"พี่มะ..เอ่อฉันไม่เป็นอะไร" ฉันลืมตัวเกือบเรียกแทนตัวเองว่าพี่เพราะเอาจริงๆ ฉันน่าจะอายุมากกว่าเขาถึงสามปี
"โหหัวเข่าเธอมีเลือดซึมออกมาด้วยไปห้องพยาบาลมั้ยเดี๋ยวฉันพาไป" ฉันก้มมองหัวเข่าตัวเองที่มีเลือดซึมออกมาแต่มันก็ไม่ได้มากอะไรเท่าไหร่ฉันเลยปฏิเสธความหวังดีของคนตรงหน้าที่เพิ่งเจอ
"ไม่เป็นไรหรอกนิดเดียวเองว่าแต่นายอยู่ปีหนึ่งใช่หรือเปล่า"
"อื้มใช่ฉันเรียนปีหนึ่งคณะบริหาร"
"ฉันก็เรียนบริหารนะ"
"จริงเหรอดีจังได้เจอคนที่เรียนคณะเดียวกันฉันชื่อฟิวนะเธอชื่ออะไร"
"ฉันชื่อข้างฟ่างเรียกฟ่างเฉยๆ ก็ได้ ว่าแต่ฟิวนี่ ย่อมาจากกาฟิวป่ะ^^"
"รู้ได้ไงอ่ะ" พอฉันเดาถูกคนตรงหน้าก็ออกมาอาการเขินๆ กับชื่อของตัวเองจนฉันอดยิ้มขำไม่ได้
"เดาเอาไม่คิดว่าจะถูกนะเนี๊ยะ555"
"เรียกฉันว่าฟิวก็พอนะกาฟิวเอาไว้ให้ป๊าม๊าที่บ้านฉันเรียกก็พอ" ฉันอดยิ้มไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักมากๆ แม้จะเพิ่งเคยเจอกัน
"ฉันว่าตอนนี้เรารีบไปเข้าแถวเถอะจะเลยสิบห้านาทีแล้ว" ฉันมองเวลาที่ข้อมือของตัวเองก็พบว่ามันเกือบจะใกล้เวลาแล้วฉันไม่อยากโดนทำโทษทั้งที่ยังเจ็บ
"เออนั่นนะสิงั้นเรารีบไปกันเถอะว่าแต่....เธอเดินไหวไหม" ฟิวที่กำลังจะเดินนำหน้าฉันไปก็หยุดเดินแล้วหันมาถามฉัน
"ไหวสิ" พูดจบฉันก็วิ่งแต่วิ่งไปไม่ถึงสองก้าวก็ต้องหยุดเพราะมันปวดหัวเข่าข้างที่กระแทกพื้นจนต้องเอามือจับหัวเข่าของตัวเองไว้
"โอ๊ย เจ็บ"
"เห็นไหมฉันว่าแล้วว่าเธอต้องเดินไม่ไหว งั้นเอางี้เธอขึ้นมาขี่หลังฉันละกัน"
"ไม่เอามันไม่เหมาะ"
"ไม่เหมาะอะไรเธอเจ็บขาเดินไม่ไหวฉันก็แค่ให้เธอขี่หลังไม่เห็นจะเป็นไรเลย ป่ะเร็วสายแล้วฉันไม่อยากโดนทำโทษนะ" ฟิวพูดพร้อมกับนั่งยองๆ เพื่อให้ฉันขึ้นขี่หลังเขา
"งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ ขอบใจนะ^^" ฉันขอบคุณเขาจากนั้นฉันก็ขี่หลังฟิวไปเข้าแถวโชคดีที่ฉันใส่กระโปรงพลีสมามันเลยทำให้ฉันไม่ต้องคอยระวังกระโปรงตัวเอง และระหว่างทางก็มีแต่คนมองมาที่เราสองคนแต่ดูเหมือนฟิวจะไม่ได้สนใจอะไรที่มีคนมองมีแต่ฉันนี่แล่ะที่เริ่มอายเพราะมีคนมองเต็มไปหมดทั้งลานกิจกรรมจนฉันต้องเอาหน้าซุกไปที่ไหล่ของฟิว
"ขอหลบหน้าแก้อายหน่อยนะ" ฉันกระซิบบอกเขาก่อนจะเอาหน้ามุดเข้าที่ไหล่ของฟิวซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกไว้ใจเขาทั้งที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในแถวเพื่อฟังพวกปีสี่พูดเรื่องกิจกรรมการเข้าค่ายรับน้องปีนี้สายตาของฉันก็ไปปะทะเข้ากับใครบางคนที่ฉันไม่ได้เจอมานานหลายปีเขาก็คือพ่อของลูก