LOGINวันต่อมา
“นี่ค่ารถค่ะ” ฉันยื่นค่าโดยสารให้ลุงคนขับ “ไม่เป็นไรยัยหนู ลุงไม่คิดเงิน” ได้ไงอะ จุดที่ฉันลงรถมาถึงที่พักไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันพยายามยัดเงินใส่มือคุณลุงทว่าลุงแกก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ” ค่าน้ำมันค่าเสียเวลาอีก แบบนี้ฉันไม่โอเคหรอกนะถ้าจะให้ฉันนั่งมาฟรี ๆ รู้แหละว่าคุณลุงคงไม่คิดอะไรมากแต่ฉันไม่ไง มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "ลุงเห็นว่าเราเป็นลูกกตัญญูพาแม่มาเที่ยว เอาไปเถอะบ้านลุงอยู่แถวนี้พอดี" "แต่คุณลุงคะ.." ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ล่ะ "ลุงไปละ เที่ยวให้สนุกนะยัยหนู" ว่าจบลุงสามล้อก็ขับรถออกไปทันที ฉันกับแม่มองตามรถลุงไปจนสุดสายตาก่อนจะหันสบตากันนิ่ง "คุณลุงใจดีมากเลย" ฉันพูดขึ้นพลางเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม "นั่นสิ" "เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ" ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บไปหมด แล้วโรมแรมนี้ว่างพอดีฉันเลยทำการจองทันที ฉันเข้าไปติดต่อพนักงานเพื่อเข้าพัก หลังจากชำระค่าอะไรเรียบร้อยก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ "ปะ" รับกระเป๋ามาถือพร้อมกับเดินไปขึ้นลิฟต์ โรมแรมที่ฉันมาพักมันก็ไม่ได้แย่นะทุกคนถือว่าดีเลยแหละ ทั้งวิวทั้งราคาทุกอย่างโอเคหมดเลย ระหว่างที่เดินไปพักห้องตัวเองฉันก็สอดส่องสายตามองไปรอบ ๆ ซึ่งการตกแต่งของเขามันดูสบายตามาก รู้สึกชอบที่นี่เลยแฮะ ทุกอย่างจะแฮปปี้มากกว่านี้ถ้าฉันไม่เจ็บตรงนั้น เวลาเดินมันแสบทำฉันหุบขาไม่ค่อยได้แต่ไม่อยากเดินท่าแปลก ๆ ต่อหน้าคนอื่นไง เอาจริงฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเหมือนจะไข้อยู่ตลอดเวลา แต่เพราะไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ อะฉันเลยว่าจะเอาของไปเก็บแล้วออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไว้เย็น ๆ จะพาแม่ไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน "จะออกไปข้างนอกใช่ไหม" "ทำไมรู้" นี่สินะที่เขาบอกแม่ลูก แค่มองตาก็รู้ใจ "เผื่ออยากไปเดินเป็นนางเอกmvไง" “นิดหน่อยหน่า” เมื่อเข้ามาในห้องเราทั้งสองก็พากันเอากระเป๋าไปเก็บพร้อมกับเดินสำรวจดูนั่นดูนี่อีกเล็กน้อยก่อนที่ฉันจะออกจากห้องไปเดินเล่น ระหว่างที่ตรงไปยังชายหาดเสียงคลื่นกระทบกับฝั่งก็ดังให้ได้ยินชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ฉันทอดสายตามองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ เท้าที่กำลังก้าวหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างของฉันค่อย ๆ ปิดลงพร้อมกับนึกถึงใครบางคนที่อยู่ในความทรงจำฉันกับแม่ไม่เคยหายไปไหน คิดถึงจัง...พ่อ "อยู่บนนั้นสบายดีไหมคะ" ยอมรับว่าช่วงที่เสียพ่อแรก ๆ ฉันอยากตามไปอยู่กับพ่อมาก แต่พอหันไปมองหน้าแม่มันทำให้ฉันต้องสู้ สู้เพื่อที่จะรักษาท่านให้ให้อยู่กับฉันให้นานที่สุด เพราะตอนนี้ฉันเหลือแค่แม่แล้ว ฉันที่เป็นลูกยังใจสลายขนาดนี้ แล้วแม่ล่ะ..