Chapter 6
[6/1] หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตาม ร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเอง เธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้ว พอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ “หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ” ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว “อ่ะนี่! เรื่องเสื้อเจ้ไม่ติดใจหรอกนะ แต่ต้องขอบคุณและขอโทษหนูด้วยจริงๆ ที่ลากมาทำงานแทนคนก่อนแบบกะทันหัน” ผักหวานยื่นซองสีขาวใบหนึ่งมาให้ญาริน “หื้ม? ซองอะไรคะเจ้” หญิงสาวรับซองนั้นมา และเปิดดูด้านในทันที จนกระทั่งเห็นเงินจำนวนมากอยู่ในนั้น “0_0 เจ้เอาเงินให้หนูหรอคะ!?” “นี่เป็นค่าตัวของหนูจ้ะ เจ้ขอบคุณมากเลยนะ... เนี่ย! แขกผู้ใหญ่น่ะชมว่าหนูสวยไม่หยุดปากเลยนะเจ้จะบอก หุ๊ๆ” “ตั้งเป็นหมื่นเลยหรอคะ? เอ่อ คือจริงๆ หนูก็แค่อยากจะช่วยเจ้นะคะ เรื่องเงินนี่.....” ญารินนับเงินนมือพร้อมกับตาลุกวาวขึ้นมา ทำไมมันถึงได้มากขนาดนี้ “หื้อ? หรือหนูจะไม่เอา?” “เอาค่า! ตั้งหลักหมื่นแหนะ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณนะคะเจ้ ถือว่าวันนี้ยังพอมีเรื่องดีๆ บ้าง” เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ โดยเฉพาะคนที่จำเป็นต้องใช้มันอย่างเธอ “ฮ่าๆๆๆ นึกว่าจะไม่เอาซะแล้ว เจ้จะได้เก็บคืน... งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วเจ้ขอตัวกลับก่อนเลยนะ หนูกลับเองได้ใช่ไหม? โทษทีนะวันนี้เจ้คงเสียมารยาทไม่ไปส่ง เพราะว่าเจ้ต้องขอตัวไปนวดก่อนเมื่อยตัวไปหมดเลย เด็กๆ ที่อ่างคงจะรอเจ้แล้วล่ะ” “ค่ะเจ้ กลับดีๆ นะคะ” หลังจากที่เจ้ผักหวานเดินออกไปแล้วสักพัก ร่างเพรียวบางก็สะพายกระเป๋าออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับเงินค่าจ้างที่ได้มา ร่างเพรียวบางเดินไปตามถนนที่เฉอะแฉะหลังจากฝนตกไปเมื่อตอนแข่งรถ ญารินมองหาประตูทางออกจากสนามแข่งรถทว่าก็ค่อนข้างที่จะไกลอยู่ พอเห็นเป้าหมายแล้วขาเรียวยาวก็มุ่งหน้าไปทางนั้นทันที ปิ๊งง!!! แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูทางออกก็มีเสียงรถยนต์สปอร์ตคันหรูของใครบางคนขับบีบแตรไล่มาหาเธอ จนต้องหันหน้าไปดูว่าคนในรถคือใคร เอี๊ยดด ปึก! “อ้าว! คุณญาริน ยังไม่กลับอีกหรอครับ?” “คุณ? อ่อคือฉันกำลังจะกลับน่ะค่ะ” เจ้าของรถสปอร์ตสีดำ ที่ลงจากรถมาทักทายเธอก็คืออัครเดช เพื่อนของณัฐกานต์นั่นเอง “ถ้าไม่รังเกียจ... ให้ผมขับไปส่งคุณได้ไหมครับ?” “เอ่อ... คือ จะดีหรอคะ รินเกรงใจ” เธอกำลังคิดว่าจะเอาอย่างไรดีตอนนี้ก็หกโมงเย็นได้แล้ว อีกอย่างฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ แถมที่นี่ก็อยู่ตั้งไกลมากเพราะเป็นแถวชานเมือง หากจะนั่งรถโดยสารค่ายสีเขียวกลับก็คงจะหมดไปหลายตังค์อยู่ “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เพอิญว่าผมชอบขับรถเล่นอยู่แล้ว” “งั้นรินรบกวนด้วยนะคะ” ด้วยความที่เธอเองก็ประหยัดเป็นทุนเดินอยู่แล้ว คงจะไม่เสียหายอะไรหรอกถ้าจะขอติดรถกลับกับเขาคนนี้ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแล้วญารินรู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะเอเองก็ไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรดี อีกทั้งยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหนำซ้ำก็เพิ่งจะเจอกันวันนี้วันแรกอีกด้วย “วันนี้คุณญารินสวยมากเลยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “โทษนะครับ คือผมงงมากว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงได้ไปอยู่ที่นั่นล่ะครับ?” ไม่ใช่เพียงอัครเดชที่งง เพื่อนเขาอีกคนก็งงหนักเหมือนกันว่าเลขาฯ ของตัวเองมารับงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “พอดีมีเหตุสุดวิสัยค่ะ รินเลยต้องได้ไปทำอะไรแบบนั้น” ญารินบอกพลางเอนตัวลงเล็กน้อย พร้อมหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นมากอดเพราะความหนาว “หนาวหรอครับ?” อัครเดชเห็นท่าทางตัวสั่นของร่างเพรียวบางก็พอจะทราบ อากาศแปรปรวนทั้งวันช่วงเช้าแดดแรงจ้าพอบ่ายมาก็ฝนตก แถมตอนนั้นเขายังเห็นญารินยืนถือป้ายในสนามท่ามกลางสายฝนอีก หมับ! “อู๊ย!!” ใบหน้าสวยสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆ คนที่ขับรถอยู่ก็เอื้อมมือขึ้นมาแตะหน้าผากของเธอ “โอ้โห ตัวเริ่มร้อนแล้วนะครับ ผมว่าคุณไม่สบายแน่เลย” “เริ่มมีปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” ญารินบอกอาการอีกคนไป “งั้นเราแวะร้านขายยากันก่อนดีไหมครับ คุณจะได้มียาเอาไว้ทาน” อัครเดชเสนอความคิดเห็นออกมา ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังพรุ่งนอนคนข้างๆ ต้องนอนซมไข้แน่ๆ “ฮัดชิ่ววว!! เอ่อ... อย่าดีกว่าค่ะรินเกรงใจ แค่คุณมาส่งรินก็ขอบคุณมากๆ แล้ว” เพียงแค่เขาใจดีมาส่งเธอก็ขอบคุณมากแล้ว อย่าให้ต้องเป็นบุญคุณกันมากกว่านี้เลยหญิงสาวคิดแบบนั้น “แต่ผมคงไม่สบายใจนะครับ ถ้าคนที่ผมมาส่งเกิดไม่สบายขึ้นมา” “ก็ได้ค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตจากญารินแล้ว รถสปอร์ตหรูคันงามราคาหลายล้านก็หาป้ายร้านยาข้างทางสักร้าน ก่อนจะแวะจอดและลงอาสาลงไปซื้อให้เธอเอง “อ่ะนี่ครับยาของคุณ ไหวไหมครับ?” หลังจากที่ไปซื้อมาแล้ว ชายหนุ่มก็เข้ามานั่งประจำตำแหน่งเดิมพร้อมกับยื่นถุงยาให้คนข้างๆ ไป “ไหวคะ ตอนนี้แค่เริ่มแสบจมูก ขอบคุณนะคะ งั้นเรารีบกลับกันเถอะค่ะ จะดึกซะก่อน” “คุณกลับบ้านดึกไม่ได้หรอครับ? แฟนคุณจะว่ารึเปล่า” อัครเดชตั้งคำถามหยั่งเชิงหญิงสาว อยากรู้ว่าเธอมีแฟนแล้วหรือยัง