“ผมไม่แต่งหรอกนะครับคุณพ่อ ผมยังใช้เวลาหนุ่มโสดไม่คุ้มเลยผมเพิ่งจะยี่สิบเก้าเท่านั้นเองนะครับ แล้วจะให้แต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เอาไม่แต่ง..” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แสนสมาร์ตใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่ดารานายแบบบางคนยังต้องหลบให้บึ้งตึง ดวงตาคมใหญ่สีเทาเข้มขุ่นมัวด้วยความไม่พอใจ แล้วเมินหน้าหนีผู้เป็นพ่อซึ่งมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของลูกชายคนเดียว จมูกโด่งสวยเป็นสันงดงามรับกับเรียวปากหยักได้รูปสีแดงฉ่ำราวเรียวปากหญิงสาวเม้มสนิทไรเคราเขียวจางๆ ล้อมรอบใบหน้าเรียวของ ธีโอ ธราดล แอนเดอร์สัน นั้นทำให้ใบหน้าคมวาวหวานทรงเสน่ห์มากขึ้น และนี่ล่ะที่ทำให้คุณ ธัช ธีรเดช แอนเดอร์สัน รู้สึกกลุ้มใจที่มีหญิงสาวมากมายมาเกี่ยวพันลูกชายของตนและหญิงสาวบางคนก็เหลือรับจนเขาคิดอยากจะจับลูกชายมัดไว้กับพันธะทางใดทางหนึ่ง
“ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าสมบัติของฉันเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ฉันจะยกให้ว่าที่เมียของแกไป.. เอาล่ะหมดธุระแล้วก็ออกไปได้ฉันจะพักผ่อน” คุณธัชบอกลูกชายพลางผายมือไปที่ประตูห้องทำงานของตน
“คุณพ่อ..” ผู้เป็นลูกเสียงสูงหน้าตึงทันที
“ฉันไม่ยอมยกสมบัติของฉันให้พวกผู้หญิงของแกผลาญหรอกนะ รวมถึงแกด้วย ถึงแกจะเก่งที่สร้างบริษัทอันยิ่งใหญ่ของตัวเองได้ ถึงแกจะฉลาดเฉลียวระดับอัจฉริยะขนาดไหน แต่ฉันก็ไม่คิดจะวางทุกอย่างไว้ในมือแกหรอกนะ” คุณธัชบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาฉายแววจริงจังไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อยจนผู้เป็นลูกขัดใจที่บิดาเห็นคนอื่นดีกว่าตน
“ผมไม่เข้าใจคุณพ่อเลย ทำแบบนี้เพื่ออะไรครับ”
“ก็เพื่อหาเมียดีๆ ให้แก แกจะได้เป็นผู้เป็นคนเป็นผู้ใหญ่เสียทีไงล่ะ”
“ที่ผมทำอยู่เนี่ยไม่เรียกว่าผู้ใหญ่เหรอครับ” ชายหนุ่มแย้งอย่างฉุนเฉียวประสาคนที่มั่นใจในตนเองและเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ แน่นอนล่ะก็เพราะธีโอนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด ผู้เป็นพ่อนึกค่อนแคะลูกชายของตนในใจ
“เหอะ.. ออกไปได้แล้วฉันไม่อยากคุยกับแก แล้วช่วยโทรศัพท์เรียก ทนายสงกรานต์ ให้มาหาฉันด้วย..” เมื่อผู้เป็นพ่อตัดบทธีโอจึงลุกขึ้นอย่างเซ็งๆ แล้วเดินออกไปจากห้องทำงานของบิดา คุณธัชมองตามหลังลูกชายไปแล้วถอนหายใจเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนล้า ดวงตาคมไม่แพ้ลูกชายเหลือบไปมองรูปถ่ายของตนกับเพื่อนรักที่ล่วงลับไปแล้วหลายปีอย่างหนักใจ...
“เทวัญ ฉันจะพยายามช่วยลูกเมียแกเต็มที่นะ ฉันจะตอบแทนบุญคุณแกบ้าง หากไม่ได้แกช่วยเหลือฉันคงไม่มีวันนี้ ฉันสัญญาว่าจะช่วยพวกเขาเต็มความสามารถของฉัน..” มือแกร่งที่เคยจับทั้งปากกาจับทั้งปืนซึ่งเหี่ยวย่นตามวัยเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายที่ตนตั้งไว้บนโต๊ะทำงานมามอง คุณธัชลูบใบหน้าเปื้อนยิ้มบนรูปถ่ายของเพื่อนรักอย่างโหยหาในวันคืนเก่าๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เทวัญ พัฒนหิรัญรัตน์ เพื่อนยากที่เคยให้ความช่วยเหลือยามที่เขาตกทุกข์ได้ยาก เพื่อนที่ไม่เคยหันหลังให้เขายามที่ไม่มีใคร แต่ในขณะที่เขากลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวภรรยาที่อังกฤษเพียงไม่กี่ปีกลับมาอีกทีครอบครัวของเทวัญก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง...
