เมืองหลวง
จวนตระกูลไป๋ ท่านโหวไป๋ซ่างเจินกลับมาที่จวนของตนในช่วงสาย เขาเดินตรงไปยังห้องตำรา แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าภาพเหมือนของสตรีนางหนึ่ง ที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา นางคือ ไป๋ฮูหยิน หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเยว่เฟยซิน มารดาผู้ให้กำเนิด ' ไป๋มู่จิน ' บุตรชายคนเดียวของเขา นางจากไปตั้งแต่ ไป๋มู่จิน อายุได้เพียงสองขวบเท่านั้นหลังจากนั้นเขาก็โตมากับแม่นมของเขาที่เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเยว่เฟยซิน ความสัมพันธ์พ่อลูกของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก เพราะในตอนนั้นหลังจากที่เยว่เฟยซินจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกตำแหน่งฮูหยินใหญ่ให้ฮูหยินรองที่นางเป็นคนตกแต่งเข้ามาให้กับไป๋ซ่างเจิน ทำให้เขาและบุตรชายห่างเหินกันนับตั้งแต่นั้นมา และเมื่อไป๋มู่จิน ได้รับตำแหน่งแม่ทัพ เขาก็แยกตัวออกไปอยู่ที่จวนของตนเองและไม่เคยกลับมาที่จวนตระกูลไป๋อีกเลย " ซินเอ๋อ เจ้าไม่น่าจากข้าไปเร็วเยี่ยงนี้เลย ข้ากับเขายังมิอาจมีโอกาสได้คุยกันดี ๆ เลยสักครั้ง หากเจ้ายังอยู่ก็คงดีกว่านี้ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน " ไป๋ซ่างเจิน ยืนจ้องมองภาพเสมือนของภรรยาสุดที่รักของตนด้วยแววตาเศร้าหมอง หลายปีมานี้เขารู้สึกผิดยิ่งนักที่ตนเองทำหน้าที่ของพ่อได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่หากเขามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วย ขอเพียงแค่เขายอมเอ่ยปาก พ่อคนนี้จะช่วยเขาจนสุดกำลังอย่างแน่นอน อำเภอชิงเหอ เรือนรับรอง ที่เรือนรับรองมีบ่าวรับใช้หลายคนที่กำลังทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จตามคำสั่งของผู้เป็นนาย สตรีร่างบางเดินถือตระกร้าผ่านประตูบานเล็กที่เป็นทางเชื่อของจวนรับรองกับจวนตระกูลซู ที่มีกำแพงสูงกั้นกลางอยู่ นางเดินตรวจดูความเรียบร้อยของจวนรับรองที่ท่านตาให้นางมาจัดเตรียมไว้ให้แก่แขกคนสำคัญที่จะมาช่วยปราบโจรภูเขาที่กำลังเหิมเกริมมากขึ้นทุกวัน ซูหวินซีเดินเข้ามาในห้องพักของเรือนรับรอง นางนำกระถางดอกไม้มาวางไว้ที่ระเบียงห้องนอน ภายในห้องถูกตกแต่งไว้แบบเรียบง่าย และนำถุงหอมที่นางทำเองมาวางไว้ที่หัวเตียง ถุงหอมนี้นางเลือกกลิ่นที่ช่วยผ่อนคลายและสดชื่นช่วยให้ผู้นอนหลับยากหลับได้ง่ายขึ้น " คุณหนูเจ้าคะ ทุกอย่างเรียบร้อยตามที่ท่านสั่งแล้วเจ้าค่ะ " " อืม ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเดินดูอีกรอบแล้วค่อยกลับ " " เจ้าค่ะ " หลี่เจิน เดินตามหลังคุณหนูของนางออกจากห้องไป นางทั้งสองคนเดินดูความเรียบร้อยตามมุมต่าง ๆ จนครบและมั่นใจว่าไม่มีอะไรขาดเหลืออีกจึงได้กลับเรือนของตนเอง เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก จุดพักม้า บุรุษ ร่างสูง เดินมานั่งที่ก้อนหินกลางลานกว้าง แล้วจุดกองไฟไว้กองใหญ่ ท่านแม่ทัพไป๋มู่จิน ปล่อยให้สหายของตนพักที่โรงเตี๊ยม ส่วนตนเองกับลูกน้องก็ตั้ง กระโจมอยู่ไม่ไกล พวกเขาเดินทางด้วยม้าเพื่อความรวดเร็ว และจะได้ประหยัดเวลา คืนนี้เขาจัดเวรยามเข้าไว้แล้ว แต่คงจะไม่มีใครใจกล้ามามีเรื่องกับพวกเขาแน่ " ท่านแม่ทัพ " " อืม...ขอบใจ " เขารับไก่ย่างที่เสี่ยวฮัวส่งให้มากิน ตอนที่ตั้งกระโจมอยู่ทหารที่ออกไปเดินลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบ พวกเขาจับไก่ป่าได้หลายตัว จึงนำกลับมาทำอาหารแจกจ่ายให้กับพี่น้องหน่วยพยักฆได้กินกัน ด้วยควมไม่ถือตัวของเขาทำให้ลูกน้องทุกคนนับถือเขาเป็นอย่างมาก แต่เวลาทำงานเขาถึงจะจริงจังเป็นพิเศษ " ขอข้ากินด้วยคนสิ " เซียวเทียนเฟิงเดินมานั่งลงอีกฝั่งของกองไฟ เสี่ยวฮัวจึงยื่นขาไก่ให้เขา " นี่ขอรับคุณชายเซียว " " อืม ขอบใจ " เซียวเทียนเฟิง กินไก่ในมือของตนเองแล้วยิ้มออกมา ก่อนที่จะหันหน้าไปมองสหายของตนเองที่ เอาแต่นิ่งเงียบแล้วกินไก่ในมือโดยไม่สนใจใคร " มู่จิน เจ้าจะรีบไปไหน " " กินอิ่มแล้วก็นอน พรุ่งนี้ จะได้เดินทางต่อ ไม่แน่อาจจะถึงอำเภอชิงเหอ ก่อนพบค่ำ " เซียวเทียนเฟิง พยักหน้ารับเบา ๆ แล้วเงิยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ก็พบว่าดาวความรักของสหายตนวันนี้กลับสุกสว่างมากกว่าเมื่อวานอีก " มิใช่ว่าเจ้าจะรีบไปพบเนื้อคู่ของเจ้าหรอกนะ " " เลิกพูดเรื่องไร้สาระเสียทีจะได้ไหม " " ข้าพูดจริง ๆ นะ.....ไม่เชื่อข้าหรอ.....นี่เจ้าอย่าเดินหนีสิ " เซียวเทียนเฟิง มองตามหลังของสหายที่เดินหนี้ข้ากระโจมไป แล้วหัวเราะเบา ๆ ' หากเจอขึ้นมาจริง ๆ อย่างมาขอให้ข้าช่วยก็แล้วกัน 'สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนอกกว้างของตน ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ความรักกำลังเบ่งบาน แถมพวกเขากำลังจะมีพยานรักด้วยกันอีก ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากับมีเรื่องต้องเดินทางไกล ' มันใช่เวลาที่ไหน แถมเพื่อนร่วมเดินทาง ก็ยังชอบทำหน้าตากวนประสาทเขาอยู่เรื่อยอีก หากไม่ติดว่าเป็นพี่ภรรยาแล้วก็นะ ' และหากไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะรับปากฝ่าบาทเป็นแน่ อีกทั้งเขาต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าสหายของเขา นางยังปลอดภัยดีหรือไม่ " นอนไม่หลับหรือเจ้าค่ะ " เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นข้างกายดึงสติของเขาให้กลับมา มือเรียวสวยสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา เขาจึงเอื้อมมือมาจับมือของนางมากุมไว้ " พรุ่งนี้เช้าจะต้องเดินทางแล้ว " " จะเดินทางก็ยิ่งต้องพักนะ " เขาพ่นลมหายใจออกมาเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น และกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แต่ก็มิวายหอมแก้มนวลไปฟอดใหญ่ และตักตวงกลิ่นหอมจากคนในอ้อมแขน หลายเดือนมานี้เขากับนางตัวติดกันตล
