ตอนที่ 4 เด็กขี้เมา
“กว่าจะมา” ตังเมเปรยขึ้นเมื่อเปิดประตูให้เพื่อนสาวที่หอบหิ้วของมาเต็มมือ
“รถติดน่ะ”
“รถติดหรือติดหัวใจลูกเจ้าของตลาดอยู่กันแน่”
“โอ้ย ก็พูดไปนั้น ไม่ชอบหรอกคนเจ้าชู้ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยกอบัว ไม่ต้องวกมาเรื่องฉัน” พราวฟ้ารีบห้ามเพราะประเด็นร้อนมันไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่กับคนที่มาทีหลังต่างหาก
“สรุปว่าไง เรื่องเมื่อคืน” ตังเมเอ่ยถามขณะแกะผักออกจากถุงเพื่อล้างน้ำสะอาด
“ไม่มีอะไรเลย พี่เขาก็แค่ไปส่งเฉยๆ”
“จ้า เชื่อ” พราวฟ้าพยักหน้ารับแต่กลับยกยิ้มล้อเลียนจนกอบัวหน้ามุ่ย
“โอ้ย พูดก็ไม่เชื่อ งั้นไม่ตอบแล้ว”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” พราวฟ้าเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบมืดหั่นแครอทแล้วหยิบใส่หม้อเพื่อทำน้ำซุป
“เอ้อ แล้วทำไมถึงกลับพร้อมพี่เขาได้” ตังเมที่กำลังล้างผักหันมาถามด้วยความสงสัย
“เมา แล้วบังเอิญไปเจอพี่เขาพอดี เขาคงสงสารมั้งเลยพาไปส่ง”
“กอบัว!!”
“อะไรตังเม จะตะโกนทำไมเนี่ย จกใจหมด”
“นั่นสิ มีอะไรหน้าตื่นเชียว เจอหนอนในผักเหรอ” พราวฟ้าเอ่ยถาม
“แกไปอ่อยพี่เขาหรือเปล่า” ตังเมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเวลาอีกฝ่ายเมาหนักมากๆจะเป็นอย่างไร
“สบายใจได้ ขนาดประครองสติตัวเองยังยากลำบากเลย จะเอาแรงที่ไหนไปอ่อย ค็อกเทลอะไรวะโคตรแรง” รมย์รวินท์เอ่ยตอบพร้อมกับเดินยกผักที่หันเสร็จแล้วออกไปวางที่โต๊ะริมระเบียงเพื่อเลี่ยงต่อการถูกเพื่อนจับได้ว่ากำลังโกหก
“แล้วไป”
“ปลอดภัยดีใช่ไหม” พราวฟ้าเอ่ยถามเมื่อกอบัวเดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง
“เออ เขาส่งถึงห้องอย่างปลอดภัย”
“คิดว่าจะเรียบร้อยโรงเรียนพี่เกมส์ไปเสียแล้ว”
“เจ้าชู้ขนาดนั้นใครจะไปอ่อยลง ถ้าได้มาคงปวดหัวใจตาย”
“ก็จริง พี่เขาเจ้าชู้ อย่าไปยุ่งดีที่สุด เป็นห่วง”
“จริง” พราวฟ้าพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันมาทางกอบัว “อย่างที่ตังเมพูดแหละ พี่ธันย์เคยบอกว่าเพื่อนในกลุ่มสายตาคนนอกมองว่าเจ้าชู้แล้วนะ พี่เกมส์คูณไปอีกสิบเท่า ร้อยเท่าของความเจ้าชู้ ฟันยับแล้วทิ้ง แบบไม่สนใจเลยด้วย”
“รู้ลึกรู้จริงไปอีก” รมย์รวินท์เอ่ยเย้า
“ฟังพี่ธันย์พูดมา”
“เออ ช่างเขาเหอะ ต่อให้อยู่คณะเดียวกันก็คงไม่ได้เจอบ่อยๆหรอก ไปกินหมูกระทะดีกว่า” รมย์รวินท์พูดเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากฟังเรื่องของเขา ฟังนานๆไม่รู้ทำไมปวดจี๊ดๆในใจ
ชนนนน!
