เสียงเศร้าสุดอาดูรลอยออกมาจากริมฝีปากซีด แม้ลมหายใจของเธออ่อนแรงมาก แต่ความปรารถนาในใจของช่างแรงกล้ามากนัก
“มนุษย์หนอมนุษย์ ที่เต็มไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ในบรรดากิเลส 4 ตัวนี้ รัก เป็นสิ่งที่ทำให้ดวงจิตมนุษย์ทุกข์ทรมานที่สุด แต่มนุษย์กลับต้องการมันมากที่สุดเช่นกัน มิอาจหลุดพ้น มิอาจหลุดพ้น”
ยมทูตผู้ฝึกสอนได้แค่ส่ายหน้าอย่างระอา ในบรรดาสัตว์นรกที่ถูกลงทัณฑ์เพราะความรักบังตาจนเป็นเหตุให้ก่อกรรมชั่วนั้นมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองนรก
“สุริยคราสใกล้จะเต็มดวงแล้ว เราต้องเร่งลงมือตอนนี้เลย”
ยมทูตฝึกหัดพนมมือขึ้น พร้อมกับท่องบทสวดเปลี่ยนชะตาฟ้า ที่เขาเพิ่งอ่านเจอในตำรามืดที่ถูกทิ้งไว้ในชั้นหนังสือเก่าแก่ แม้เป็นครั้งแรกของการปฏิบัติจริง แต่เขาพยายามทำมันให้เต็มที่
เสียงสวดคาถานอกรีตดังกังวานขึ้นเรื่อย ๆ หน้าผากของยมทูตน้อยมีเหงื่อผุดพราย ไอสีขาวจาง ๆ จากตัวของอิงดาวลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือร่างของเธอ ท้องฟ้าด้านนอกค่อย ๆ มืดสลัวลง นกกาบินว่อนเต็มท้องฟ้า ส่งเสียงกู่ร้องอลหม่าน แดนมนุษย์กำลังสับสนวุ่นวายเพราะแยกไม่ออกว่ากลางวันหรือกลางคืน
24 ตุลาคม 2538 เวลา 09:00 น
“รองศาสตราจารย์ธาวินขอรับ สนใจขึ้นไปดูสุริยุปราคากับกระผมหรือไม่ขอรับ”
ดอกเตอร์ประชาถือแว่นตาสำหรับดูปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงเดินเข้ามาหาเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้มหาวิทยาลัยสั่งงดการเรียนการสอนครึ่งวันเพื่อให้คณาจารย์ และเหล่านักศึกษาได้เห็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ต้องรอนานถึง 40 ปี จึงจะปรากฏขึ้นครั้งหนึ่ง
การสังเกตการณ์นี้หากมองดวงอาทิตย์โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันดวงตา อาจจะทำให้เกิดอันตรายมาสู่ต่อดวงตาถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์จึงแจกแว่นตากรองแสงให้กับทุกคน
“ไปสิ แต่เพิ่งจะเก้าโมงเองนะ รออีกสักหน่อยค่อยไปก็ได้ ฉันขอตอบจดหมายโปรเฟสเซอร์จากญี่ปุ่นเสียก่อน”
ธาวินตอบกลับเพื่อนโดยไม่เสียเวลาหันไปมองแม้สักนิด ในขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วเรียวยาวกำลังรัวลงบนคีย์บอร์ด เขาจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นจึงทำให้มีโอกาสทำการวิจัยระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างมาบรรยายพิเศษให้นักศึกษาฟังเพื่อเพิ่มพูนความรู้
“ครับ ท่านว่าที่ศาสตราจารย์ ผู้เห็นหน้าที่การงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ลมหายใจเข้าออกคืองานวิจัย และสอน ระวังเถอะจะค้างสต๊อกนะขอรับ”
ดร.ประชา ทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก็เดินหายออกไปจากห้อง ทิ้งให้อาจารย์หนุ่มละเลงนิ้วลงบนคีย์บอร์ดโดยไม่สนใจคำกระเซ้าเย้าแหย่ของเพื่อน
เวลา 10.30 น.
