ธีโอไม่เคยโทรศัพท์หาหญิงสาวคนไหนที่เขาควงด้วยตัวเองและไม่เคยให้เบอร์ส่วนตัวกับใคร ดังนั้นเจมส์จึงเป็นทนายต้นหอหรือไม่ก็เลขาส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มไปด้วย เพราะไม่ว่าหญิงสาวคนไหนอยากจะโทร. หาธีโอ ทุกนางจะต้องโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของเขาซึ่งธีโอมีไว้เฉพาะสาวๆ แต่ไม่เคยได้รับหรือโทร. เองเลยสักครั้ง ธีโอจะรับสายต่อจากเจมส์ก็เมื่อเขาให้ความสนใจเจ้าหล่อนคนนั้นจริงๆ เท่านั้น ซึ่งหากเจมส์พยักหน้าว่าคนนี้ใช้ได้ธีโอจึงจะรับ เจมส์เปรียบเสมือนเครื่องแสกนหญิงสาวให้เจ้านายชั้นดีเลยทีเดียว แต่เจมส์ไม่นิยมชมชอบหญิงสาวแต่พิสมัยชายหนุ่มมากกว่า
“งานเข้าเจมส์ตลอดเลยนะฮะ เห้อ... เกิดเป็นเกย์คอยสแกนชะนีเนี่ย มันลำบากเหมือนกันนะฮะ..” เมื่ออยู่คนเดียวเจมส์ก็ออกอาการท่าทาง ค้อนลมค้อนฟ้าอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ผู้บริหารเพื่อออกรับหน้าแทนเจ้านาย...
“ทำไมต้องเป็นชีวันด้วยล่ะคะ คุณแม่ก็รู้ว่าชีวันมีคนรักอยู่แล้วและเขาก็รวยไม่แพ้อีตาธัชเสี่ยแก่อะไรนั่นด้วย” หญิงสาวซึ่งมีใบหน้าสวยจัดชนิดหาตัวจับยากเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อคุณดวงพรมารดาบอกเธอเกี่ยวกับการแต่งงานที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า...
“โธ่.. ลูกขา คุณธัชเขาไม่ใช่เสี่ยแก่ๆ หรอกนะลูก อีกย่างเขารวยมาก และค่าสินสอดของเขาก็มากพอที่จะกอบกู้ฐานะของเราได้ แต่งกับเขาเราจะสบายไปทั้งชาติเลยนะคะลูกขา” คุณดวงพรบอกลูกสาวสุดที่รักเสียงอ่อนหวานทั้งลูบหลังลูบไหล่อย่างเอาใจ
“แต่ชีวันไม่อยากแต่ง ถ้าคุณแม่บังคับชีวันมากๆ ชีวันจะหนีไปกับโรนัลโด้”
“อุ้ยตาย ไม่ได้ๆ อย่านะลูก อย่าทำแบบนั้น”
“ไม่รู้ล่ะ คุณแม่แก้ปัญหาเอาเองก็แล้วกัน” ดวงชีวันลุกขึ้นแล้วเดินหนีมารดาวิ่งขึ้นห้องของตนไปอย่างฉุนเฉียว คุณดวงพรได้แต่มองตามหลังลูกสาวสุดที่รักอย่างหนักใจ
“นังนวล นังนวลเว้ย มุดหัวอยู่ไหนวะ มานี่สิ” คุณดวงพรถอนหายใจหนักๆ แล้วหันมาตะโกนเรียกนวลตองข้ารับใช้ที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างฉุนเฉียว ไม่นานนวลตองในวัยห้าสิบก็เดินออกมาหาผู้เป็นนายของบ้าน
“ค่ะ คุณพรมีอะไรให้นวลรับใช้คะ”
“นังชีวามันไปไหน วันนี้ทั้งวันไม่เห็นมันเดินนวยนาดในบ้าน”
“อ้อ.. วันนี้คุณหนูไปสอนดนตรีที่บ้านของน้องเปียโนค่ะ”
“เหรอ แล้วงานในบ้านในไร่เนี่ยคุณหนูเธอมันทำเสร็จหมดแล้วเหรอถึงได้ไปรับงานนอกบ้าน” คุณดวงพรกอดอกมองนวลตองตาขุ่น
“ค่ะ เสร็จแล้ว จะว่าไป งานไร่งานสวนเนี่ยมันคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะค่ะ คนงานก็ลาออกกันจะหมดแล้วเพราะทำไปก็ไม่ได้ค่าจ้าง” นวลตองประชดเจ้านายอย่างไม่เกรงกลัว เพราะรู้ดีว่าคุณดวงพรไม่กล้าจะอาละวาดกับตน
“อย่าให้มันมากนักนะนังนวล”
“แค่นี้ไม่มากหรอกค่ะ เทียบไม่ได้กับสิ่งที่คุณทำ” นวลตองพูดเท่านั้นก็เดินกลับเข้าครัวไป เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับผู้เป็นนาย คุณดวงพรได้แต่มองตามนวลตองไปอย่างเข่นเขี้ยว