ฮันเตอร์ เขาคืออดีตที่เจ็บปวดของฉันถึงจะไม่ได้เจอกันนานหลายปีแต่เขาก็ยังเหมือนเดิมยังดูหล่อดูดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนและที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือลูกๆ ทั้งสองของฉันหน้าถอดแบบเขามายังกับแฝดสามไม่ว่าจะเป็นสีผม คิ้ว ตา จมูก ปากได้เขามาเต็มๆ ไม่มีอะไรเหมือนฉันสักอย่างจนบางครั้งฉันก็คิดน้อยใจว่าทำไมลูกถึงไม่เหมือนฉันเลยสักคนมีลูกสองคนก็เหมือนพ่อทั้งคู่หรือแม้แต่นิสัยการกินก็ใช่ ฮันเตอร์แพ้กุ้งเด็กๆ ทั้งสองก็แพ้เหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังเดินเข้ามาที่ลานกิจกรรมด้วยชุดนักศึกษาที่ไม่ต้องถามหาความถูกระเบียบสภาพ เขาใส่เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวพับแขนปลดกระดุมลงมาสามเม็ดรวมถึงกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปที่มองยังไงก็ยังดูดี ก็อย่างว่าเขาเรียนปีสี่แล้วจะแต่งถูกระเบียบไม่ถูกระเบียบก็คงไม่เป็นอะไร บอกตามตรงว่าฉันละสายตาจากเขาไม่ได้เลย จนเขาหันมาสบตากับฉันโดยบังเอิญทำให้ฉันรีบหลบสายตาเขาทันทีเพราะตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาจำฉันได้หรือเปล่าเพราะฉันตอนนี้กับฉันตอนนั้นแทบจะเหมือนเป็นคนละคน ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างตั้งแต่เลิกกับเขาจากคำพูดดูถูกของเขาในวันนั้นทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ จากเด็กเรียนใส่แว่นตาหนาเตอะสวมชุดนักเรียนตัวหลวมๆ มัดแกละติดกิ๊บสองข้างไม่เคยแต่งหน้าทาปากเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง ใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวที่รัดรูปแต่ก็ไม่ได้โชว์สัดส่วนอะไรมากมายเพราะฉันยังคงต้องรักษากฎระเบียบของที่นี่รวมถึงสีผมที่ฉันไม่เคยคิดที่จะทำแต่ตอนนี้ฉันย้อมสีน้ำตาลดัดลอนทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้นฉันต้องยกความดีให้กับลูกศรที่ช่วยฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้
สปอยล์
"ไม่เจอกันนานสวยขึ้นจนจำแทบไม่ได้เลยนะครับเมีย...เก่า" คำพูดน้ำเสียงและแววตายียวนกวนประสาทของคนตรงหน้าทำให้ฉันต้องกำหมัดแน่นข่มอารมณ์โกรธของตัวเองก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มแล้วตอบกลับเขาไป
"ขอบคุณที่ชมนะคะผัว...เก่า^^"
