ช่วงหลายวันมานี้อัญญารู้สึกแปลกกว่าปกติบางวันตื่นมาแล้วเวียนหัวบางมื้ออยู่ดีๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้แม้จะยังไม่ได้กินอะไรเลย ความเหนื่อยล้าที่เคยคิดว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่พอกลับไม่หายไปเสียทีทั้งที่เธอก็พยายามดูแลตัวเองอย่างดี
จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เธอยืนอยู่หน้ากระจก เตรียมจะออกไปซื้อของในตลาด
ภาพสะท้อนของตัวเองในเงากระจกกลับเบลออย่างกะทันหันแล้วทุกอย่างก็มืดลงเพียงชั่วพริบตา
เธอหน้ามืดและนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปโรงพยาบาลในวันถัดมา
“น่าจะเป็นแค่โลหิตจางหรือไม่ก็พักผ่อนไม่พอ” เธอบอกตัวเองเบาๆ ขณะนั่งรอผลตรวจแต่ในใจกลับไม่สงบเอาเสียเลย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ความกังวลเริ่มเกาะกินทุกความคิดจนกระทั่งคุณหมอเดินกลับเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ และรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างคนกำลังจะบอกข่าวบางอย่าง
“คุณอริญดา คนไข้ตั้งครรภ์ได้ประมาณหกสัปดาห์แล้วนะคะหมอยินดีด้วย”
เธอชะงักเหมือนสมองดับวูบไปเพียงเสี้ยววินาทีเสียงในห้องเหมือนเงียบลง เธอไม่ได้ยินเสียงผู้คนด้านนอกที่เคยได้ยินลอดมา
“อะไรนะคะ?” เธอถามซ้ำแทบไม่มั่นใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า
“คนไข้กำลังจะเป็นคุณแม่ค่ะ”
เธอนั่งนิ่งน้ำเสียงของหมอยังคงอธิบายอะไรบางอย่างอยู่ แต่เธอฟังไม่เข้าใจเลยสักคำหัวใจเต้นแรงปนวุ่นวายทั้งตกใจทั้งสับสนภาพทุกอย่างหมุนวนในหัวเขาเคยสั่งไว้ว่า ห้ามท้องเด็ดขาด
แล้วตอนนี้เธอควรจะทำยังไง
มือเธอสั่นริมฝีปากเม้มแน่น รู้แค่ว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะบอกไลอ้อนว่าเธอท้องกับเขา ยิ่งถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่ทำตามสัญญาคงได้มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนหรือไม่เธอก็อาจจะถูกชายหนุ่มเฉดหัวทิ้งก็เป็นได้ถ้ารู้ว่าเธอท้องทั้งที่เขาไม่ได้อยากจะมีลูก
.
“ไปไหนครับ” เคนถามเจ้านายช่วงนี้พวกเขาติดประชุมเพราะสินค้าบางตัวมีปัญหา และถูกหาว่าพวกเขาผลิตของไม่ได้มาตรฐาน
“กลับเพ้นท์เฮาส์”
“วันนี้คุณอัญญากลับไปบ้านครับ” เขาได้รับสายงานว่าอัญญากลับบ้านตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายแล้ว หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาล
“กลับบ้าน?” ไม่เห็นโทรบอกเขาสักคำ แทนที่จะบอกเขาแต่กลับบอกลูกน้องเขาแทนมันน่านักที่ทำเหมือนไม่เห็นหัวเขา
“คุณอัญญาป่วยครับเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล”
“แล้วนายไม่รีบบอกฉัน!”
“ขอโทษครับผมคิดว่า...”
“อย่าคิดแทนฉัน” เขาหงุดหงิดและสั่งให้ลูกน้องพากลับบ้านแทน เมื่อทนความคิดถึงไม่ไหวจึงต่อสายหาอัญญาทันทีไม่นานปลายสายกดรับสาย
“คุณไลอ้อนมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันต้องมีอะไรด้วยเหรอถึงโทรหาเมีย...ผู้หญิงของตัวเองไม่ได้” เขารีบเปลี่ยนสรรพนามเรียก และกดเปิดกล้องรอสักพักใหญ่อัญญาไม่ยอมกดเปิดกล้อง
“อัญญาเปิดกล้องเดี๋ยวนี่!”