“หึ เห็นแก่ว่าเป็นขี้เก่าเต่าเลี้ยงที่อยู่มานาน ที่คุณพี่ฝากฝังเอาไว้หรอกนะแกถึงได้ชูคอเถียงฉันคอเป็นเอ็นแบบนี้ นังขี้ข้า.. หึ้ยยย..” คุณดวงพรตวาดตามหลังอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน ร่างบางที่ยังคงความงดงามหยุดมองรูปถ่ายของคนที่ตนรักที่แขวนอยู่บนผนังบันไดทางขึ้น
“คุณพี่อย่าคิดว่าจะชนะน้องได้นะคะ รักมากใช่ไหมที่นี่ รักมันมากใช่ไหมไร่ดวงใจ หึ คอยดูเถอะ ดวงใจ ของคุณพี่จะต้องย่อยยับ..” คุณดวงพรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นแล้วเดินตึงๆ เข้าห้องของตนไป โดยไม่รู้ว่าคำพูดของนางนั้นขวัญชีวาได้ยินพอดี
หญิงสาวยืนนิ่งฟังคำพูดของมารดาด้วยดวงใจร้าวรานขวัญชีวาไม่เข้าใจว่าทำไมมารดาจึงจงเกลียดจงชังที่นี่นัก โดยเฉพาะตัวเธอนั้นคุณดวงพรทำอย่างกับว่าโกรธเกลียดกันมาร้อยชาติ ทำเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่ลูกของนาง
“อ้าวคุณหนูชีวามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“มาเมื่อครู่นี่เองค่ะนมนวล” หญิงสาวเดินเข้าไปยังห้องดนตรีซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอชอบที่สุดในบ้านนอกจากห้องของตนเอง เรือนดวงใจ เป็นชื่อของเรือนหลังน้อยที่บิดาสร้างขึ้นให้เป็นของขวัญวันเกิดครบสิบขวบของตน ด้วยบิดานั้นรักเธอปานดวงใจของท่าน ขวัญชีวาจำได้ดีว่าในวันนั้นเธอดีใจมาก ส่วนขวัญชีวันนั้นได้เครื่องประดับเครื่องแต่งตัวสำหรับเด็กผู้หญิง
เด็กสาววัยสิบห้าปีกับชีวิตที่กำลังสดใสแม้บิดาจะต้องนั่งรถเข็นและไม่ได้มีโอกาสดูแลเธอนักแต่ขวัญชีวาก็มีแม่นมคอยดูแลเลี้ยงดูอย่างดีและบิดาก็สอนเธอเล่นดนตรีทุกอย่างรวมไปถึงงานในไร่และความรู้เกี่ยวกับการเกษตรแม้ท่านจะไม่สามารถทำเองได้แต่ก็มีลุงเชิดซึ่งเป็นพ่อของพี่ติ่งพี่ต้อยและคนสนิทของท่านที่เป็นทั้งคนขับรถหัวหน้าคนงาน ตลอดจนเพื่อนของท่านคอยช่วยเหลือ ขวัญตัดสินใจเรียนต่อในวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านดนตรีและนาฏศิลป์และไปอยู่หอพักซึ่งในระหว่างนั้นเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะจะไปๆ มาๆ ระหว่างไร่กับหอพักแต่เธอสังเกตได้ว่าบิดาค่อนข้างเศร้าสร้อยและร่างกายทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงแม้ท่านเดินไม่ได้แต่ร่างกายท่านก็แข็งแรงยิ้มแย้มแจ่มใส และหลังวันเกิดอายุครบสิบเจ็ดปีของเธอไม่กี่วันท่านก็เสียชีวิต ซึ่งการจากไปอย่างกะทันของคุณเทวัญทำให้ขวัญชีวาเสียใจมาก ชีวิตที่เคยสว่างสดใสมีหลักมีร่มเงาคอยคุ้มครองได้จากไปทำให้เธอต้องตกอยู่ในฐานะของสาวน้อยผู้ต่ำต้อยเมื่อไม่มีบิดาคอยปลอบประโลม เธอไม่ได้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยและกลับมาทำงานในไร่หาเพื่อเงินประคับประคองไร่ที่ขาดทุนและเกือบจะล้มละลายซึ่งเธอมารู้ภายหลังว่ามีหนี้สินมากมายรวมไปถึงที่ของไร่ดวงใจถูกขายไปเกือบหมดแล้วเหลือเพียงที่ไม่กี่ไร่แถบบริเวณบ้านเท่านั้นที่เหลืออยู่...
