ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดข้างแก้มสาวและเคลื่อนมาที่ซอกคอเรื่อยจนเกือบถึงเนินอกทำให้ลักษณ์นันท์รู้สึกตัว กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้สาวน้อยยิ้มออกเมื่อรู้ว่าเขากลับมาถึงแล้ว
“คุณเพชร” หญิงสาวดันตัวเขาออกห่างแล้วขยับลุกขึ้นมานั่ง
“หลับสบายเลยนะ” พชรยิ้มอย่างเอ็นดู เขากลับมาได้สักพักเห็นเธอหลับสบายจึงไม่อยากปลุก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงกลับมาหาอีกครั้ง
“คุณเพชรไปพบคุณหญิงมาหรือยังคะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง” สาวน้อยขยับลุกขึ้นมองนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเท่านั้น
“โทร.คุยกันแล้ว ฉันเพิ่งแยกจากลูกค้าเมื่อตอนสามทุ่มจะกลับไปหาแม่ก็เกรงว่าจะดึกไป” ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนแผ่กลางเตียง วันนี้เขาคุยกับลูกค้าทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อย ได้กลับมาบ้านเห็นหน้าหวานๆ ของลักษณ์นันท์แล้วค่อยยังชั่ว
“กินอะไรมาหรือยังคะ ลักษณ์ไปหาอะไรมาให้กินไหม” ลักษณ์นันท์เห็นเขานอนแผ่กลางเตียงด้วยท่าทางหมดแรงแล้วสงสาร
หลายปีที่ใกล้ชิดรู้ดีว่าพชรทำงานหนักแค่ไหน ดังนั้นอะไรที่เธอช่วยได้หรือทำให้เขาหายเหนื่อยได้ก็ยินดีจะทำ มากน้อยสุดแท้แล้วแต่โอกาสจะอำนวย
“กินข้าวกับลูกค้ามาแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย ตอนนี้เมื่อยมากกว่าต้องยิ้มทั้งวัน”
“เมื่อยตรงไหนคะ ลักษณ์นวดให้เอาไหม”
ลักษณ์นันท์อาสาขยับตัวมานั่งใกล้ๆ แล้วค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาๆ ที่ขมับทั้งสองข้าง ไล่ลงมาที่หัวคิ้วอย่างเบามือ นวดคลึงเบาๆ ไปมาเรื่อยจนถึงขอบตาและสันจมูก ท่าทางของชายหนุ่มผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อยบ่าไหมคะ”
สาวน้อยถามอย่างเอาใจแล้วค่อยๆ กดปลายนิ้วลงที่บนบ่า น้ำหนักที่กดมากำลังพอดีทำให้รู้สึกสบาย ลักษณ์นันท์ทำด้วยความตั้งใจอยากให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
พชรคงจะเหนื่อยจริงๆ เพราะเพียงไม่นานก็หลับไป ลักษณ์นันท์ค่อยๆ ขยับตัวเขาให้นอนสบายขึ้น แต่เมื่อถูกตัวเขากลับลืมตาแล้วส่งยิ้มที่ทำให้เธอหัวใจสั่นให้
“นอนเถอะค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” หญิงสาวเอนตัวลงนอนข้างๆ
พชรยิ้มตอบแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นกายสาวทำให้เขาตาสว่าง เนื้อนิ่มในอ้อมกอดทำให้อยากสัมผัส วันนี้ทั้งวันอยู่กับคนอื่นจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ได้กลับมาอยู่กับใครคนหนึ่งที่เป็นตัวเองที่สุด ความเมื่อยล้าที่มีก็หายไปจนหมดสิ้น
“คุณเพชร”
ลักษณ์นันท์ครางเสียงสั่น เมื่อฝ่ามือร้อนสัมผัสมาที่สะโพกสาว แล้วลูบไล้ไปมาอย่างรู้จังหวะ
พชรขยับตัวให้อีกฝ่ายนอนได้สบายขึ้น แล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องสิ่งไม่จำเป็นออกจากเรือนร่างงาม ก่อนจะจุดไฟเสน่หาที่ไม่เคยดับของทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง เสียงครางหวานหูอันเกิดจากแรงเย้ายวนของฝ่ามือและริมฝีปาก
แรงสนองกลับของคนใต้ร่างที่ทำให้เขามีแรงทะยานสู่ขอบฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อ ความหวานหอมจากรสเสน่หาที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันและกันอย่างลงตัว
แค่นี้พชรก็ลืมคำสั่งของคุณหญิงมุกดาไปจนหมดสิ้น เขาไม่จำเป็นต้องมีใครเชิดหน้าชูตาในสังคม แค่มีผู้หญิงที่ชื่อลักษณ์นันท์คนนี้ก็พอแล้ว
เสียงพระสงฆ์กล่าวคำกรวดน้ำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเสนาะหู ลักษณ์นันท์เทน้ำใส่ถ้วยรองจนหมดแล้วหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน ส่งความรักความปรารถนาดีและความคิดถึงที่ประมาณค่าไม่ได้แด่บุคคลที่ล่วงลับไปอย่างตั้งใจ
พชรอาสาเอาน้ำในถ้วยไปเทรดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่นอกศาลา แล้วกลับมานั่งพับเพียบข้างหญิงสาว เพื่อรับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากทำสังฆทานเนื่องในโอกาสครบรอบวันจากไปของบิดาบังเกิดเกล้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เดินมาที่กำแพงโบสถ์อันเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ล่วงลับ
“พ่อคะ ลักษณ์มาหา ลักษณ์คิดถึงพ่อนะคะ” ปลายเสียงหญิงสาวสั่นเครือเล็กน้อย พชรเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาคุกเข่าลงนั่งข้างๆ แล้วยกมือขึ้นโอบไหล่เบาๆ
“อย่าเศร้าซิ ลักษณ์มาเยี่ยมพ่อนะ” พชรสิ่งยิ้มให้กำลังใจ
ลักษณ์นันท์พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเขา เธอปาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นให้แห้งแล้วหันมายิ้มให้รูปภาพของบิดาที่จากไป ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวในชีวิตที่เกิดขึ้นให้ฟังราวกับความคนที่อยู่ในรูปปรากฏกายอยู่ตรงหน้า
พชรให้เวลาลักษณ์นันท์อยู่กับบิดาบังเกิดเกล้าจนกว่าจะพอใจ เมื่อลักษณ์นันท์ได้ระบายความคิดถึงที่มีอยู่เต็มหัวใจออกมาบ้างแล้ว เธอจึงหันมาใส่ใจคนที่อยู่ข้างๆ และนึกได้ว่าเขามีธุระสำคัญกับลูกค้าในอีกครึ่งชั่วโมง
“ลักษณ์ทำให้คุณเพชรช้าหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามระหว่างที่เดินกลับมาที่รถ
“ไม่เลย ไปช้านิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย
ขอบคุณที่ติดตามค่า
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้