เสียงแก้วใบเล็กกระทบกันจนเกิดเสียงดังและทำให้น้ำสีใสบางส่วนกระเด็นออกจากแก้ว
“อ่า ชื่นใจ” ตังเมยกแก้วขึ้นดื่มก่อนจะกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง
“มาๆชนๆ เอาให้หมดขวดไปเลย” ฉันบอกก่อนจะรินใส่แก้วให้เพื่อนอีกครั้ง
“เริ่มไม่ไหวแล้วเมาว่ะ” พราวฟ้าตอบเสียงอ้อแอ้
“ก็พวกแกเล่นไม่ผสมเลย ไม่เมาสิแปลก ขนาดช่วงแรกฉันผสมยังเมาเลย” รมย์รวินท์เอ่ยบอกก่อนจะยกแก้วขึ้นเทน้ำสีใสรสชาติหวานอร่อยหอมกลิ่นองุ่นลงคอรวดเดียว
ปึก!
“วางเบาๆกอบัว”
“แก้วจะแตกก่อนไหมเนี่ย โทษทีนะตังเม” รมย์รวินท์ว่าขึ้นก่อนจะหยิบแก้วช็อตใบเล็กวางลงบนโต๊ะแล้วรินโซจูใส่แก้วพร้อมกระดกใส่ปากอย่างไม่กลัวเมา
“ซื้อมาเป็นโหล ไม่ต้องกลัวแตก” ตังเมเอ่ยบอกเสียงอ้อแอ้เมื่อร่างกายได้รับปริมาณแอลกอฮอล์มาเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว “เพราะพวกแกเมาแล้วชอบทำแตกอยู่เป็นประจำ”
เพล้ง!
ตังเมเบิกตากว้างตกใจทั้งที่ยังพูดไม่ทันขาดคำแก้วใบเล็กก็ร่วงหลุดจากมือของพราวฟ้าคนที่คออ่อนที่สุดในกลุ่มก่อนที่เธอจะฟุบหน้านอนหลับไปทันที
“อึก เอาไง” รมย์รวินท์เอ่ยถามพยายามลืมตาขึ้นมองเพื่อนสนิทแล้วยื่นมือเขย่าร่างเล็กให้ตื่น แต่ทุกอย่างก็ดูเชื่องช้าไปหมด
“ไม่ตื่นว่ะ”
“มือแกยังแตะไม่ถึงตัวเพื่อนเลยกอบัว” ตังเมเอ่ยบอกเพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เล่นกินตั้งแต่ท้องฟ้ายังสว่างจนตอนนี้ข้ามวันใหม่มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“แล้วเอาไงดี”
“โทรบอกพี่ธันย์ ให้มารับคู่หมั้นหน่อยสิ”
“เออๆ” รมย์รวินท์พยักหน้ารับแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์พราวฟ้าแต่พอหันกลับมาอีกทีเจ้าของห้องก็ฟุบหน้านอนหลับไปแล้ว
ฉันพยายามปรือตาขึ้นมองเพื่อตั้งสติแล้วเลือกกดโทรออกหาเบอร์ล่าสุดรอสายไม่นานก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาตามสายพร้อมกับเสียงเพลงจังหวะสนุกดังแทรกเข้ามา
“พี่ธันย์”
“หนูพราว”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่นะคะ นี่กอบัวเอง”
“อ้าวกอบัว มีอะไรแล้วหนูพราวล่ะ”
“เมา หลับอยู่...”
“อยู่ที่ไหน” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนเมื่อจู่ๆเธอก็เงียบเสียงไป “ฮัลโหล กอบัว กอบัว ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน”
“ที่ห้องตังเม พี่มารับพราวไปหน่อยนะ กอบัวไปส่งไม่น่าจะไหว หรือจะให้มันนอนที่นี่คะ”
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปรับเอง”
หลังจากวางสายฉันพยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดฉุดให้ตังเมลุกขึ้นแล้วพาเข้าไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่แล้วเดินเซกลับมาดึงแขนเรียวของพราวฟ้าให้พาดที่คอแล้วโอบเอวบางเพื่อลงลิฟต์ไปข้างล่างพร้อมกัน