วันต่อมา...ข้าวฟ่าง...วันนี้ฉันกับเตอร์เราตื่นกันแต่เช้าเพราะเตอร์จะพาฉันไปหาหมอที่โรงพยาบาลคือพักนี้ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้มันรู้สึกหดหู่เศร้าๆ แปลกๆ และมักจะเป็นช่วงค่ำๆ ด้วยนะ พอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บฉันจะเริ่มมีอาการทันทีมันเป็นเองโดยอัตโนมัติจนฉันกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะคิดถึงลูกตอนนี้เราพาเด็กๆ มาที่บ้านของเตอร์เพราะตอนนี้เราสองคนได้จ้างใบบัวให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กๆ ซึ่งใบบัวก็ทำได้ดีมากเธอเลี้ยงเด็กเก่งมากจนฉันแปลกใจถ้าบอกว่าเคยมีลูกมาก่อนฉันก็เชื่อนะแต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะใบบัวยังไม่เคยมีแฟนจะมีลูกได้ยังไงแถมเธอก็อยู่ที่นี่มาหลายปีฉันไม่เห็นเธอท้องเลยแล้วเธอจะไปมีลูกตอนไหนฉันคงคิดมากไปเอง"บัวไปไหนปกติเวลานี้ต้องมารอรับเด็กๆ แล้วนะ" เตอร์พูดพร้อมกับมองไปรอบๆ บ้านเพราะปกติเวลานี้ใบบัวจะมารอเด็กๆ อยู่หน้าบ้านแต่วันนี้ไม่เห็นเธอออกมาเลยหรือเธอจะไม่สบาย"หรือว่าบัวไม่สบาย""อืมอาจจะเป็นไปได้ งั้นเอาไงดี เตอร์ไม่อยากพาเด็กๆ ไปโรงพยาบาลเลยอ่ะเชื้อโรคมันเยอะ""ถ้างั้นฝากฟิวก็ได้นะแต่ไม่รู้จะตื่นหรือยัง" เพราะเด็กๆ ทั้งสองคนจะสนิทกับฟิวเหมือนกันฉันเลยคิดว่าถ้าใบบัวไม่สบายจริงๆ คนที
ฮันเตอร์..."ขอพ่อกอดแม่หน่อยไม่ได้เหรอค๊าบลูกพ่อก็คิดถึงแม่ฟ่างเหมือนกันนะ>ลูกชายจอมแสบทั้งสองคนที่หวงแม่ยิ่งกว่าอะไรทุกวันนี้ผมกับฟ่างแทบไม่มีเวลาได้จู๋จี๋กันเลยเพราะเจ้าตัวแสบทั้งสองไม่ยอมแยกไปนอนห้องตัวเองผมกับฟ่างก็เลยต้องซื้อเตียงมาไว้ในห้องนอนของเราเพื่อให้เด็กๆ ได้นอนด้วยกัน แต่รู้มั้ยว่าใครที่ต้องไปนอน ผมเองครับเพราะเจ้าตัวแสบจะงอแงไม่ยอมนอนที่นอนของตัวเองบอกอยากนอนกอดแม่ผมก็เลยต้องเนรเทศตัวเองไปนอนเตียงลูกแทน อยากจะบอกว่าตั้งแต่เด็กๆ รู้ความ พูดเป็นพูดได้ก็พูดจ้อไม่หยุดพูดจนลิงหลับส่วนเรื่องความแสบความซนไม่ต้องห่วง ทั้งดื้อทั้งแสบจนผมอยากจะจับไปปล่อยสวนสัตว์วันละหลายร้อยรอบแต่ผมก็มีวิธีกำราบของผมเพราะผมเลี้ยงมาเองกับมือทำไมผมจะไม่รู้ว่าเด็กๆ นิสัยเป็นยังไงชอบอะไรไม่ชอบอะไร และตั้งแต่เจ้าตัวแสบโตโอกาสที่ผมจะได้นอนกอดเมียหรือทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเมียมันช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นสุดๆ ทุกวันนี้นะถ้าไม่แอบอุ้มเมียออกมานอนห้