แม่จะสลายแค่ไหน พ่อคือคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับแม่มาตั้งแต่ยังไม่มีฉัน พวกท่านคงผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากมาย ดังนั้นฉันควรตอบแทนความรักของพ่อที่มีต่อแม่ด้วยการดูแลท่านให้อยู่กับฉันไปนาน ๆ และมีความสุขที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฉันท่องเอาไว้ตลอด แม่ต้องอยู่ดูความสำเร็จของฉันไปอีกนานแสนนาน^^ "คิดถึงจัง" ซ่า~ ซ่า~ "ช่วยเป็นกำลังใจให้ฝันด้วยนะพ่อ" ฉันเชื่อว่าพ่อยังคงเฝ้ามองฉันกับแม่ไม่ไปไหน ฉันเชื่อแบบนั้น ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ มองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าช่วงนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ น่าจะเพราะอากาศร้อนด้วยแหละ ฉันมันพวกไม่สนแดดสนลมด้วยแหละมั้งเลยเดินได้สบาย ๆ "ไปเดินเล่นดีกว่า" อีกด้าน "นั่นมันยัยฝันละเมอ" ครูซชี้ไปที่หญิงสาวที่เขาจำได้เป็นอย่างดี ใครมันจะไม่จำกันล่ะ เล่นเมาแล้วเลื้อยขนาดนั้น อายคนฉิบหาย-_- “....” เงียบแล้วมองตามมือเพื่อนไป ดวงตาคมหรี่มองก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย ถือว่าแกร่งเอาเรื่อง เขาทำขนาดนั้นเธอยังลุกมาเดินเล่นได้สบาย เริ่มชอบผู้หญิงอย่างเธอเข้าแล้วสิ "สรุปมึงได้ยัง" ครูซหันกลับมาถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้พวกเขามาคุยงานที่พัทยา แต่ไม่คิดว่าการมาคุยงานครั้งนี้จะทำให้เขาได้พบกับใครบางคน ไมเนอร์ไม่ตอบทำเพียงสบตาและกระตุกยิ้มให้เพื่อนเท่านั้น แต่การกระทำแบบนี้ทำให้ครูซรู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นเสร็จเพื่อนเขาไปแล้ว “....” ไมเนอร์ขยับสายตาไปมองยังหญิงสาวอีกครั้ง ในหัวเขาตอนนี้มีอยู่หนึ่งคำถาม นั่นก็คือ..เธอมายังไง? "ได้แล้วก็ไม่คิดจะเข้าไปทักทายหน่อยเหรอวะ" แต่ไม่วายคนข้าง ๆ ยังขยั้นขยอให้เขาเข้าไปทักหญิงสาวไม่เลิก แม้เขาจะเป็นเสือผู้หญิงแต่มันก็ยังไม่เท่าไมเนอร์ที่ได้แล้วพร้อมจะเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี "ไม่จำเป็น" ได้แล้วไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ต่างคนต่างอยู่ บอกแล้วไงว่าไม่ชอบกินอะไรซ้ำสองรอบเดียวก็เกินพอแล้ว แต่ยอมรับว่าเขาเองก็แอบมีคิดที่อยากได้เธออีกครั้ง แต่มันก็แค่คิดเท่านั้น เขาไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง "กลับจากนี่มึงจะไปไหนต่อวะ" ครูซถามลองเชิง ถึงจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้วก็ตาม ผีเห็นผีมันดูกันออก "กลับบ้านนอน" “อ่า..” “ดูมึงกำลังจับผิดกูนะ” เขาไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังจับผิดอยู่ นี่แหละนิสัยครูซ รู้ดีกับเรื่องของเพื่อน พอเรื่องตัวเองตายด้าน "ทำไม? เมื่อคืนหนักเหรอมึงอะถึงไม่ได้นอน" "มึงนี่ขยันเสือกเรื่องของกูจริง ๆ นะ เอาเวลาของมึงไปจัดการเด็กมึงเถอะ อีเหี้xวุ่นวายฉิบหาย" วันก่อนเด็กครูซเข้ามาหาเขาถึงที่ร้าน เหตุผลเพราะติดต่อครูซไม่ได้ "แหม พูดให้กูไม่ดูตัวเองเลยไอ้ห่า วันก่อนเด็กใครมันมาระรานถึงที่ร้านวะ ไม่ใช่กูเหรอที่ออกหน้าให้ เดี๋ยวกูจับทุ่มแม่งเลย" สรุปที่ว่าให้กันมาทั้งหมด สุดท้ายแล้วก็พอกันทั้งคู่ "พวกไม่รู้จักที่ตัวเอง" เขาเกลียดจริง ๆ พวกผู้หญิงไม่รู้จักที่ยืนของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ข้อตกลงก็ชัดเจนก่อนเริ่มทุกครั้งว่าได้แล้วจบจะไม่มีสานต่ออะไรทั้งสิ้น แต่พวกเธอยังระรานเขาไม่เลิก สงสัยต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้วมั้งแบบนี้ "จะทำอะไรก็เบา ๆ หน่อยนะมึง" ครูซรู้จักเพื่อนตัวเองดีว่าชอบมีเซ็กส์รุนแรงมากแค่ไหน บางครั้งเขาก็สงสารผู้หญิงพวกนั้นที่ต้องมาทนมือทนตีนเพื่อนเขา "ไม่ใช่แม่กู" "เออ! จะทำอะไรก็ทำเถอะสัสกูไม่พูดกับมึงแล้ว" ทั้งครูซและไมเนอร์กลับมาโฟกัสที่งานตรงหน้าอีกครั้ง ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนเสร็จกระทั่งแยกย้ายกันกลับ แต่ทว่ามีอยู่หนึ่งคนที่เปลี่ยนใจกะทันหันไม่ยอมกลับ ร่างสูงของใครบางคนนั่งจิบเบียร์อยู่ริมทะเลมองคลื่นซัดเข้าฝั่งพลางขยับสายตามองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ในละแวกนั้น แต่ทันใดนั้นเอง.. "หิวน้ำจัง" เสียงหวานที่เขารู้สึกคุ้นดังขึ้นอยู่ไม่ไกล ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองยังเจ้าของเสียงนั้นก่อนจะพบกับเธอ..ฝันดี "...." พลางไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าเดินเธอทำเขาเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว ทำไมเขาถึงรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก "เอาน้ำเปล่าหนึ่งขวดค่ะ" "นี่จ้ะคนสวย" "เท่าไหร่คะ" “10บาทจ้า” “นี่ค่ะ” ฝันดียื่นเงินให้แล้วรับน้ำมาเปิดดื่มอย่างกระหาย ทุกการกระทำของเธอได้ตกอยู่ในสายตาของใครบางคน ขณะที่นั่งมองคนตัวเล็ก เขาก็คิดได้ว่าควรเข้าไปทักทายสักหน่อย เมื่อคิดได้อย่างนั้นไมเนอร์ก็ดันตัวลุกขึ้นเตรียมจะก้าวไปหาคนตัวเล็ก แต่ทันใดนั้นเอง.. “แสบ!”คอนโดไมเนอร์ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ฝันดีนั่งกอดอกตัวเองไม่ยอมลงแต่อย่างใด ทำให้ไมเนอร์เริ่มหงุดหงิดกระชากตัวเธอลงจากรถอย่างแรง หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปที่พื้นจนเข่าเธอกระแทกไปกับพื้นปูนทำให้ถลอกแล้วมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย“อ๊ะ!” ปากเล็กร้องออกมาด้วยความรู้เจ็บจี๊ดบริเวณหัวเข่า เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เอาแต่นิ่งมองมายังเธอเช่นเดียวกันก่อนที่เขาจะเอ่ย“จะเลิกอวดดีได้หรือยัง” เขาถามโดยไม่สนว่าตอนนี้เธอกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า“แล้วคุณเป็นบ้าอะไรลากฉันมาด้วย!” ฝันดีเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะลากเธอมาด้วยทำไม“ลากมาสั่งสอนไง สั่งสอนให้รู้ว่าอย่าอวดเก่งกับฉัน” เขาเอ่ยเสียงเย็น เธอพยศใส่เขาเกินไป อายุเขาและเธอก็ห่างกันพอสมควรแต่หญิงสาวกลับทำตัวปีนเกลียวไม่เลิก“อย่าลืมสิว่าคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเรื่องคืนนั้นฉันก็แค่อยากลองเฉย ๆ ไม่ได้อยากจริงจังด้วยสักหน่อย การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนว่าคุณนั่นแหละที่ติดใจฉัน” แม้จะเจ็บสักแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายคนนี้เด็ดขาด คนอย่างเ
คนตัวเล็กเดินตรงไปยังสถานที่หนึ่ง ในมือมีช่อดอกไม้ที่เธอมักซื้อติดมือมาทุกครั้งที่มาที่นี่ เดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเจดีย์ใส่อัฐิพ่อของเธอ..“เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” เอ่ยถามเสียงเบาหวิวพลางยื่นมือสัมผัสรูปที่แปะติดอยู่หน้าเจดีย์อัฐิอย่างเบามือ ดวงตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ ฝันดีจะลางานมาหาพ่อของเธอในทุก ๆ ปี จนมันกลายเป็นวันหยุดประจำตัวของเธอไปแล้ว“...”“คิดถึงหนูกับแม่ไหม”“...”“ทำไมหนูคิดถึงพ่อจังเลย ฮึก~” เธอก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม้จะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีมุมอ่อนแอเหมือนคนอื่น เธอมันพวกแข็งนอกอ่อนในต่างหาก“....”“ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” คิดถึงรอยยิ้มของพ่อที่เคยยิ้มให้ คิดถึงอ้อมกอดที่เคยได้รับ คิดถึงคำสอนที่พ่อเคยบอกเอาไว้ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นท่าน“...”“หนูกลัว~ ฮึก!” ตั้งแต่สูญเสียพ่อไปฝันดีก็กลายเป็นคนขี้กลัวโดยไปเลย ไม่ใช้กลัวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เธอกลัวการสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง เธอคงทำใจไม่ได้หากแม่ต้องจากไปอีกคน ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตชีวิตจะเป็นยังไง วันนี้อาจนั่งคุยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ทุกคนมองว่าเธอเป็นผู้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“แกนะแก ถ้าเป็นแบบนี้อีกฉันจะทุบให้หลังหักเลยคอยดู” ใยไหมบ่นให้เพื่อนตัวดีที่หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว เธอก็เป็นห่วงแทบตายกลัวคนจะหลอกเพื่อนไปฆ่า ฝันดีเพิ่งติดต่อเธอกลับวันที่ไปเที่ยวทะเล แล้วนี่ก็เป็นวันแรกที่หญิงสาวกลับมาทำงานตามปกติ เลยต้องมานั่งฟังเพื่อนใยไหมบ่นอยู่แบบนี้กลางศูนย์อาหารในบริษัท“ขอโทษ”“ต่อไปนี้จะไม่พาไปเที่ยวอีกแล้วถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันก็เป็นห่วงแทบตาย” ถ้าแม่ฝันดีไม่บอกก่อนว่าเจอเพื่อนแล้วเธอจะไปแจ้งความจริง ๆ“ฉันก็กลับมาแล้วไง ไม่เป็นอะไรด้วยเห็นไหม”“ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก”“อย่าบ่นเยอะสิตีนกาขึ้นเลยเห็นไหมน่ะ” ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ทั้งสองไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอกแต่ลงมานั่งทานที่ศูนย์อาหาร วันนี้รู้สึกว่าคนเยอะแปลก ๆ ทั้งที่ปกติคนชอบออกไปข้างนอกกันมากกว่าเพราะอาหารที่บริษัทรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ คนเลยไม่นิยมมาทานกัน แต่วันนี้เหมือนว่าทุกคนจะอยู่กันเยอะกว่าทุกวันซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเงียบแล้วหันมองไปยังเสียงเอะอะโวยวายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เขามุงดูอะไรกัน” ใยไหมหรี่ตามองกลุ่มสาว ๆ ที่ยืนชะเง้อเหมือนกำล
เขากระชากคนตัวเล็กเข้าหาอย่างแรง ไมเนอร์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่เธอปากเก่งกล้าพยศใส่เขา ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนไม่มีใครกล้าเดินหนี ถือว่าเธอกล้ามากที่ทำมัน แบบนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ ทั้งที่ได้เขาเป็นผัวแต่เธอยังกล้าทำตัวกระหายผู้ชายไม่เลิก“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน”“ทำไม หรือฉันทำให้ไม่ถึงใจถึงได้วิ่งตามผู้ชายมาถึงที่นี่”“ทุเรศ” เธอพ่นคำด่าหยาบคายใส่หน้าเข้าเต็ม ๆ“ว่าไงนะ?”“คุณมันทุเรศที่สุด”“จะด่าอะไรก็ระวังปากหน่อย อีกอย่างเรื่องเมื่อคืนฉันก็ไม่ได้เป็นคนร้องขอนะอย่าลืม” เธออนุญาตให้เขาทำเอง เขาไม่ผิดสักหน่อย ไหน ๆ ก็เคยได้แล้วถ้าได้อีกครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งว่าไหม?“ฉันไม่น่าพลาดให้คุณเลย”“อันนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้” เขาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ เธอเสนอเขาก็แค่สนอง วิน ๆ กันทั้งคู่“ปล่อย” ฝันดีพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกคน“ไหน ๆ ก็เจอแล้วฉันว่าเรา..”“ไปตายซะ”“เหอะ!” ไมเนอร์ดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด เธอกำลังทำให้เขาหมดความอดทน ไปตายงั้นเหรอ..“ปล่อย”“....”“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”“เพ้อเจ้ออะไรอยู่”“จะไม่ปล่อยใช่ไหม”“เธอเป็นใครทำไมฉันต้องเชื่อฟัง” ไมเนอร์ลอยห
