Beranda / รักโบราณ / กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ / ตอนที่5 ที่แท้...รองแม่ทัพเยี่ยนก็แค่คนขี้ขลาดตาขาว

Share

ตอนที่5 ที่แท้...รองแม่ทัพเยี่ยนก็แค่คนขี้ขลาดตาขาว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-30 21:51:21

เยี่ยนหยางจงมองภาพตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง บางจังหวะก็หัวเราะเบา ๆ ออกมา หากไม่เห็นศพกองอยู่ตรงหน้า ผู้อื่นย่อมนึกว่าเขากำลังชมงิ้วด้วยความเบิกบานใจอยู่เป็นแน่

จ้าวกุ้ยอินก็เช่นกัน นางจำได้ดี บิดาเคยเปรยให้ฟังว่าแม่ทัพใหญ่และบุตรชายเก่งกล้าสามารถ แต่ตอนนี้เห็นเพียงบุรุษเอื่อยเฉื่อยที่มองคนสู้กันอย่างหน้าตาเฉยผู้หนึ่งเท่านั้น ทำให้นางนึกเดียดฉันท์เยี่ยนหยางจงอย่างยิ่ง

“นี่หรือ ผู้ที่เคยสังหารแม่ทัพแคว้นเป่ย เกรงว่าจะเป็นแค่ราคาคุยเสียมากกว่า”

ครั้นน้ำเสียงกระจ่างใสเจือความเย้ยหยันลอยมาจากด้านหลัง เยี่ยนหยางจงหรี่ตา กำแส้ในมือแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ยังรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ หน้าที่ของเขามีเพียงกันจ้าวกุ้ยอินให้ห่างจากฉินอ๋องเท่านั้น ส่วนเรื่องจัดการนักฆ่าเหล่านี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อื่น

จากการประเมิน หากเยี่ยนจิ้นหลิงไม่ติดเล่นจนเกินไป เพียงหนึ่งก้านธูปก็กำจัดได้หมดแล้ว ไม่ต้องถึงมือเขาหรอก

“ที่แท้ รองแม่ทัพเยี่ยนก็แค่คนขี้ขลาดตาขาว ไร้ประโยชน์สิ้นดี”

“...” ประโยคเชือดเฉือนลอยเข้ามากระทบโสตอีกระลอก ตนเองเป็นคนเช่นไรเยี่ยนหยางจงย่อมรู้ดี

แต่...คนงามไม่รู้นี่!

ครั้นหันกายกลับไปเผชิญหน้ากับจ้าวกุ้ยอินอีกครั้ง เยี่ยนหยางจงแลเห็นสายตาโกรธขึ้งระคนดูถูกเหยียดหยามอย่างชัดเจน นางมองเมินเขา แล้วเอาแต่ชะเง้อชะแง้หามู่เลี่ยงหรงด้วยความห่วงหาอาทร ยิ่งพอบุรุษผู้นั้นฟาดฟันศัตรูให้ล้มลงไปได้ รอยยิ้มชื่นชมยินดีก็ฉายชัดบนใบหน้างามไร้ที่ติอย่างโจ้งแจ้ง ทว่าพอนางปรายสายตากลับมาสบกับเขาอีกที กลับมีเพียงความรังเกียจเต้นระริกอยู่ภายใน รองแม่ทัพหนุ่มจึงรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

ก็ได้...ก็ได้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นตัวตนที่แท้จริง ดูสิว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะกล้าทำหน้าแบบนี้ใส่ข้าอีกหรือไม่

เยี่ยนหยางจงตัดสินใจจะจัดการเรื่องวุ่นวายพวกนี้ให้จบในคราวเดียว คิดว่าหากตนลงมือเก็บกวาดทุกอย่างจนเรียบร้อย จ้าวกุ้ยอินก็คงไม่เกิดเรื่องแล้ว พลันผินหน้ากลับไปทางกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แล้วเอ่ยถามมู่เลี่ยงหรงด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ท่านชอบการแสดงของผู้ใดมากที่สุด”

“ย่อมต้องเป็นคนที่หมายเอากระบี่แทงว่าที่หวางเฟยของเรา ไอ้พระเอกนั่น” มู่เลี่ยงหรงตอบทันควัน ดวงตาสีนิลแวววามไปด้วยโทสะ

