“ไคลน์คะ” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งแววตาไม่ประสาฉายความไม่แน่ใจ “ฉันไม่เคยค่ะ”
“กอดผม...ที่รัก...ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” อิสลินทำตามที่เขาบอก เธอเคยเห็นเซอร์เรนัล์ฟในเวลาที่เขาเป็นหนุ่มแสนดี เยือกเย็นและเป็นสุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแต่เขากำลังปลุกความร้อนในกายเธอให้เริ่มเผาไหม้รุนแรงขึ้นทุกขณะด้วยปลายลิ้นอุ่นที่ลากไล้ไปบนผิวเรียบเนียนบนคอและไหล่ หญิงสาวบอกตัวเองว่าไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อน วูบวาบในช่องท้องและปั่นป่วนไปหมดแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาแค่จูบ เคลียแก้มของเธอด้วยคางสากระคาย ทว่าน่าแปลกที่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปรารถนาการรุกเร้าจากกายแข็งแกร่ง
“อีฟ...ผมอยากกอดคุณแบบนี้มานานแล้ว” / “ไคลน์” ผิวแก้มเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อชุดเกาะอกผ้าชีฟองถูกรั้งไปกองไว้ที่ปลายเท้า เซอร์เรนัล์ฟทำอย่างที่พูด เขากอดร่างนุ่มเกือบเปลือยเปล่าซึ่งมีเพียงแพนตี้ตัวน้อยปกปิดไว้เท่านั้น
“ผมเป็นคนแรกหรือเปล่าที่กอดคุณไว้แบบนี้” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะจ้องมองดวงหน้าแสนสวยของสาวลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษใต้กรอบเรือนผมแผ่สยายบนผ้าปูสีงาช้าง ตาคู่งามช่างน่าหลงใหล เรียวปากเล็กนั้นแสนเย้ายวนราวกลีบกุหลาบอ่อนบาง อิสลินเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน แต่ทรงพลังในตัวเอง ร่างอรชรที่บิดไปมายิ่งทำให้เขาคลั่งไคล้จนต้องเบียดความแข็งแรงบนกายแกร่งเข้าหา
“ฉันไม่เคยถูกใครกอดแบบนี้นะคะ คุณเอาเปรียบฉันรู้มั้ย” แก้มเนียนยิ่งเป็นสีเข้มจัดเมื่อชายหนุ่มสลัดเสื้อและกางเกงของตัวเองทิ้งไปบ้างอย่างไม่ใยดี
“คราวนี้ก็ไม่มีใครเอาเปรียบใครแล้วสินะ...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟกดจูบหญิงสาวเบา ๆ และค่อย ๆ ละเลียดปลายลิ้นอุ่นอ้อยอิ่งบนเรียวปากชุ่มชื้นแสนเย้ายวนเนิ่นนาน อิสลินรู้สึกหวั่นหวามทุกครั้งที่ชายหนุ่มเบียดกล้ามเนื้ออกกำยำบนเนินผิวกลมกลึงอย่างจะบอกให้รู้ว่าร่างอรชรนั้นน่าปรารถนาแค่ไหน
“ที่รักคะ...ฉันกลัวค่ะ” เจ้าของเรือนร่างโค้งเว้าแนบฝ่ามือลงบนกรามแกร่งที่ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นด้วยการถูไถขนเคราสากระคายบนข้อมือบางแผ่วเบา
“อย่ากลัว ผมจะสอนคุณเอง” รอยยิ้มอันน่าหลงใหลจุดประกายบนใบหน้าหล่อเหลาที่แนบการเปลือยเปล่าสนิทแนบกับร่างนุ่มนิ่ม อิสลินหอบหายใจไม่ใช่เพราะเหนื่อยแต่อย่างใดทว่าเธอกำลังจะขาดใจเพราะไฟพิศวาสร้อนที่แผดเผา
“คุณคงไม่ได้กลัวจนคิดอยากกลับบ้านตอนนี้หรอกนะ ที่รัก”