เพราะบอกตามตรงว่าเขาก็กำลังสนใจเธออยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าวันนี้จะโดนเพื่อนเขาเมินเฉยไม่ยอมติดต่อเธอให้ก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังมีโชคอยู่บ้างที่ตอนขากลับออกจากงานเขาเจอตัวเธอ “รินยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ” “ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคนสวยๆ แบบคุณจะไม่มีแฟน” อัครเดชพูดไปอมยิ้มไป เหมือนพอใจในคำตอบอยู่พอสมควร “เคยมีตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่นู่นแหละค่ะ” “หรอครับ เอ้อ! เราแวะกินข้าวกันก่อนได้ไหมครับ คุณจะได้กินยาด้วย ....ห้ามปฏิเสธผมนะครับ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่ผมมาส่งคุณ” ทีแรกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เพื่อนของเขาโทรนัดหญิงสาวมาทานข้าวด้วยกัน แต่ดันล่มเสียก่อนเมื่อณัฐกานต์ไม่ยอมทำตามที่เขาขอ แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับเธอแล้วคงไม่ต้องเพิ่งเพื่อนสนิทอีกต่อไป “ก็ได้ค่ะ แต่ขออย่าดึกมากนะคะ คือรินกลัวพี่สาวเป็นห่วงน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงพลางมองดู Smart watch ที่ข้อมือของตัวเองที่ตอนนี้ก็ปาเข้าทุ่มกว่าๆ แล้ว “คุณญารินนี่เป็นเด็กติดบ้านรึเปล่าครับนี่ ฮ่าๆๆ” เขาพาผู้หญิงมากินข้าวก็บ่อย แต่ไม่เคยมีคนไหนที่เร่งรัดอยากจะกลับบ้านเหมือนเธอมาก่อนเลย มีแต่จะขออยู่ค้างกับเขาต่อเสียด้วยซ้ำ “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ที่บ้านที่มีหลานที่เพิ่งคลอด เกรงว่าถ้ากลับดึกมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก” “อ๋ออย่างนี้เอง ข้างหน้ามีร้านอาหารประจำของผมกับไอ้ณัฐอยู่เจ้าหนึ่งครับ ผมว่าคุณน่าจะชอบ” “ค่ะ” ญารินแอบคิดในใจว่าณัฐกานต์กับเพื่อนคนนี้ของเขานั้นคบกันมาได้นานขนาดไหนแล้ว เท่าที่เธอสัมผัสดูในวันนี้ อัครเดชเป็นคนที่ค่อนข้างสุขภาพมากกว่าเจ้านายของเธอ ดูใจเย็น อารมณ์ดียิ้มแย้มเก่ง ไม่เหมือนเขาเลยสักนิด นี่เขาเป็นเพื่อนกันจริงหรือเธอสงสัย ไม่นานทั้งสองก็แวะเข้ามาที่ร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้แถวบ้านของญารินอีกด้วย เธอจึงหมดกังวลไปหนึ่งอย่างแล้ว ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินลงจากรถเธอก็ไม่ลืมหยิบยาลงมาด้วย เผื่อทานข้าวเสร็จแล้วจะได้กินเลย ภายในห้องอาหารแห่งนี้ญารินไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่เลย อาหารแพงๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก อย่างเธอข้างทางง่ายๆ สะดวกกว่าเยอะ แต่เอาเถอะอย่างไรเสียวันนี้เธอเองก็ได้ค่าจ้างมาไม่ใช่น้อย เธอคิดว่าก็คงพอจะจ่ายได้อยู่ “อ้าว! ไอ้ณัฐหนิครับ?” ระหว่างเดินไปยังโต๊ะนั่งตามพนักงานบริการไป สายตาคมของอัครเดชก็เหลือบไปเจอเพื่อนสนิทของเขากับพาร์ทเนอร์สาวอย่างเจนจิรา ก็ “คะ?” ญารินเองก็หันไปมองตามสายตาของอัครเดชด้วย “เราไปทักมันสักหน่อยไหมครับ หึหึ” พอทราบว่าทั้งสองมีนัดมื้อเย็นกัน แต่ไม่คิดว่าจะเจอกันที่ร้านนี้ “อย่าดีกว่าค่ะ ปล่อยให้เค้าทานกันไปเถอะ”Chapter 32[32/2]@มิลาน, ประเทศอิตาลี่วันนี้ญารินมีนัดคุยงานถ่ายแบบงานชิ้นสำคัญในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากการเดินแบบแล้วเธอก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้ขึ้นปกหนังสือนิตยสารเลยสักครั้ง ต้องขอบคุณโรสมากๆ ที่ทำให้ความฝันของญารินได้กลายเป็นจริงสักทีก่อนหน้านี้โรสได้รับการติดต่อให้จัดหานางแบบในสังกัดให้มาถ่ายนิตยสารจากแบรนด์เสื้อแบรนด์หนึ่งที่เป็นฝีมือของคนไทยเองโดยที่เจ้าของแบรนด์ให้โจทย์กับโรสมาว่าจะต้องเป็นหญิงหน้าไทย แต่ยังมีโครงหน้าที่ดูทันสมัยด้วย เนื่องจากแบรนด์นี้ใช้ผ้าไทยหลายชนิดมาตัดทำเป็นชุด แต่ยังเพิ่มดีไซน์ผสมผสานให้ทันสมัยตามแบบของผู้หญิงยุคใหม่ซึ่งจากโจทย์ที่ให้มาโรสไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้เลย นอกจากญารินนางแบบหน้าไทยสวยเก๋เซ็กซี่คนนี้ เธอคือตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ เหมาะสมกับแบรนด์ VANIDEE ที่สุดแล้วภายในร้านอาหารสัญชาติอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์ Museo del Novecento ทำให้เราสามารถมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นทิวทัศน์อันงดงามได้อย่างประทับใจของ Piazza del Duomo หรือที่เรียกกันว่าจัตุรัสหลวง“วิวสวยจังเลยนะคะพี่โรส” ญารินนั่งมองวิวด้านนอกจากในร้านอาหารแห่งนี้ด้วยความร
Chapter 32[32/1]“คุณหนูคะ คุณยุวดีกลับมาแล้วค่ะ ท่านเรียกให้ไปพบค่ะ” ขณะที่พี่น้องสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ก็มีหญิงแม่บ้านชาวอิตาเลี่ยนวัยกลางคนเดินมาเรียกณัฐกานต์ก่อน“แม่? ครับๆ เดี๋ยวผมไป”“ท่านรออยู่ที่ห้องรับแขกนะคะ”“ขอบคุณครับ” ณัฐกานต์หันไปบอกแม่บ้าน เธอรับคำพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นอีกครั้งเขายังอยากนั่งคุยกับผู้เป็นพี่ชายต่ออีกสักพัก ถ้านอกจากออสโม่กับแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งตระกูลนี้ก็คงมีพี่ชายคนนี้นี่แหละที่เขาพอจะพูดคุยด้วยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ“ไปหาแม่เถอะ ฉันขอนั่งอยู่แบบนี้สักพักก่อน” ภัทรกาฬบอกน้องชายแบบนี้เพราะกลัวว่ายุวดีจะรอนานเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวภัทรกาฬเองก็รับรู้ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนแบบณัฐกานต์ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาก็ยังรักลูกเสมอ เพียงแต่พวกท่านไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบเหมือนที่ครอบครัวอื่นเขาปฏิบัติกัน หวังว่าสักวันน้องชายของเขาจะมองพวกท่านทั้งสองในอีกมุมที่เขาได้มองบ้าง“อย่าคิดมากนะเฮีย” ณัฐกานต์รับคำจากพี่ชาย พลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป แต่ก่อนจะไปเขา