“หนูพราว กอบัว ทำไมอยู่ในสภาพนี้ล่ะ” ธนัทที่ก้าวลงจากรถอาวดี้คันหรูของเพื่อนสนิทรีบวิ่งมาหาเด็กขี้เมาทั้งสองคนกอดคอกันเดินออกจากลิฟต์ด้วยความทุลักทุเล เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเร่งรีบ พอเห็นสภาพนึกอยากถ่ายรูปไว้ประจานนัก ใส่รองเท้าสลับข้างกันไปอีก แล้วใบหน้าทั้งสองคนแดงก่ำกลิ่นโซจูลอยฟุ้งเตะจมูก สมกับเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ
“กอบัวจะกลับบ้าน อ่ะ พี่เอาพราวไปได้แล้ว ตัวหนักเป็นบ้าเลย” รมย์รวินท์ส่งเพื่อนสนิทให้ว่าที่คู่หมั้นแล้วก้มหน้าควานหากุญแจรถในกระเป๋าสะพายใบเล็ก
“ไหวไหมเนี่ย”
“ไหว หนูไม่ได้เมา ยังมีสติดีทุกอย่าง”
“แน่ใจ”
“ค่ะ แน่ใจ ไม่ต้องห่วง สบายมาก” ธนัทมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ บอกสบายมากแต่หยิบกุญแจรถไม่ได้สักทีทั้งที่มันก็ไม่ได้อยู่ลึกซับซ้อนอะไร เขายืนอยู่ตรงนี้ยังมองเห็นกุญแจชัดเจน
“พี่ไปส่งไหม”
“ไม่ๆ” รมย์รวินท์ส่ายหน้าเป็นพัลวันเพราะเธอกลัวการเมาของตัวเอง กลัวเผลอไปอ่อยคู่หมั้นเพื่อนสนิทจะแย่เข้าไปใหญ่ถึงเขาจะไม่ใช่สเปคก็ตามที เรื่องแบบนี้ควรปลอดภัยไว้ก่อน
“มึงไปเหอะ เดี๋ยวกูจัดการเด็กขี้เมาคนนี้เอง”
“อ้าวไอ้เกมส์ กูคิดว่ามึงกลับไปแล้ว”
“กูรอเผื่อมึงมีอะไรให้ช่วย เห็นกำลังวุ่นวายเลยลงมาหา”
“เออ งั้นก็ฝากด้วยนะ” ธนัทเอ่ยบอกเพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทไม่ชอบเด็ก จึงไม่ต้องห่วงเพื่อนสนิทของพราวฟ้ามาก อีกฝ่ายต้องปลอดภัยหายห่วงแน่นอน
“อือ” กรภัคพยักหน้ารับพอเห็นเพื่อนตรงไปที่รถมินิคูเปอร์สีเหลืองสดใสและขับออกไปจึงหันกลับมาสนใจคนตัวเล็กที่เมาคอพับผิงรถเบนซ์ C-Class สองประตูสีขาว
“กอบัว”
“หืม”
“หลับเหรอ”
“เปล่าคะ พักสายตา หนูไม่ได้เมา”
“ไม่เมา?” ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสภาพคนตรงหน้าห่างไกลจากคำว่าไม่เมาอยู่มาก
“แค่ไม่เหมือนเดิม”
“ก็ไม่ต่างกันนะ ให้ไปส่งไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้าเป็นพัลวันก่อนจะขยับหนีเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น “อย่ามาใกล้หนูนะพี่เกมส์”
“ทำไม”
“เดี๋ยวหนูปล้ำพี่นะ”
“พี่ยอม” ผมตอบกลับเสียงดุแต่แววตาเป็นประกายอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของคนตรงหน้า ไม่รู้ทำไมถึงชอบให้เด็กคนนี้อยู่ใกล้ วนเวียนอยู่รอบๆตัว ทั้งที่ผมไม่ชอบคนที่เด็กกว่า
“พี่เกมส์!” เสียงหวานอุทานร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำตอบ แล้วเขาจะยืนดีๆไม่เป็นหรือไงหรือเป็นโรคกระดูกไขสันหลังเสื่อมไอ้พี่ร่วมคณะคนนี้ถึงชอบโน้มหน้าลงมาใกล้จัง ขยันทำให้ใจเธอเต้นโครมครามแบบนี้อยู่เรื่อย
“ทำไม”
“อย่ามาล้อเลียนหนูนะ”
“ขี้เมา รู้ว่าเมาแล้วขี้อ่อย ก็ยังชอบเมา”
“ก็เลยไม่อยากอยู่ใกล้ใครไงคะ” โดยเฉพาะเขาที่ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งห้ามใจลำบาก
“ขึ้นรถพี่จะไปส่ง”
“ไม่เอา”
“อย่าดื้อ สภาพแบบนี้จะขับรถยังไงไหว”
“ไม่เอา ขับได้อยู่”
“ได้อยู่คือแปลว่าไม่ได้ มานี่เลย”
“พี่เกมส์อย่าดื้อ!”
“กอบัว เรานั่นแหละอย่าดื้อ!” ผมดุคนตัวเล็กเสียงแข็งพร้อมกับรั้งจนร่างเล็กถลาซบที่อกกำยำ
ปึก!
