดูแลเรื่องกล้องวงจรปิดในบ้านมาพบ เพราะเขาต้องการหาสาเหตุว่ากานตกลงไปสระน้ำได้อย่างไร“อืม นวลให้ช่างเข้ามาได้เลย”“สักครู่นะคะ”ไม่นานช่างผู้ชายสองคนได้พากันเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของธรณ์ โดยช่างประจำมาพร้อมกล่องเครื่องมือครบครัน ส่วนอีกคนดูท่าแล้วน่าจะเป็นผู้ช่วยช่าง เพราะธรณ์ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน เนื่องจากปกติช่างประจำรายนี้มักจะมาทำงานด้วยตัวคนเดียวมากกว่า“ผมอยากเห็นภาพเหตุการณ์บ่ายสามไปจนถึงสี่โมงเย็นของวันนี้ ช่างพอจะเช็กให้ได้ไหม”“ได้ครับคุณธรณ์”“ฝากด้วยนะช่าง”“ครับ”ช่างลงมือทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ
โรงพยาบาล XX“คุณลุงค่ะ คุณลุงต้องเชื่อน้องแพรนะคะ น้องแพรไม่รู้เลยค่ะ ว่ากานเค้าตกลงไปในสระว่ายน้ำได้ยังไง”“คงเป็นอุบัติเหตุ ไม่เป็นไร เรารอคุณหมอออกมาก่อนเถอะ”ธรณ์พูดปลอบใจหญิงสาวรุ่นลูก เพราะคนที่เข้าไปเห็นกานจมอยู่ก้นสระว่ายน้ำคนแรกคือเด็กสาวตรงหน้า หลังจากที่เขานั่งรอดอกกรรณิการ์อยู่พักใหญ่ กานก็ไม่กลับเข้ามาสักที ครั้นจะเดินออกไปตามกลับพบหญิงสาววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในบ้าน พร้อมกับละล่ำละลักบอกว่ากานจมน้ำอยู่ในสระโชคยังดีที่คนขับรถอยู่บริเวณนั้น จึงได้กระโดดลงไปในสระแล้วนำร่างกานขึ้นมา ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยตอนนี้เขา นวล และแพร ต่างพากันยืนรออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน“คุณธรณ์ไปนั่งเก้าอี้ก่อนไหม เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเอง”“ไม่ล่ะนวล ชั้นขอยืนรอตรงนี้ พอหมอเขาพากานออกมา กานจะได้เห็นเราชัด ๆ”“แต่ว่า-”“ชั้นไม่เป็นไรจริง ๆ นวล”ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเป็นเชิงห้าม เพราะไม่ว่านวลจะคะยั้นคะยอให้เขาไปนั่งรอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาร้อนใจจนไม่สามารถนั่งรอเฉย ๆ ได้ แววตาของคนที่เคยเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ในเวลานี้ช่างต่างกันลิบลับ เพราะมันถูกแทนไปด้วยความเป็นห่วง“พี่ธีต์ว่ายังไงบ้างคะคุณลุ




![ผมไม่ได้ยั่ว เสี่ยต่างหากที่ห้ามใจไม่ได้[Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