ขวับ! ทั้งไมเนอร์และฝันดีหันขวับไปมองยังที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงของใครบางคนเดินยิ้มมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นคนที่เธอนั้นรู้จักเป็นอย่างดี ส่วนไมเนอร์นั้น...มันเป็นใคร?“คุณแผ่นดิน?” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนมาใหม่ด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจออีกคนที่นี่ แม้จะอดสงสัยไม่ได้แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“มาคุณอะไรกัน” แผ่นดินดีดนิ้วลงที่หน้าผากมนเบา ๆ อย่างไม่แรงนัก บอกหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่เคยจำว่าอยู่ข้างนอกให้เรียกเขายังไง“แหะ~ พี่แผ่นดิน” แผ่นดินเคยบอกกับเธอไว้ตั้งเจอกันช่วงแรก ๆ เขาขอให้เธอเรียกพี่แทนเรียกคุณ ฝันดีได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธทันที แผ่นดินคือเพื่อนสนิทของฟินิกซ์ คนที่เป็นถึงประธานบริษัทเจ้านายเธอเลยนะ จะให้มาเรียกเหมือนคนสนิทกันมันคงจะเป็นไปไม่ได้ แผ่นดินเห็นหญิงสาวมีท่าทีลำบากใจจึงยื่นข้อเสนอใหม่ให้นั่นก็คือ.. เวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกเขาพี่ตามที่บอกไปตอนแรก ส่วนคุณให้เรียกเฉพาะตอนที่อยู่ในที่ทำงานเท่านั้น ฝันดีคิดจะค้านแต่สุดท้ายก็ต้องรับปากในที่สุดเมื่อเขาใช้ไม้เด็ด“แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ” เขามองดูเธอก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับรอยแดงบริเวณลำคอหญิงสาว แม้มัน
วันต่อมา “นี่ค่ารถค่ะ” ฉันยื่นค่าโดยสารให้ลุงคนขับ “ไม่เป็นไรยัยหนู ลุงไม่คิดเงิน” ได้ไงอะ จุดที่ฉันลงรถมาถึงที่พักไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันพยายามยัดเงินใส่มือคุณลุงทว่าลุงแกก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ” ค่าน้ำมันค่าเสียเวลาอีก แบบนี้ฉันไม่โอเคหรอกนะถ้าจะให้ฉันนั่งมาฟรี ๆ รู้แหละว่าคุณลุงคงไม่คิดอะไรมากแต่ฉันไม่ไง มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "ลุงเห็นว่าเราเป็นลูกกตัญญูพาแม่มาเที่ยว เอาไปเถอะบ้านลุงอยู่แถวนี้พอดี" "แต่คุณลุงคะ.." ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ล่ะ "ลุงไปละ เที่ยวให้สนุกนะยัยหนู" ว่าจบลุงสามล้อก็ขับรถออกไปทันที ฉันกับแม่มองตามรถลุงไปจนสุดสายตาก่อนจะหันสบตากันนิ่ง "คุณลุงใจดีมากเลย" ฉันพูดขึ้นพลางเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม "นั่นสิ" "เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ" ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บไปหมด แล้วโรมแรมนี้ว่างพอดีฉันเลยทำการจองทันที ฉันเข้าไปติดต่อพนักงานเพื่อเข้าพัก หลังจากชำระค่าอะไรเรียบร้อยก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ "ปะ" รับกระเป๋ามาถือพร้อมกับเดินไปขึ้นลิฟต์ โรมแรมที่ฉันมาพักมันก็ไม่ได้แย่นะทุกคนถือว่าดีเลยแหละ ทั้งวิวทั้งราคาทุกอย่างโอเคหมดเลย ระหว่างที







