ซูหวินซี เดินตรวจดูรายการอาหารที่นางให้หลี่เจินไปซื้อมา เพื่อที่จะได้นำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนอยู่ในตอนนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ไปเอง แต่ก็ให้คนนำไปส่งให้อยู่ดี
นางนำเงินส่วนตัวที่ได้กำไรจากการขายเครื่องหอมส่วนหนึ่งมาซื้อของใช้ที่จำเป็นและยารักษาโรคไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนอยู่ " ซีซี มีอะไรให้ข้าช่วยไหม " " ไม่ " นางตอบโดยไม่หยุดคิดซักนิด และไม่หันไปมองให้เสียเวลาด้วยซ้ำว่าใครอาสามาช่วยนาง แค่ฟังเสียงนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร จะเป็นใครไปได้นอกจาก ' ซานเป่าโจ ' สหายที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ที่ตอนนี้เขาเป็นถึงมือปราบหนุ่มที่สาว ๆ ในอำเภอชิงเหอแห่งนี้ต่างก็หมายปอง " เจ้าจะไม่คิดซักนิดเลยหรือ " " คิดทำไม ข้ามิกล้ารบกวนเวลาอันมีค่าของท่านมือปราบซานหรอกเจ้าค่ะ " " สตรีทุกคนในอำเภอนี้ล้วนอยากให้ข้าช่วยกันทั้งนั้น มีแต่เจ้านี่แหล่ะ ที่ชอบผลัก ไสไร่ส่งข้า " นางหยุดดูรายการของในมือแล้วหันมามองหน้าสหายอย่างจริงจัง " เจ้าดูนั่น " นางชี้นิ้วไปที่สะพานฝั่งตรงข้ามที่มีเหล่าสตรีน้อยใหญ่ยืนมองมาทางนี้อยู่ พวกนางมองเขาด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม แต่เวลามองมาที่นางกับมีแต่ความอิจฉาริษยาและแววตาชิงชัง " เจ้าเห็นสายตาที่พวกนางมองข้าไหม " " ไม่เห็นต้องใส่ใจพวกนางเลย เจ้าเป็นสหายข้า หากพวกนางทำให้เจ้าอึดอัดข้าจะไปจัดการพวกนางเอง " " ไม่ต้องหรอก ข้าก็แค่รำคาญเท่านั้น เจ้าแค่อยู่ห่าง ๆ ข้าก็พอแล้ว " " ข้าทำไม่ได้หรอก " " ทำไม " " ไม่มีอะไร รู้แค่ว่าข้าทำไม่ได้ก็พอแล้ว " ซานเป่าโจ เอ่ยออกมาเสียงเบาแล้ว เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเล็กหน้าร้านของนาง เขาจะบอกนางได้อย่างไรกันว่าเขารู้สึกอย่างไรกับนาง หากบอกไปก็กลัวนางจะตัดสายสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน ก็เพราะเขานั้นรู้แก่ใจดีว่านางมองเขาเป็นแค่สหายมาโดยตลอด " เป็นอะไรของเขานะ " ซูหวินซีมองสหายของตนที่ชอบมาก่อกวนนาง แต่พอไล่ก็ชอบทำหน้าหงอย ๆ พักหลังมานี้เขายิ่งอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่นางก็ไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่เพราะนางมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ " ซีซี เจ้าจะไปต้อนรับผู้มาเยือนหรือเปล่า " อยู่ ๆ ซานเป่าโจก็เอ่ยถามนางขึ้นมา งานเลี้ยงต้อนรับถูกจัดขึ้นที่ ที่ว่าการอำเภอ นางได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว " ไม่รู้สิ ช่วงนี้ข้ายุ่ง ๆ อยู่ คงไม่ได้ไป " นางจะไปหรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะคนที่มาล้วนเป็นทหาร ซึ่งโดยส่วนมากแล้วนางจะไม่ออกหน้า หากไม่มีสตรีมาด้วย นางจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา " ออ " " เจ้าถามทำไมหรือ " " ก็....ไม่มีอะไร เจ้าไม่ไปก็ดีแล้ว " ซูหวินซีมองหน้าสหายที่มีสีหน้าโล่งใจ อย่างไม่เข้าใจ คนที่มาเป็นใครกัน เหตุใดเจ้าบ้านี่ไม่อยากให้นางไปต้อนรับพวกเขา ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ " ผู้ที่มาเป็นใครอย่างนั้นหรือเป่าโจ " " เอ่อ...ข้าได้ยินมาว่า เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยม เยือกเย็น เข้าถึงยากถึงเขาจะอายุห่างจากเราไม่มาก แต่ก็เป็นที่รู้จักดีว่าไม่ควรทำให้เขาไม่พอใจ ข้ากลัวว่าเขาจะทำให้เจ้าต้องลำบากใจ " ที่เขาเอ่ยมานั้นเป็นเรื่องของทั้งหมด แต่ที่เขาพูดไม่หมด คือคนผู้นั้นหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรและสตรีตรงหน้าของเขาก็งดงามถึงเพียงนี้ เขากลัวว่าหากคนผู้นั้นเกิดถูกตาต้องใจนางขึ้นมา ใครก็ช่วยนางไม่ได้ ไป่มู่จินและคนของหน่วยพยักฆ์เดินทางมาถึงอำเภอชิงเหอในเวลาพบค่ำพอดี ท่านนายอำเภอให้คนพาพวกเขามายังที่พัก ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในห้องพัก เขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย สายตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย มีกระถางต้นไม้ที่ริมระเบียงช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูสดชื่นขึ้นไปอีก ร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงเขาหลับตาลงเพื่อพักสายตา ตั้งแต่ท่านแม่จากไปเขาก็กลายเป็นคนนอนหลับยาก ตอนกลางคืนก็มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอยู่เสมอ เสี่ยวฮัว เดินเข้ามาในห้องของเจ้านาย เพราะเลยเวลาอาหารเย็นไปมากแล้ว ปกติท่านแม่ทัพจะเป็นคนตรงเวลาเสมอ แต่วันนี้กลับแปลกไปจนเสี่ยวฮั้วต้องมาตาม เมื่อเดินมาถึงเตียงนอนกับพบว่าท่านแม่ทัพกำลังนอนหลับอยู่ หรือเขาอาจจะเหนื่อยจากการเดินทางก็เป็นได้ แต่บรรยากาศภายในห้องนี้ก็สดชื่นเป็นอย่างมากและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วย เสี่ยวฮัวเดินหาที่มาของกลิ่นหอมประหลาดนี่ว่ามาจากที่ใด เขาเดินวนอยู่หลายรอบในที่สุดก็เจอ มันคือถุงหอมสีน้ำเงินใบหนึ่งที่ปักรวดลายสวยงาม ที่อยู่บนหัวเตียงของท่านแม่ทัพ เสี่ยวฮัวมองท่านแม่ทัพที่ยังคงหลับอยู่ด้วยความสงสัย ที่ขนาดเขาเดินไปเดินมาตั้งหลายรอบท่านแม่ทัพก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย ช่างน่าแปลกจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตายแล้วหรอกนะ มือหนายื่นไปที่จมูกของเจ้านายของตนเอง เมื่อรับรู้ว่าเขายังหายใจอยู่ เสียวฮัวจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ' นี่ท่านหลับ หรือซ้อมตายกันแน่ 'สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนอกกว้างของตน ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ความรักกำลังเบ่งบาน แถมพวกเขากำลังจะมีพยานรักด้วยกันอีก ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากับมีเรื่องต้องเดินทางไกล ' มันใช่เวลาที่ไหน แถมเพื่อนร่วมเดินทาง ก็ยังชอบทำหน้าตากวนประสาทเขาอยู่เรื่อยอีก หากไม่ติดว่าเป็นพี่ภรรยาแล้วก็นะ ' และหากไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะรับปากฝ่าบาทเป็นแน่ อีกทั้งเขาต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าสหายของเขา นางยังปลอดภัยดีหรือไม่ " นอนไม่หลับหรือเจ้าค่ะ " เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นข้างกายดึงสติของเขาให้กลับมา มือเรียวสวยสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา เขาจึงเอื้อมมือมาจับมือของนางมากุมไว้ " พรุ่งนี้เช้าจะต้องเดินทางแล้ว " " จะเดินทางก็ยิ่งต้องพักนะ " เขาพ่นลมหายใจออกมาเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น และกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แต่ก็มิวายหอมแก้มนวลไปฟอดใหญ่ และตักตวงกลิ่นหอมจากคนในอ้อมแขน หลายเดือนมานี้เขากับนางตัวติดกันตล
