LOGIN“ขอให้ฉันได้รักกับอาจารย์ธาวินสักวันได้หรือไม่”
แม้ปากบางซีดจะขยับเพียงเล็กน้อยและเสียงแผ่วเบา แต่หูทิพย์ของท่านยมทูตทั้งสองได้ยินอย่างแจ่มชัด และเมื่อตรวจดูดวงชะตาของหญิงสาวกับผู้ชายที่เธอบอกกลับพบว่าทั้งคู่ไม่มีบุญวาสนาต่อกัน
บุรุษผู้นั้นที่เธอต้องการจะรัก เขาสะสมบุญบารมีไว้มาก ชาตินี้จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพศผู้ในฐานันดรสูงศักดิ์ เพียบพร้อมด้วยสติปัญญา ทรัพย์ และรูปลักษณ์ สตรีผู้ที่ครองคู่บุรุษที่มีบุญญาธิการเช่นนี้ ต้องมี บุญบารมีทัดเทียมกัน
ส่วนเธอคนนี้ บุญเก่าที่สะสมไว้น้อยนัก เกิดมาในฐานันดรต่ำศักดิ์ ด้อยทั้งปัญญา ทรัพย์และรูปโฉม อีกทั้งอายุเธอก็แสนสั้น มีเพียงเศษกรรมเก่าที่เกิดจากการยึดมั่นถือมั่นในภพชาติที่แล้ว จึงทำให้เธอได้พบเขาอีกครั้ง
ดังนั้น ท่านยมทูตร่างใหญ่จึงเอ่ยกับเธออย่างตรงไปตรงมาว่า
“เสียใจด้วย เราไม่อาจทำให้เจ้าสมดั่งปรารถนา เพราะในภพนี้ชาตินี้เจ้ากับผู้ชายคนนั้นไม่มีบุญวาสนาต่อกันอีกแล้ว”
คำพูดที่ยมทูตพูดนั้น ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิด อิงดาวบอกตัวเองเสมอว่า เธอกับอาจารย์ธาวินไม่มีทางรักกันได้ ไม่คู่ควร เขาไม่เคยเห็นหล่อนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่พยายามตัดใจ ก็รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดลงกลางใจจนปวดร้าวเป็นริ้ว ๆ
ปวดใจ.... ที่พยายามดีแค่ไหน เธอก็ไม่รัก
ปวดใจ.... ที่พยายามตัดใจแค่ไหน ก็ทำไม่ได้
ปวดใจ... แต่ทำไมยังรักอยู่
อิงดาวหลับตาลงน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากหางของเธอเป็นสาย ในเมื่อเธอตัดใจจากเขาไม่ได้ อยากลืมก็ลืมไม่ได้ ก็ให้ความรักผูกมัดใจหล่อนไว้กับเขาอย่างแน่นหนานี้ตายไปพร้อมกับเธอก็แล้วกัน
ยมทูตร่างเล็กสีหน้าย่ำแย่ไปกับหญิงสาว เขาขยับตัวอึกอักอยู่ ชั่วครู่ แล้วเมื่อเห็นว่ายมทูตผู้ฝึกสอนเขากำลังจะดึงวิญญาณของอิงดาวออกจากร่าง เขาก็รีบเอ่ยห้ามขึ้นว่า
“ท่านยมทูตโปรดหยุดก่อน ข้าคิดว่าสิ่งที่นางขออาจพอจะมี ทางเป็นไปได้ เพราะวันนี้เป็นวันอังคารขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ตามกำหนดสวรรค์ ทุก ๆ สี่ทศวรรษองค์จันทราจักเสด็จผ่านพระพักตร์ขององค์มหาสุริยัน ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งสามสิบหกภพภูมิจะมืดมิด เราสามารถอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวฝืนชะตาลิขิตได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นนรก หรือสวรรค์ ก็มิอาจรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงดวงชะตาชั่วขณะ”
“เจ้ายมทูตฝึกหัด เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ยมทูตร่างใหญ่หันไปมองยมทูตฝึกหัดที่เพิ่งจะได้จุติลงมาปฏิบัติหน้าที่ ท่านยมบาลจึงให้เขาคอยฝึกสอนภารกิจให้
“ข้าเคยอ่านในตำราของยมโลก บันทึกเอาไว้ว่าในช่วงเวลาที่เกิดสุริยคราสเต็มดวงจะเป็นวันที่สวรรค์เบื้องบนไม่อาจมองเห็น นรกเบื้องล่างไม่อาจส่องถึง ประตูของสามสิบหกภพภูมิจักถูกเปิดออก ช่วงเวลานั้น ไม่ว่าสวรรค์หรือนรกล้วนวุ่นวายกับการจัดการภูตผีปีศาจแลสัตว์นรกที่ต้องการจักหนีจากภพภูมิของตน ดังนั้น หากเราฝืนชะตาลิขิตของผู้หญิงคนนี้ ให้ได้เจอคนที่นางรักก่อนตาย พวกเราก็จะสามารถทำได้โดยที่ ไม่ถูกจับได้และไม่ถูกลงทัณฑ์”
