Masukฝันดีหอบร่างอันบอบซ้ำของตัวเองมานั่งรอรถที่ป้ายรถโดยสารหน้าคอนโดที่เธอนอนเมื่อคืน หญิงสาวก้มหน้านิ่ง เธอรู้สึกผิดต่อตัวเองเป็นอย่างมากที่พามาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะความอยากรู้อยากลองทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าของผู้ชายใจร้ายคนนั้น ระหว่างที่รอรถมือถือในกระเป๋าก็สั่นไหว ฝันดีหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนตัวเองที่โทรเข้ามา และนี่ไม่ใช่สายแรกของวัน เพราะใยไหมพยายามติดต่อเธอตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ ใยไหมก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกลับถึงบ้านได้ยังไง เธอจำอะไรไม่ได้เลยจึงทำให้เธอรีบคว้ามือถือต่อสายหาฝันดีทันที ทว่าพยายามติดต่ออยู่หลายครั้งก็ไม่มีท่าทีว่าฝันดีจะรับสาย นั่นจึงทำให้ใยไหมอดห่วงเพื่อนตัวเองไม่ได้ อีกอย่างคือฝันดีไม่เคยหยุดงานหากไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วนี่ก็เลยเวลาเข้างานมาหลายชั่วโมงแล้ว คนตัวเล็กไม่กล้าที่จะกดรับ เธอรู้สึกละอายแก่ใจที่ทำเรื่องบัดสีลงไป สุดท้ายเธอก็โดนหลอกฟันจนได้ เป็นเธอเองที่โง่ โง่ไปหลงกลผู้ชายคนนั้น ในขณะนั้นเอง..รถสีดำเงาก็ขับมาจอดเทียบฟุตบาทตรงหน้า ฝันดีมองไปที่รถคันนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทว่า..
“ขึ้นรถ” กระจกทึบลดลงปรากฎให้เห็นใบหน้าของคนด้านในได้ชัด ดวงตาคู่สวยชะงักไปทันทีเมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงนั้น “ทะ ท่านประธาน” เขาคือประธานบริษัทที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง ฝันดีเม้มปากแน่น เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจออีกคนที่นี่ “....” ฟินิกซ์ส่งสายตาออกคำสั่งให้เธอรีบมาขึ้นรถ เขาไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก มันน่ารำคาญ “มะ ไม่เป็นไรดีกว่า” “...” “...คะ ค่ะ” ทว่าครั้งนี้เธอต้องยอมเงียบแล้วพาตัวเองขึ้นไปนั่งรถประธานหนุ่มอย่างไม่เต็มใจมากนัก เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดหรือเอ่ยอะไรออกไปนอกจากนั่งเงียบ ๆ ตลอดทาง ฟินิกซ์มองหญิงสาวด้วยหางตา สภาพเธอไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนอะไรมา ไหนจะรอยที่คอนั้นอีก เขาขับรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงหน้าบ้านของเธอ ใบหน้าสวยหันขวับไปมองอีกคนด้วยใบหน้าตกใจ เขารู้จักบ้านเธอได้ยังไง เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้ไม่ทันสังเกตตอนที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านของเธอ “พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน” ประโยคที่ยาวที่สุดจากเขาทำหัวใจดวงน้อยตกไปอยู่ตาตุ่ม หมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่ให้ไปทำงาน เขาจะไล่เธอออกอย่างนั้นเหรอ ไม่นะ! ถ้าเธอออกแล้วค่าใช้จ่ายล่ะ ตอนนี้เธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าเธอตกงานมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน “ทะ ท่านประธาน อย่าไล่ฝันออกเลยนะคะ” ฝันดีหันไปสบตากับคนตัวสูงพร้อมกับเอ่ยแววตาขอร้องไม่ให้เขาไล่เธอออก “...” เงียบ “ฝันขอโทษที่วันนี้ฝะ..” “กำลังคิดอะไร” “กะ ก็..” “ลงไป” “แล้วเรื่องงาน” กำลังจะถามเรื่องงานแต่แล้วเสียงของเธอก็ต้องเบาลงเมื่อเจอสายตานิ่งน่ากลัวนั้น “อยากให้คนเห็นรอยที่คอหรือไง” ว่าพร้อมกับมองรอยมือที่คอยหญิงสาว พรึ่บ! ฝันดีรีบยกมือขึ้นปิดมันไว้ทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นมัน “คะ คือว่า..” ฝันดีเกิดอาการร้อนรนที่จะหาคำมาอธิบาย เขาต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ ว่าที่เธอไม่ไปทำงานก็เพราะแบบนี้ “ลงไป” “ประธานจะไม่ไล่ฉันออกใช่ไหม” “ลงไป” “..