ร่างบางช้อนตาขึ้นมองโดยมีสองแขนแข็งแรงยกขึ้นกอดเอวบางเอาไว้แน่น
“พี่จะไม่ทำอะไรเราแน่นอน กลับกับพี่ พี่จะไปส่งเอง พี่ไม่อยากปล่อยให้ไปคนเดียว พี่เป็นห่วง”
“อือ” ราวกับถูกมนต์จากดวงตาสีน้ำตาลเข้มสะกดจนเธอยอม
ศิโรราบให้เขาทุกอย่างตอนที่ 43 คู่หมั้นสามเดือนต่อมา@บ้านเพชรปกรณ์บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ผสานไปกับสไตล์โมเดิร์น อย่างลงตัว ผนังข้างนอกตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับกับโทนสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่อบอุ่น บริเวณหน้าบ้านปลูกดอกไม้ประดับที่ออกดอกชูช่ออวดความสวยบานสะพรั่งราวกับต้อนรับแขกผู้มาเยือนในวันสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีเพียงแขก ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่งานก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกรียติ สมหน้าสมตาทั้งสองฝ่าย เมื่อเศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาขนเงิน ขนทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ แหวนเพชรสิบกระรัตและที่ดินมาหมั้นว่าที่สะใภ้ในอนาคตให้กับลูกชายเพียงคนเดียว“ว่าที่คู่หมั้นมาแล้วค่ะ” ตังเมและพราวฟ้าเอ่ยบอกขณะพา รมย์รวินท์อยู่ในชุดเดรสคอวีขาวผ้าชีฟองอัดพลีส ยาวคลุมข้อเท้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกรภัคยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะเดินไปจูงมือคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขก“วันนี้หนูสวยมาก พี่คิดว่านางฟ้าที่ไหนลงมาเดินเล่น”รมย์รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเจอคำพูดหวานเลียน ยืนยิ้มหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อเขาจูบที่แก้มแล้วผละออกอย่างรวมเร็วเพราะกลั
ตอนที่ 42 งอนอยู่นะ“พี่เมฆา พี่เมฆา”“...”“เมฆา”“ครับ คุณเกมส์” เมฆาที่เดินกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ยินเสียงผู้บริหารหนุ่มโวยวายเสียงดังจึงรีบเข้ามาในห้องทำงาน"ไปไหนมา"“ผมปวดหนัก ผมขอโทษนะครับ”เมฆาเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดเมื่อปล่อยเจ้านายสัมภาษณ์งานเลขาคนใหม่เพียงลำพัง“คราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะเลขาผู้หญิงอ่า เอาผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นนะพี่”“ครับผม แล้วเธอ...ทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ”“ผมเกือบโดนสวบแล้วไหมล่ะ”“อาบน้ำก่อนไหมครับ กลิ่นน้ำหอมเธอแรงมาก ถ้าไปรับคุณกอบัวในสภาพนี้ คุณเกมส์จะโดนโกรธเอาได้นะครับ”“ก็คงโดนอยู่แล้ว เพราะผมต้องเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง”“อนาคตไม่มีโอกาสเป็นพ่อบ้านใจกล้านะครับคุณเกมส์”“ยังไง?”“กลัวเมีย”“เขาเรียกให้เกียรติครับ และที่สำคัญผมไม่พูดโกหก”“ครับๆ” เมฆายกยิ้มให้เจ้านายก่อนจะเดินออกมา อยากจะแซวคนกลัวเมียให้นานกว่านี้ แต่เขายังไม่พร้อมหางานใหม่หลังจากร
ตอนที่ 41 เอาแต่ใจ2 ปีต่อมา@มหาลัยรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทข้างตึกคณะวิศวกรรมก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างเช่นทุกวัน“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”“โอเคค่ะ”“พี่เกมส์ก็ตั้งใจทำงานนะคะ” รมย์รวินท์โน้มตัวไปหอมที่แก้มเขากลับคืนแล้วก้าวลงจากรถแต่ถูกเขาดึงไว้อีกครั้ง“คะ พี่เกมส์”“ฝึกงานเมื่อไหร่”“อีกสองเดือนค่ะ”“พี่ว่าหนู...”“ค่อยคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่เกมส์” รมย์รวินท์เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเขาถามเรื่องฝึกงานอีกครั้ง คุยกันทีไรจบด้วยการเถียงกันและงอนกันทุกครั้งไป“โอเคครับ หวังว่าตอนเย็นพี่มารับหนูจะมีคำตอบให้พี่นะ”“รับทราบค่ะ”ฟู่ว!รมย์รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร“เป็นอะไรกอบัว”“เครียด เรื่องฝึกงาน”“มีปัญหาหรอ เรื่องเกรดหรือติดกิจกรรมล่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ไหม เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