“อีกไม่นานหรอกฉันก็คงได้ไปอยู่กับแก.. แต่ฉันขออุ้มหลานก่อนนะจะได้คุยเกทับแกได้ แล้วฉันจะไปบอกว่าหลานๆ ของเราน่ารักแค่ไหน.. แกเอาใจช่วยฉันนะเทวัญ” คุณธัชยิ้มให้รูปเพื่อนรักด้วยความหวังอันเปี่ยมล้นว่าสิ่งที่ตนคาดไว้จะสำเร็จ...
ธีโอเดินกลับห้องของตนด้วยความรู้สึกฉุนเฉียวไม่หายพลางนึกอยากจะเห็นหน้าหญิงสาวที่บิดาของตนพูดถึงนักว่าสวยหรือมีอะไรดีแค่ไหนจึงทำให้คนที่ไม่เคยเข้ามากะเกณฑ์หรือเข้มงวดกับตนเลยนั้นถึงกับต้องบังคับเขาถึงเพียงนี้ แม้ว่าทรัพย์สินที่เขามีไม่รวมเกี่ยวกับของที่บิดาและมารดาผู้ล่วงลับสร้างไว้จะมีมากมายพอที่เขาจะใช้ไปตลอดชาติก็ไม่หมด แต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นมาชุบมือเปิบสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาไปหน้าตาเฉยแน่ๆ ที่สำคัญ ครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลแอนเดอร์สันก็เป็นของมารดาเขาครึ่งหนึ่งด้วย เขาไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาช่วงชิงมันไปหน้าด้านๆ แน่ๆ
“คุณแม่ดูสิครับ คุณพ่อทำแบบนี้ต้องหลงเสน่ห์แม่นั่นแน่ๆ คุณแม่ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ อย่าให้ผมต้องติดแหงกอยู่กับผู้หญิงหน้าเงินจอมมารยานั่น..” ชายหนุ่มพูดกับรูปถ่ายของมารดาซึ่งแขวนติดผนังเคียงคู่กับรูปบิดา คุณแคทเธอรีน มารดาของเขาเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ เดนมาร์ก ซึ่งงดงามสะดุดตาเป็นผู้หญิงเก่งและแกร่งทั้งยังฉลาดเฉลียว เขาสนิทกับมารดามากกว่าบิดาแต่ก็ได้รับความรักจากท่านทั้งสองเท่าเทียมกันแต่มารดาจะตามใจเขามากกว่าใครๆ ดังนั้นคุณธัชจึงมักเอ่ยประชดอยู่บ่อยๆ ว่าเขานิสัยถอดแบบแม่มาไม่มีผิด ซึ่งธีโอคิดว่าบิดาพูดไม่ผิดเลยสักนิด เมื่อมารดาเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนด้วยโรคมะเร็งเขาถึงกับเสียใจจนไม่กินไม่นอนจมอยู่กับความเศร้าอยู่ครึ่งค่อนปี
แล้วคืนนั้นชายหนุ่มก็หลับไปพร้อมกับความฝันแสนดี เมื่อมารดามาหาเขาพร้อมกับมอบช่อดอกไม้งดงามให้เขาพร้อมทั้งแหวนประจำตระกูล
“แม่รอของขวัญอันล้ำค่าจากลูกอยู่นะธีโอ..” นางพูดกับเขาเบาๆ แล้ววางแหวนลงบนมือของเขาก่อนจากไปพร้อมรอยยิ้มสดใส...
วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มก็เข้าทำงานที่บริษัทของบิดาตามปกติและช่วงบ่ายก็จะเข้าไปที่บริษัทของตนซึ่งเขาก่อตั้งมันขึ้นมาด้วยตนเองกับธุรกิจการออกแบบและผลิตภัณฑ์และแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการออกแบบตกแต่งรีโนเวทต่างๆ ซึ่งธุรกิจของเขาก็กำลังไปได้สวย นอกจากนี้เขายังขยับขยายมาลงทุนเกี่ยวกับหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ด้วย
“เจ้านายครับ คุณลอร่า มารอพบครับ” เจมส์ บอดีการ์ดคนสนิทที่ติดตามเขาไปทุกที่รายงานเมื่อเจ้านายหนุ่มลงจากรถยนต์ส่วนตัว
“วันนี้ฉันไม่ว่าง อารมณ์ไม่ดี”
“แต่เธอมาแล้วครับรออยู่ในห้องรับรองนะครับ”
“แล้วทำไมนายรายงานฉันช้าวะ”
“เธอเพิ่งโทร. มาเมื่อกี้ครับ ผมเองก็กำลังจะบอกเจ้านาย..” เจมส์พูดอ่อยๆ ธีโอถอนใจ
“งั้นนายไปรับหน้าฉันจะไปบริษัทนู้นกับปีเตอร์” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กลับเข้าไปในรถแล้วขับออกไปทันทีตามด้วยรถยนต์คันหรูของ ปีเตอร์ บอดีการ์ดคนสนิทอีกคน ปล่อยให้เจมส์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับสาวๆ ของผู้เป็นนายที่แต่ละรายแสนจะเรื่องเยอะ โดยเฉพาะแม่สาวนามว่าลอร่า...
บทที่ 75. ตอนอวสาน“ชีวาจ๋า พี่ผิดไปแล้ว ลูกจ๋า พ่อผิดไปแล้ว ต่อไปพ่อจะไม่พูดแบบนี้อีก พ่อรักน้องธามที่สุดในโลก..” ธีโอแทบใจขาดเมื่อเจอลูกชายเมินหน้าหนี ชายหนุ่มหน้าเศร้าซีดเซียวจนขวัญชีวาสงสารสามี“น้องธามครับ เลิกงอนคุณพ่อนะครับ เห็นไหมคุณพ่อจะร้องไห้เพราะน้องธามงอนแล้ว คนดีของคุณแม่ รักคุณพ่อนะคะ เลิกงอนนะลูก รักกันๆ นะคะ..” ขวัญชีวาก้มลงพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟัง ธีโอลุ้นอย่างหนักว่าลูกชายตัวน้อยจะเลิกงอนและหันกลับมามองเขาหรือยอมให้เขาอุ้มหรือไม่เพราะหลังจากที่หลุดปากพูดประโยคแย่ๆ นั้นออกไปน้องธามก็นิ่งเงียบไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พอใครจะเข้าใกล้ก็สะบัดตัวเหวี่ยงแขนไปมาทั้งยังขว้างปาของเล่นใส่ทุกคนที่เข้าใกล้อย่างเกเร“น้องธามครับ ที่รัก คนดี พ่อทูนหัวลูกรักของพ่อมาหาพ่อนะครับน้องธามจ๋า..” ธีโอขยับไปใกล้แล้วโอบกอดทั้งแม่ทั้งลูกไว้ในอ้อมแขน น้องธามเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นพ่อดวงตาใสๆ นั้นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อเต้นแรง ลูกชายตัวแสบนี่ช่างเหมือนเขาเสียจริงๆ แต่โครงหน้าก็มีแววหวานเหมือนขวัญชีวา ยิ่งดวงตาใสๆ เหมือนแม่นี่ล่ะร้ายนักมองทีไรหัวใจเขาละลายทุกที เหมือนตอนนี้ไงล่ะ...น
บทที่ 74.“ถามอะไรหน่อยสิคะ”“ว่ามาเลยครับคนสวย” ธีโอเท้าแขนกับที่นอนมองสบตาภรรยา“ทำไมพี่ธีโอต้องลงทุนทำร้ายจิตใจชีวาขนาดนั้นด้วยคะ ความจริงพี่ธีโอบอกความจริงชีวา ชีวาก็เข้าใจและยอมรับแผนการพี่ธีโอได้นะคะ” หญิงสาวถามสิ่งที่เธอสงสัยอยู่ในใจ“ก็เพราะชีวาเข้าใจอะไรง่าย และรักทุกคนไงล่ะพี่จึงต้องผลักไสชีวาออกไปให้ห่างๆ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ“ชายแดนบอกพี่ว่าชีวาน่ะดื้อเงียบได้น่าโมโหมากและรักทุกคนมาก จะยอมทุกทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักปลอดภัยและจะไม่ยอมให้ใครอยู่สู้เพียงลำพัง..