“อัญญายังไม่ว่างค่ะ” ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวเสียด้วยเพราะกำลังคุยธุระกับหนุ่มรุ่นพี่อยู่หน้าบ้าน
“เปิด! อย่าทำตัวเหมือนตัวเองกำลังคบชู้นอกใจผัว” เขาเริ่มหัวเสียที่อัญญาทำตัวแปลกไป เมื่อหญิงสาวเปิดกล้องเขาเห็นเหมือนว่าอัญญาไม่ได้อยู่คนเดียว และกล้องตัดไปพอเขากดโทรอีกรอบกลับโทรไม่ติด
“ไอ้สมชาย! สมชาย” เขาตะโกนเรียกลูกน้องอย่างขาดสติ ออกมาจากบ้านทั้งที่ตัวเองใส่ชุดนอน สั่งให้ลูกน้องเอารถออกมุ่งหน้าไปบ้านของอัญญาทันที
อัญญาจ้องโทรศัพท์ของตัวเองที่แบตหมดพอดี มัวแต่คุยกับรุ่นพี่เลยลืมชาร์จแบตไว้พอแยกจากกัน เธอเข้านอนทันทีคืนนี้แม่ออกไปบ่อนทำให้เธอนอนตามลำพัง
แกร็ก
เสียงคนพยายามไขประตูทำให้อัญญาลืมตาขึ้นมา เธอเริ่มกลัวว่าจะเป็นขโมย จึงมองหาอุปกรณ์ที่พอจะช่วยเธอได้ เธอหยิบไม้เบสบอลและย่องออกไปจากห้องนอน
ไลอ้อนพังประตูเข้ามาในบ้านของอัญญาได้อย่างง่ายดาย เขาคลำหาสวิตช์ไฟแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเพราะเขาไม่เคยเข้ามา
ปึก
“โอ๊ยยยย” ไฟทั้งบ้านสว่างขึ้นพร้อมกับร่างหนาคว่ำหน้านอนหมดสติที่พื้นหมดคราบมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ลูกน้องที่ได้ยินเสียงร้องของเจ้านายจึงวิ่งเข้ามาดู
“คุณไลอ้อน! อัญญาไม่ได้ตั้งใจนะคะคิดว่าเป็นขโมย” อัญญารีบเข้าไปดูอาการของเขาทันที สมชายและเคนรีบแบกเจ้านายขึ้นรถไปส่งที่โรงพยาบาลทันที โดยหญิงสาวไม่ได้ตามมาด้วย กลัวว่าเขาจะโกรธ
เธอหลบอยู่ในบ้านอย่างเงียบๆ ไม่ออกไปไหนไม่พูดถึงสาเหตุของการกลับมา บอกแม่เพียงว่าอยากพักอยากอยู่เงียบๆ สักพัก
แม่ไม่ได้ซักอะไรในวันแรก แต่สายตาของท่านกลับจับจ้องเธอมากกว่าปกติสังเกตทุกกิริยา ทุกอาการโดยเฉพาะตอนเช้าที่เธอวิ่งเข้าห้องน้ำหน้าซีดอาเจียนบ่อยครั้ง
“อีอัญญามึงท้องเหรอ อีลูกไม่รักดีมึงบอกว่าท้องกับใคร กับไอ้ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม” บอกว่าแค่เจ้านายแต่เล่นไปเอากันจนท้อง
“ไม่หนูไม่ได้ท้อง”
“มึงอย่ามาโกหกกู มึงโง่ปล่อยตัวเองท้องเพื่อจะจับเขาใช่ไหม?” วิภากลัวว่าเงินที่ได้รับทุกเดือนจะหายไปกับตา อาการแบบนี้เคยเป็นมาก่อน
“มึงตอบกูมามึงท้องกับมันใช่ไหม!”
“ฮึก แม่หนูเจ็บอย่าตีหนู” เธอห่วงลูกในท้องที่สุดกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย
“มึงตอบกูมาสิว่ามึงท้อง!”
“ฮึก หนูท้อง” เธอไม่ยอมบอกว่าท้องกับใคร
แต่วิภารู้มั่นใจว่าต้องเป็นผู้ชายหน้าฝรั่งคนนั้นที่ลูกสาวบอกว่าเป็นเจ้านาย วิภาจึงคิดจะไปรีดไถเอาเงินจาก
อีกฝ่ายเพิ่มเพราะคิดว่ายังไงทางนั้นก็ต้องยอมจ่ายให้เธอมากกว่าลูกสาวที่ให้เงินเธอใช้แค่เดือนละไม่กี่หมื่นอย่างแน่นอนไลอ้อนกลับมาบ้านในช่วงเกือบเช้าดีที่สมองเขาไม่ได้รับความกระทบกระเทือน แต่ยังมีมึนหัวเล็กน้อย จะไปจับนางบำเรอเล่นชู้ แต่กลับถูกตีหัวจนสลบคาที่รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
หลายวันที่อัญญาหลบหน้าเขาไม่ยอมกลับมาเพ้นท์เฮาส์ หรือมีบางอย่างปิดบังเขาไว้ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เขาจึงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้าประชุม เลิกงานค่อยกลับไปรับอัญญากลับเพ้นท์เฮาส์
“คุณนุกูลติดต่อมาครับบอกอยากนัดทานข้าวกับบอส”
“ปฏิเสธไปฉันไม่ว่าง”
“แต่คุณนุกูลบอกจะแนะนำให้รู้จักกับลูกสาว...”
“ไอ้เคน มึงกลายเป็นคนจัดหาคู่แล้วเหรอ”
“ผมจะปฏิเสธไปเดี๋ยวนี้ครับ”
เขาก้มหน้าก้มเซ็นเอกสาร โดยไม่ลืมส่งข้อความหาอัญญาบอกว่าเย็นนี่จะไปรับกลับบ้าน แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา
“มีชู้จริงๆ เหรอวะ” เขาหงุดหงิดหญิงสาวไม่เคยทำตัวแบบนี้ หรือโกรธอะไรแทนที่จะบอกเขาจะได้ง้อถูก
“ท่านประธานคะมีผู้หญิงโวยวายที่โถงด้านล่างบอกจะเข้าพบคุณให้ได้ค่ะ บอกว่าเป็นแม่ของคุณอัญญา”
ไลอ้อนได้ยินชื่อนี่เขาถึงกับชะงักและพยักหน้าให้ลูกน้องพาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาพบเขาที่ห้องทำงาน
ค่ำคืนบรรยากาศในห้องมืดสนิท ไฟในห้องปิดไปหมด สะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่สั่นไหวตามลมเบาๆ ไลอ้อนนอนหลับตาอย่างเหนื่อยล้า แต่ในความมืดที่ปิดกั้นโลกภายนอกนั้น ก็กลับมีสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ในความฝันในฝันเขาตื่นขึ้นในวัดมืดๆ ทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวคลุมไปด้วยเงาดำ และเงามืดจากต้นไม้ที่โอนเอนพัดไปตามลมที่ไม่มีเสียงเขามองเห็นภาพของอัญญา แต่เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดปากของเธอเหมือนจะขยับ แต่เสียงของเธอกลับไม่หลุดออกมาเป็นคำพูดราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา“อัญญา” ไลอ้อนพูดออกไปเสียงสั่นพยายามเข้าใกล้แต่ทุกย่างก้าวเหมือนจะเดินไปในอากาศ ดวงตาของเขาลึกลงไปในความมืดที่พยายามกลืนกินทุกสิ่ง“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”แต่ในตอนนั้นบางสิ่งยื่นมือออกมาจากความมืด จับข้อมือเขาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะถูกดึงไปในความมืดจนหมดหนทางหลบหนี เสียงคำรามดังขึ้นรอบตัว“หากมึงไม่ทำตามสัญญาลูกชายของมึงต้องเป็นของกู” เสียงนี้เหมือนจะสะท้อนกลับมาจากทุกทิศทาง บีบคั้นหัวใจให้แหลกสลาย “ไม่! อย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน” ไลอ้อนร้องลั่นเขาพยายามจะยื้อร่างของตัวเองให้หลุดพ้นจากแรงดึงนั้น แต่ร่างกายเขากลับช้าเหมือนเคลื่อนที่ในน้ำ แค