ค่ะ” มือเล็กยกขึ้นไหว้ขอบคุณก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ฟินิกซ์ขับออกไปทันทีเมื่อคนตัวเล็กลงไปแล้ว ระหว่างขับรถเขาก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะตัดสินใจหักเลี้ยวไปยังสถานที่หนึ่ง เพื่อไปหาใครบางคน “ไปไหนมาฝันดี” เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้นหลังจากที่ปิดรั้วบ้านเสร็จและกำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน ทว่ากลับพบแม่ตัวเองยืนกอดอกมองอยู่ที่ประตูบ้านพอดี แล้วที่แม่เธอถามแบบนี้ก็เพราะว่าใยไหมโทรมาที่บ้านเนื่องจากติดต่อเพื่อนไม่ได้ ทำให้ท่านรู้ว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน ปกติฝันดีไม่ใช่คนเกเรที่จะไปไหนมาไหนไม่ยอมบอกแม่ตัวเอง ทว่าครั้งนี้เธอกลับไปโดยไร้การติดต่อ “แม่..” “เข้ามาคุยกันในบ้าน” หญิงวัยกลางคนบอกกับลูกสาวก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป ไปนั่งรอที่โซฟา ตึกตึก.. “สรุปหายไปไหนมา” “แม่ ฮึก!” ร่างบางโผลกอดแม่ตัวเองด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำตัวแบบนี้ ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไรจึงเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ เพลงพิณ กอดตอบลูกสาวเพียงคนเดียวพลางลูบหลังเบา ๆ เป็นการปลอบใจไม่ให้ลูกคิดมาก ยังมีแม่คนนี้ที่คอยอยู่ข้างกายในยามมีปัญหา ยิ่งแม่เธอทำแบบนี้ฝันดียิ่งร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่หญิงสาวจะยอมสงบลงแล้วเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังจนหมด “หิวไหม แม่ทำอะไรให้กิน” ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม่..” “เลิกร้องได้แล้ว อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ” เพราะไม่อยากเห็นลูกเครียดจึงชวนเปลี่ยนบทสนทนา เพลงพิณทำเพียงแนะนำและชี้แนะลูกสาวเท่านั้น ยังไงซะมันก็คือชีวิตของลูก จะให้เข้าไปก้าวก่ายมันก็ใช่เรื่อง เธอเป็นแม่ขอดูอยู่ห่าง ๆ แล้วคอยให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ดีกว่า เมื่อไหร่ที่ลูกเหนื่อยเราก็พร้อมโอบกอดชาร์จพลังให้เขาอย่างเต็มที่เพื่อกลับไปสู้รบกับโลกภายนอกนั้นอีกครั้ง “ฝันรักแม่นะ” “รู้แล้ว ไปอาบน้ำให้สดชื่นเถอะแม่จะทำอะไรให้กิน” “เดี๋ยวฝันมานะ” “อืม” พยักหน้าเบา ๆ แอด “เห้อ..” คนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอนตัวเอง เธอทิ้งกระเป๋าลงพื้นแล้วพาร่างกายอันหนักอึ้งไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดห้าฟุตสีขาวสว่างตา เธอหลับตาลงพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน “คะ คุณจะทิ้งฉันไหม” “ไม่ ไม่ทิ้ง” “หึ” คำพูดของเขาทำเธอกระตุกยิ้มสมเพชตัวเอง ไม่ทิ้งอย่างนั้นเหรอ ตลกชะมัด นอนไปได้สักพักเธอก็เหมือนจะง่วงจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวให้สดชื่นแล้วออกมาส่องกระจกมองรอยที่คอตัวเอง รอยนิ้วมือเขามันชัดจนเธอไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ มันไม่ใช่แค่แดง แต่มันซ้ำเลยต่างหาก ฝันดีถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อแต่งตัวทำอะไรเสร็จจึงลงไปกินกับข้าวที่ผู้เป็นแม่ทำไว้รอ “แม่” “ว่า” “พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันไหม” “ไม่ได้ทำงาน?” “หยุด” ฟินิกซ์สั่งให้เธอหยุดเอง ในเมื่อไม่ได้ไปทำงานแล้วงั้นก็ไปหาที่พักผ่อนเที่ยวให้สนุกกันตามประสาแม่ลูกดีกว่า “จะไปไหน” “ทะเลยไหม หรือแม่อยากไปไหน” “ตามใจคนชวน” “งั้นก็ทะเล” “ไปรถไหน” “เหมือนเดิม” “เที่ยวยังไงให้เหมือนผู้ประสบภัย” เพราะการไปเที่ยวแต่ละทีของสองแม่ลูกมักจะมีเรื่องตลอดการเดินทาง ไม่หลงก็ตกรถ นั่นแหละสิ่งที่เธอกับแม่ต้องเจอทุกครั้ง “แม่อะ” ทำหน้ายู่ใส่แม่ตัวเอง ไม่ว่าเธอจะเครียดหรือมีปัญหาอะไรมา พอได้คุยกับแม่แล้วมันทำให้เธอได้รับพลังบวกทุกครั้ง นี่คือเหตุผลที่ฝันดีไม่เคยมีความลับกับแม่เลยสักครั้ง แม่ฝันดีท่านจะปรับตัวตามยุคตามสมัย ไม่หัวโบราณอย่างที่ควรจะเป็น เพลงพิณเปรียบเสมือนเพื่อนและแม่ในคนเดียวกัน “รีบไปกินข้าว ยาซื้อมาให้แล้ววางอยู่ที่โต๊ะ” ดีที่บ้านเธออยู่ใกล้ร้านขายยา เพลงพิณจึงรีบไปซื้อยาคุมมาให้ลูกสาวทันที แม้จะอยากมีหลานสักแค่ไหนก็ตาม แต่การที่หลานเธอจะเกิดมาต้องเกิดจากความรักของพ่อกับแม่เท่านั้น ไม่ใช่เกิดแบบนี้ หากว่ามันพลาดขึ้นมาจริง ๆ เธอก็พร้อมที่จะเลี้ยง หลานแค่คนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ กับฝันดียังเลี้ยงจนโตมาได้ขนาดนี้หลานก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด “ขอบคุณค่า~” “สักที” “แหะ ๆ” “อย่าลืมหาชุดสวย ๆ ไปใส่ด้วยนะ” “ใส่ผ้าถุงพอ”คอนโดไมเนอร์ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ฝันดีนั่งกอดอกตัวเองไม่ยอมลงแต่อย่างใด ทำให้ไมเนอร์เริ่มหงุดหงิดกระชากตัวเธอลงจากรถอย่างแรง หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปที่พื้นจนเข่าเธอกระแทกไปกับพื้นปูนทำให้ถลอกแล้วมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย“อ๊ะ!” ปากเล็กร้องออกมาด้วยความรู้เจ็บจี๊ดบริเวณหัวเข่า เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เอาแต่นิ่งมองมายังเธอเช่นเดียวกันก่อนที่เขาจะเอ่ย“จะเลิกอวดดีได้หรือยัง” เขาถามโดยไม่สนว่าตอนนี้เธอกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า“แล้วคุณเป็นบ้าอะไรลากฉันมาด้วย!” ฝันดีเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะลากเธอมาด้วยทำไม“ลากมาสั่งสอนไง สั่งสอนให้รู้ว่าอย่าอวดเก่งกับฉัน” เขาเอ่ยเสียงเย็น เธอพยศใส่เขาเกินไป อายุเขาและเธอก็ห่างกันพอสมควรแต่หญิงสาวกลับทำตัวปีนเกลียวไม่เลิก“อย่าลืมสิว่าคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเรื่องคืนนั้นฉันก็แค่อยากลองเฉย ๆ ไม่ได้อยากจริงจังด้วยสักหน่อย การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนว่าคุณนั่นแหละที่ติดใจฉัน” แม้จะเจ็บสักแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายคนนี้เด็ดขาด คนอย่างเ
คนตัวเล็กเดินตรงไปยังสถานที่หนึ่ง ในมือมีช่อดอกไม้ที่เธอมักซื้อติดมือมาทุกครั้งที่มาที่นี่ เดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเจดีย์ใส่อัฐิพ่อของเธอ..“เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” เอ่ยถามเสียงเบาหวิวพลางยื่นมือสัมผัสรูปที่แปะติดอยู่หน้าเจดีย์อัฐิอย่างเบามือ ดวงตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ ฝันดีจะลางานมาหาพ่อของเธอในทุก ๆ ปี จนมันกลายเป็นวันหยุดประจำตัวของเธอไปแล้ว“...”“คิดถึงหนูกับแม่ไหม”“...”