หญิงสาววางกล่องขิมไว้บนชั้นเก็บเครื่องดนตรีซึ่งมีดนตรีไทยแทบทุกชนิดซึ่งคุณพ่อของเธอเป็นคนสอนให้นั่นเอง ขวัญชีวาหันกลับมามองแม่นมของตนเองหน้าหมองๆ นวลตองถอนใจเบาๆ เพราะรู้ได้ทันทีว่าคุณหนูของตนคงมีเรื่องให้คิดอีกแล้ว
บทที่ 75. ตอนอวสาน“ชีวาจ๋า พี่ผิดไปแล้ว ลูกจ๋า พ่อผิดไปแล้ว ต่อไปพ่อจะไม่พูดแบบนี้อีก พ่อรักน้องธามที่สุดในโลก..” ธีโอแทบใจขาดเมื่อเจอลูกชายเมินหน้าหนี ชายหนุ่มหน้าเศร้าซีดเซียวจนขวัญชีวาสงสารสามี“น้องธามครับ เลิกงอนคุณพ่อนะครับ เห็นไหมคุณพ่อจะร้องไห้เพราะน้องธามงอนแล้ว คนดีของคุณแม่ รักคุณพ่อนะคะ เลิกงอนนะลูก รักกันๆ นะคะ..” ขวัญชีวาก้มลงพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟัง ธีโอลุ้นอย่างหนักว่าลูกชายตัวน้อยจะเลิกงอนและหันกลับมามองเขาหรือยอมให้เขาอุ้มหรือไม่เพราะหลังจากที่หลุดปากพูดประโยคแย่ๆ นั้นออกไปน้องธามก็นิ่งเงียบไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พอใครจะเข้าใกล้ก็สะบัดตัวเหวี่ยงแขนไปมาทั้งยังขว้างปาของเล่นใส่ทุกคนที่เข้าใกล้อย่างเกเร“น้องธามครับ ที่รัก คนดี พ่อทูนหัวลูกรักของพ่อมาหาพ่อนะครับน้องธามจ๋า..” ธีโอขยับไปใกล้แล้วโอบกอดทั้งแม่ทั้งลูกไว้ในอ้อมแขน น้องธามเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นพ่อดวงตาใสๆ นั้นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อเต้นแรง ลูกชายตัวแสบนี่ช่างเหมือนเขาเสียจริงๆ แต่โครงหน้าก็มีแววหวานเหมือนขวัญชีวา ยิ่งดวงตาใสๆ เหมือนแม่นี่ล่ะร้ายนักมองทีไรหัวใจเขาละลายทุกที เหมือนตอนนี้ไงล่ะ...น
บทที่ 74.“ถามอะไรหน่อยสิคะ”“ว่ามาเลยครับคนสวย” ธีโอเท้าแขนกับที่นอนมองสบตาภรรยา“ทำไมพี่ธีโอต้องลงทุนทำร้ายจิตใจชีวาขนาดนั้นด้วยคะ ความจริงพี่ธีโอบอกความจริงชีวา ชีวาก็เข้าใจและยอมรับแผนการพี่ธีโอได้นะคะ” หญิงสาวถามสิ่งที่เธอสงสัยอยู่ในใจ“ก็เพราะชีวาเข้าใจอะไรง่าย และรักทุกคนไงล่ะพี่จึงต้องผลักไสชีวาออกไปให้ห่างๆ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ“ชายแดนบอกพี่ว่าชีวาน่ะดื้อเงียบได้น่าโมโหมากและรักทุกคนมาก จะยอมทุกทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักปลอดภัยและจะไม่ยอมให้ใครอยู่สู้เพียงลำพัง..หากพี่บอกความจริงชีวา ชีวาก็จะไม่ยอมออกจากไร่ชีวาจะอยู่ช่วยพี่ซึ่งจะทำให้พี่เป็นกังวลและห่วงชีวากับลูกมากขึ้น และสิ่งที่พี่กลัวคือ กลัวว่าคุณดวงพรรู้ว่าชีวาท้องแล้วจะทำร้ายชีวากับลูกหรือไม่ก็อาจจะใช้ชีวาเป็นเครื่องมือต่อรองอะไรบางอย่าง...”“ก็เลยเลือกที่จะพูดร้ายๆ ทำตัวร้ายๆ กับชีวาน่ะเหรอคะ หากชีวาไม่เข้าใจ ชีวางี่เง่าจะทำไงคะ”ขวัญชีวายิ้มบางๆ ให้สามีและยอมรับว่าที่เขาพูดมาจริงทุกอย่าง หากเธอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรเธอจะไม่มีวันทิ้งเขาและจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเขา แต่นั่นล่ะคือปัญหาเพราะธีโอจะห่วงเธอกับลูก