“ทำงานจนถึงวินาทีสุดท้ายจริง ๆ เลยนะครับ ท่านว่าที่ศาสตราจารย์”
ดร.ประชาส่งแว่นตาดูสุริยคราสให้ร่างสูงทันทีที่เขามายืนข้าง ๆ พวกเขาอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึก EN6 คณะวิศวกรรมศาสตร์
“อีกไม่กี่นาทีก็จะเต็มดวงแล้ว ดูสิเงาของดวงจันทร์บัง ดวงอาทิตย์จะหมดแล้ว”
ดร.ประชา เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มสลัวลง คล้ายกับ มีเงามืดกำลังปกคลุมทั้งแผ่นดิน
“พวกเราโชคดีมากเลยที่ได้มีโอกาสเห็นจะสุริยุปราคาเต็มดวง ในปีนี้ ถ้าพลาดก็ต้องรออีกสี่สิบปี กันว่าพวกเราต้องตายก่อนได้ดูแน่ ๆ ว่ะ”
ดร.ประชาชวนคุยไปเรื่อย ๆ ตามประสาคนช่างพูด
ส่วนอาจารย์ธาวินนั้นเพียงแค่ส่งเสียงในลำคอให้เพื่อนรับรู้เท่านั้นว่าตนยังฟังอยู่
รอบ ๆ ตัวพวกเขามีนักศึกษาของคณะกำลังเฝ้าสังเกตการณ์การเกิดสุริยุปราคา แต่นักศึกษาสาวบางกลุ่มกำลังสนใจอาจารย์หนุ่มดีกรีว่าที่ศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดมากกว่าสุริยคราสเต็มดวง
ทันทีที่ร่างสูงของอาจารย์ธาวินปรากฏขึ้นที่ดาดฟ้า สายตาของสาว ๆ ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ต่างมองเขาเป็นตาเดียว ผิวพรรณที่ขาวผ่องยิ่งกว่าผู้หญิง แม้ใบหน้าเรียวจะสวมแว่นตา แต่ก็มิอาจบดบังความหล่อคมดุจเทพบุตรมาจุติของเขาได้ ยามที่เขาเดินผ่านกลุ่มสาว ๆ พวกเธอเหล่านั้นก็แทบจะลืมหายใจกันไปเสียสิ้น
ในที่สุดทั่วทั้งแผ่นดินก็ถูกเงามืดปกคลุมสุริยคราสได้เต็มดวง คล้ายกับมีผ้าห่มสีเทาห่อหุ้มโลกเอาไว้ เกิดความเงียบสงัดขึ้นโดยฉับพลัน คล้ายกับห้วงเวลาหนึ่งได้หยุดลง และเมื่อดวงจันทร์ได้เคลื่อนตัวออกจากเส้นทางวงโคจรระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ แสงสว่างก็ค่อย ๆ กลับคืน
ร่างสูงของอาจารย์ธาวินขยับไหว คล้ายถูกพลังบางอย่างเข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน จากนั้น เขาก็สาวเท้าเดินจากไป จนเพื่อนที่ยืนข้าง ๆต้องรีบตะโกนถาม
“อ่าวเฮ้ย ! วินจะรีบไปไหนวะ”
ดร.ประชาตกใจที่อยู่ ๆ เพื่อนก็เดินออกไปเสียดื้อ ๆ เขาจึงเผลอเรียกชื่อเพื่อนอย่างสนิทสนม
“มีนัดกับแฟน”
เสียงแข็ง ๆ นั้นลอยออกมาโดยที่ร่างของอาจารย์ธาวินยังคง มุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ
“แกไปมีแฟนตอนไหนวะ”
ดร.ประชามองตามเพื่อนพร้อมกับพึมพำออกมา
ทันทีที่ยมทูตตัวเล็กสวดบทสวดคาถาร่ายเวทขณะที่สุริยคราสกำลังจะเต็มดวง ไอสีขาวลอยขึ้นเหนือร่างของหญิงสาวบนเตียง แล้วเมื่อ สุริยคราสเต็มดวงทั่วทั้งห้องก็สว่างเจิดจ้า
“อร้ายยยยยยยยยย”
อิงดาวกรีดร้องออกมาสุดเสียง ความเจ็บปวดพุ่งโจมตีเธออย่างแสนสาหัสเหมือนร่างกายระเบิดออก แล้วถูกแรงดูดมหาศาลให้รวมกลับเข้าไปใหม่
“สำเร็จ”
เสียงของยมทูตร่างใหญ่ทำให้อิงดาวลืมตาขึ้น และเธอก็พบว่าอยู่ในร่างของหญิงสาวอีกคน ที่กำลังยืนมองตนเองอยู่ข้างเตียง
“นะ นี่คือฉันเหรอ”
อิงดาวลูบคลำตัวเองไปทั่วทั้งร่าง แล้ววิ่งไปดูตนเองที่หน้ากระจก เธอเห็นหญิงสาวแสนสวย ใบหน้าเรียวเล็ก ผมที่เคยหยิกหย็องบัดนี้ยาวสลวย ผิวที่เคยกระด่างกระดำบัดนี้ขาวผ่องเป็นยองใย เสื้อผ้าที่เคยเก่าจนแทบจะมองสีไม่ออกว่าคือสีอะไรบัดนี้กลายเป็นชุดเดรสสีหวานคาดเข็มขัดเส้นโตตามสมัยนิยม สิ่งที่เธอพอจะจำตนเองได้ก็คือดวงตากลมโตสีดำขลับที่ไม่เคยเปลี่ยน
“ใช่ นี่คือเรือนร่างของเจ้าที่เกิดจากการเอาแต้มบุญทั้งหมดมาหลอมรวมวิญญาณจนเกิดเป็นกายทิพย์นี้ กายทิพย์นี้จะมีอายุอยู่ได้เพียงแค่วันนี้เท่านั้น เมื่อพระจันทร์คืนนี้ขึ้นตรงศีรษะเมื่อไหร่ กายทิพย์นี้จะสลายไปทันที”
ยมทูตฝึกหัดอธิบาย ใบหน้าเขาหมองคล้ำลงเพราะใช้พลังบุญไปกับการฝืนชะตาให้กับหญิงสาว
ปี๊น ๆ ปี๊น ๆ
แตรเสียงทุ้มจากรถยุโรปดังขึ้นติด ๆ กันที่หน้าบ้านของอิงดาว
ยมทูตฝึกหัดจึงบอกกับอิงดาวว่า
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