ไป๋มู่จินนั่งลงตรงข้ามกับซานเป่าโจที่มาในนามของราชทูต พร้อมกับองค์ชายสาม เขามองสบตาองค์ชายสามเหมือนต้องการคำอธิบาย " นี่คือราชทูตคนใหม่ของแคว้นเหลียง ลู่ซีหยาง บุตรชายบุญธรรมของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ลู่เกาหยง " เขากุมมือภรรยาของตนให้แน่นขึ้น น่าดูเหมือนว่านางจะหน้าซีด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ที่มากกว่านั้นคงจะเป็นเพราะ นางเพิ่งจะรู้ว่าสหายตรงหน้า ความจริงแล้วเขาเป็นใครมากกว่า " มา เรามาทานอาหารกันดีกว่า " เมื่อองค์ชายสามเอ่ยเช่นนั้นทุกคนในห้องจึงลงมือทานอาหารอย่างเงียบ ๆ องค์ชายสามหันไปมองสบตากับศิษย์พี่ของเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องดูเงียบผิดปกติ แต่ศิษย์พี่ของเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จ้องมองราชทูตคนใหม่ ที่แอบมองฮูหยินน้อยอยู่เป็นระยะ ๆ แต่นางก็เอาแต่นิ่งเงียบและไม่พูดกับใครเลยแล้วจะครึ่งคำ ซานเป่าโจรู้ดีว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึง แล้วเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่า ยังจะต้องโกรธและเกลียดเขามากเป็นแน่ แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้ว เขากลับอ
บุรุษร่างสูงสวมชุดคลุมสีดำ เดินตรงไปด้านหน้าอย่างมั่นคง สายตาคมกวาดมองหาใครบางคนที่บอกว่าจะมารอเขา ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มบางๆออกมาเมื่อมองเห็นสตรีชุดสีขาวที่ยืนอยู่กลางสะพาน นางเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาประสานกันที่หน้าอกเหมือนกำลังขอพรกับหมู่ดาวที่ส่องแสงสกาวระยิบระยับเต็มท้องนภา ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้าไปในงานกันหมดแล้ว คงจะเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังยืนรอคนรักของตนอยู่ และมีบางคนที่เดินกลับไปอย่างหมดหวังเพราะคนที่รอคงไม่มาแล้ว เท้ายาวก้าวเดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยังยืนหลับตาอยู่ตรงราวสะพาน จูหลงหันมายิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง บนสะพานแห่งนี้จึงเหลือแค่เขากับนางเพียงสองคน เขาเดินตรงเข้าไปสวมกอดนางจากทางด้านหลัง และใช้มือของตนกุมมือเล็ก ๆ ของนางเอาไว้ คนในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมาและเอียงหน้ามามองหน้าเขา และมองสบตากับเขา " อธิฐานต่อสิ " นางส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ก่อนที่จะหันกลับไปแล้วหลับตาลงเหมือนเดิม เขากระชับอ้อมแขนให้แ
ซูหวินซีนั่งมองกล่องไม้ใบเล็กที่สลักลวดลายสวยงามวางทับซองจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ มือเรียวหยิบซองจดหมายมาเปิดอ่าน ข้อความข้างในทำให้นางยิ้มกว้างและส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงคนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีของนางนั่นเอง เขาหายตัวไปตั้งแต่เช้า ทิ้งไว้เพียงกล่องไม้กับซองจดหมาย แต่เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแดงขึ้นไปอีก พูดอะไรผิดนิดผิดหน่อยก็ไม่ได้ เขาคนนั้น เป็นต้องคอยย้ำตลอดเลย แค่บอกว่าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนยังผิดเลย และยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนนางแต่เป็น..... คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย " อ่านอะไรอยู่อะ " " อะ จูหลงเจ้า.....