ยมทูตน้อยอธิบายอย่างละเอียด โชคดีที่เดิมวิญญาณเขาเป็นเต่าที่ชอบศึกษาตำรา ดังนั้น เมื่อลงไปยังยมโลกเขาจึงใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือมากกว่าการไปเที่ยวเล่นเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
“เจ้าคิดจากฝืนดวงชะตาให้กับนางมนุษย์ผู้นี้หรือ หากเจ้าทำเช่นนี้พลังบุญทั้งของเจ้าและของนางมนุษย์ผู้นี้จะสูญสิ้นไปทันที เจ้าอาจจะเป็นได้แค่ยมทูตฝึกหัดไปตลอดร้อยปี ส่วนนางหากแต้มบุญไม่เหลือพอให้เกิดเป็นมนุษย์ นางก็จะได้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนะ”
ยมทูตผู้ฝึกสอนทำหน้าถมึงทึง ตวาดดังกึกก้อง แต่ยมทูตฝึกหัดก็มิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะเขามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยวิญญาณของหญิงสาวผู้นี้มีความสุขเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย
“สำหรับข้า แม้ร้อยปีนี้จะเป็นได้แค่ยมทูตฝึกหัดก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ตอบแทนบุญคุณของนาง”
“เจ้าหมายความว่าเช่นไร”
ยมทูตผู้ฝึกสอนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าจำได้ว่านางผู้นี้ เคยอุทิศบุญกุศลส่งวิญญาณให้ข้าในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ทำให้ข้าไม่ต้องไปเกิดในภพภูมิสัตว์เดียรัจฉาน ข้าจึงได้มาเกิดเป็นยมทูตซึ่งจะมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลต่อไปในภายภาคหน้า ดังนั้น ข้าจึงอยากตอบแทนนาง”
ยมทูตฝึกหัดกล่าว เขานึกถึงไปยังอดีตชาติเมื่อครั้งยังเป็นเต่าสัตว์เดรัจฉานภายในมหาวิทยาลัย และในวันที่สิ้นกรรมเก่านั้นเขาถูกรถเหยียบจวบจนจะสิ้นใจตาย หญิงสาวคนนี้ได้พาเขาไปบรรเทาความเจ็บปวดที่โรงพยาบาลสัตว์ จากนั้น เธอก็ได้แผ่เมตตาอุทิศกุศลนำส่งวิญญาณเขามายังภพภูมิที่ดีขึ้น ทำให้เขาหลุดพ้นจากการเป็นสัตว์เดรัจฉาน เขาจึงอยากตอบแทนเธอ
“แต่บุญของเจ้าอย่างน้อยนัก ข้าเกรงว่าอาจจะฝืนชะตาให้นางไม่ได้”
ยมทูตผู้ฝึกสอนเอ่ยขึ้น สีหน้าเป็นกังวล เขาอยู่ที่ยมโลกมานานกว่าร้อยปียังไม่มีใครสามารถฝืนชะตาของตนได้ ยกเว้นว่า จะยอมทุ่มเทจนหมดสิ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น แม้แต่ดวงวิญญาณของตนก็มิอาจรักษาไว้ได้
“ข้าทราบดี ดังนั้น จึงต้องถามความสมัครใจของนางมนุษย์ผู้นี้ว่าจะยินยอมใช้บุญกุศลทั้งหมดเพื่อแลกกับการได้รักเพียงชั่วคราวหรือไม่?”
ยมทูตฝึกหัดมองสบตาอิงดาว
ดวงตาของหญิงสาวสั่นระริก เธอเม้มริมฝีปากแน่นอย่างใคร่ครวญ ยมทูตฝึกหัดจึงบอกกับเธออีกครั้งว่า
“ข้าไม่รับรองว่าการฝืนชะตาลิขิตนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของเขากับเจ้าด้วย หากภพใดชาติใด ใจไม่เชื่อมถึง กันเลยก็ยากจะสำเร็จ แต่หากเคยมีใจให้กันแม้สักน้อยนิดก็อาจจะมีหวัง ดังนั้น เจ้าจะยอมเสี่ยงใช้แต้มบุญทั้งหมดที่เจ้าเคยทำไม่ว่าจะภพใดชาติใดเพื่อแลกกับการได้รักเพียงชั่วคราวหรือไม่”
“ฉันยอม”
อิงดาวตอบดวงตาอิดโรยของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
“นางมนุษย์ เจ้ารู้หรือไม่ หากเจ้าใช้แต้มบุญจนหมด เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ และการฝืนชะตานี้ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ”
ยมทูตผู้ฝึกสอนรีบเอ่ยทักท้วงด้วยความร้อนใจ
“ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังปรารถนาที่จะได้รักกับอาจารย์ธาวิน แม้เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งก็ยังดีกว่าร้อยชาติไม่อาจพานพบ”
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ







