ไลอ้อนที่ได้ยินว่าแม่ของอัญญามาหาตัวเองก็ยอมให้เข้าพบ เพราะเขาได้ยินมาว่าช่วงนี้หญิงสาวกลับไปอยู่ที่บ้านเลยอาจจะมีปัญหาอะไรที่ไม่กล้าบอกเขาก็ได้
ภายในห้องทำงานที่เงียบเสียงของแม่อัญญาดังขึ้นอย่างแน่วแน่ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัดเหมือนมีพายุรอวันปะทุ
“คุณทำลูกฉันท้องหน้าตาก็ดีพอได้ลูกฉันแล้วไม่รับผิดชอบ”
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางใจเขา ร่างสูงที่ยืนอยู่ถึงกับชะงักดวงตาคมกริบฉายแววตกใจเพียงแวบเดียวก่อนจะถูกแทนที่ด้วยแววเย็นชาและขุ่นเคือง
“คุณว่าอะไรนะ?” น้ำเสียงเขาเรียบเย็นแต่ทุกถ้อยคำแฝงไปด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน
“ลูกฉันท้องกับคุณและคุณต้องรับผิดชอบมัน” แม่ของอัญญาย้ำอีกครั้ง โดยไม่มีทีท่าว่าจะถอยสิ่งที่ต้องการเลยก็คือเงิน
“รับผิดชอบงั้นเหรอ? ผู้หญิงบางคนก็ยังไม่เลิกใช้วิธีเก่าๆ แบบนี้สินะอยากรวยทางลัดก็แค่แกล้งท้องพอผูกมัดสำเร็จก็ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่ไม่น่าขำ
แววตาของเขาแข็งกระด้างขึ้นทุกขณะหัวใจรู้สึกถูกหักหลังและถูกเล่นงานอย่างเจ็บแสบ แม้จะยังไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ แต่ความไม่ไว้ใจนั้นพุ่งทะยานจนยากจะควบคุม
“ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าซื่อใจคดแบบนั้น” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำราวกับตัดสินอัญญาไปแล้วในใจ
“ไม่รักไม่รับผิดชอบมันก็ให้เงินฉันมาก็พอ” วิภากลัวว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ยอมจ่ายเงินให้
“แม่ลูกสันดานเหมือนกันไม่ผิด”
ไม่มีใครพูดอะไรต่อความเงียบที่เหลืออยู่หนักอึ้ง ราวกับทุกคำพูดได้ฝังลึกลงไปในหัวใจของทุกคนในห้องนั้น
เขานั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำในห้องทำงาน ดวงตาคมเข้มจับจ้องไปยังหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า บรรยากาศในห้องเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่แทบทำให้หายใจไม่ออก
“10 ล้านถ้าคุณคืนอัญญามาให้ผม”
“ผมจะไม่พูดซ้ำเอาเงินสิบล้านนี่ไป แล้วหายไปจากชีวิตของอัญญาให้เด็ดขาด” เสียงของเขาเย็นเยียบและกดต่ำ
มือใหญ่หยิบเช็คที่เตรียมไว้ล่วงหน้าโยนลงบนโต๊ะกระจกใสตรงหน้า เสียงกระดาษกระทบพื้นแก้วเบาๆ แต่กลับเหมือนเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องในหัวของหญิงตรงหน้า
วิภายืนนิ่งใบหน้าเปลี่ยนสีไปในพริบตา เธออ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้ออกเสียงเขาก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวน้ำแข็ง
“และอย่าคิดว่าผมแค่ขู่ ถ้าผมรู้ว่าคุณยังกล้าโผล่หน้าไปหาอัญญาอีกครั้ง ต่อให้คุณเป็นแม่ของเธอเองผมก็จะทำให้คุณหายไปจากโลกนี้ กลายเป็นศพอย่างที่คุณไม่ทันได้
ตั้งตัว”“เข้าใจแล้ว” วิภารู้สึกกลัวไม่น้อย
แววตาของเขาไม่มีความลังเลไม่มีความเมตตามีเพียงความเด็ดขาดและความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากทุกคำพูด
“นี่ไม่ใช่การเจรจาแต่เป็นคำขาดและถ้าคุณฉลาดพอ ก็ควรจะรับมันไว้ แล้วหายไปซะ”
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจที่หนักอึ้งกับเช็คเงินสดสิบล้านที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นเหมือนเครื่องหมายของข้อตกลงอันโหดร้ายที่ไม่อาจปฏิเสธ
แม่ของอัญญาที่เห็นเงินสำคัญมาโดยตลอดจึงได้เลือกเงินมากกว่าลูกสาวในไส้ของตัวเอง ทั้งเธอยังไม่คิดจะมาให้ลูกเห็นหน้าตามที่ชายหนุ่มขอด้วยเธอรักความสบายมากกว่าและคิดว่าเงินนี้จะอยู่กับเธอไปทั้งชีวิต แต่เชื่อได้เลยว่าผลสุดท้ายเธอจะคิดผิด
“พรุ่งนี้ฉันจะให้มันกลับมาหาคุณ” วิภาหยิบเช็คและมองดูตัวเลข แววตาดีใจจนปิดไม่มิดรีบออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที
“ท้องได้ยังไง!”
ไลอ้อนเครียดไม่น้อยอัญญารู้ข้อตกลงของเขาดี ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองตั้งท้องได้ ถ้าไม่คิดจะจับเขาจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ความรู้สึกหลากหลายตีกันไปหมดเขาไม่สามารถทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้ ถึงแม้จะไม่เต็มใจทำให้เกิดมาก็ตาม เขารวยล้นฟ้าแค่ลูกคนเดียวเขาเลี้ยงได้
.
อัญญามองแม่ที่กลับบ้านมาช่วงค่ำแถมเนื้อตัวยังมีสร้อยทองคำเต็มคอ จนเอแปลกใจว่าแม่ไปเอาเงินมาจากไหน
“มองอะไร”
“แม่เอาเงินที่ไหนไปซื้อทองใส่”
“กูมีเงินไง เมื่อไหร่มึงจะกลับไปอยู่กับผัวมึงสักที” วิภาไม่บอกว่าเขาเงินมาจากไหน
“หนูไม่กลับลูกคนเดียวหนูเลี้ยงได้”
“มึงอย่ามาทำเป็นเก่งลำพังมึงคนเดียวแทบจะไม่มีแดก” วิภาเกลียดพวกรักศักดิ์ศรีนิสัยเหมือนพ่อมันไม่มีผิด ไม่มีจะกินแต่ยังรักความถูกต้อง
“หนูไม่คุยกับแม่แล้ว”
“พรุ่งนี้ถ้ากูเจอหน้ามึงนะ กูจะลากไปส่งผัวมึงที่บ้านแทน”
อัญญาไม่รับปากตั้งแต่รู้ว่าท้องเธอยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขา และไม่กล้ากลับไปให้เขาเจอหน้าด้วยเพราะเธอผิดสัญญา
“อัญญา”
“พี่นัทกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้วเขายังเป็นพี่ชายข้างบ้านของเธออีกด้วย
“บ้านพี่อยู่แถวนี้”
“ลืมคิดไปเลย” อัญญาฝืนยิ้มให้เขาเธอยืนรอพ่อค้าขายโรตี รู้สึกเครียดจนทานอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้จะจัดการปัญหาชีวิตยังไง
“พี่ช่วยถือดีกว่า” นัทอาสาเพราะเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของอัญญา
‘ถ้าเธอให้มันอยู่ใกล้อีกนิดฉันจะจับมันไปเผานั่งยาง’
อัญญาอ่านข้อความที่ไลอ้อนส่งมาเธอมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใคร แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ เมื่อของที่สั่งได้พอดีจึงรีบจ่ายเงิน
“อัญญากลับแล้วนะคะ”
“เดี๋ยวสิ! อัญญา” นัทรีบเดินตามแต่ไม่ทันจะร้องเรียกกลับมีชายฉกรรจ์เดินมาขวางทางไว้ จนเขารู้สึกไม่ปลอดภัย
นัทไม่ทันตั้งตัวดีก็ถูกหมัดหนึ่งพุ่งเข้าซัดใบหน้าอย่างจัง เสียงกระแทกดังสนั่น
“อึก เฮ้ย อะไรของมึงวะ!” นัทเซถอยหลังเลือดเริ่มซึมมุมปาก แต่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักร่างสูงใหญ่อีกคนก็พุ่งเข้าใส่อีกหมัด
ไลอ้อนไม่พูดพร่ำทำเพลงหมัดเขาเร็วหนักและเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดราวกับรอเวลานี้มานาน
“อย่าคิดว่าแค่ยิ้มให้นิดหน่อยจะเข้ามาวุ่นวายกับใครก็ได้”
“มึงพูดเรื่องอะไรของมึงวะ” นัทร้องขึ้นด้วยความไม่เข้าใจพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็โดนเตะเข้าไปที่สีข้างจนร่างทรุดฮวบ
“อย่าทำเป็นไม่รู้!” ไลอ้อนคำรามเสียงของเขาดังก้องในซอยที่มืดและเปลี่ยวไร้แสงสว่าง
“ไอ้เหี้ยมึงพูดอะไรวะ” นัทหอบหายใจแรงพยายามยันตัวขึ้นจากพื้นด้วยแรงที่เหลืออยู่
“อย่ายุ่งกับคนของกู” ไลอ้อนหยุดนิ่งไปครู่เดียว แต่แววตากลับเดือดกว่าเดิม
“คนของมึง?” อะไรของมันเขาจะไปยุ่งอะไรกับใคร
“เธอเป็นของฉัน และคนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นโดยเฉพาะคนอย่างมึง” เขากัดฟันแน่นแต่ละคำของเขาหนักและเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของ
หมัดสุดท้ายฟาดลงอย่างรุนแรงจนนัทล้มลงไปนอนกับพื้นเห็นดาวกระจายน้ำลายปนเลือดไหลออกจากมุมปากอย่างช้าๆ
ทำให้นัทสลบคาที่ไลอ้อนมองด้วยความสมเพช มันชอบอัญญาทำไมเขาจะไม่รู้ ครั้งนี้แค่สั่งสอนแต่ครั้งหน้าเขาจะเอาจริง
สมชายกับเคนมองหน้ากันที่แรกพวกเขาจะเป็นคนจัดการเอง แต่เจ้านายกลับไม่ยอมรีบลงจากรถมาและตามกระทืบเด็กไม่มีทางสู้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก
“แล้วทำไงต่อครับ” สมชายถามเพราะสงสารเด็กหนุ่มไม่น้อย
“มึงจะโทรจองวัดหรือเรียกรถพยาบาลก็แล้วแต่มึง!” มันโง่จริงๆ พวกนี้ทำอะไรขัดหูขัดตาเขาขึ้นรถมาได้จึงกลับบ้านทันที รอเวลาที่อัญญาจะซมซานกลับมาหาเขาด้วยตัวเอง
ค่ำคืนบรรยากาศในห้องมืดสนิท ไฟในห้องปิดไปหมด สะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่สั่นไหวตามลมเบาๆ ไลอ้อนนอนหลับตาอย่างเหนื่อยล้า แต่ในความมืดที่ปิดกั้นโลกภายนอกนั้น ก็กลับมีสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ในความฝันในฝันเขาตื่นขึ้นในวัดมืดๆ ทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวคลุมไปด้วยเงาดำ และเงามืดจากต้นไม้ที่โอนเอนพัดไปตามลมที่ไม่มีเสียงเขามองเห็นภาพของอัญญา แต่เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดปากของเธอเหมือนจะขยับ แต่เสียงของเธอกลับไม่หลุดออกมาเป็นคำพูดราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา“อัญญา” ไลอ้อนพูดออกไปเสียงสั่นพยายามเข้าใกล้แต่ทุกย่างก้าวเหมือนจะเดินไปในอากาศ ดวงตาของเขาลึกลงไปในความมืดที่พยายามกลืนกินทุกสิ่ง“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”แต่ในตอนนั้นบางสิ่งยื่นมือออกมาจากความมืด จับข้อมือเขาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะถูกดึงไปในความมืดจนหมดหนทางหลบหนี เสียงคำรามดังขึ้นรอบตัว“หากมึงไม่ทำตามสัญญาลูกชายของมึงต้องเป็นของกู” เสียงนี้เหมือนจะสะท้อนกลับมาจากทุกทิศทาง บีบคั้นหัวใจให้แหลกสลาย “ไม่! อย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน” ไลอ้อนร้องลั่นเขาพยายามจะยื้อร่างของตัวเองให้หลุดพ้นจากแรงดึงนั้น แต่ร่างกายเขากลับช้าเหมือนเคลื่อนที่ในน้ำ แค
อัญญาในชุดเจ้าสาวสีงาช้างเรียบหรู ก้าวเข้ามาช้าๆ พร้อมมือที่กุมท้องตัวเองไว้อย่างทะนุถนอมดอกไม้ในแจกันวางเรียงตามแนวทางเดิน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วห้องพิธีพื้นไม้เก่าเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ เมื่อแขกเหรื่อไม่กี่คนเริ่มทยอยเข้ามานั่งแถวหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนพ่อแม่ของไลอ้อนนั่งยิ้มอย่างตื้นตันข้างๆ กันคือไทเกอร์ในชุดทักซิโด้ตัวจิ๋วสีครีม ผูกเนคไทสีชมพูตอนนี้ไทเกอร์อายุเพียงสิบเอ็ดเดือน แต่ตาเป็นประกายเหมือนรู้ดีว่า วันนี้พ่อกับแม่ของเขากำลังทำสิ่งสำคัญไลอ้อนยืนรออยู่ที่หน้าแท่น ดวงตาของเขาเริ่มแดงตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว และพอเธอยิ้มให้เขาก็กลั้นไม่อยู่น้ำตาไหลอย่างเงียบงันลงบนแก้ม ขณะที่อัญญาก้าวเข้ามาใกล้จนยืนอยู่ตรงหน้า“คุณร้องไห้ทำไมคะ” เธอกระซิบถามเขา“ก็ฉันไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนี้”เขาเช็ดน้ำตาเบาๆ อายแขกที่มาร่วมงาน เขาจัดงานแต่งในโบสถ์เล็กๆ มีแค่ลูกน้องและพ่อแม่มาเป็นสักขีพยานอัญญาบีบมือเขาแน่น ดวงตาเธอเองก็พร่าไปด้วยน้ำตาเสียงของผู้ประกอบพิธีดังขึ้นอ่อนโยน ท่ามกลางความเงียบสงบและอากาศที่อบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ“อิงครัตคุณยินดีจะอยู่เคียงข้างอริญดา ทั้งในวันที่สุขและวัน
รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ก้าวลากไปกับพื้นลินิเลียมดังก้องไปตามทางเดินยาวของโรงพยาบาลจิตเวช นินนี่ถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่สองคน พาเธอเข้าไปในห้องพักรักษาที่ถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย ใบหน้าเคยสวยหวานของเธอบัดนี้ซีดเซียวและไร้ความรู้สึกดวงตาเบิกกว้างแต่ไร้แววเหมือนคนหลุดออกจากโลกของความจริงไปแล้ว“อัญญา อัญญา อัญญา!” เสียงของเธอเอ่ยชื่อของหญิงสาวซ้ำๆ ด้วยเสียงที่สั่นเครือและหวาดระแวง เธอหัวเราะบางจังหวะ และร้องไห้ในวินาทีถัดมา“ฉันสวยกว่าเธอเขาต้องรักฉันสิ ไลอ้อนเป็นของฉัน เขาเคยบอกว่าเราคู่กันเขาเคยบอก”เสียงเธอพร่ำพูดซ้ำๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องฉีดยาระงับประสาท ภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานยืนยันถึงสภาพจิตที่ไม่สมประกอบของเธอในขณะที่ก่อเหตุเธอถูกตั้งข้อหามีความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ด้วยคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช ทำให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวเข้าสถานพยาบาลแทนการจำคุก เพื่อทำการรักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่องห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ กลายเป็นโลกใหม่ของนินนี่ที่นี่ไม่มีคำว่าความรัก ไม่มีอัญญาให้เธอแข่งขันด้วยอีกต่อไป มีเพียงเงาสะท้อนในกระจกที่เธอไม่กล้ามองตรงๆส่วนวิภาแม่ของอัญญาถูกตำรวจจับได้แถว
“บอสครับเจอสัญญาณมือถือของคุณอัญญาแล้วครับ ตอนนี้อยู่แถวถนนเลียบคลอง ทางออกเมืองครับ” สมชายรายงานเสียงตื่น บนหน้าจอแท็บเล็ตแสดงตำแหน่งจุดหยุดนิ่งของสัญญาณ GPS“เหยียบให้สุด อย่าแวะที่ไหนทั้งนั้น!” ไลอ้อนไม่พูดอะไรนอกจากเร่งเสียงคำสั่งสั้น ๆรถพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์คำรามอย่างไม่เกรงใจใครมือของไลอ้อนกำแน่น ใบหน้าเคร่งเครียด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เขาส่งข้อความหาอัญญาหลายครั้งไม่มีการอ่านไม่มีการตอบ“ขออย่าให้ฉันมาช้าไปได้โปรด”รถเคลื่อนมาถึงโค้งถนนด้านหน้ามีรถพยาบาลและตำรวจจอดเรียงรายไฟไซเรนหมุนวูบวาบ ร่างคนเจ็บนอนเรียงกันอย่างรีบเร่งกำลังรอการเคลื่อนย้าย “ข้างหน้ามีอุบัติเหตุครับ” “ขับเลี่ยงๆ ออกไป” แต่สายตาของเขาหันไปมองรถคันสีดำที่พังยับเยิน เห็นคนเจ็บถูกนำออกจากตัวรถ หัวใจของไลอ้อนเหมือนถูกกระชากออกมาทันที เพราะชุดที่คุ้นเคยที่เห็นอัญญาใส่เมื่อตอนเช้า เป็นชุดที่สั่งตัดเย็บอย่างดีจากแบรนด์ที่เขาสั่งทำ“จอด!! จอดเดี๋ยวนี้!!”เขาเปิดประตูรถก่อนที่จะหยุดสนิทดี วิ่งพุ่งลงไปยังร่างนั้นอย่างคนเสียสติ“อัญญา! อัญญา! ได้ยินฉันไหม” เขาทรุดลงข้างร่างของเธอ มือสั่นแตะที่แก้มแ
