ประชาวางปากกาไวท์บอร์ดบนโต๊ะ แล้วเข้าไปลากเพื่อนที่ดูเหมือนคนสติแตกไปแล้ว ออกไปให้พ้นจากสายตาของนักศึกษาที่อยากรู้อยากเห็น
“เฮ้ย ! วิน แกเป็นบ้าไปแล้วรึ ฉันกำลังสอนนักเรียนอยู่”
เขาเป็นฝ่ายลากธาวินออกมา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ถูกลากไปจนชิดกำแพงมุมตึก
“ประชา เมื่อวานฉันดูสุริยุปราคากับแกบนดาดฟ้าใช่ไหม”
ธาวินละล่ำละลักถาม สีหน้าร้อนรน แววตาภายใต้กรอบแว่นคาดคั้นอยากรู้คำตอบอย่างเต็มที่
“ใช่”
ดร.ประชา พยักหน้ายืนยันคำตอบด้วยอาการงง ๆ ที่ถูกเพื่อนลากออกมาเพราะถามเรื่องแค่นี้
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ หลังจากนั้นฉันไปไหน”
ธาวินแทบจะตะโกนถาม สองมือขยุ้มคอเสื้อเพื่อนสนิทอย่าง ลืมตัว
“เฮ้ย ! แกเป็นอะไรเนี่ย ปล่อยฉันก่อน ถามกันดี ๆ ก็ได้นี่หว่า”
ดร.ประชาผลักเพื่อนเขาออก จ้องมองคนที่ควบคุมตนเองไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา ทำไม รศ.ดร.ธาวิน ผู้เงียบขรึมกลับดูตื่นตระหนกจนผิดปกติ
ธาวินถอยห่างออกมาจากเพื่อน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยกมือขึ้นกุมศีรษะ ในหัวสับสนไปหมดคล้ายคนถูกค้อนทุบ
“ใจเย็น ๆ ธาวิน เกิดอะไรขึ้นกับแก ทำไมหลังจากไปพบคณบดีแล้วแกดูเหมือนคนสติแตกแบบนี้”
ดร.ประชาตบบ่าเพื่อนสนิท เป็นเชิงปลอบ
“คณบดีตำหนิฉันเพราะมีนักศึกษาฟ้องร้องที่ฉันหนีคาบสอนเมื่อวาน”
“ถ้าแกไม่อยากถูกตำหนิ แกทำไมไม่บอกให้ฉันไปสอนแทนวะ”
ประชาแนะนำตามประสบการณ์ของตนเองที่มักจะหนีคาบสอนบ่อย ๆ โดยใช้กลวิธีต่าง ๆ เพื่อไม่ให้รู้ถึงหูคณบดี
“แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางทิ้งคาบสอนแน่ ๆ เมื่อวานฉันมั่นใจว่าฉันสอนนักศึกษาแน่ ๆ แต่ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากที่ดูสุริยุปราคากับแกแล้ว”
“เมื่อวานยังดูสุริยุปราคาไม่ทันไร แกบอกฉันว่ามีนัดกับแฟน จากนั้นแกก็เดินหายไปเฉยเลย”
คำบอกเล่าของเพื่อนสนิททำให้หัวใจเขากระตุกวูบ รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับเขา
“แล้วฉันได้บอกไหม ว่าฉันไปกับใคร”
ธาวินจับไหล่เพื่อนเขย่าเต็มแรง
“ฉันจะไปรู้กับแกได้ไง ฉันตะโกนถามแกคอแทบแตกว่าจะไปไหน แกก็ไม่ยอมตอบ เดินลงจากดาดฟ้าไปทื่อ ๆ”
“แกก็รู้ ! ฉันยังไม่มีแฟน เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จำไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าฉันไปทะเลจริงคือมีเม็ดทรายที่พื้นรถฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันไปกับใคร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉันวะ !”