“ไคลน์คะ...ฉันเป็นนักเรียนที่ดีนะคะ ถึงจะเรียนรู้ช้าไปบ้าง แต่ฉันจะอดทนค่ะ”
“ดีมาก...อืม...ดีเหลือเกิน...นักเรียนที่น่ารักของผม” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานอีกครั้งและทำราวกับเขาเป็นอาจารย์หนุ่มที่ตั้งใจมอบบทเรียนรักที่นักเรียนสาวของเขาจะไม่มีวันลืมได้ลง ในเวลาเดียวกันอิสลินก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายตัวเองจากอาการบิดเกร็งที่เกิดขึ้นโดยเธอไม่ตั้งใจ หญิงสาวรอคอยสัมผัสอันซาบซ่านรัญจวนซึ่งเขาบรรจงมอบให้ผ่านปลายนิ้วแกร่งที่ลูบไล้ไปบนเนียนผิวผุดผาดของสาวสะพรั่งและไม่ลืมจุมพิตเร่าร้อนราวจะช่วยดูดซับความกังวลจากเนื้ออุ่นที่กระตุกเต้นในทุกวินาที แสงไฟละมุนภายในห้องอาบไล้ลงบนร่างอ้อนแอ้นที่อ่อนปวกเปียกอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่งกำยำซึ่งบ่อยครั้งอิสลินก็อดไม่ได้ที่จะมองเซอร์เรนัล์ฟกลับไปด้วยแววตาอาบเอิบด้วยความปรารถนาจนแทบหลอมละลายเขาได้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอและเลียริมฝีปากอิ่มแห้งผากเมื่อมองดูกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องกระเพื่อมไหวไปตามลมหายใจที่ดังไม่แพ้กัน เขาเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ความหล่อเหลาบาดจิตและความเป็นสุภาพบุรุษผิ่งขรึมดึงดูดให้เธออยากเข้าไปค้นหา ซึ่งหญิงสาวก็ได้ค้นพบแล้วว่า เซอร์เรนัล์ฟ เป็นผู้ชายที่น่าปรารถนามากเพียงใด
“บทเรียนแรกที่ผมจะสอนคุณก็คือ...มองผม อีฟ...มองผมเหมือนคุณไม่เคยรู้จักผมมาก่อน และหลังจากนั้น...”
ชายหนุ่มหรุบนัยน์ตาสีฟ้าเข้มลงไปยังเรียวปากชุ่มชื้นที่เผยอออกอย่างลืมตัว “ผมก็จะจูบคุณ” อิสลินอ้าริมฝีปากออกเพื่อรับเรียวลิ้นอุ่นร้อนซึ่งเป็นบทเรียนแรกที่นักเรียนสาวได้รับจากอาจารย์หนุ่ม เซอร์เรนัล์ฟคล้ายอดใจไว้ไม่ไหวต้องลูบโลมฝ่ามือหนาลงไปตามส่วนคอดเว้า เขาเคยจูบเธอมาหลายคราทว่าก็ไม่มีครั้งใดปลุกปั่นความปรารถนาจากก้นบึ้งได้มากเท่านี้ ปลายลิ้นหนาซอกซอนไปหมดทุกที่ พลิกพลิ้วไปตามกระพุ้งแก้มและกระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กอย่างมีชั้นเชิง
“ไคลน์” ร่างเล็กที่ซ่อนความอวบอัดกอดรัดแผ่นหลังกว้างและเริ่มครวญครางเบา ๆ เมื่อเขาแกล้งยั่วเย้าเธอด้วยการหยุดทุกอย่างลงชั่วครู่
“อีฟ...คุณมีอะไรอยากบอกผมอย่างนั้นหรือ?”
แม้กายหนาจะหยุดการบดเบียดทว่านัยน์ตาคู่นั้นยังจับจ้องดวงตาคู่งามด้วยความฉ่ำหวาน อิสลินไล้ปลายนิ้วไปบนแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมชายชาตรีก่อบอกด้วยเสียงสั่นพร่า
“ไคลน์คะ...แล้วบทเรียนต่อไปล่ะคะ” หญิงสาวหน้าแดงเพราะเขินอายแต่ร่างกายกลับไม่รีรอที่จะตอบสนองเขาในทุกสัมผัส คงน่ากระดากเกินไปที่จะร้องขอว่าอย่าได้หยุดทุกอย่างลงแค่นี้
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์