“ทำไมหนูคิดถึงพ่อจังเลย ฮึก~” เธอก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม้จะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีมุมอ่อนแอเหมือนคนอื่น เธอมันพวกแข็งนอกอ่อนในต่างหาก“....”“ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” คิดถึงรอยยิ้มของพ่อที่เคยยิ้มให้ คิดถึงอ้อมกอดที่เคยได้รับ คิดถึงคำสอนที่พ่อเคยบอกเอาไว้ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นท่าน“...”“หนูกลัว~ ฮึก!” ตั้งแต่สูญเสียพ่อไปฝันดีก็กลายเป็นคนขี้กลัวโดยไปเลย ไม่ใช้กลัวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เธอกลัวการสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง เธอคงทำใจไม่ได้หากแม่ต้องจากไปอีกคน ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตชีวิตจะเป็นยังไง วันนี้อาจนั่งคุยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ทุกคนมองว่าเธอเป็นผู้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“แกนะแก ถ้าเป็นแบบนี้อีกฉันจะทุบให้หลังหักเลยคอยดู” ใยไหมบ่นให้เพื่อนตัวดีที่หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว เธอก็เป็นห่วงแทบตายกลัวคนจะหลอกเพื่อนไปฆ่า ฝันดีเพิ่งติดต่อเธอกลับวันที่ไปเที่ยวทะเล แล้วนี่ก็เป็นวันแรกที่หญิงสาวกลับมาทำงานตามปกติ เลยต้องมานั่งฟังเพื่อนใยไหมบ่นอยู่แบบนี้กลางศูนย์อาหารในบริษัท“ขอโทษ”“ต่อไปนี้จะไม่พาไปเที่ยวอีกแล้วถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันก็เป็นห่วงแทบตาย” ถ้าแม่ฝันดีไม่บอกก่อนว่าเจอเพื่อนแล้วเธอจะไปแจ้งความจริง ๆ“ฉันก็กลับมาแล้วไง ไม่เป็นอะไรด้วยเห็นไหม”“ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก”“อย่าบ่นเยอะสิตีนกาขึ้นเลยเห็นไหมน่ะ” ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ทั้งสองไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอกแต่ลงมานั่งทานที่ศูนย์อาหาร วันนี้รู้สึกว่าคนเยอะแปลก ๆ ทั้งที่ปกติคนชอบออกไปข้างนอกกันมากกว่าเพราะอาหารที่บริษัทรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ คนเลยไม่นิยมมาทานกัน แต่วันนี้เหมือนว่าทุกคนจะอยู่กันเยอะกว่าทุกวันซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเงียบแล้วหันมองไปยังเสียงเอะอะโวยวายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เขามุงดูอะไรกัน” ใยไหมหรี่ตามองกลุ่มสาว ๆ ที่ยืนชะเง้อเหมือนกำล
เขากระชากคนตัวเล็กเข้าหาอย่างแรง ไมเนอร์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่เธอปากเก่งกล้าพยศใส่เขา ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนไม่มีใครกล้าเดินหนี ถือว่าเธอกล้ามากที่ทำมัน แบบนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ ทั้งที่ได้เขาเป็นผัวแต่เธอยังกล้าทำตัวกระหายผู้ชายไม่เลิก“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน”“ทำไม หรือฉันทำให้ไม่ถึงใจถึงได้วิ่งตามผู้ชายมาถึงที่นี่”“ทุเรศ” เธอพ่นคำด่าหยาบคายใส่หน้าเข้าเต็ม ๆ“ว่าไงนะ?”“คุณมันทุเรศที่สุด”“จะด่าอะไรก็ระวังปากหน่อย อีกอย่างเรื่องเมื่อคืนฉันก็ไม่ได้เป็นคนร้องขอนะอย่าลืม” เธออนุญาตให้เขาทำเอง เขาไม่ผิดสักหน่อย ไหน ๆ ก็เคยได้แล้วถ้าได้อีกครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งว่าไหม?“ฉันไม่น่าพลาดให้คุณเลย”“อันนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้” เขาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ เธอเสนอเขาก็แค่สนอง วิน ๆ กันทั้งคู่“ปล่อย” ฝันดีพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกคน“ไหน ๆ ก็เจอแล้วฉันว่าเรา..”“ไปตายซะ”“เหอะ!” ไมเนอร์ดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด เธอกำลังทำให้เขาหมดความอดทน ไปตายงั้นเหรอ..“ปล่อย”“....”“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”“เพ้อเจ้ออะไรอยู่”“จะไม่ปล่อยใช่ไหม”“เธอเป็นใครทำไมฉันต้องเชื่อฟัง” ไมเนอร์ลอยห