ธาวินพรั่งพรูคำพูดออกมาด้วยเสียงพร่าสั่นราวกับจะร้องไห้ เขาเคยกำหนดชีวิตของตนเองได้ทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่เมื่อเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก
“เฮ้ยใจเย็น ๆ นะ”
ดร.ประชา ตบบ่าเพื่อนเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้เอ่ยคำคำนี้กับเพื่อนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยตั้งแต่คบกันมา
“แกพึ่งจะเคยทำผิด คณบดีก็เลยตำหนิรุนแรงไปสักหน่อย ลองเป็นฉันทำดูสิ คณบดีก็คงเห็นเป็นเรื่องปกติ ฮ่า ๆ”
คนขี้เล่นพยายามพูดให้คนข้างตัวหัวเราะเพื่อหวังว่าเขาจะผ่อนคลายขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเพื่อนเขาคิ้วขมวดขึ้นกว่าเดิม หนำซ้ำยังส่งสายตาดุ ๆ มาให้เขาแทนเสียงหัวเราะอีกต่างหาก
ดร.ประชา จึงกระแอมขึ้นทีหนึ่งแล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการว่า
“บางที ช่วงนี้แกอาจจะเครียดเรื่องการทำวิจัยเพื่อขอตำแหน่งศาสตราจารย์ก็ได้ จึงทำให้ความทรงจำเสื่อมชั่วขณะ ลองคิดดี ๆ เมื่อวานแกอาจจะไปกับหมอเกดก็ได้”
ธาวินมองหน้าเพื่อนอย่างครุ่นคิด ดร.ประชา จึงยกเหตุผลเพื่อประกอบคำตอบของตนเองให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้นว่า
“ก็ช่วงนี้ฉันเห็นแกไปไหนมาไหนกับหมอเกดบ่อย ๆ อย่าบอกนะว่าแกลืมไปแล้วว่าตามจีบหมอเกดอยู่”
คำแนะนำของเพื่อนทำให้เขาเหมือนเห็นแสงสว่างรำไรอยู่ตรงหน้า ดวงตาเขาค่อย ๆ เบิกกว้างออก ก่อนจะหลุดคำออกมาว่า
“จริงด้วย ขอให้ฉันไปกับหมอเกดจริง ๆ เถอะ”
หากเขาไปกับหมอเกดจริง ๆ ก็ถือว่าเขาเครียดจนจำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ เขาก็พอจะยอมรับได้
แต่หากไม่ใช่.......
ชายหนุ่มเมื่อนึกถึงข้อนั้นก็ถึงกับกลืนน้ำลายแข็ง ๆ ลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่อยากจะเดาคำตอบต่อจากนั้นแม้แต่น้อย
“งั้นฉันว่า แกลองไปถามหมอเกดดีไหม แกจะได้สบายใจ ส่วนคาบสอนช่วงบ่ายเดี๋ยวฉันเครียส์ให้ เรื่องแบบนี้ประสบการณ์ฉันเยอะ ฮ่า ๆ”
ดร.ประชา ตบไหล่เพื่อน ที่พยายามฝืนยิ้มให้เขา จากนั้นเขาก็รีบกลับไปสอนต่อ เมื่อแยกกันกับเพื่อน ธาวินก็โทรศัพท์ไปหาหมอเกดทันที
ธาวินนัดหมอเกดมารับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านสเต๊กใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย เขามานั่งรอที่ร้านก่อน พร้อมกับสั่งสเต๊กและเครื่องดื่มไว้ เหมือนกับที่เคยทำ เมื่ออาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ หมอเกดก็มาถึงพอดี
วันนี้เขาเลือกที่นั่งห่างจากโต๊ะอื่น ๆ พอสมควร เพื่อที่จะได้คุยเรื่องที่เขาไม่อยากให้ใครรู้ได้สะดวกมากขึ้น
“สวัสดีค่ะ อาจารย์ธาวิน”
หญิงสาวเอ่ยทักทาย พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม ผมสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นรอนสวยรับกับใบหน้ารูปไข่ คิ้วถูกวาดจนโก่งโค้งสวย ดวงตาฉ่ำหวานภายใต้ขนตายาวที่ดูดัดจนงอนเป็นแพขึ้นอย่างสวยงาม
รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นราวกับนางแบบนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับ ชายหนุ่มอย่างคนคุ้นเคยกัน โดยที่ไม่ต้องรอให้เขาเชิญนั่ง หากไม่มี เสื้อกาวน์ตัวสั้นสีขาวที่บ่งบอกว่าเป็นหมอ ใครต่อใครก็คงคิดว่าเธอเป็นนางแบบ หรือไม่ก็คนดังในวงการไฮโซแน่ ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ล้วนเป็นของแบรนด์เนมทั้งสิ้น ราคาเครื่องประดับและชุดแต่งตัวในแต่วันหลายแสนบาท
“ครับ”
เขารับคำทักทายสั้น ๆ พร้อมกับถามหญิงสาวว่า
“อาหารที่สั่งไว้มาพอดีเลย หมอเกดจะสั่งอะไรเพิ่มไหม ?”
เขาฝืนยิ้มให้เธอ เพราะในหัวของเขายังมีเรื่องให้กังวลอยู่
“เท่านี้ก็เยอะแล้วค่ะ สเต๊กจานเดียวก็ห้าร้อยกว่าแคลอรีแล้ว นะคะ ขืนสั่งเพิ่มเย็นนี้เกดต้องออกกำลังกายเบิร์นไขมันจนไม่ได้นอนแน่ ๆ ค่ะ”
หญิงสาวปฏิเสธยิ้ม ๆ เธอเป็นคนรักสวยรักงามและรักสุภาพ ยิ่งเรียนด้านสุภาพเธอยิ่งรู้ว่าอาหารบางชนิดควรกินแต่พอดี
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