“รีสอร์ตของคุณอยู่ติดทะเลใช่ไหมครับ”
“ครับ เดอะมูนวิลเลจ บีช รีสอร์ต เป็นรีสอร์ตสุดหรู หาดทรายส่วนตัว ที่ใหญ่ที่สุดของชลบุรีครับ”
คำตอบจากปลายสายทำเอาหัวใจของเขาเต้นรัวราวกับตีกลอง ความทรงจำที่หายไปวันนั้น คำตอบที่เขาต้องการอยู่ใกล้แค่เอื้อม อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้ว่าไปที่รีสอร์ตแห่งนี้จริง ๆ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าผมมีคู่รักหรือครับ”
ธาวินถามต่อ
“ใช่ครับ ท่านเปิดห้องพักและขอให้ทางเราจัดบริการพิเศษเป็นดินเนอร์สุดโรแมนติกริมชายหาดให้”
“ผมเนี่ยนะ”
ธาวินแทบจะเป็นตะโกนออกมา
คำบอกเล่าจากปลายสายทำให้เขาอึ้งจนแทบจะไม่เชื่อว่านั่นคือตัวตนของเขาจริง ๆ คนที่ไม่เคยรู้จักกับความรักเช่นเขานะหรือ จะมีดินเนอร์อันแสนโรแมนติก แม้แต่กับหมอเกดเอง เขาก็ยังไม่เคยชวนหล่อนไปทานข้าวใต้แสงเทียนเลยสักครั้ง
“ครับ วันนั้น ท่านคุกเข่าขอว่าที่เจ้าสาวแต่งงาน ทางเราจึงเก็บภาพประทับใจนี้ไว้ให้ แล้วส่งเข้าเมล์ท่านตามที่ได้ให้ไว้แล้วเรียบร้อยครับ และผมก็โทรมาขอบคุณท่านด้วยตนเองอีกครั้งครับ”
“คุกเข่าขอแต่งงาน”
เขาอุทานออกมาคล้ายจะย้ำความชัดแจ้งกับตัวเอง สิ่งที่ปลายสายบอกเหมือนกับในความฝันของเขาไม่มีผิดเพี้ยน ความฝันจะเป็นความจริงได้อย่างไร หรือความฝันจะเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วแต่เขาจำมันไม่ได้
“แล้วว่าที่เจ้าสาวผมเป็นใคร เธอไปหาผมที่นั่นได้อย่างไร เธอชื่ออะไร กลับตอนไหน บ้านเธออยู่ที่ไหน คุณรู้จักเธอไหมครับ”
ธาวินรัวคำถามกลับไปคล้ายคนเสียสติที่จำคนรักของตนเองไม่ได้ เขาอยากรู้นักผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนอยู่จริง ๆ หรือไม่
“เอ่อ”
เสียงจากปลายสายดูอับจนหนทางที่จะให้คำตอบกับเขาเต็มที่ และกำลังคิดในใจว่า ตนกดหมายเลขโทรศัพท์โทรหาลูกค้าถูกคนแน่นอนหรือไม่ ทำไมเขาถามราวกับว่าไม่รู้ว่าตัวเองมาที่รีสอร์ตแม้แต่น้อย ซ้ำยังเหมือนว่าไม่รู้จักกับผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานด้วย แต่เมื่อก้มดูสมุดบันทึกข้อมูล ก็พบว่าทั้งหมายเลขโทรศัพท์ และชื่อของชายหนุ่มก็ตรงกับแขกวีไอพีที่มาใช้บริการเมื่อสองวันก่อนไม่ผิดเพี้ยนแม้สักตัวเดียว
“ตอนเช็กอินท่านเข้ามาพร้อมกันกับคนรัก แต่ตอนกลับไม่ปรากฏว่าคนรักของท่านกลับตอนไหน เห็นเพียงตอนเวลาหลังเที่ยงคืนท่านก็เช็กเอาท์ออกไปโดยไม่ได้เข้าพักที่ห้องพักแม้แต่น้อย ส่วนชื่อคนรัก ของท่าน ผมไม่อาจทราบได้เนื่องจากท่านเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ดังนั้น จึงมีเพียงข้อมูลของท่านที่ปรากฏครับ”
คนที่อยู่ปลายสายพยายามให้ข้อมูลเท่าที่รู้ และขออนุญาตวางสายเนื่องจากได้ทำหน้าที่โทรมาแจ้งเรื่องของกำนัลเรียบร้อยแล้ว
เมื่อสายตัดไปธาวินหันมองรอบตัว หวาดระแวงไปทุกสิ่ง ถึงขั้นลองตบหน้าตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าตอนนี้เขากำลังฝันอยู่หรือไม่ เมื่อความเจ็บแปลบแล่นจี๊ดเข้าสู่สมอง ทุกอย่างรอบกายยังคงเหมือนเดิม หน้าจอโทรศัพท์ยังปรากฏหมายเลขที่โทรมาเมื่อสักครู่ เขาไม่ได้ฝันไปจริง ๆ
แล้วดวงตาเขาก็เบิกโพลงขึ้น เขาลุกขึ้นแทบจะกระโดดลงจากเตียงถลาไปที่ลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า มือแกร่งควานหาแหวนรุ่นที่เขาเก็บมันไว้ในลิ้นชักเป็นอย่างดี แต่แล้วเขาก็พบแต่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มถึงกับเข่าทรุดลง ทิ้งตัวลงนั่งพิงตู้เสื้ออย่างหมดสภาพ