ไป๋มู่จินนั่งลงตรงข้ามกับซานเป่าโจที่มาในนามของราชทูต พร้อมกับองค์ชายสาม เขามองสบตาองค์ชายสามเหมือนต้องการคำอธิบาย " นี่คือราชทูตคนใหม่ของแคว้นเหลียง ลู่ซีหยาง บุตรชายบุญธรรมของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ลู่เกาหยง " เขากุมมือภรรยาของตนให้แน่นขึ้น น่าดูเหมือนว่านางจะหน้าซีด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ที่มากกว่านั้นคงจะเป็นเพราะ นางเพิ่งจะรู้ว่าสหายตรงหน้า ความจริงแล้วเขาเป็นใครมากกว่า " มา เรามาทานอาหารกันดีกว่า " เมื่อองค์ชายสามเอ่ยเช่นนั้นทุกคนในห้องจึงลงมือทานอาหารอย่างเงียบ ๆ องค์ชายสามหันไปมองสบตากับศิษย์พี่ของเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องดูเงียบผิดปกติ แต่ศิษย์พี่ของเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จ้องมองราชทูตคนใหม่ ที่แอบมองฮูหยินน้อยอยู่เป็นระยะ ๆ แต่นางก็เอาแต่นิ่งเงียบและไม่พูดกับใครเลยแล้วจะครึ่งคำ ซานเป่าโจรู้ดีว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึง แล้วเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่า ยังจะต้องโกรธและเกลียดเขามากเป็นแน่ แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้ว เขากลับอ
บุรุษร่างสูงสวมชุดคลุมสีดำ เดินตรงไปด้านหน้าอย่างมั่นคง สายตาคมกวาดมองหาใครบางคนที่บอกว่าจะมารอเขา ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มบางๆออกมาเมื่อมองเห็นสตรีชุดสีขาวที่ยืนอยู่กลางสะพาน นางเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาประสานกันที่หน้าอกเหมือนกำลังขอพรกับหมู่ดาวที่ส่องแสงสกาวระยิบระยับเต็มท้องนภา ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้าไปในงานกันหมดแล้ว คงจะเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังยืนรอคนรักของตนอยู่ และมีบางคนที่เดินกลับไปอย่างหมดหวังเพราะคนที่รอคงไม่มาแล้ว เท้ายาวก้าวเดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยังยืนหลับตาอยู่ตรงราวสะพาน จูหลงหันมายิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง บนสะพานแห่งนี้จึงเหลือแค่เขากับนางเพียงสองคน เขาเดินตรงเข้าไปสวมกอดนางจากทางด้านหลัง และใช้มือของตนกุมมือเล็ก ๆ ของนางเอาไว้ คนในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมาและเอียงหน้ามามองหน้าเขา และมองสบตากับเขา " อธิฐานต่อสิ " นางส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ก่อนที่จะหันกลับไปแล้วหลับตาลงเหมือนเดิม เขากระชับอ้อมแขนให้แ