หากพี่บอกความจริงชีวา ชีวาก็จะไม่ยอมออกจากไร่ชีวาจะอยู่ช่วยพี่ซึ่งจะทำให้พี่เป็นกังวลและห่วงชีวากับลูกมากขึ้น และสิ่งที่พี่กลัวคือ กลัวว่าคุณดวงพรรู้ว่าชีวาท้องแล้วจะทำร้ายชีวากับลูกหรือไม่ก็อาจจะใช้ชีวาเป็นเครื่องมือต่อรองอะไรบางอย่าง...”“ก็เลยเลือกที่จะพูดร้ายๆ ทำตัวร้ายๆ กับชีวาน่ะเหรอคะ หากชีวาไม่เข้าใจ ชีวางี่เง่าจะทำไงคะ”ขวัญชีวายิ้มบางๆ ให้สามีและยอมรับว่าที่เขาพูดมาจริงทุกอย่าง หากเธอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรเธอจะไม่มีวันทิ้งเขาและจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเขา แต่นั่นล่ะคือปัญหาเพราะธีโอจะห่วงเธอกับลูก
บทที่ 73.“เจมมี่ว่าเราจะต้องได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้แน่ๆ เลยค่ะคุณชีวา”“นั่นสิ แต่อย่าเพิ่งไปแซ็วเขานะเจมมี่”“ฮ่ะ เจมมี่จะพยายามกดต่อมเผือกไว้อย่างสุดความสามารถ..” ทั้งสองหัวเราะให้กันธีโอขมวดคิ้วอย่างสงสัย“มีอะไรกันหรือสองคนนี้มีความลับอะไรกัน”“ไม่มีค่ะแค่มีอะไรดีๆ ที่ต้องรอ..” ขวัญชีวายิ้มหวานให้สามี“อะไรหรือ..”“ยังบอกไม่ได้ค่ะ เราไปหาพี่แดนกับริสากันดีกว่าได้ฤกษ์ส่งตัวแล้ว..” ขวัญชีวาควงแขนสามีไปหาบ่าวสาวที่ยิ้มแย้มด้วยความสุขชายแดนมองเจ้าสาวที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนห่มผ้าหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้างที่โรยกลีบกุหลาบไว้จนเต็มที่นอนรวมไปถึงทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วย PrincessNarisa ที่บานงดงามในวันแต่งงานของเขาและกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งห้องหอ“ว้าเจ้าสาวหลับเสียแล้ว พี่แดนจะลักหลับเจ้าสาวดีมั้ยน้า..” ชายแดนแกล้งสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มนุ่มและลูบไล้บั้นท้ายงามงอนเบาๆ คนที่หลับตานอนเกร็งอยู่นั้นลืมตาทันทีและทำท่าว่าจะต่อว่าเขาด้วย...“พะ พี่ แด...” เจ้าสาวคนสวยไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเจ้าบ่าวที่จ้องจะพาเจ้าสาวเข้าหอมาตลอดก็ประทับจุมพิตเร่าร้อนลงบนกลีบปากงามทันทีปิดกั้นเสียงหวานไว้ด้วยเรียวป
บทที่ 72.“ชีวาขอโทษค่ะ..” ขวัญชีวาพูดเพียงเท่านั้นร่างบางก็หมดสติไปทันที“เจมส์ ตามหมอเร็ว..” ธีโอช้อนร่างภรรยาไว้ในวงแขนแล้วพาไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เคนอยู่เคลียร์พื้นที่กับสารวัตรกวินอย่างรู้หน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแฝงตัวอยู่ในชั้นนี้ก็ค่อยๆ ออกมาทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็วเช่นกัน งานนี้พวกเขาทำกันเงียบที่สุดให้คนรู้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยและของคนไข้และแพทย์พยาบาลรวมไปถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาล...ขวัญชีวามองควันที่พวยพุ่งออกจากปล่องเมรุด้วยความโศกเศร้า แม้ตั้งแต่เล็กจนโตเธอกับดวงชีวันไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก เรียกได้ว่าแทบไม่เคยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมรักใคร่ประสาพี่น้องฝาแฝดเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับเธอนั้นดวงชีวันก็ยังคงเป็นพี่สาวเป็นญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ การจากไปก่อนวัยอันควรของดวงชีวันก็ทำให้เธอเสียใจอยู่ไม่น้อย...“อย่าเสียใจไปเลยค่ะคุณหนู คุณหนูยังมีพวกเรานะคะ” พี่ต้อยพี่ติ่งเดินมาโอบกอดคุณหนูของตน ขวัญชีวายิ้มให้ทั้งสองแล้วพยักหน้าช้าๆ“เรากลับกันดีกว่าค่ะพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ขวัญชีวาเดินกลับไปที่รถซึ่งธีโอกับคุณธัชยืนรออยู่พร้อมด้วยนมนวลกับเจมส์“เหนื่อยไหมที่