‘ต้องมีใครสักคนเล่นตลกกับเข่าแน่ ๆ หรือเป็นภูตผีที่ไหน เพราะถ้าเขาเครียดมากจนประสาทหลอนไปเอง ไปทะเลเองคนเดียว แล้วแหวนหายไปไหน’
ธาวินสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด เพื่อสงบสติอารมณ์แล้วตรงไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ห้องหนังสือ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่เขาพาไปรีสอร์ตด้วยวันนั้นเป็นใครกันแน่
เมื่อหน้าคอมพิวเตอร์ปรากฏขึ้นเขารีบคลิกเปิด E-mail ฉบับล่าสุดที่รีสอร์ตส่งมาให้ ในขณะที่วงกลมเล็ก ๆ บนหัวมุมด้านซ้ายกำลังหมุนแสดงการดาวน์โหลดข้อมูล เขากลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงลำคออย่างยากลำบาก รู้สึกว่าอินเทอร์เน็ตในบ้านช้ากว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่ความเร็วของเน็ตก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
“ฮะ”
ธาวินอุทานเบาหวิว เมื่อเห็นภาพคู่รักที่รีสอร์ตส่งมาให้ ทำเอาหัวใจของเขากระตุกวูบแล้วตามมาด้วยอาการเสียวสันหลังวาบ มือและเท้าเย็นเฉียบ ผู้ชายคือเขาไม่มีผิดเพี้ยน และอีกคนคือผู้หญิงที่เขาฝันเห็น !
ธาวินรีบอาบแต่งตัวลวก ๆ แล้วตรงดิ่งไปที่มหาวิทยาลัยเลย สมองของตอนนี้เหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ ทั้งปวดตุบ ๆ ทั้งสับสนกันไปหมด จนไม่สามารถคิดหาความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง
“ฉันว่าต้องมีใครสักคนที่เล่นไสยศาสตร์มนต์ดำกับแกแน่ ๆ”
ดร.ประชา ออกความคิดเห็น หลังจากนั่งกินมื้อเที่ยงไปด้วย ฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องราวไปด้วย
“ไสยศาสตร์หรือ”
ธาวินเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เขาจบถึงปริญญาเอกจากเมืองนอกในสาขาวิทยาศาสตร์ ทั้งชีวิตเขาเชื่อเพียงตรรกศาสตร์ สสารสิ่งของที่มีอยู่จริง แม้แต่อากาศที่มองไม่เห็นยังมีตัวตนอยู่จริง แล้ววันนี้จะให้เขาเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจที่ไม่เคยพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริงไหม มันก็จะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จนเขาต้องโต้แย้งออกมาว่า
“หรืออาจจะมีคนใช้ยาหรือสารที่ทำให้ไม่มีสติมาป้ายฉันไหม เหมือนแก๊งโจรตบทรัพย์อะไรพวกนั้น”
ดร.ประชาส่ายหัวดิก คว้าน้ำขึ้นดื่มหลังจากซัดข้าวเข้าไปจน เต็มท้อง ก่อนจะเอ่ยว่า
“ดูจากสภาพแกแล้ว แกถูกของแน่ ๆ”
เขาไล่สายตามองเพื่อนทั้งแต่หัวจนถึงเท้า แล้วไล่สายตากลับขึ้นไปจ้องหน้าคนที่นั่งตาโรยอยู่ตรงหน้า แม้จะมีแว่นตาปกปิดไว้ชั้นหนึ่ง แต่รอยคล้ำรอบดวงตาของเพื่อนสนิทก็ปรากฏชัด
“ขอบตาดำยังกับว่าแกไม่ได้นอนมาเป็นอาทิตย์ ขนาดฉันเที่ยวดึก ๆ ทุกวันหน้าตาฉันยังสดใสกว่าแกด้วยซ้ำ แล้วนี่เสื้อผ้าแกปกติไม่ใช่คนที่หยิบจับอะไรมาได้ก็ใส่นี่หว่า ไงวันนี้ถึงหยิบเสื้อแจกคอโปโลของคณะฯ มาใส่ แถมยังยับย่นจนดูไม่ได้ ผมแกก็เหมือนคนไม่ได้หวีชี้โด่เด่ หนวดเคราก็ขึ้นจนเริ่มเห็นราง ๆ เอาตรง ๆ นะ สภาพแกตอนนี้ เหมือนคนงานในฟาร์มวัวของคณะเกษตรฯ เลยวะ ไม่ใช่ว่าที่ศาสตราจารย์ สุดเนี้ยบที่ฉันรู้จักแน่ ๆ ถ้าแกไม่ได้โดนของแล้วจะเรียกว่าอะไร เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเว้ย”
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