ขวับ! ทั้งไมเนอร์และฝันดีหันขวับไปมองยังที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงของใครบางคนเดินยิ้มมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นคนที่เธอนั้นรู้จักเป็นอย่างดี ส่วนไมเนอร์นั้น...มันเป็นใคร?“คุณแผ่นดิน?” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนมาใหม่ด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจออีกคนที่นี่ แม้จะอดสงสัยไม่ได้แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“มาคุณอะไรกัน” แผ่นดินดีดนิ้วลงที่หน้าผากมนเบา ๆ อย่างไม่แรงนัก บอกหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่เคยจำว่าอยู่ข้างนอกให้เรียกเขายังไง“แหะ~ พี่แผ่นดิน” แผ่นดินเคยบอกกับเธอไว้ตั้งเจอกันช่วงแรก ๆ เขาขอให้เธอเรียกพี่แทนเรียกคุณ ฝันดีได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธทันที แผ่นดินคือเพื่อนสนิทของฟินิกซ์ คนที่เป็นถึงประธานบริษัทเจ้านายเธอเลยนะ จะให้มาเรียกเหมือนคนสนิทกันมันคงจะเป็นไปไม่ได้ แผ่นดินเห็นหญิงสาวมีท่าทีลำบากใจจึงยื่นข้อเสนอใหม่ให้นั่นก็คือ.. เวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกเขาพี่ตามที่บอกไปตอนแรก ส่วนคุณให้เรียกเฉพาะตอนที่อยู่ในที่ทำงานเท่านั้น ฝันดีคิดจะค้านแต่สุดท้ายก็ต้องรับปากในที่สุดเมื่อเขาใช้ไม้เด็ด“แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ” เขามองดูเธอก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับรอยแดงบริเวณลำคอหญิงสาว แม้มัน
วันต่อมา “นี่ค่ารถค่ะ” ฉันยื่นค่าโดยสารให้ลุงคนขับ “ไม่เป็นไรยัยหนู ลุงไม่คิดเงิน” ได้ไงอะ จุดที่ฉันลงรถมาถึงที่พักไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันพยายามยัดเงินใส่มือคุณลุงทว่าลุงแกก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ” ค่าน้ำมันค่าเสียเวลาอีก แบบนี้ฉันไม่โอเคหรอกนะถ้าจะให้ฉันนั่งมาฟรี ๆ รู้แหละว่าคุณลุงคงไม่คิดอะไรมากแต่ฉันไม่ไง มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "ลุงเห็นว่าเราเป็นลูกกตัญญูพาแม่มาเที่ยว เอาไปเถอะบ้านลุงอยู่แถวนี้พอดี" "แต่คุณลุงคะ.." ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ล่ะ "ลุงไปละ เที่ยวให้สนุกนะยัยหนู" ว่าจบลุงสามล้อก็ขับรถออกไปทันที ฉันกับแม่มองตามรถลุงไปจนสุดสายตาก่อนจะหันสบตากันนิ่ง "คุณลุงใจดีมากเลย" ฉันพูดขึ้นพลางเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม "นั่นสิ" "เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ" ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บไปหมด แล้วโรมแรมนี้ว่างพอดีฉันเลยทำการจองทันที ฉันเข้าไปติดต่อพนักงานเพื่อเข้าพัก หลังจากชำระค่าอะไรเรียบร้อยก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ "ปะ" รับกระเป๋ามาถือพร้อมกับเดินไปขึ้นลิฟต์ โรมแรมที่ฉันมาพักมันก็ไม่ได้แย่นะทุกคนถือว่าดีเลยแหละ ทั้งวิวทั้งราคาทุกอย่างโอเคหมดเลย ระหว่างที