เมื่อได้รับคำตอบ เยี่ยนหยางจงก็หันกายไปหาจ้าวกุ้ยอิน เขาสบนัยน์ตาราวกับนางม้าป่าแสนพยศแล้วยกยิ้มอ่อนโยนให้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ

“หากท่านหญิงยืนอยู่ตรงนี้จนทุกอย่างจบลงโดยไม่ก่อปัญหา ต่อไปท่านอาจจะได้พบคนที่รักจริง แต่หากยังดื้อดึง วิ่งตามไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็จะพบแต่ความโศกเศร้า”

“เจ้าพูดบ้าอะไร” คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนแทบจะเป็นปม จ้าวกุ้ยอินไม่เข้าใจว่าเยี่ยนหยางจงต้องการสิ่งใดกันแน่ หรือว่าเขาจะสติไม่ค่อยดีกันนะ

“ผู้น้อยคิดว่าท่านหญิงรู้อยู่แก่ใจดี”

คำพูดเช่นนี้ มิใช่กล่าวหากันกลาย ๆ หรอกหรือ คนตรงหน้าทำเหมือนกับว่านางมีแผนการร้ายอะไรในใจ ให้ตายเถอะ! นอกจากจะไร้ประโยชน์แล้ว ชายผู้นี้ยังชอบพูดจาเพ้อเจ้ออีกด้วย เหลวไหลสิ้นดี!

“เจ้ารู้อะไร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“ท่านหญิงได้โปรดไตร่ตรองด้วย แต่หยางจงคงต้องไปจัดการมดปลวกน่ารำคาญพวกนั้นแล้ว”

ก็แน่ล่ะ ถ้ายังยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนี้ นางก็ต้องมองว่าเขาเป็นแค่ลูกเต่า แล้วบุรุษคนไหนบ้างเล่าอยากเป็นเพียงตัวโง่งมในสายตาสตรีที่งดงามเช่นนี้บ้าง

 “ดะ...เดี๋ยวสิ”

เยี่ยนหยางจงไม่ได้หันไปหานางตามเสียงเรียก แต่กลับเดินลมปราณเพิ่มอีกขั้น จนแส้หนังในมือส่งเสียงดังโหยหวนราวกับทรมาน เขาไม่ปกปิดจิตสังหารอีกต่อไปแล้ว

บรรยากาศโดยรอบพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รังสีกดดันพวยพุ่งออกมาจากร่างสูงสง่า ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

จ้าวกุ้ยอินเบิกนัยน์ตามองแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าอย่างตะลึงพรึงเพริด ด้วยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่แผ่ออกมารายล้อมบุรุษที่นางเพิ่งกล่าวดูถูกเหยียดหยาม

หนังศีรษะชาวาบ ความกลัวค่อย ๆ กัดกินวิญญาณทีละน้อย ร่างทั้งร่างพลันสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้จ้าวกุ้ยอินเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องเคยตัดศีรษะคนนับหมื่นนับแสนมาแล้วอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้แม้เยี่ยนหยางจงจะทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจเหล่าคนร้าย ทว่าความจริงเขาลอบสังเกตและประเมินฝีมือคนเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว พอเห็นว่าไม่ได้ตึงมือเกินไปนัก จึงปล่อยให้ฉินอ๋อง เยี่ยนจิ้นหลิง จ้าวเฟิงเหลย และเหล่าองครักษ์ของพวกเขาจัดการ แต่นึกไม่ถึงว่าสตรีงดงามแต่ฝีปากกล้าทางด้านหลังจะปรามาสเขาถึงเพียงนี้ หากจะปล่อยให้นางมองเขาเป็นเต่าหัวหด สู้ลุกไปจัดการเรื่องราวให้จบ ๆ ไปเลยดีกว่า และหวังว่าเมื่อจบเรื่องแล้ว นางจะคิดเหลือบแลบุรุษอื่นที่ไม่ใช่ฉินอ๋องบ้าง

นี่ข้าคิดบ้าอะไรอยู่?