เสียมารยาท " นางรีบเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อทันทีเมื่ออยู่ ๆ จูหลงก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ถึงแม้ว่านางจะมองไม่ทัน แต่ก็ยังทำหน้าล้อเลียนอยู่ไม่ไกล " ใต้เท้าเสี่ยว " ซูหวินซีหันไปโบกมือเรียกเสี่ยวฮัวที่กำลังเดินผ่านมาพอดี แต่จูหลงนั่งหันหลังอยู่จึงมองไม่เห็นเขา " หุห
แดนเหนือที่สงบสุขมานานพักหลังนี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายนับไม่ถ้วน ไป๋มูจินมองข้อความในกระดาษที่เสี่ยวฮัวนำมาให้ ด้วยความกังวลใจ ช่วงนี้ที่แถบชายแดนมีคนต่างแคว้นลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ถูกหน่วยลับที่ต้าฉีจัดตั้งจับตัวได้ เห็นทีเขาต้องออกไปดูด้วยตัวเองเสียแล้ว ว่าคนพวกนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ " เสี่ยวฮัว ไปเตรียมม้าด่วนเลย " " ขอรับ " ร่างสูงเดินออกจากห้องตำราเขาเดินตรงไปยังเรือนของตนเอง แต่ก็ต้องหยุดมองใครบางคนที่นั่งอยู่กลางสวนดอกไม้ นางกำลังทำอะไรบางอย่างกับแปลงดอกไม้พวกนั้น " ซีซี เจ้าทำอะไร " เขาเอ่ยถามคนตัวเล็กพร้อมกับพยุงนางให้ลุกขึ้น จากแปลงดอกไม้ที่นางกำลังพรวนดินอยู่ " ก็แค่....ปลูกดอกไม้เอง.....ไม่ได้หรอ " ใบหน้าหวานหันมามองเขาด้วยความสงสัย หากเขาบอกว่าไม่ได้ นางคงจะหาว่าเขาเป็นจอมบงการหรือเปล่า ตอนนี้นางยังตั้งครรภ์อยู่ ก็ไม่ควรที่จะมาทำอะไรแบบนี้ " เอ่อ ได้เดี๋ยวข้าช่วย " " ท่านไม่ต
นางรู้ดีว่าบุรุษคนนี้ไม่เคยพูดล้อเล่นก็เหมือนกับตอนนี้ ที่พอมาถึงจวนปุ๊บเขาก็ชวนนางมาที่ห้องเลยน่ะสิ มือเรียวรับชุดทำแผลมาจากสาวใช้คนสนิท ก่อนที่พวกนางจะออกไปแล้วปิดประตูให้อย่างเสร็จสับ รู้งานเสียจนน่าหมั่นไส้ นางหันกลับไปมองคนที่นั่งถอดเสื้อรออยู่ที่เตียง แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นรอยช้ำสีม่วงขนาดใหญ่บนไหล่ของเขาอย่างชัดเจนขึ้น มือเรียวสัมผัสรอยช้ำอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะลงมือทายาให้กับเขา " ท่านช่วยอยู่นิ่ง ๆ ได้ไหมเจ้าคะ " นางบ่นเบา ๆ เมื่อคนตรงหน้าขยับไปมาและชอบเอานิ้วมามาหมุนผมของนางเล่นซนเหมือนเด็ก ๆ เลย เมื่อเขายังไม่หยุดนางจึงหยุดทายาแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มมุมปากด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ คล้ายกับหมาป่าที่กำลังวางแผนตะครุบเหยื่อ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เหยื่อที่ว่า ก็คงจะเป็นนาง " เอ่อ ...ยาเจ้าค่ะ " หลี่เจินเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยา ดวงตาของนางหันไปสบตา กับสาวใช้คนสนิทของตนและมองถ้วยยาด้วยรอยยิ้ม