บทที่ 71.“นั่นไงคุณแม่ของฉัน น้อยอยู่ที่นี่ล่ะไม่ต้องตามไป”“แต่.. น้อยเป็นห่วงนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอก คุณแม่ไม่ทำอะไรฉันหรอก รออยู่นี่ล่ะ” ขวัญชีวาบอกพร้อมทั้งเดินไปหาคุณดวงพรในชุดพยาบาลที่กวักมือเรียกไวๆ น้อยมองตามเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่“อีน้อยทำถูกมั้ยวะเนี่ย ใครๆ ก็บอกว่าคุณท่านให้ดูแลคุณผู้หญิงดีๆ” น้อยเกาหัวแกรกๆ อย่างสับสนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดึงเจ้านายของตนเข้าไปตรงบันไดหนีไฟอย่างไม่เบามือนัก...“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน..” น้อยตัดสินใจเดินตามขวัญชีวาเข้าไปคิดในใจว่าเผื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นตนอาจจะช่วยได้...“เบาๆ ค่ะคุณแม่ ชีวากำลังท้องอยู่ค่ะ” ขวัญชีวาร้องบอกเมื่อคุณดวงพรดึงกระชากเธอให้เดินตามไป หญิงสาวหอบน้อยๆ เมื่อเดินขึ้นบนไดมาแล้วสามชั้น ทางเดินหนีไฟไม่ค่อยมีคนใช้นักมันจึงเงียบสงัดจนเธอรู้สึกกลัว ยิ่งเห็นแววตาของคุณดวงพรขวัญชีวาไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอคิดผิด... แต่มันคงสายไปแล้วตอนนี้เธอควรตั้งสติและหาทางเอาตัวรอดจากคุณดวงพรที่เหมือนคนบ้าไร้สติเข้าไปทุกที...“ก็ดีสิ..”“ค่ะ คุณแม่กำลังจะมีหลาน”หญิงสาวพยายามพูดให้คุณดวงพรเห็นแก่ชีวิตเล็กๆ ในตัวเธอ“ไหนคุณแม่ว่า
บทที่ 70.ธีโอรู้สึกหงุดหงิดและใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมเฝ้ามองห้องนั่งเล่นซึ่งขวัญชีวาอยู่ที่นั่นตั้งแต่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จนตอนนี้บ่ายคล้อยแล้วขวัญชีวายังไม่ยอมออกมาพบใครๆ ทั้งยังสั่งไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเธออีกด้วย“ผมจะพาชีวากลับไร่ คิดว่าสภาพแวดล้อมดีๆ จะทำให้ชีวาดีขึ้น” ชายหนุ่มพูดขึ้นในที่สุดเพราะคิดว่าหากพาเธอกลับไปไร่ได้พบบรรยากาศดีๆ บริสุทธิ์สดชื่นจะทำให้ขวัญชีวาดีขึ้น“ก็ดีนะคะ คุณหนูบ่นคิดถึงไร่ตลอด”“พาเมียไปเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จะไปด้วย” คุณธัชบอกลูกชายและเห็นด้วยกับความคิดของธีโอ“แต่ผมว่าจะพาชีวาไปเยี่ยมชีวันก่อนกลับ อย่างน้อยๆ ก็ให้ทั้งสองได้พบกันก่อน.. สารวัตรกวินโทร. มาบอกว่าอาการของดวงชีวันเหมือนจะดีขึ้นหากเธอดีขึ้นจริงๆ ผมจะรักษาเธอให้หาย” ธีโอบอกเบาๆ เขาคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ อย่างน้อยดวงชีวันก็ถือว่าเป็นพี่สาวของขวัญชีวา“จริงๆ แล้วคุณหนูชีวันก็น่าสงสารนะคะ ถูกเลี้ยงดูมานั้นแทนที่จะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแต่ต้องมาถูกทำลายเพียงเพราะความอิจฉาริษยาของคนที่เป็นป้าแท้ๆ ของตัวเอง คุณดวงพรตั้งใจให้เด็กทั้งสองเกลียดกันเธอต้องการให้เด็กๆ พลัดพรากห่างไกลกันทั้