เยี่ยนหยางจงสะบัดศีรษะ ดึงสมาธิกลับมาที่การต่อสู้ เขาจับจ้องคนชุดดำทีละคน นัยน์ตาเหยี่ยวล้ำลึกราวหลุมไร้ก้นบึ้ง ไอสังหารเข้มข้นที่แผ่กำจายออกมาเป็นเสมือนคมมีดที่พร้อมจะเชือดเฉือนผู้มองให้ดับสิ้นชีวา ยามนี้เขาหาใช่ชายหนุ่มแสนอบอุ่นที่ดูปราศจากพิษภัยดั่งเมื่อครู่อีกแล้ว

รองแม่ทัพหนุ่มแตะเท้าทะยานไปเบื้องหน้าราวธนูที่ออกจากแหล่ง รวดเร็ว รุนแรง เกินกว่าผู้ใดจะจินตนาการได้ แม้สิ่งที่เขาถือในมือจะเป็นเพียงแส้หนังธรรมดาเท่านั้น แต่ทันทีที่เสียงหวีดหวิวกรีดอากาศแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหวดเนื้อครั้งหนึ่ง ชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายกลับจบลงโดยไม่ทันได้ร้องสักแอะ และทุกครั้งที่เงาร่างของเทพสงครามเคลื่อนผ่าน ศัตรูเหล่านั้นก็ทรุดลงกองกับพื้นไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่ปลิดปลิว

ในที่สุดก็เหลือเพียงนักแสดงชายในชุดนักรบที่ฉินอ๋องต้องการตัวเท่านั้น

นัยน์ตาสีนิลที่เคยนิ่งสนิทกลับลุกโชนราวกับแสงตะวัน ช่างร้อนแรงแผดเผาจนผู้มองหายใจไม่ออก เยี่ยนหยางจงสาวเท้าไปเบื้องหน้าทีละก้าว ไม่ต่างอะไรกับการมาของพญายมจากนรก ใบหน้าหล่อเหลาคมคายพลันแสยะยิ้มร้าย

“ไม่ใช่คน แกมันไม่ใช่คน” ชายในชุดนักรบร้องตะโกนราวกับคนเสียสติ เนื้อตัวสั่นเทา สุดท้ายก็ปล่อยของเหลวกลิ่นฉุนออกมาอย่างไม่อาจควบคุม

เยี่ยนหยางจงไม่สนใจสิ่งสกปรกที่ออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย เขาทิ้งแส้หนังที่แทบไม่เหลือสภาพลงกับพื้นอย่างไม่อินังขังขอบ “เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการถามสิ่งใด ทางที่ดีก็จงบอกมา อย่ามัวร่ำไร อ่อ... แล้วอย่าได้คิดกัดยาพิษในฟันเจ้าด้วย เพราะข้าสาบานได้เลยว่าเจ้าจะไม่ได้ตายด้วยสิ่งนั้น รู้หรือไม่เล่า น้องชายของข้าชอบศึกษาเรื่องพิษนัก ย่อมถอนพิษพวกนี้ได้ไม่ยาก สุดท้ายแล้วเขาก็จะใช้พิษตัวอื่นทำให้เจ้าทรมานไปอีกหลายวันกว่าจะขาดใจตาย...”

“หึ! ฉินอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิตสั่งสังหารตระกูลชวียกครัว ตัวข้าผู้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวหนีไปได้ วันนี้สบโอกาสขอแก้แค้นแทนบิดา มารดา และทุกคนในตระกูล” ชายในชุดนักรบตัวสั่นเทา แม้เขาจะหวาดกลัวพญามัจจุราชตรงหน้า แต่ก็ยังเค้นคำพูดแข็งกร้าวตอบกลับออกมาจนได้

เมื่อได้ยินคำตอบ มู่เลี่ยงหรงก็สาวเท้าเข้ามายืนตรงหน้าผู้คิดสังหารเขา “ใต้เท้าชวีโกงกิน คบคิดศัตรู บ่อนทำลายแคว้น ข้ามีหลักฐานหนาแน่น สมควรแล้วที่ถูกประหารเก้าชั่วโคตร” เขามองอีกฝ่ายอย่างดูแคลนก่อนจะแสยะยิ้ม ทว่าไม่ถึงดวงตา “ยังเหลืออีกหนึ่ง ก็ควรจะตายตกไปตามกัน”

สิ้นคำท่านอ๋องหนุ่มก็ตบข้างแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ยาพิษฤทธิ์แรงแตกออกจากฟัน ไม่นานทายาทคนสุดท้ายของตระกูลชวีก็สิ้นใจอยู่แทบเท้า

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status