บทที่ 73.“เจมมี่ว่าเราจะต้องได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้แน่ๆ เลยค่ะคุณชีวา”“นั่นสิ แต่อย่าเพิ่งไปแซ็วเขานะเจมมี่”“ฮ่ะ เจมมี่จะพยายามกดต่อมเผือกไว้อย่างสุดความสามารถ..” ทั้งสองหัวเราะให้กันธีโอขมวดคิ้วอย่างสงสัย“มีอะไรกันหรือสองคนนี้มีความลับอะไรกัน”“ไม่มีค่ะแค่มีอะไรดีๆ ที่ต้องรอ..” ขวัญชีวายิ้มหวานให้สามี“อะไรหรือ..”“ยังบอกไม่ได้ค่ะ เราไปหาพี่แดนกับริสากันดีกว่าได้ฤกษ์ส่งตัวแล้ว..” ขวัญชีวาควงแขนสามีไปหาบ่าวสาวที่ยิ้มแย้มด้วยความสุขชายแดนมองเจ้าสาวที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนห่มผ้าหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้างที่โรยกลีบกุหลาบไว้จนเต็มที่นอนรวมไปถึงทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วย PrincessNarisa ที่บานงดงามในวันแต่งงานของเขาและกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งห้องหอ“ว้าเจ้าสาวหลับเสียแล้ว พี่แดนจะลักหลับเจ้าสาวดีมั้ยน้า..” ชายแดนแกล้งสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มนุ่มและลูบไล้บั้นท้ายงามงอนเบาๆ คนที่หลับตานอนเกร็งอยู่นั้นลืมตาทันทีและทำท่าว่าจะต่อว่าเขาด้วย...“พะ พี่ แด...” เจ้าสาวคนสวยไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเจ้าบ่าวที่จ้องจะพาเจ้าสาวเข้าหอมาตลอดก็ประทับจุมพิตเร่าร้อนลงบนกลีบปากงามทันทีปิดกั้นเสียงหวานไว้ด้วยเรียวป
บทที่ 72.“ชีวาขอโทษค่ะ..” ขวัญชีวาพูดเพียงเท่านั้นร่างบางก็หมดสติไปทันที“เจมส์ ตามหมอเร็ว..” ธีโอช้อนร่างภรรยาไว้ในวงแขนแล้วพาไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เคนอยู่เคลียร์พื้นที่กับสารวัตรกวินอย่างรู้หน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแฝงตัวอยู่ในชั้นนี้ก็ค่อยๆ ออกมาทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็วเช่นกัน งานนี้พวกเขาทำกันเงียบที่สุดให้คนรู้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยและของคนไข้และแพทย์พยาบาลรวมไปถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาล...ขวัญชีวามองควันที่พวยพุ่งออกจากปล่องเมรุด้วยความโศกเศร้า แม้ตั้งแต่เล็กจนโตเธอกับดวงชีวันไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก เรียกได้ว่าแทบไม่เคยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมรักใคร่ประสาพี่น้องฝาแฝดเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับเธอนั้นดวงชีวันก็ยังคงเป็นพี่สาวเป็นญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ การจากไปก่อนวัยอันควรของดวงชีวันก็ทำให้เธอเสียใจอยู่ไม่น้อย...“อย่าเสียใจไปเลยค่ะคุณหนู คุณหนูยังมีพวกเรานะคะ” พี่ต้อยพี่ติ่งเดินมาโอบกอดคุณหนูของตน ขวัญชีวายิ้มให้ทั้งสองแล้วพยักหน้าช้าๆ“เรากลับกันดีกว่าค่ะพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ขวัญชีวาเดินกลับไปที่รถซึ่งธีโอกับคุณธัชยืนรออยู่พร้อมด้วยนมนวลกับเจมส์“เหนื่อยไหมที่