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 31[31/1]@โรม, ประเทศอิตาลี่ณัฐกานต์เดินทางมาถึงที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเศรษฐีไร่องุ่นคนเก่าแก่ในย่านกรุงโรม ด้านหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นและโรงหมักไวน์ขนาดใหญ่ และทั้งหมดนี้กินเนื้อที่ไปหลายร้อยไร่โดยประมาณ ซึ่งทรัพย์สินทุกอย่างในที่แห่งนี้เป็นของออสโม่ปู่ของเขาเองชายหนุ่มนั่งรถจากสนามบินมาถึงที่นี่ใช้เวลาไม่นานมาก ตอนแรกคิดว่าจะบินตรงไปมิลานเลย ทว่าพอลองมาคิดใหม่เขาอยากจะแวะมาที่นี่ก่อน เพื่อมาเยี่ยมปู่และพี่ชายของตัวเอง เพราะไม่ได้เจอทั้งสองคนนานมากแล้วพอทำธุระที่นี่แล้วเสร็จก็จะรีบไปมิลานเลยทันที เพราะนอกจะไปหาญารินแล้วเขาก็คิดว่าจะไปดูความเป็นอยู่ของยุวดีสักหน่อย ได้ข่าวว่าช่วงนี้ธุรกิจของผู้เป็นแม่กำลังเติบโตไปได้สวยเลยรถ SUV สุดหรูอย่าง Rolls-Royce Black Badge รุ่นปี 2022 ราคาในไทยโดยประมาณอยู่ที่ 41 ล้าน แต่ราคาที่อิตาลี่ไม่รู้ว่าขึ้นไปเท่าไหร่บ้างแล้วตอนนี้คนขับรถของคฤหาสน์ออกมารับณัฐกานต์ที่สนามบิน ตอนนี้กำลังขับเคลื่อนและชะลอความเร็วลงเพื่อเลี้ยงเข้าสู่คฤหาสน์กาเซียโน่ของเศรษฐีคนดังในย่านนี้ ก่อนจะลงจากรถแล้วเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่ตอนนี้รอต้อนร
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 30[30/1]ก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปในวันพรุ่งนี้ คนที่บอกว่าจะเคลียร์งานของตัวเองให้เสร็จทันก่อนจะขึ้นเครื่อง ทว่าตอนนี้ยังมะงุมมะงาหราอยู่กับกองเอกสารที่ต้องเซ็นจนป่านนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่าแล้ว ท่านรองประธานบริษัทหนุ่มหล่อไฟแรงก็ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนเลยLine~Dar.runnn : กลับเพ้นท์เฮ้าส์ยังคะ? น้องดาอยากไปหาDar.runnn : วันนี้คุณย่าบ่นๆ คิดถึงพี่ณัฐด้วยนะ ถ้าว่างๆ ก็อยากให้พี่แวะมาคุณย่าบ้างDar.runnn : พรุ่งนี้เลยดีไหมคะ วันหยุดด้วยน่าจะเหมาะเลย น้องดาจะได้ทำกับข้าวไว้เผื่อเสียงโทรศัพท์ข้างๆ ตัวณัฐกานต์ดังขึ้น สายตาคมเหลือบไปมองการแจ้งเตือนบนหน้าจอ ถึงได้รู้ว่าเป็นใครที่ส่งมาวันนี้ทั้งวันดารันยังไม่ได้มาหาเขาเลย ซึ่งถ้าปกติแล้วเธอจะมาที่นี่แทบทุกวัน โดยมาพร้อมกับของกินตลอดและในแต่ละครั้งที่มาหาณัฐกานต์ก็ไม่เคยห้ามเลยสักครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ญารินยังอยู่รวมถึงตอนที่เธอไม่อยู่ที่นี่แล้วร่างสูงไม่ได้หยิบสมาร์ตโฟนสีเซียร่าบลูของตัวเองขึ้นมาตอบแต่อย่างใด ก่อนจะหันหน้ากลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ เพราะเขาต้องรีบทำเวลาให้ทันก่อนขึ้นเครื่องในวันพรุ่งนี้@มิลาน, ประเทศอิตาลี่ญารินได้