ซูหวินซีนั่งมองกล่องไม้ใบเล็กที่สลักลวดลายสวยงามวางทับซองจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ มือเรียวหยิบซองจดหมายมาเปิดอ่าน ข้อความข้างในทำให้นางยิ้มกว้างและส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงคนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีของนางนั่นเอง เขาหายตัวไปตั้งแต่เช้า ทิ้งไว้เพียงกล่องไม้กับซองจดหมาย แต่เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแดงขึ้นไปอีก พูดอะไรผิดนิดผิดหน่อยก็ไม่ได้ เขาคนนั้น เป็นต้องคอยย้ำตลอดเลย แค่บอกว่าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนยังผิดเลย และยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนนางแต่เป็น..... คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย " อ่านอะไรอยู่อะ " " อะ จูหลงเจ้า.....เสียมารยาท " นางรีบเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อทันทีเมื่ออยู่ ๆ จูหลงก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ถึงแม้ว่านางจะมองไม่ทัน แต่ก็ยังทำหน้าล้อเลียนอยู่ไม่ไกล " ใต้เท้าเสี่ยว " ซูหวินซีหันไปโบกมือเรียกเสี่ยวฮัวที่กำลังเดินผ่านมาพอดี แต่จูหลงนั่งหันหลังอยู่จึงมองไม่เห็นเขา " หุห
แดนเหนือที่สงบสุขมานานพักหลังนี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายนับไม่ถ้วน ไป๋มูจินมองข้อความในกระดาษที่เสี่ยวฮัวนำมาให้ ด้วยความกังวลใจ ช่วงนี้ที่แถบชายแดนมีคนต่างแคว้นลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ถูกหน่วยลับที่ต้าฉีจัดตั้งจับตัวได้ เห็นทีเขาต้องออกไปดูด้วยตัวเองเสียแล้ว ว่าคนพวกนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ " เสี่ยวฮัว ไปเตรียมม้าด่วนเลย " " ขอรับ " ร่างสูงเดินออกจากห้องตำราเขาเดินตรงไปยังเรือนของตนเอง แต่ก็ต้องหยุดมองใครบางคนที่นั่งอยู่กลางสวนดอกไม้ นางกำลังทำอะไรบางอย่างกับแปลงดอกไม้พวกนั้น " ซีซี เจ้าทำอะไร " เขาเอ่ยถามคนตัวเล็กพร้อมกับพยุงนางให้ลุกขึ้น จากแปลงดอกไม้ที่นางกำลังพรวนดินอยู่ " ก็แค่....ปลูกดอกไม้เอง.....ไม่ได้หรอ " ใบหน้าหวานหันมามองเขาด้วยความสงสัย หากเขาบอกว่าไม่ได้ นางคงจะหาว่าเขาเป็นจอมบงการหรือเปล่า ตอนนี้นางยังตั้งครรภ์อยู่ ก็ไม่ควรที่จะมาทำอะไรแบบนี้ " เอ่อ ได้เดี๋ยวข้าช่วย " " ท่านไม่ต
นางรู้ดีว่าบุรุษคนนี้ไม่เคยพูดล้อเล่นก็เหมือนกับตอนนี้ ที่พอมาถึงจวนปุ๊บเขาก็ชวนนางมาที่ห้องเลยน่ะสิ มือเรียวรับชุดทำแผลมาจากสาวใช้คนสนิท ก่อนที่พวกนางจะออกไปแล้วปิดประตูให้อย่างเสร็จสับ รู้งานเสียจนน่าหมั่นไส้ นางหันกลับไปมองคนที่นั่งถอดเสื้อรออยู่ที่เตียง แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นรอยช้ำสีม่วงขนาดใหญ่บนไหล่ของเขาอย่างชัดเจนขึ้น มือเรียวสัมผัสรอยช้ำอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะลงมือทายาให้กับเขา " ท่านช่วยอยู่นิ่ง ๆ ได้ไหมเจ้าคะ " นางบ่นเบา ๆ เมื่อคนตรงหน้าขยับไปมาและชอบเอานิ้วมามาหมุนผมของนางเล่นซนเหมือนเด็ก ๆ เลย เมื่อเขายังไม่หยุดนางจึงหยุดทายาแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มมุมปากด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ คล้ายกับหมาป่าที่กำลังวางแผนตะครุบเหยื่อ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เหยื่อที่ว่า ก็คงจะเป็นนาง " เอ่อ ...ยาเจ้าค่ะ " หลี่เจินเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยา ดวงตาของนางหันไปสบตา กับสาวใช้คนสนิทของตนและมองถ้วยยาด้วยรอยยิ้ม