บทที่ 71.“นั่นไงคุณแม่ของฉัน น้อยอยู่ที่นี่ล่ะไม่ต้องตามไป”“แต่.. น้อยเป็นห่วงนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอก คุณแม่ไม่ทำอะไรฉันหรอก รออยู่นี่ล่ะ” ขวัญชีวาบอกพร้อมทั้งเดินไปหาคุณดวงพรในชุดพยาบาลที่กวักมือเรียกไวๆ น้อยมองตามเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่“อีน้อยทำถูกมั้ยวะเนี่ย ใครๆ ก็บอกว่าคุณท่านให้ดูแลคุณผู้หญิงดีๆ” น้อยเกาหัวแกรกๆ อย่างสับสนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดึงเจ้านายของตนเข้าไปตรงบันไดหนีไฟอย่างไม่เบามือนัก...“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน..” น้อยตัดสินใจเดินตามขวัญชีวาเข้าไปคิดในใจว่าเผื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นตนอาจจะช่วยได้...“เบาๆ ค่ะคุณแม่ ชีวากำลังท้องอยู่ค่ะ” ขวัญชีวาร้องบอกเมื่อคุณดวงพรดึงกระชากเธอให้เดินตามไป หญิงสาวหอบน้อยๆ เมื่อเดินขึ้นบนไดมาแล้วสามชั้น ทางเดินหนีไฟไม่ค่อยมีคนใช้นักมันจึงเงียบสงัดจนเธอรู้สึกกลัว ยิ่งเห็นแววตาของคุณดวงพรขวัญชีวาไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอคิดผิด... แต่มันคงสายไปแล้วตอนนี้เธอควรตั้งสติและหาทางเอาตัวรอดจากคุณดวงพรที่เหมือนคนบ้าไร้สติเข้าไปทุกที...“ก็ดีสิ..”“ค่ะ คุณแม่กำลังจะมีหลาน”หญิงสาวพยายามพูดให้คุณดวงพรเห็นแก่ชีวิตเล็กๆ ในตัวเธอ“ไหนคุณแม่ว่า
บทที่ 70.ธีโอรู้สึกหงุดหงิดและใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมเฝ้ามองห้องนั่งเล่นซึ่งขวัญชีวาอยู่ที่นั่นตั้งแต่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จนตอนนี้บ่ายคล้อยแล้วขวัญชีวายังไม่ยอมออกมาพบใครๆ ทั้งยังสั่งไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเธออีกด้วย“ผมจะพาชีวากลับไร่ คิดว่าสภาพแวดล้อมดีๆ จะทำให้ชีวาดีขึ้น” ชายหนุ่มพูดขึ้นในที่สุดเพราะคิดว่าหากพาเธอกลับไปไร่ได้พบบรรยากาศดีๆ บริสุทธิ์สดชื่นจะทำให้ขวัญชีวาดีขึ้น“ก็ดีนะคะ คุณหนูบ่นคิดถึงไร่ตลอด”“พาเมียไปเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จะไปด้วย” คุณธัชบอกลูกชายและเห็นด้วยกับความคิดของธีโอ“แต่ผมว่าจะพาชีวาไปเยี่ยมชีวันก่อนกลับ อย่างน้อยๆ ก็ให้ทั้งสองได้พบกันก่อน.. สารวัตรกวินโทร. มาบอกว่าอาการของดวงชีวันเหมือนจะดีขึ้นหากเธอดีขึ้นจริงๆ ผมจะรักษาเธอให้หาย” ธีโอบอกเบาๆ เขาคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ อย่างน้อยดวงชีวันก็ถือว่าเป็นพี่สาวของขวัญชีวา“จริงๆ แล้วคุณหนูชีวันก็น่าสงสารนะคะ ถูกเลี้ยงดูมานั้นแทนที่จะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแต่ต้องมาถูกทำลายเพียงเพราะความอิจฉาริษยาของคนที่เป็นป้าแท้ๆ ของตัวเอง คุณดวงพรตั้งใจให้เด็กทั้งสองเกลียดกันเธอต้องการให้เด็กๆ พลัดพรากห่างไกลกันทั้