ฮันเตอร์..."ทำไมเตอร์มองไม่เห็นอะไรเลยฟ่าง" พอผมพูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิดที่ผมโกหกว่าตัวเองมองไม่เห็นแต่อันที่จริงแล้วผมมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนโดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้าที่ผมเรียกว่าเมีย"........" ใบหน้าของฟ่างซีดลงทันทีจนผมอดสงสารไม่ได้ ในตอนแรกที่ผมค่อยๆ ลืมตาผมเห็นแววตาของเธอสดใสและมีความหวังแต่พอผมบอกว่ามองไม่เห็นแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีมันบ่งบอกได้ว่าเธอเศร้าและเสียใจมากแค่ไหนที่ผมบอกว่ามองไม่เห็น"คุณเตอร์...มองไม่เห็นอะไรเลยเหรอครับ" คุณหมอทำท่าทางแปลกใจก่อนจะถามผมซึ่งผมก็บอกไปตามความจริงว่า"ใช่ครับคุณหมอทำไมผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย....นอกจากความสวยของเมีย^~^" ผมพยายามยิ้มเพื่อให้ฟ่างรู้สึกดีแต่เปล่าเลยครับ"0-0" แม่"??? " ป๊า"ว่าไงนะ!!! " ไอ้ฟิว".........." ฟ่าง"ทำไมทุกคนทำหน้าแบบนั้นกันล่ะครับ ผมก็แค่พูดว่าผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเมียของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมเห็นแค่เธอคนเดียว คนสวยของผม^^" พอผมพูดจบประโยคมือเล็กๆ ของฟ่างก็เงื้อสูงขึ้นทันทีพร้อมอารมณ์โกรธผมรู้เลยว่าเธอกำลังจะทำอะไรเธอไม่ได้จะตบยุงแต่เธอจะตบผม มือผมไวกว่าเลยรีบคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน
ฮันเตอร์....ตอนนี้ตาของผมยังถูกปิดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เนื่องจากเพิ่งผ่าตัดตามาแต่ก็ดีใจที่พอผมตื่นขึ้นมาแล้วมีฟ่างอยู่ข้างๆ เธออยู่กับผมไม่ไปไหนมันทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาก"ฟ่าง" ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่เพราะเธอเงียบมาก หรือเธอจะหลับ"หื้มมม" เสียงเหมือนงัวเงีย"ทำอะไรอยู่ หลับอยู่หรือเปล่า""อื้ม""ขอโทษนะที่ปลุกถ้าง่วงก็หลับต่อเถอะ" ผมรู้สึกผิดที่เรียกหาเธอทั้งที่เธอกำลังหลับอยู่"ไม่ง่วงแล้วล่ะ ว่าแต่เตอร์เป็นอะไรปวดตาเหรอ""เปล่าหรอกแค่อยากกอดฟ่างอยากอยู่ใกล้ๆ ""ก็เพิ่งกอดไปเมื่อกี๊เองนะจะกอดอีกแล้วเหรอ""กอดทั้งชีวิตก็กอดได้""รู้สึกจะปากหวานขึ้นนะตั้งแต่ผ่าตัดมาเนี๊ยะ""ก็อยากพูดจาเพราะๆ กับเมียบ้างไม่ได้เหรอ"หมับ!! เสียงกอด"อ่ะกอดแล้วพอใจยังคะ" ฟ่างเดินมากอดผมผมก็เลยเอื้อมมือไปโอบเอวฟ่างเอาไว้ในท่าที่ตัวเองยังนอนอยู่ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของผมก็ซบลงที่หน้าท้องของฟ่างพอดีครืดดดด ครืดดดด"หืมมม?? เสียงอะไร" ผมพูดออกมาเพราะจู่ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงหน้าท้องของฟ่างที่มีเสียงครืดๆ และไม่รู้ว่าผมหูแว่วหรือคิดไปเองหรือเปล่าว่าท้องของเธอมันเหมือนมีอะไรเคลื่นไหวอยู่ข้างใน"ฟ่าง ฟ่า