นินนี่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาหรู สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอมือถืออย่างเลื่อนลอย เธอเลื่อนดูฟีดโซเชียลเหมือนทุกวัน แต่แล้วนิ้วของเธอกลับชะงักกึก“ครอบครัวของเรา กำลังจะมีสมาชิกใหม่ ❤️ #BabyOnTheWay”ไลอ้อนโพสต์ภาพอัญญาที่กำลังยิ้มอ่อนโยน มือของเขาวางอยู่บนหน้าท้องของเธอ ภาพนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจนินนี่“มะ ไม่จริงอัญญาท้องลูกอีกคนเหรอ” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นสะท้าน เธอคลิกเข้าไปที่คอมเมนต์ทุกคนแสดงความยินดี เพื่อนเก่าของเธอหลายคนเข้ามาชื่นชม อัญญาดูมีความสุขราวกับโลกนี้เป็นของเธอหัวใจของนินนี่เต้นแรงด้วยความโกรธ แรงอิจฉาและความผิดหวังพุ่งเข้าจู่โจม เธอขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน มือที่กำโทรศัพท์สั่นระริก“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!”เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง โคมไฟที่อยู่ใกล้มือเธอถูกปัดตกลงมาแตกกระจาย เสียงกระจกแตกดังสนั่นทั่วบริเวณ แต่เธอไม่สนใจเธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง ผลักข้าวของทุกอย่างลงพื้น โต๊ะกลางถูกพลิกกระเด็น จานชามแตกกระจายตามแรงขว้างของเธอ“ทำไมอีอัญญามึงถึงมีแต่คนเข้าหา” ตั้งแต่วันที่เธอดึงเขาเข้ามาจูบ วันนั้นไลอ้อนถอนหุ้นและยกเลิกสัญญาทุกอย่างกับครอบครัวเธอ จนตอนนี้พ่อของเธอไม่มีเงินไป
เสียงลมหายใจแผ่วเบาของลูกชายตัวน้อยที่หลับอยู่ข้างๆ ทำให้บรรยากาศเงียบงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน แต่ในหัวใจของไลอ้อนกลับเต็มไปด้วยเสียงราวพายุโหมกระหน่ำ เสียงคำพูดที่เขาไม่เคยพูดออกไป เสียงความรู้สึกผิดที่เขาไม่กล้าจะยอมรับเขานั่งนิ่งอยู่ปลายเตียงมองรูปคู่ของเขาและเธอที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง รูปที่อัญญายิ้มกว้างขณะอุ้มลูกมือของเขาวางอยู่บนไหล่เธอแบบขอไปที ไม่มีร่องรอยของความรักในแววตาของเขาในวันนั้นหรือบางที อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองรักเธอมากแค่ไหน“อัญญา” เขาพึมพำกับตัวเองน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขายอมให้เข้าใกล้หัวใจ ยอมให้เห็นด้านที่เปราะบางที่สุด แต่เขากลับเป็นคนที่ผลักไสเธอเองด้วยคำพูดเฉยชาด้วยความเงียบเย็นที่เหมือนมีดกรีดเขาไม่เคยพูดคำว่ารักไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึก แต่เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียมันไปหากยอมรับหลังจากวันที่เห็นน้ำตาในตาเธอ วันที่ลูกงอแงแต่เขาไม่เคยอุ้มลูก ไม่เคยพาไปฝากครรภ์ไม่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูเพราะความอคติของตัวเองล้วนๆ“ฉันรักเธออัญญา” เขาพูดกับเงาของตัวเองในกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฉันรักเธอ ขอโทษที่ฉันมันโง่ ขอโทษที่ละเลยเธอ ขอโทษที่