ตอนที่ 40 คบกันนะหลังจากเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ผมจึงพาเธอกลับมาที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะพามาที่ร้านอาหารบนตึกสูงใจกลางเมืองรมย์รวินท์ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูพิ้งค์โกลด์สั้นเหนือเข่าเดินเคียงข้างเขาในชุดสูทสีดำไม่ทางการ พอมองไปที่มือนุ่มก็ถูกเขากุมไว้ตลอดเวลาจนเธอต้องสลับมองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“มองแบบนี้พี่เขินนะ”“ก็พี่หล่อนี่คะ”“ไปเอาความปากหวานมาจากไหนหนอ”“พี่มุกกับพี่ชะเอมเคยบอกไว้ค่ะ ว่าพี่ชอบคนอ้อนๆ”“ไปเชื่อพวกมันสองคน โดยต้มจนเปื่อยแล้วมั้ง”“อ้าวไม่ชอบหรอคะ” รมย์รวินท์เอียงคอถามอย่างน่ารักจนกรภัคหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอของคนตัวเล็กกว่าแล้วโอบเอวดึงเธอมากอดแนบชิด“ชอบ แต่คนที่อ้อนพี่ ต้องเป็นเราเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ชอบ”“ไม่คุยด้วยแล้ว” รมย์รวินท์หันหน้าหนีซ่อนรอยยิ้ม แต่ลืมไปว่าเป็นกระจกซึ่งเห็นเงาที่สะท้อนออกมาเห็นเขายืนกลั้นขำจนหน้าแดง“อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องแอบหรอก พอโดนเอาคืนบ้าง ไปไม่เป็นเลยนะเรา”
ตอนที่ 39 คืนเกิดเหตุตึกคณะบริหารจีจี้เดินเล่นโทรศัพท์ลงมาจากตึกในช่วงห้าโมงเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนขับรถที่บ้านมารับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอร่างสูงใบหน้าหล่อที่ทำท่าถมึงทึง คนที่เธอพยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆและตามจีบมานานนับเดือน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ถ้ามีวิชาหายตัวได้ก็คงจะดี“หยุดเลยนะจีจี้”“พี่เกมส์” จีจี้พูดเสียงสลดใบหน้าสวยซีดเผือด “จีจี้ขอโทษ”“รู้ไหมว่าสิ่งที่จีจี้ทำมันทำให้พี่วุ่นวายมากแค่ไหน”“แต่หมอบอกว่าพี่ไม่ถึงตายนะคะ แพ้แต่ไม่รุนแรง แล้วจีจี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ จีจี้ขอโทษ”“ใครว่าพี่ไม่ตาย”“นี่จีจี้คุยกับวิญญาณพี่หรอคะ ฮือ จีจี้ขอโทษนะคะขนาดตายไปแล้วยังเป็นผีมาหลอกมาหลอนจีจี้อีก” จีจี้ตีโพยตีพายยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว แถวนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย“พี่ยังไม่ตาย แต่ที่บอกตายเพราะพี่ทรมานใจที่จีจี้ก่อเรื่องจนทำให้พี่กับกอบัวผิดใจกันต่างหาก”“อึกฮือ”“จีจี้ตั้งสติก่อน เลิกร
ตอนที่ 38 หวานต่อไม่รอแล้วนะไม่นานรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านอาหารริมชายหาด ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกรุกระจกล้อมรอบ และยังมีโซนด้านนอกริมหาดที่ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวล และเสียงเพลงจากนักร้องยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมช่างโรแมนติก“นั่งตรงไหนดี หืม” กรภัคโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วโน้มมาถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ตรงโซนริมหาดดีกว่าค่ะ บรรยากาศกำลังดีเลย” สายลมพัดเอื่อยๆพัดกลิ่นอายทะเลขึ้นมาจนทำให้ร่างบางที่หน้าบึ้งตึงยิ้มกว้างออกมา นี่สินะกลิ่นอายทะเลบ้านเกิดที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลังจากที่ย้ายไปเรียนในเมืองหลวง“ชอบไหม” ผมเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมกับเกลี่ยปอยผมที่ปลิวไปตามแรงลมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน“ชอบมากค่ะ”“เห็นเรายิ้มได้พี่ก็ดีใจแล้ว”“ไม่ได้หลอกว่าอะไรหนูอยู่ใช่ไหมคะ”“เปล๊า ใครจะกล้า แล้วเราอยากกินอะไร สั่งเลยนะ วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” กรภัคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแววตายามมองคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรัก“จะเอาให้ขนหน้าแข้งป๋าร่วงเลย”“คงยากหน่อยนะ เพราะพี่รวยมาก”“จ้