ข้าวฟ่าง...."เตอร์....ฟ่างมีข่าวดีจะบอกกับเตอร์ด้วยนะ" ฉันลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วจับมือของเขามาวางไว้ที่หน้าท้องของฉันแล้วจับมือเขาลูบเบาๆ ตรงบริเวณหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย"ฟ่างท้องได้สามเดือนแล้วนะเตอร์เตอร์ดีใจมั้ยเรากำลังจะมีลูกด้วยกันอีกแล้วนะ" ฉันบอกข่าวดีให้เขารู้เผื่อว่าถ้าเขาได้ยินเขาจะรีบฟื้นขึ้นมา ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองท้องเมื่อไม่กี่วันนี่เองหลังจากที่ฉันกับฟิวพาเตอร์มาส่งโรงพยาบาลเนื่องจากว่าวันนั้นเตอร์บ่นปวดหัวมาตลอดทั้งวันแม้เขาจะบอกว่าเขาไหวไม่เป็นไรแต่ฉันไม่เชื่อฉันก็เลยแอบโทรไปหาฟิวขอให้ฟิวมาหาที่คอนโดเพื่อที่จะพาเตอร์ส่งโรงพยาบาล โชคดีที่วันนั้นเด็กๆ ไปนอนที่บ้านป๊าเพราะไมงั้นเด็กๆ อาจจะตกใจจนร้องไห้ที่เห็นพ่อไม่สบาย ซึ่งตอนนั้นฟิวกับทุกคนยังไม่รู้ว่าเขาป่วยเพราะเขากลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วงเขา พอฟิวมาถึงเขาก็ถามว่าเตอร์เป็นอะไรกันแน่ฉันจึงต้องยอมบอกความจริงกับฟิว รู้ไหมว่าพอฟิวรู้ฟิวด่าเตอร์ไปชุดใหญ่ ส่วนเตอร์ก็เถียงอะไรไม่ออกเพราะตัวเองก็ลุกไม่ไหว หลังจากนั้นฟิวก็ขับรถพาฉันกับเตอร์มาที่โรงพยาบาลคุณหมอเจ้าของไข้ของเตอร์รีบพาเขาเข้าห้องตรวจทันทีฉันกับฟิวนั่งรออยู่หน้าห้อ
ข้าวฟ่าง.....ตอนนี้เตอร์กำลังขับรถมาส่งฉันที่มหาลัยหลังจากที่เราพาเด็กๆ ไปฝากไว้กับแม่เฟื่องที่บ้านเพราะที่โรงเรียนของเด็กๆ ปิดเทอม ฉันก้มมองดูแหวนที่นิ้วตลอดทางดูไปก็ยิ้มไปมันบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนมันฝันไป เตอร์ขอฉันแต่งงานจริงๆ แหวนที่นิ้วคือหลักฐานยืนยันได้ว่ามันคือเรื่องจริงมันคือความจริง"ชอบใช่มั้ย" เตอร์หันมาถามฉัน"ชอบสิชอบมากเลยขอบคุณนะ^^" ฉันตอบเขาพร้อมกับส่งยิ้มไปให้อย่างอารมณ์ดี"ดีใจนะที่ฟ่างชอบถ้าไม่ชอบเตอร์จะได้พาไปดูวงใหม่" หืมมมพ่อสายเปย์ ฉันคิดคนเดียวในใจ แต่เอาจริงๆ นะต่อให้แหวนที่เขาขอฉันแต่งงานมันจะไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลยฉันก็พร้อมที่จะแต่งงานกับเขาอยู่ดีเพราะฉันรักเขา"ไม่ต้องหรอกเพราะแหวนวงนี้คือแหวนที่เตอร์เลือกให้แล้วก็เป็นแหวนขอแต่งงานต่อให้มันเป็นแค่แหวนวงละร้อยเก้าสิบเก้าฟ่างก็ชอบมันอยู่ดี""ใครจะไปซื้อแหวนร้อยเก้าเก้ามาขอเมียแต่งงานบ้าป่าวฟ่าง ระดับเตอร์ต้องไม่ต่ำกว่าล้าน""จ้าาาพ่อสายเปย์ พ่อคนรวย""ก็เปย์ให้แค่ลูกกับเมียเท่านั้นแล่ะค๊าบบบบบ""ก็ลองให้ผู้หญิงอื่นดูสิ""ใครจะกล้า ตอนนี้เตอร์มีแค่ฟ่างคนเดียว""แค่ตอนนี้เหรอ""ตลอดไปสิ นับจากวันนี้เป