อัญญาในชุดเจ้าสาวสีงาช้างเรียบหรู ก้าวเข้ามาช้าๆ พร้อมมือที่กุมท้องตัวเองไว้อย่างทะนุถนอมดอกไม้ในแจกันวางเรียงตามแนวทางเดิน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วห้องพิธีพื้นไม้เก่าเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ เมื่อแขกเหรื่อไม่กี่คนเริ่มทยอยเข้ามานั่งแถวหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนพ่อแม่ของไลอ้อนนั่งยิ้มอย่างตื้นตันข้างๆ กันคือไทเกอร์ในชุดทักซิโด้ตัวจิ๋วสีครีม ผูกเนคไทสีชมพูตอนนี้ไทเกอร์อายุเพียงสิบเอ็ดเดือน แต่ตาเป็นประกายเหมือนรู้ดีว่า วันนี้พ่อกับแม่ของเขากำลังทำสิ่งสำคัญไลอ้อนยืนรออยู่ที่หน้าแท่น ดวงตาของเขาเริ่มแดงตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว และพอเธอยิ้มให้เขาก็กลั้นไม่อยู่น้ำตาไหลอย่างเงียบงันลงบนแก้ม ขณะที่อัญญาก้าวเข้ามาใกล้จนยืนอยู่ตรงหน้า“คุณร้องไห้ทำไมคะ” เธอกระซิบถามเขา“ก็ฉันไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนี้”เขาเช็ดน้ำตาเบาๆ อายแขกที่มาร่วมงาน เขาจัดงานแต่งในโบสถ์เล็กๆ มีแค่ลูกน้องและพ่อแม่มาเป็นสักขีพยานอัญญาบีบมือเขาแน่น ดวงตาเธอเองก็พร่าไปด้วยน้ำตาเสียงของผู้ประกอบพิธีดังขึ้นอ่อนโยน ท่ามกลางความเงียบสงบและอากาศที่อบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ“อิงครัตคุณยินดีจะอยู่เคียงข้างอริญดา ทั้งในวันที่สุขและวัน
รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ก้าวลากไปกับพื้นลินิเลียมดังก้องไปตามทางเดินยาวของโรงพยาบาลจิตเวช นินนี่ถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่สองคน พาเธอเข้าไปในห้องพักรักษาที่ถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย ใบหน้าเคยสวยหวานของเธอบัดนี้ซีดเซียวและไร้ความรู้สึกดวงตาเบิกกว้างแต่ไร้แววเหมือนคนหลุดออกจากโลกของความจริงไปแล้ว“อัญญา อัญญา อัญญา!” เสียงของเธอเอ่ยชื่อของหญิงสาวซ้ำๆ ด้วยเสียงที่สั่นเครือและหวาดระแวง เธอหัวเราะบางจังหวะ และร้องไห้ในวินาทีถัดมา“ฉันสวยกว่าเธอเขาต้องรักฉันสิ ไลอ้อนเป็นของฉัน เขาเคยบอกว่าเราคู่กันเขาเคยบอก”เสียงเธอพร่ำพูดซ้ำๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องฉีดยาระงับประสาท ภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานยืนยันถึงสภาพจิตที่ไม่สมประกอบของเธอในขณะที่ก่อเหตุเธอถูกตั้งข้อหามีความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ด้วยคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช ทำให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวเข้าสถานพยาบาลแทนการจำคุก เพื่อทำการรักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่องห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ กลายเป็นโลกใหม่ของนินนี่ที่นี่ไม่มีคำว่าความรัก ไม่มีอัญญาให้เธอแข่งขันด้วยอีกต่อไป มีเพียงเงาสะท้อนในกระจกที่เธอไม่กล้ามองตรงๆส่วนวิภาแม่ของอัญญาถูกตำรวจจับได้แถว
“บอสครับเจอสัญญาณมือถือของคุณอัญญาแล้วครับ ตอนนี้อยู่แถวถนนเลียบคลอง ทางออกเมืองครับ” สมชายรายงานเสียงตื่น บนหน้าจอแท็บเล็ตแสดงตำแหน่งจุดหยุดนิ่งของสัญญาณ GPS“เหยียบให้สุด อย่าแวะที่ไหนทั้งนั้น!” ไลอ้อนไม่พูดอะไรนอกจากเร่งเสียงคำสั่งสั้น ๆรถพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์คำรามอย่างไม่เกรงใจใครมือของไลอ้อนกำแน่น ใบหน้าเคร่งเครียด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เขาส่งข้อความหาอัญญาหลายครั้งไม่มีการอ่านไม่มีการตอบ“ขออย่าให้ฉันมาช้าไปได้โปรด”รถเคลื่อนมาถึงโค้งถนนด้านหน้ามีรถพยาบาลและตำรวจจอดเรียงรายไฟไซเรนหมุนวูบวาบ ร่างคนเจ็บนอนเรียงกันอย่างรีบเร่งกำลังรอการเคลื่อนย้าย “ข้างหน้ามีอุบัติเหตุครับ” “ขับเลี่ยงๆ ออกไป” แต่สายตาของเขาหันไปมองรถคันสีดำที่พังยับเยิน เห็นคนเจ็บถูกนำออกจากตัวรถ หัวใจของไลอ้อนเหมือนถูกกระชากออกมาทันที เพราะชุดที่คุ้นเคยที่เห็นอัญญาใส่เมื่อตอนเช้า เป็นชุดที่สั่งตัดเย็บอย่างดีจากแบรนด์ที่เขาสั่งทำ“จอด!! จอดเดี๋ยวนี้!!”เขาเปิดประตูรถก่อนที่จะหยุดสนิทดี วิ่งพุ่งลงไปยังร่างนั้นอย่างคนเสียสติ“อัญญา! อัญญา! ได้ยินฉันไหม” เขาทรุดลงข้างร่างของเธอ มือสั่นแตะที่แก้มแ
นินนี่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาหรู สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอมือถืออย่างเลื่อนลอย เธอเลื่อนดูฟีดโซเชียลเหมือนทุกวัน แต่แล้วนิ้วของเธอกลับชะงักกึก“ครอบครัวของเรา กำลังจะมีสมาชิกใหม่ ❤️ #BabyOnTheWay”ไลอ้อนโพสต์ภาพอัญญาที่กำลังยิ้มอ่อนโยน มือของเขาวางอยู่บนหน้าท้องของเธอ ภาพนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจนินนี่“มะ ไม่จริงอัญญาท้องลูกอีกคนเหรอ” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นสะท้าน เธอคลิกเข้าไปที่คอมเมนต์ทุกคนแสดงความยินดี เพื่อนเก่าของเธอหลายคนเข้ามาชื่นชม อัญญาดูมีความสุขราวกับโลกนี้เป็นของเธอหัวใจของนินนี่เต้นแรงด้วยความโกรธ แรงอิจฉาและความผิดหวังพุ่งเข้าจู่โจม เธอขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน มือที่กำโทรศัพท์สั่นระริก“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!”เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง โคมไฟที่อยู่ใกล้มือเธอถูกปัดตกลงมาแตกกระจาย เสียงกระจกแตกดังสนั่นทั่วบริเวณ แต่เธอไม่สนใจเธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง ผลักข้าวของทุกอย่างลงพื้น โต๊ะกลางถูกพลิกกระเด็น จานชามแตกกระจายตามแรงขว้างของเธอ“ทำไมอีอัญญามึงถึงมีแต่คนเข้าหา” ตั้งแต่วันที่เธอดึงเขาเข้ามาจูบ วันนั้นไลอ้อนถอนหุ้นและยกเลิกสัญญาทุกอย่างกับครอบครัวเธอ จนตอนนี้พ่อของเธอไม่มีเงินไป
เสียงลมหายใจแผ่วเบาของลูกชายตัวน้อยที่หลับอยู่ข้างๆ ทำให้บรรยากาศเงียบงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน แต่ในหัวใจของไลอ้อนกลับเต็มไปด้วยเสียงราวพายุโหมกระหน่ำ เสียงคำพูดที่เขาไม่เคยพูดออกไป เสียงความรู้สึกผิดที่เขาไม่กล้าจะยอมรับเขานั่งนิ่งอยู่ปลายเตียงมองรูปคู่ของเขาและเธอที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง รูปที่อัญญายิ้มกว้างขณะอุ้มลูกมือของเขาวางอยู่บนไหล่เธอแบบขอไปที ไม่มีร่องรอยของความรักในแววตาของเขาในวันนั้นหรือบางที อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองรักเธอมากแค่ไหน“อัญญา” เขาพึมพำกับตัวเองน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขายอมให้เข้าใกล้หัวใจ ยอมให้เห็นด้านที่เปราะบางที่สุด แต่เขากลับเป็นคนที่ผลักไสเธอเองด้วยคำพูดเฉยชาด้วยความเงียบเย็นที่เหมือนมีดกรีดเขาไม่เคยพูดคำว่ารักไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึก แต่เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียมันไปหากยอมรับหลังจากวันที่เห็นน้ำตาในตาเธอ วันที่ลูกงอแงแต่เขาไม่เคยอุ้มลูก ไม่เคยพาไปฝากครรภ์ไม่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูเพราะความอคติของตัวเองล้วนๆ“ฉันรักเธออัญญา” เขาพูดกับเงาของตัวเองในกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฉันรักเธอ ขอโทษที่ฉันมันโง่ ขอโทษที่ละเลยเธอ ขอโทษที่